สิ้น 'มะแซ อูเซ็ง' ปิดทฤษฎีบันได7ขั้น รัฐเร่ง'บีบ-กดดัน'โจรใต้
http://www.dailynews.co.th/article/399486
ขบวนการบีอาร์เอ็นโคออดิเนต สูญเสียนักทฤษฎีคนสำคัญที่เสียชีวิตด้วยอาการวัณโรคเรื้อรัง นั่นคือ มะแซ อุเซ็ง หรือ มะแซ อูเซ็ง หรือ อุสตาส มะแซ อดีตครูสอนศาสนาโรงเรียนในจ.นราธิวาส
สิ้น'มะแซ อูเซ็ง'ปิดทฤษฎีบันได7ขั้น รัฐเร่ง'บีบ-กดดัน'โจรใต้ไร้ช่องก่อกวน
สถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนใต้ ยังเกิดขึ้น เพราะมีความพยายามในการก่อเหตุร้ายรายวันจากฝีมือของแนวร่วมหรือสมาชิกขบวนการแบ่งแยกดินแดน ที่มีบีอาร์เอ็นเป็นแกนนำเพื่อที่จะรักษาสถิติของการเกิดเหตุร้ายให้ได้โดยเฉลี่ยวันละ 1-2 เหตุการณ์
การก่อเหตุรายวันเพื่อเป็นการหล่อเลี้ยงกระแสของการก่อการร้ายให้สังคมโลกเห็นถึงความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และเพื่อหล่อเลี้ยงขบวนการแบ่งแยกดินแดนกลุ่มต่าง ๆ ที่ตั้งฐานที่มั่นในประเทศที่ 3 ด้วยการรับเงินสนับสนุนจากประเทศในโลกมุสลิมเพื่อใช้ในการต่อสู้เพื่อสร้างความเป็นธรรมให้กับชาวมุสลิมที่ขบวนการแบ่งแยกดินแดนเหล่านี้อ้างว่า ถูกกดขี่จนต้องทำการต่อสู้เพื่อแบ่งแยกดินแดนนั่นเอง
ในขณะเดียวกัน ขบวนการบีอาร์เอ็นโคออดิเนต ก็มีความสูญเสียนักทฤษฎีคนสำคัญที่เสียชีวิตด้วยอาการวัณโรคเรื้อรัง นั่นคือ มะแซ อุเซ็ง หรือ มะแซ อูเซ็ง หรือ อุสตาส มะแซ อดีตครูสอนศาสนาโรงเรียนสัมพันธ์วิทยามูลนิธิ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส
สำหรับ มะแซ อูเซ็ง เป็นแกนนำฝ่ายเยาวชน ที่มีความสำคัญเป็นอันดับ 2 ของสภาองค์กรนำ ขบวนการบีอาร์เอ็น เป็นเจ้าของทฤษฎี “บันได 7 ขั้น” หรือแผนปฏิวัติ 7 ขั้นตอน ที่บีอาร์เอ็นใช้ในการก่อการร้าย นับแต่ปี 2547 เป็นต้นมา จนถึงปัจจุบัน
แผนบันได 7 ขั้นของ มะแซ อูเซ็ง ที่เขียนด้วยลายมือของตนเอง และเจ้าหน้าที่ ทหาร-ตำรวจยึดได้จากบ้านพักของมะแซ มีรายละเอียดดังต่อไปนี้ 1. การสร้างจิตสำนึกมวลชน ด้วยการปลุกระดมให้คนมุสลิมเกลียดชังรัฐไทยและคนไทย 2. การจัดตั้งมวลชน 3. การจัดตั้งองค์กร เพื่อต่อสู้กับรัฐไทย 4. การจัดตั้งกองกำลัง 5. สร้าง และ ขยายอุดมการณ์ชาตินิยม 6.เตรียมพร้อมเพื่อจุดดอกไม้ไฟแห่งการปฏิวัติ 7. การก่อการปฏิวัติ ด้วยการก่อความไม่สงบให้เกิดขึ้น
แผนบันได 7 ขั้น ที่มาจากสมองของนักทฤษฎีที่จบการศึกษาภาคบังคับ ป.4 และจบศาสนาชั้น 10 ผู้นี้ บีอาร์เอ็น นำมาใช้อย่างได้ผล โดยมีการใช้บันไดขั้นที่ 1 ในการบ่มเพาะเยาวชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ผ่านทางโรงเรียนสอนศาสนาบางส่วน ก่อนปี 2536 จนสามารถสร้างกำลังพล หรือแนวร่วมได้จำนวนหนึ่ง
และทำการทดลองในการปฏิบัติการ ตั้งแต่การเผาโรงเรียน 36 แห่งพร้อมกันในคืนเดียวกัน เมื่อปี 2536 ตามด้วยการแย่งชิงอาวุธปืนจากเจ้าหน้าที่รัฐเรื่อยมาจนถึงวันที่ปล้นปืนจากกองพันพัฒนาที่ 4 (ค่ายปิเหล็ง) อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส ...นั่นคือการเริ่มปฏิบัติการตามแผนบันไดขั้นที่ 1 ที่บีอาร์เอ็นประกาศกับแนวร่วม ว่าจะใช้เวลา 1,000 วัน ในการปฏิวัติเพื่อก่อตั้งรัฐปาตานี
แต่สุดท้ายแล้วทฤษฎีบันได 7 ขั้นของ มะแซ อูเซ็ง ก็ไม่ประสบความสำเร็จตามที่ต้องการ เพราะบันไดขั้นที่ 7 ทำได้เพียงการก่อความไม่สงบ หรือก่อการร้ายให้เกิดขึ้น แต่ไม่สามารถที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงไปสู่การทำให้พื้นที่ 3 จังหวัด 4 อำเภอ เป็นรัฐปาตานีได้
เมื่อถามว่าการตายของ มะแซ อูเซ็ง มีผลดี ผลเสียอย่างไร ต่อขบวนการบีอาร์เอ็น และต่อสถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตอบแบบคนรู้น้อย ที่ไม่ใช่นักการทหาร และนักสันติวิธีว่า การเสียชีวิตของ มะแซ อูเซ็ง ไม่มีผลกระทบอย่างใด เนื่องจากก่อนนี้เขาได้ล้มป่วยมานาน
และบีอาร์เอ็น ได้แต่งตั้ง อับดุลอาซิส สาและ 1 ใน 9 อุสตาสคนสำคัญ จาก สำนักคิดของ สะปอิง บาซอ เลขาธิการบีอาร์เอ็น ทำหน้าที่ประธานฝ่ายเยาวชนมาระยะหนึ่งแล้ว เพียงแต่ใช้ชื่อ มะแซ อูเซ็ง ในการดำเนินการ เพื่อผลของความเชื่อในด้านของจิตวิทยา เนื่องจาก มะแซ อูเซ็ง ได้รับความศรัทธาจากฝ่ายเยาวชนในพื้นที่ รวมทั้งทฤษฎีบันได 7 ขั้น ยังเป็นแผนที่บีอาร์เอ็นใช้ในการต่อสู้กับรัฐไทย
เช่นเดียวกับสถานการณ์การก่อการร้ายในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ยังคงดำรงต่อไป ตราบที่บีอาร์เอ็นยังมียุทธศาสตร์ในการใช้ความรุนแรงในการต่อสู้ โดยมีธงอยู่ที่เอกราชและไม่เห็นด้วยกับกลุ่มมาราปาตานี
แต่...สุดท้าย การพูดคุยสันติสุขระหว่างขบวนการแบ่งแยกดินแดน 3 กลุ่ม ภายในชื่อ “มาราปาตานี” ก็ต้องสะดุดลงชั่วคราว เพราะรัฐไทย ปฏิเสธในการลงนามในทีโออาร์ซึ่งการพูดคุยสันติสุขอาจจะต้องมีการทบทวนและต้องตั้งต้นใหม่ของทั้ง 2 ฝ่ายอีกครั้ง
ขณะที่ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ซึ่งเป็นเจ้าภาพในการดับไฟใต้นั้น ในปีที่ 12 ของสงครามประชาชนที่ยืดเยื้อมายาวนาน จะพบว่า นโยบาย วิธีการ ปฏิบัติการต่าง ๆ ที่ใช้ในการต่อสู้กับบีอาร์เอ็น มีความชัดเจน ทั้งด้านการเมืองและการทหารสามารถกดดันให้การปฏิบัติการด้วยอาวุธของแนวร่วมจำกัดอยู่ในรอบนอก โดยป้องกันพื้นที่ชั้นในไว้ได้ และมีแผนในการบีบรัดเพื่อให้แนวร่วมอยู่ใน สถานะที่ไม่มีเสรีภาพในการเคลื่อนไหวมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะทำให้ปฏิบัติการด้วยอาวุธทำได้ยากขึ้น
และการที่เจ้าหน้าที่สามารถตรวจพบ “หลุมระเบิด” กว่า 30 หลุม ที่แนวร่วมขุดเจาะ ในถนนสายต่าง ๆ เพื่อเตรียมวางระเบิดแสวงเครื่องจนสามารถลดความสูญเสียลงได้แสดงให้เห็นว่างานการข่าวได้รับความร่วมมือจากประชาชนมากกว่าเดิม และที่น่ายินดีคือการที่ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า มีแผนในการบูรณาการ “ซีซีทีวี” ที่กระจัดกระจายให้มาอยู่ในที่เดียวกัน
ทุกวันนี้ เราใช้ประโยชน์จาก “ซีซีทีวี” หลังเกิดเหตุร้าย คือการ “ไล่กล้อง” เพื่อหาข้อมูล ผู้คน วัตถุ สิ่งของ เพื่อเชื่อมโยงกับเหตุร้าย และใช้เป็นหลักฐานในการจับกุมผู้ทำความผิด เป็นหลักฐานสำคัญในกระบวนการยุติธรรม...สิ่งเหล่านี้คือความก้าวหน้าอีกขั้นตอนหนึ่งในการป้องกันเหตุร้ายเพื่อลดความสูญเสีย ซึ่งหากทำได้สำเร็จแม้ไฟใต้จะไม่มอดดับ แต่ความรุนแรง อาจจะลดน้อยลง.
ศูนย์ข่าวเดลินิวส์ภาคใต้ตอนล่าง รายงาน
สิ้น 'มะแซ อูเซ็ง' ปิดทฤษฎีบันได7ขั้น รัฐเร่ง'บีบ-กดดัน'โจรใต้
http://www.dailynews.co.th/article/399486
ขบวนการบีอาร์เอ็นโคออดิเนต สูญเสียนักทฤษฎีคนสำคัญที่เสียชีวิตด้วยอาการวัณโรคเรื้อรัง นั่นคือ มะแซ อุเซ็ง หรือ มะแซ อูเซ็ง หรือ อุสตาส มะแซ อดีตครูสอนศาสนาโรงเรียนในจ.นราธิวาส
สิ้น'มะแซ อูเซ็ง'ปิดทฤษฎีบันได7ขั้น รัฐเร่ง'บีบ-กดดัน'โจรใต้ไร้ช่องก่อกวน
สถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนใต้ ยังเกิดขึ้น เพราะมีความพยายามในการก่อเหตุร้ายรายวันจากฝีมือของแนวร่วมหรือสมาชิกขบวนการแบ่งแยกดินแดน ที่มีบีอาร์เอ็นเป็นแกนนำเพื่อที่จะรักษาสถิติของการเกิดเหตุร้ายให้ได้โดยเฉลี่ยวันละ 1-2 เหตุการณ์
การก่อเหตุรายวันเพื่อเป็นการหล่อเลี้ยงกระแสของการก่อการร้ายให้สังคมโลกเห็นถึงความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และเพื่อหล่อเลี้ยงขบวนการแบ่งแยกดินแดนกลุ่มต่าง ๆ ที่ตั้งฐานที่มั่นในประเทศที่ 3 ด้วยการรับเงินสนับสนุนจากประเทศในโลกมุสลิมเพื่อใช้ในการต่อสู้เพื่อสร้างความเป็นธรรมให้กับชาวมุสลิมที่ขบวนการแบ่งแยกดินแดนเหล่านี้อ้างว่า ถูกกดขี่จนต้องทำการต่อสู้เพื่อแบ่งแยกดินแดนนั่นเอง
ในขณะเดียวกัน ขบวนการบีอาร์เอ็นโคออดิเนต ก็มีความสูญเสียนักทฤษฎีคนสำคัญที่เสียชีวิตด้วยอาการวัณโรคเรื้อรัง นั่นคือ มะแซ อุเซ็ง หรือ มะแซ อูเซ็ง หรือ อุสตาส มะแซ อดีตครูสอนศาสนาโรงเรียนสัมพันธ์วิทยามูลนิธิ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส
สำหรับ มะแซ อูเซ็ง เป็นแกนนำฝ่ายเยาวชน ที่มีความสำคัญเป็นอันดับ 2 ของสภาองค์กรนำ ขบวนการบีอาร์เอ็น เป็นเจ้าของทฤษฎี “บันได 7 ขั้น” หรือแผนปฏิวัติ 7 ขั้นตอน ที่บีอาร์เอ็นใช้ในการก่อการร้าย นับแต่ปี 2547 เป็นต้นมา จนถึงปัจจุบัน
แผนบันได 7 ขั้นของ มะแซ อูเซ็ง ที่เขียนด้วยลายมือของตนเอง และเจ้าหน้าที่ ทหาร-ตำรวจยึดได้จากบ้านพักของมะแซ มีรายละเอียดดังต่อไปนี้ 1. การสร้างจิตสำนึกมวลชน ด้วยการปลุกระดมให้คนมุสลิมเกลียดชังรัฐไทยและคนไทย 2. การจัดตั้งมวลชน 3. การจัดตั้งองค์กร เพื่อต่อสู้กับรัฐไทย 4. การจัดตั้งกองกำลัง 5. สร้าง และ ขยายอุดมการณ์ชาตินิยม 6.เตรียมพร้อมเพื่อจุดดอกไม้ไฟแห่งการปฏิวัติ 7. การก่อการปฏิวัติ ด้วยการก่อความไม่สงบให้เกิดขึ้น
แผนบันได 7 ขั้น ที่มาจากสมองของนักทฤษฎีที่จบการศึกษาภาคบังคับ ป.4 และจบศาสนาชั้น 10 ผู้นี้ บีอาร์เอ็น นำมาใช้อย่างได้ผล โดยมีการใช้บันไดขั้นที่ 1 ในการบ่มเพาะเยาวชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ผ่านทางโรงเรียนสอนศาสนาบางส่วน ก่อนปี 2536 จนสามารถสร้างกำลังพล หรือแนวร่วมได้จำนวนหนึ่ง
และทำการทดลองในการปฏิบัติการ ตั้งแต่การเผาโรงเรียน 36 แห่งพร้อมกันในคืนเดียวกัน เมื่อปี 2536 ตามด้วยการแย่งชิงอาวุธปืนจากเจ้าหน้าที่รัฐเรื่อยมาจนถึงวันที่ปล้นปืนจากกองพันพัฒนาที่ 4 (ค่ายปิเหล็ง) อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส ...นั่นคือการเริ่มปฏิบัติการตามแผนบันไดขั้นที่ 1 ที่บีอาร์เอ็นประกาศกับแนวร่วม ว่าจะใช้เวลา 1,000 วัน ในการปฏิวัติเพื่อก่อตั้งรัฐปาตานี
แต่สุดท้ายแล้วทฤษฎีบันได 7 ขั้นของ มะแซ อูเซ็ง ก็ไม่ประสบความสำเร็จตามที่ต้องการ เพราะบันไดขั้นที่ 7 ทำได้เพียงการก่อความไม่สงบ หรือก่อการร้ายให้เกิดขึ้น แต่ไม่สามารถที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงไปสู่การทำให้พื้นที่ 3 จังหวัด 4 อำเภอ เป็นรัฐปาตานีได้
เมื่อถามว่าการตายของ มะแซ อูเซ็ง มีผลดี ผลเสียอย่างไร ต่อขบวนการบีอาร์เอ็น และต่อสถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตอบแบบคนรู้น้อย ที่ไม่ใช่นักการทหาร และนักสันติวิธีว่า การเสียชีวิตของ มะแซ อูเซ็ง ไม่มีผลกระทบอย่างใด เนื่องจากก่อนนี้เขาได้ล้มป่วยมานาน
และบีอาร์เอ็น ได้แต่งตั้ง อับดุลอาซิส สาและ 1 ใน 9 อุสตาสคนสำคัญ จาก สำนักคิดของ สะปอิง บาซอ เลขาธิการบีอาร์เอ็น ทำหน้าที่ประธานฝ่ายเยาวชนมาระยะหนึ่งแล้ว เพียงแต่ใช้ชื่อ มะแซ อูเซ็ง ในการดำเนินการ เพื่อผลของความเชื่อในด้านของจิตวิทยา เนื่องจาก มะแซ อูเซ็ง ได้รับความศรัทธาจากฝ่ายเยาวชนในพื้นที่ รวมทั้งทฤษฎีบันได 7 ขั้น ยังเป็นแผนที่บีอาร์เอ็นใช้ในการต่อสู้กับรัฐไทย
เช่นเดียวกับสถานการณ์การก่อการร้ายในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ยังคงดำรงต่อไป ตราบที่บีอาร์เอ็นยังมียุทธศาสตร์ในการใช้ความรุนแรงในการต่อสู้ โดยมีธงอยู่ที่เอกราชและไม่เห็นด้วยกับกลุ่มมาราปาตานี
แต่...สุดท้าย การพูดคุยสันติสุขระหว่างขบวนการแบ่งแยกดินแดน 3 กลุ่ม ภายในชื่อ “มาราปาตานี” ก็ต้องสะดุดลงชั่วคราว เพราะรัฐไทย ปฏิเสธในการลงนามในทีโออาร์ซึ่งการพูดคุยสันติสุขอาจจะต้องมีการทบทวนและต้องตั้งต้นใหม่ของทั้ง 2 ฝ่ายอีกครั้ง
ขณะที่ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ซึ่งเป็นเจ้าภาพในการดับไฟใต้นั้น ในปีที่ 12 ของสงครามประชาชนที่ยืดเยื้อมายาวนาน จะพบว่า นโยบาย วิธีการ ปฏิบัติการต่าง ๆ ที่ใช้ในการต่อสู้กับบีอาร์เอ็น มีความชัดเจน ทั้งด้านการเมืองและการทหารสามารถกดดันให้การปฏิบัติการด้วยอาวุธของแนวร่วมจำกัดอยู่ในรอบนอก โดยป้องกันพื้นที่ชั้นในไว้ได้ และมีแผนในการบีบรัดเพื่อให้แนวร่วมอยู่ใน สถานะที่ไม่มีเสรีภาพในการเคลื่อนไหวมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะทำให้ปฏิบัติการด้วยอาวุธทำได้ยากขึ้น
และการที่เจ้าหน้าที่สามารถตรวจพบ “หลุมระเบิด” กว่า 30 หลุม ที่แนวร่วมขุดเจาะ ในถนนสายต่าง ๆ เพื่อเตรียมวางระเบิดแสวงเครื่องจนสามารถลดความสูญเสียลงได้แสดงให้เห็นว่างานการข่าวได้รับความร่วมมือจากประชาชนมากกว่าเดิม และที่น่ายินดีคือการที่ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า มีแผนในการบูรณาการ “ซีซีทีวี” ที่กระจัดกระจายให้มาอยู่ในที่เดียวกัน
ทุกวันนี้ เราใช้ประโยชน์จาก “ซีซีทีวี” หลังเกิดเหตุร้าย คือการ “ไล่กล้อง” เพื่อหาข้อมูล ผู้คน วัตถุ สิ่งของ เพื่อเชื่อมโยงกับเหตุร้าย และใช้เป็นหลักฐานในการจับกุมผู้ทำความผิด เป็นหลักฐานสำคัญในกระบวนการยุติธรรม...สิ่งเหล่านี้คือความก้าวหน้าอีกขั้นตอนหนึ่งในการป้องกันเหตุร้ายเพื่อลดความสูญเสีย ซึ่งหากทำได้สำเร็จแม้ไฟใต้จะไม่มอดดับ แต่ความรุนแรง อาจจะลดน้อยลง.
ศูนย์ข่าวเดลินิวส์ภาคใต้ตอนล่าง รายงาน