ครั้งแรกที่ไปนวดที่เมืองผู้ดี ตอนนั้นใช้วีซ่าเยี่ยมครอบครัวแล้วไปแอบรับงานนวดในร้านเล็กๆแห่งนึง โชคเกือบไม่อำนวย เจอตม.ลงตรวจ รอดมาได้หวุดหวิดเพราะเราไม่ได้ทำงาน นั่งกินส้มตำกันหลังร้าน ภาษาเราก็สื่อสารได้ดีมาก เลยดูมีการศึกษา เขาเลยปล่อยผ่าน คล้ายในหนังก็ไม่ปาน ตำรวจออกร้านไปมือสั่นยังกับเจ้าเข้า หนาวก็หนาว มือก็สั่นไม่หยุด หัวใจจะวาย จากนั้นมา พอกลับไทยก็ตั้งใจว่าจะไปทำงานนวดอย่างถูกต้องให้ได้ ฉันจะไม่ขอเจอเหตุการณ์แบบนี้อีก
ฉันจึงตัดสินใจไปทำงานที่สปาในมาเลเซียอย่างถูกต้องจริงๆ เสียอย่างเดียวว่าเงินเดือนน้อยมาก จึงทนอยู่ด้วยมุมมองที่ว่าได้ทำทุกสิ่งในร้านเหมือนเจ้าของเพราะบอสนานๆมาที ทิ้งการตัดสินใจให้เราในระดับนึง ออกนอกเรื่องก่อนนะ จะได้รู้ว่าทำไมเอมี่ถึงหวังจะทำงานใหญ่ตามโรงแรม คือตอนแรกเข้าใจว่าจะได้ทำงานในรร.ห้าดาวตามสัญญาที่ระบุ แต่สุดท้ายกลับถูกเอาไปทิ้งอยู่นอกเมือง แต่เอมี่ไม่เคยท้อนะคะ
เรื่องมีอยู่ว่า
สปาที่นี่มีสาขาใหญ่ในรร.ห้าดาวจริงๆคะ แต่ตัวสปามีเรทสี่ดาว แต่เขามีสปาในรร.ห้าดาวหลายที่นะ บางสาขามีเรทห้าดาวด้วย แต่มันก็แค่เรท การทำงานจริงๆ อุปกรณ์จริงๆก็งั้นๆ (พูดกันตรงๆ) ที่สปามีเทรนเนอร์เป็นสาวบาหลี เราจะได้เทรนท่าทุกสิ่งกับนางด้วยภาษาอังกฤษ สำหรับเอมี่ขอปรับตัวกับภาษาอังกฤษแนวมาลายู กับอังกฤษแแนวสิงคโปร์สักวันสองวันก็เข้าหูแล้วคะ ฟังง่ายอยู่ เทรนเสร็จก็ส่งตัวพนักงานใหม่ไปตามสาขาต่างๆ เอมี่ได้ไปที่อินเตอร์คอนติเน็ลตัล ก็โดนรับน้องใหม่ต่างๆนานา อยู่เฝ้าสปาคนเดียว ทุกคนทิ้งเราให้ไปกินข้าวคนเดียว ถึงเวลาเปิดสปาแล้วแต่ทุกคนยังไม่มา สั่งเราตอกบัตรแทน บ้างก็ขี้เกียจรับงาน เราวิ่งงานยาวทั้งวันลมแทบจับ เราเลิกงานดึกกว่าคนอื่น ปล่อยเราปิดสปาคนเดียว กลับเองเที่ยงคืน เช้ามาไม่คลีนสปาเลย เราก็วิ่งคลีนทุกห้องคนเดียวแต่เช้า บางดึกพวกเขาก็ไม่กลับรถประจำ เพราะมีรถส่วนตัวชวนกันกลับหมด รู้แล้วว่ารถไม่มารับปล่อยเรากลับคนเดียว (ห้าทุ่มในKLมันก็อันตรายสำหรับเรานะ) เอาขนมมาวางหายหมด โดนแกะกิน (ตอนแรกก็ถามว่าใครแกะ เพราะเรากลัวว่าจะหยิบผิดอัน เผื่อมีเจ้าของ เขาก็นึกว่าเราขี้เหนียว) ครั้งต่อไปเราเลยเอามาเยอะมากๆ แล้วบอกว่า เอาไว้รองท้องเวลาไม่มีเวลาลงไปกินข้าวที่แคนทีน เขาก็เริ่มเรียนรู้ว่าเราไม่ได้ขี้เหนียว มีน้ำใจ คือมาที่นี่แรกๆโดนสารพัด กลับบ้านทุกครั้งน้ำตาจะไหล งงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ประเด็นคือมีคนแอบเปิดดูสัญญาจ้างงานของเอมี่ที่เผลอเอาวางไว้ตอนถือไปทำธุระกับบอส พอรู้ว่าคนไทยได้เงินเดือนเยอะกว่าใครๆ บาหลี มาเล เขาเลยบอกต่อๆกันจงเกลียดจงชัง เขาได้กัน หนึ่งพันสองร้อยริง แต่คนไทยได้ พันแปดร้อยริง ประท้วงบอสกันน่าดู พวกเมิงถามกุมั้ย ถ้ากุส่งกลับบ้าน กุพอใช้รึเปล่า ค่าเงินตกนรกหมกไหม้ อยากจะหนีกลับทุกวี่ทุกวัน
เอมี่ไปทำงานกัน4คน เป็นรุ่นแรกของสปานี้ ทุกคนจบป.ตรีกันหมดคะ แต่ไม่เก่งภาษาอังกฤษเลย
หลายวันผ่านไป พวกเขาก็เข้าใจพวกเรามากขึ้น เรียนรู้ซึ่งกันและกัน ก็เลยเปลี่ยนทรรศนคติดีขึ้น เพราะเขาลือกันว่าคนไทยมีBlack magic มีคาถาอาคม ถ้าใครมีรอยสักจะชอบหาเรื่องตบตี สุดท้ายก็ได้รับการยอมรับ ในเวลาไม่นาน ทุกคนก็เข้าใจคนไทยขึ้นมาก มีอะไรออกหน้าช่วยเราตลอด สอนงานหน้าฟร้อท์ให้เอมี่ ทำบช. ทำStock สอนแก้ปัญหาเวลาของขาด นู่นนั่นนี่ สอนอ่านใจลูกค้า สอนงานขายของ ปัญหาที่เกิดทำให้เราแกร่งขึ้นมาก หรือจะกลับกันเอง จะไปไหนก็ชวน มีอะไรก็หอบมาให้กิน เยอะมากจริงๆ พอเราย้ายไปนอกเมือง ถ้าเราโทรขอความช่วยหลือจากสาขานอกเมืองก็จะรีบให้คำแนะนำ โทรจากนอกเมืองไปหาก็แย่งกันคุยกับเรา คือดีงามอย่างไม่น่าเชื่อ
พวกเราย้ายไปสาขาใหม่ด้วยการลงงานในรร.ต่างๆ เช้ามานั่งรถไฟฟ้าแยกย้ายกันไป กลางคืนมีรถประจำไปรับกลับมานอนที่คอนโด เราอยู่ในKLกันแค่แปดเดือน แล้วร้านใหม่จะเปิดแบบ "เดย์สปา" ไม่ตั้งในรร.นะคะ ร้านเป็นห้องแถวสะอาดๆ สี่ชั้น ทำเป็นสปาสามชั้น ปลอดภัยมาก มียามเดินทุกชั่วโมง ประตูร้านล๊อคอัตโนมัติ มีกล้องวงจรปิด อยู่ในโซนลูกค้ามีกะตังมาเดินเล่น มีรร.สี่ดาวในเขตนี้ และมีตึกใหญ่ทำเป็นออฟฟิตเช่าระยะยาว ห่างไกลห้าง จะไปไหนต้องนั่งแต่แทคซี่ เหมือนจะดี แต่ชีวิตลำบากมาก ไหนจะต้องหาข้าวกินเองทุกวัน ในสัญญาเขียนแค่ว่า"จัดหาให้" เขาเลยบอกว่ามีไมโครเวปให้แล้วงัย ถอนหายใจดังๆ....เลยตามเลยคะ อีกปีกับไม่กี่เดือนจะกลับไทยแล้ว อดทนกันไป ซื้อข้าวกินกันเอง และแล้วเพื่อนที่มาก็หนีกลับกัน เพราะที่ร้านไม่มีลูกค้า การตลาดเขาไม่แรง แพ้ร้านท้องถิ่นแถวนั้น วันๆก็นั่งมองหน้ากันเป็นเดือนๆ ค่าคอมมิชชั้นก็ไม่ได้ เลยหนีกลับไปกัน เหลือเพียงคนไทยสองคน สาวบาหลีหนึ่งคนและเด็กมาเล เฝ้าร้านกัน เปลี่ยนผจก.สปาเข้าออกกันไปเรื่อยๆ เอมี่จึงต้องเฝ้าร้าน Stand by ตลอด ผจก.ใหม่มา หรือผจก.สาขาหลักมาก็ต้องSupport เขา รู้ทุกสิ่งในสปาว่างั้น
หน้าที่ของเอมี่ก็เหมือนคนอื่นคะ แม้จะรู้ทุกสิ่งก็ต้องทำทุกสิ่งเทียบคนอื่น เช้ามาคลีนห้อง พื้น อ่างดอกไม้ ห้องน้ำ ตามเวร ต้มเวลคั่มดริ้งค์ ผ้าอุ่น นำ้มัน สต๊อกของเสริฟ จานชาม แก้วน้ำคลีนหมดหรือยัง บางทีเราไม่ต้องทำ น้องๆแย่งกันคลีน เราก็ไปเช็คนัดลูกค้า ตามลูกค้าที่นัด เฝ้าหน้าร้าน รับโทรศัทพ์ลูกค้า ทำรายงานยอดขาย เอาเงินเข้าธนาคาร ส่งข้อมูลเขาสาขาด้วย internet dataส่วนตัวคะ บอสไม่เปย์ค่าเน็ทให้หรอกคะ หาว่าพวกเราใช้ของสปาเกินไปเลยตัดเน็ททิ้ง เอมี่โมโหมาก(จริงๆแกเหนียวคะ) แต่ก็ขี้เกียจถือสา ดูแลความรู้สึกของทีม บางทีก็มีนะคะที่เหม็นหน้ากัน แต่พอดึกๆมาเราก็อยู่เฝ้าร้าน ทั้งๆที่เราตอกบัตรออกแล้ว ก็เราเฒ่าสุด ทิ้งเด็กอายุยี่สิบเฝ้าร้านจนห้าทุ่มก็กระไร มีกันสี่คน กะดึกมีสองคน ดึกมาอันตรายจะตาย เคยมีน้องคนไทยโดนกระชากกระเป๋าตอนเดินเท้ามาทำงานด้วย น้องเขาถึงกับป่วยเพราะตกใจเลย ทีนี้ เอมี่ทิ้งน้องๆไม่ได้เลย กลับมาไทยแล้วก็สั่งรุ่นต่อไปว่า เกลียดกันยังงัยก็อย่าทิ้งกันแบบนี้
อยู่เป็นปีก็พอจะคุ้นถนนหนทางรอบๆสปานิดหน่อย ทุกครั้งที่ลูกค้าถามว่าร้านอยู่ไหน ทุกคนจะโยนสายให้เอมี่พูด ... เด็กมาเลเจ้าถิ่นก็เถอะคะ อธิบายยังไม่ได้เลย เป็นเรื่องที่ท้าทายมากที่จะต้องบอกทางไม่ให้ลูกค้าหงุดหงิด เอมี่เลยจะจำป้ายถนนไว้คะ พอบอกทิศทางที่เขาจะมา เราก็เริ่มบอกโซน และชื่อถนน พอเขามาในเขตแล้ว ก็บอกที่ตั้งอีกที ซึ่งต้องกระชับมาก คือลูกค้าของที่นี่มีเงินและเรื่องมากคะ การบริการของคนไทยแบบแนวสปา จึงถูกใจ และบอกต่อ หลังๆได้สปาแมนเนเจอร์พูดเก่ง ขายเก่ง เลยทำยอดขึ้นเรื่อยๆ เขาจะใช้คนไทยเข้านวดก่อน ถ้าถูกใจจะขายแพคเกจ เราก็จะมีลูกค้าประจำกัน
ก่อนกลับ เอมี่และน้องคนไทยอีกคนจะมีลูกค้าประจำกันมากมาย ร้านเริ่มมีคนเข้า แต่พวกเราต้องกล้บแล้ว บอสขอเอมี่ต่อสัญญา แต่เอมี่รับไม่ได้กับเงินเดือนน้อยนิดแต่ใช้งานจนครบทุกตำแหน่ง เลยปฎิเสธไป บอสเลยห้ามเราบอกลูกค้าว่าเราจะกลับไทย เลยคิดกันว่าแล้วคนนวดที่อยู่ๆกันมันจะรับมือไหวเร้อ....เอมี่กับน้องคนไทยจึงรีบเคลียร์เฉพาะลูกค้าที่เรื่องมาก นวดยากออกให้หมด เหลือแต่ลูกค้าทั่วไปให้เด็กๆรับมือกัน ด้วยการชักชวนให้มานวดบ่อยๆจนหมดแพคเกจ หรือบอกความจริงไปสำหรับลูกค้าเกรดดีๆ ลูกค้าที่มาทีหลังพอรู้ว่าเรากลับไป น้อยใจก็มีว่าไม่บอก รุ่นน้องส่งข้อความมาบอก เลยต้องฝากเด็กๆ บอกขอโทษกันไป
งานที่ลงกันก็จะมี สครับตัว พอกตัว นวดน้ำมัน ทำหน้า สลิมมิ่ง แต่ละอันยากมากมาย เช่นขัดตัว บ้านเราขัดกันแผ่วเบา แต่ที่มาเล คุณต้องออกแรงขัดเหมือนวดตัว ไม่งั้นเขาจะรู้สึกว่าไม่ได้ถูกขัดตัว แต่กลับมาลงงานในไทย ขัดแรงๆโดนหมอด้วยกันด่า บอกว่าเมิงจะขัดตัว หรือนวดด้วยสครับ ...ก็ขำๆหนะ ส่วนงานนวดหน้าที่มาเลมีสองแบบคือนวดหน้าแบบโหดๆ กดจุด ยกกระชับ แกะสิว เหมือนซาลูนทั่วไปในมาเลที่ร้านแบบเดย์สปาต้องทำอย่างนั้นไม่งั้นลูกค้าท้องถิ่นเบะปากใส่คะ แต่ถ้าลงงานอยู่บนโรงแรม จะนวดหน้าแบบสวีดิชกันนะคะ แต่แรงนวดต้องแน่นมือ ไม่ใช่แผ่วๆ พอมาลงงานที่ไทย แค่ลงหน้าแบบสวีดิชแน่นๆมือ โดนด่าว่ามือหนัก ฉับฉนในระดับนึง ต้องปรับตัวใหม่หมดเลย พอมาสลิมมิ่งเราก็ไม่เหมือนที่เขาตีสลิมกัน เพราะเราจะลงนิ้วโป้งริ้วแทนการบิด แบบการนวดของมาเล ไม่เหมือนใครอีก จะบอกในโปรไฟล์ก็ไม่ได้ว่าทำสลิมมิ่งเป็น ไม่เป็นไปตามมาตรฐานอีก แต่เราก็ได้เปิดความคิด ความรู้ใหม่ในการนวดเพิ่มขึ้น ลึกๆก็ถือว่าโชคดีคะ
เอมี่อยู่ครบสัญญาสองปีคะ เรียนรู้อะไรจากสปาเล็กๆแห่งนี้มากมาย คือเราเสียเปรียบ แต่เราก็ได้กลับมาอย่างไม่น่าเชื่อ ถ้ามองที่เงินในเวลานี้คงไม่ตอบโจทย์ แต่ถ้ามองโอกาสในการมีตำแหน่งในสปาก็ถือว่าเกินครึ่งแล้วคะ ถ้าเล่ายาวไปไม่มีสาระอะไรก็ขอโทษมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
เล่าเรื่องที่ไปทำงานสปาที่มาเลเซีย เพื่อการตัดสินใจไปทำงานตปท.คะ
ฉันจึงตัดสินใจไปทำงานที่สปาในมาเลเซียอย่างถูกต้องจริงๆ เสียอย่างเดียวว่าเงินเดือนน้อยมาก จึงทนอยู่ด้วยมุมมองที่ว่าได้ทำทุกสิ่งในร้านเหมือนเจ้าของเพราะบอสนานๆมาที ทิ้งการตัดสินใจให้เราในระดับนึง ออกนอกเรื่องก่อนนะ จะได้รู้ว่าทำไมเอมี่ถึงหวังจะทำงานใหญ่ตามโรงแรม คือตอนแรกเข้าใจว่าจะได้ทำงานในรร.ห้าดาวตามสัญญาที่ระบุ แต่สุดท้ายกลับถูกเอาไปทิ้งอยู่นอกเมือง แต่เอมี่ไม่เคยท้อนะคะ
เรื่องมีอยู่ว่า
สปาที่นี่มีสาขาใหญ่ในรร.ห้าดาวจริงๆคะ แต่ตัวสปามีเรทสี่ดาว แต่เขามีสปาในรร.ห้าดาวหลายที่นะ บางสาขามีเรทห้าดาวด้วย แต่มันก็แค่เรท การทำงานจริงๆ อุปกรณ์จริงๆก็งั้นๆ (พูดกันตรงๆ) ที่สปามีเทรนเนอร์เป็นสาวบาหลี เราจะได้เทรนท่าทุกสิ่งกับนางด้วยภาษาอังกฤษ สำหรับเอมี่ขอปรับตัวกับภาษาอังกฤษแนวมาลายู กับอังกฤษแแนวสิงคโปร์สักวันสองวันก็เข้าหูแล้วคะ ฟังง่ายอยู่ เทรนเสร็จก็ส่งตัวพนักงานใหม่ไปตามสาขาต่างๆ เอมี่ได้ไปที่อินเตอร์คอนติเน็ลตัล ก็โดนรับน้องใหม่ต่างๆนานา อยู่เฝ้าสปาคนเดียว ทุกคนทิ้งเราให้ไปกินข้าวคนเดียว ถึงเวลาเปิดสปาแล้วแต่ทุกคนยังไม่มา สั่งเราตอกบัตรแทน บ้างก็ขี้เกียจรับงาน เราวิ่งงานยาวทั้งวันลมแทบจับ เราเลิกงานดึกกว่าคนอื่น ปล่อยเราปิดสปาคนเดียว กลับเองเที่ยงคืน เช้ามาไม่คลีนสปาเลย เราก็วิ่งคลีนทุกห้องคนเดียวแต่เช้า บางดึกพวกเขาก็ไม่กลับรถประจำ เพราะมีรถส่วนตัวชวนกันกลับหมด รู้แล้วว่ารถไม่มารับปล่อยเรากลับคนเดียว (ห้าทุ่มในKLมันก็อันตรายสำหรับเรานะ) เอาขนมมาวางหายหมด โดนแกะกิน (ตอนแรกก็ถามว่าใครแกะ เพราะเรากลัวว่าจะหยิบผิดอัน เผื่อมีเจ้าของ เขาก็นึกว่าเราขี้เหนียว) ครั้งต่อไปเราเลยเอามาเยอะมากๆ แล้วบอกว่า เอาไว้รองท้องเวลาไม่มีเวลาลงไปกินข้าวที่แคนทีน เขาก็เริ่มเรียนรู้ว่าเราไม่ได้ขี้เหนียว มีน้ำใจ คือมาที่นี่แรกๆโดนสารพัด กลับบ้านทุกครั้งน้ำตาจะไหล งงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ประเด็นคือมีคนแอบเปิดดูสัญญาจ้างงานของเอมี่ที่เผลอเอาวางไว้ตอนถือไปทำธุระกับบอส พอรู้ว่าคนไทยได้เงินเดือนเยอะกว่าใครๆ บาหลี มาเล เขาเลยบอกต่อๆกันจงเกลียดจงชัง เขาได้กัน หนึ่งพันสองร้อยริง แต่คนไทยได้ พันแปดร้อยริง ประท้วงบอสกันน่าดู พวกเมิงถามกุมั้ย ถ้ากุส่งกลับบ้าน กุพอใช้รึเปล่า ค่าเงินตกนรกหมกไหม้ อยากจะหนีกลับทุกวี่ทุกวัน
เอมี่ไปทำงานกัน4คน เป็นรุ่นแรกของสปานี้ ทุกคนจบป.ตรีกันหมดคะ แต่ไม่เก่งภาษาอังกฤษเลย
หลายวันผ่านไป พวกเขาก็เข้าใจพวกเรามากขึ้น เรียนรู้ซึ่งกันและกัน ก็เลยเปลี่ยนทรรศนคติดีขึ้น เพราะเขาลือกันว่าคนไทยมีBlack magic มีคาถาอาคม ถ้าใครมีรอยสักจะชอบหาเรื่องตบตี สุดท้ายก็ได้รับการยอมรับ ในเวลาไม่นาน ทุกคนก็เข้าใจคนไทยขึ้นมาก มีอะไรออกหน้าช่วยเราตลอด สอนงานหน้าฟร้อท์ให้เอมี่ ทำบช. ทำStock สอนแก้ปัญหาเวลาของขาด นู่นนั่นนี่ สอนอ่านใจลูกค้า สอนงานขายของ ปัญหาที่เกิดทำให้เราแกร่งขึ้นมาก หรือจะกลับกันเอง จะไปไหนก็ชวน มีอะไรก็หอบมาให้กิน เยอะมากจริงๆ พอเราย้ายไปนอกเมือง ถ้าเราโทรขอความช่วยหลือจากสาขานอกเมืองก็จะรีบให้คำแนะนำ โทรจากนอกเมืองไปหาก็แย่งกันคุยกับเรา คือดีงามอย่างไม่น่าเชื่อ
พวกเราย้ายไปสาขาใหม่ด้วยการลงงานในรร.ต่างๆ เช้ามานั่งรถไฟฟ้าแยกย้ายกันไป กลางคืนมีรถประจำไปรับกลับมานอนที่คอนโด เราอยู่ในKLกันแค่แปดเดือน แล้วร้านใหม่จะเปิดแบบ "เดย์สปา" ไม่ตั้งในรร.นะคะ ร้านเป็นห้องแถวสะอาดๆ สี่ชั้น ทำเป็นสปาสามชั้น ปลอดภัยมาก มียามเดินทุกชั่วโมง ประตูร้านล๊อคอัตโนมัติ มีกล้องวงจรปิด อยู่ในโซนลูกค้ามีกะตังมาเดินเล่น มีรร.สี่ดาวในเขตนี้ และมีตึกใหญ่ทำเป็นออฟฟิตเช่าระยะยาว ห่างไกลห้าง จะไปไหนต้องนั่งแต่แทคซี่ เหมือนจะดี แต่ชีวิตลำบากมาก ไหนจะต้องหาข้าวกินเองทุกวัน ในสัญญาเขียนแค่ว่า"จัดหาให้" เขาเลยบอกว่ามีไมโครเวปให้แล้วงัย ถอนหายใจดังๆ....เลยตามเลยคะ อีกปีกับไม่กี่เดือนจะกลับไทยแล้ว อดทนกันไป ซื้อข้าวกินกันเอง และแล้วเพื่อนที่มาก็หนีกลับกัน เพราะที่ร้านไม่มีลูกค้า การตลาดเขาไม่แรง แพ้ร้านท้องถิ่นแถวนั้น วันๆก็นั่งมองหน้ากันเป็นเดือนๆ ค่าคอมมิชชั้นก็ไม่ได้ เลยหนีกลับไปกัน เหลือเพียงคนไทยสองคน สาวบาหลีหนึ่งคนและเด็กมาเล เฝ้าร้านกัน เปลี่ยนผจก.สปาเข้าออกกันไปเรื่อยๆ เอมี่จึงต้องเฝ้าร้าน Stand by ตลอด ผจก.ใหม่มา หรือผจก.สาขาหลักมาก็ต้องSupport เขา รู้ทุกสิ่งในสปาว่างั้น
หน้าที่ของเอมี่ก็เหมือนคนอื่นคะ แม้จะรู้ทุกสิ่งก็ต้องทำทุกสิ่งเทียบคนอื่น เช้ามาคลีนห้อง พื้น อ่างดอกไม้ ห้องน้ำ ตามเวร ต้มเวลคั่มดริ้งค์ ผ้าอุ่น นำ้มัน สต๊อกของเสริฟ จานชาม แก้วน้ำคลีนหมดหรือยัง บางทีเราไม่ต้องทำ น้องๆแย่งกันคลีน เราก็ไปเช็คนัดลูกค้า ตามลูกค้าที่นัด เฝ้าหน้าร้าน รับโทรศัทพ์ลูกค้า ทำรายงานยอดขาย เอาเงินเข้าธนาคาร ส่งข้อมูลเขาสาขาด้วย internet dataส่วนตัวคะ บอสไม่เปย์ค่าเน็ทให้หรอกคะ หาว่าพวกเราใช้ของสปาเกินไปเลยตัดเน็ททิ้ง เอมี่โมโหมาก(จริงๆแกเหนียวคะ) แต่ก็ขี้เกียจถือสา ดูแลความรู้สึกของทีม บางทีก็มีนะคะที่เหม็นหน้ากัน แต่พอดึกๆมาเราก็อยู่เฝ้าร้าน ทั้งๆที่เราตอกบัตรออกแล้ว ก็เราเฒ่าสุด ทิ้งเด็กอายุยี่สิบเฝ้าร้านจนห้าทุ่มก็กระไร มีกันสี่คน กะดึกมีสองคน ดึกมาอันตรายจะตาย เคยมีน้องคนไทยโดนกระชากกระเป๋าตอนเดินเท้ามาทำงานด้วย น้องเขาถึงกับป่วยเพราะตกใจเลย ทีนี้ เอมี่ทิ้งน้องๆไม่ได้เลย กลับมาไทยแล้วก็สั่งรุ่นต่อไปว่า เกลียดกันยังงัยก็อย่าทิ้งกันแบบนี้
อยู่เป็นปีก็พอจะคุ้นถนนหนทางรอบๆสปานิดหน่อย ทุกครั้งที่ลูกค้าถามว่าร้านอยู่ไหน ทุกคนจะโยนสายให้เอมี่พูด ... เด็กมาเลเจ้าถิ่นก็เถอะคะ อธิบายยังไม่ได้เลย เป็นเรื่องที่ท้าทายมากที่จะต้องบอกทางไม่ให้ลูกค้าหงุดหงิด เอมี่เลยจะจำป้ายถนนไว้คะ พอบอกทิศทางที่เขาจะมา เราก็เริ่มบอกโซน และชื่อถนน พอเขามาในเขตแล้ว ก็บอกที่ตั้งอีกที ซึ่งต้องกระชับมาก คือลูกค้าของที่นี่มีเงินและเรื่องมากคะ การบริการของคนไทยแบบแนวสปา จึงถูกใจ และบอกต่อ หลังๆได้สปาแมนเนเจอร์พูดเก่ง ขายเก่ง เลยทำยอดขึ้นเรื่อยๆ เขาจะใช้คนไทยเข้านวดก่อน ถ้าถูกใจจะขายแพคเกจ เราก็จะมีลูกค้าประจำกัน
ก่อนกลับ เอมี่และน้องคนไทยอีกคนจะมีลูกค้าประจำกันมากมาย ร้านเริ่มมีคนเข้า แต่พวกเราต้องกล้บแล้ว บอสขอเอมี่ต่อสัญญา แต่เอมี่รับไม่ได้กับเงินเดือนน้อยนิดแต่ใช้งานจนครบทุกตำแหน่ง เลยปฎิเสธไป บอสเลยห้ามเราบอกลูกค้าว่าเราจะกลับไทย เลยคิดกันว่าแล้วคนนวดที่อยู่ๆกันมันจะรับมือไหวเร้อ....เอมี่กับน้องคนไทยจึงรีบเคลียร์เฉพาะลูกค้าที่เรื่องมาก นวดยากออกให้หมด เหลือแต่ลูกค้าทั่วไปให้เด็กๆรับมือกัน ด้วยการชักชวนให้มานวดบ่อยๆจนหมดแพคเกจ หรือบอกความจริงไปสำหรับลูกค้าเกรดดีๆ ลูกค้าที่มาทีหลังพอรู้ว่าเรากลับไป น้อยใจก็มีว่าไม่บอก รุ่นน้องส่งข้อความมาบอก เลยต้องฝากเด็กๆ บอกขอโทษกันไป
งานที่ลงกันก็จะมี สครับตัว พอกตัว นวดน้ำมัน ทำหน้า สลิมมิ่ง แต่ละอันยากมากมาย เช่นขัดตัว บ้านเราขัดกันแผ่วเบา แต่ที่มาเล คุณต้องออกแรงขัดเหมือนวดตัว ไม่งั้นเขาจะรู้สึกว่าไม่ได้ถูกขัดตัว แต่กลับมาลงงานในไทย ขัดแรงๆโดนหมอด้วยกันด่า บอกว่าเมิงจะขัดตัว หรือนวดด้วยสครับ ...ก็ขำๆหนะ ส่วนงานนวดหน้าที่มาเลมีสองแบบคือนวดหน้าแบบโหดๆ กดจุด ยกกระชับ แกะสิว เหมือนซาลูนทั่วไปในมาเลที่ร้านแบบเดย์สปาต้องทำอย่างนั้นไม่งั้นลูกค้าท้องถิ่นเบะปากใส่คะ แต่ถ้าลงงานอยู่บนโรงแรม จะนวดหน้าแบบสวีดิชกันนะคะ แต่แรงนวดต้องแน่นมือ ไม่ใช่แผ่วๆ พอมาลงงานที่ไทย แค่ลงหน้าแบบสวีดิชแน่นๆมือ โดนด่าว่ามือหนัก ฉับฉนในระดับนึง ต้องปรับตัวใหม่หมดเลย พอมาสลิมมิ่งเราก็ไม่เหมือนที่เขาตีสลิมกัน เพราะเราจะลงนิ้วโป้งริ้วแทนการบิด แบบการนวดของมาเล ไม่เหมือนใครอีก จะบอกในโปรไฟล์ก็ไม่ได้ว่าทำสลิมมิ่งเป็น ไม่เป็นไปตามมาตรฐานอีก แต่เราก็ได้เปิดความคิด ความรู้ใหม่ในการนวดเพิ่มขึ้น ลึกๆก็ถือว่าโชคดีคะ
เอมี่อยู่ครบสัญญาสองปีคะ เรียนรู้อะไรจากสปาเล็กๆแห่งนี้มากมาย คือเราเสียเปรียบ แต่เราก็ได้กลับมาอย่างไม่น่าเชื่อ ถ้ามองที่เงินในเวลานี้คงไม่ตอบโจทย์ แต่ถ้ามองโอกาสในการมีตำแหน่งในสปาก็ถือว่าเกินครึ่งแล้วคะ ถ้าเล่ายาวไปไม่มีสาระอะไรก็ขอโทษมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ