เล่าประสบการณ์การมาทำงานนวดอย่างถูกต้องที่มาเลเซีย

ก่อนหน้านี้ได้เล่าความคิดที่ผันตัวเองมาจากอาชีพพนักงานออฟฟิต มาเป็นพนักงานนวด ในวัยใกล้จะสี่สิบกันไปแล้ว วันนี้เลยอยากแบ่งปันประสบการณ์ ให้กับคนที่กำลังหาข้อมูลที่อยากจะออกไปทำงานตปท.กันสักหนึ่งตัวอย่างจากดิฉันนะคะ

ดิฉันเรียนนวดไทย และนวดรักษา330 กับรร.เอกชนมาแล้ว และไปเพิ่มเติมนวดไทยระดับ1 , สปาระดับ1 และ ไทยสัปปายะระดับ1 ที่ศูนย์พัฒนาทรัพยากรณ์มนุษย์ ที่ศูนย์ราชการสันกำแพง เพื่อพัฒนาทักษะเตรียมตัวออกไปทำมาหากินต่างประเทศ แต่ว่า อายุมากแล้ว และเพิ่งจะเริ่มงานสปา จึงตัดสินใจเดินทางมาทำงานที่ประเทศมาเลเซีย ด้วยการสมัครด้วยตัวเอง จริงๆจะข้ามขั้นตอน ไปเรียนเป็น Spa Managerเลยก็ได้ แต่ไม่มีประสบการณ์ จินตนาการอะไรไม่ออก จึงตัดสินใจเริ่มต้นใหม่หมด ด้วยการเซ็นสัญญาเป็นTherapistที่สปามีระดับแห่งหนึ่งในมาเลเซียเป็นเวลาสองปี

เอกสารสัญญาส่งมาทางe-mail เมื่ออ่านข้อความเรียบร้อยแล้ว ก็เซ็นเอกสารทั้งหมดพร้อมสำเนาใบรับรอง เช่นใบวัดระดับสปาระดับ1 ใบรับรองนวดไทยระดับ1 และ ใบรับรองนวดไทยสัปปายะระดับ1 ใบรับรองแพทย์ เอกสารทุกอย่างเป็นภาษาอังกฤษ ส่งกลับไปที่มาเลเซีย ทางสปาก็จะเอาเอกสารทั้งหมดยื่นขอCalling vesa เพื่อให้ฉันได้มาพำนักในประเทศมาเลเซียในระยะนึง ระหว่างรอทำwork permit

ระยะเวลาในการยื่นขอ Calling vesa จะใช้เวลาประมาณ1เดือน โดยทางฝั่งนายจ้างจะไปยื่นที่สถานทูตไทยในมาเลเซีย เมื่อได้รับการยืนยันจากทางสถานทูตแล้ว ทางนายจ้างจะส่งเอกสารอย่างด่วนมาที่เรา เอาcalling vesaตัวจริงพร้อมพาสปอร์ทไปที่สถานทูตมาเลเซียที่ในกทม. เพื่อยื่นขอวีซ่าเข้าไปทำงานในมาเลเซีย ขั้นตอนนี้ใช้เวลาหนึ่งวัน อีกวันก็มารับพาสปอร์ทที่มีคำอนุญาติคืนพร้อมcalling vesaตัวจริง

ก่อนจะบินหนึ่งวัน ก็ไปที่กรมแรงงานเพื่อรายงานตัว เอาเอกสารที่มีเตรียมไปทั้งหมด (ควรมีถ่ายเอกสารเก็บไว้บ้าง) กรอกเอกสารแจ้งการเดินทางออกไปนอกประเทศ หากใครมีเอเย่น หรือคนแนะนำ เราควรมีข้อมูลของเค้าทั้งหมด บ้านเลขที่ เบอร์โทร ที่ทำงาน กรอกลงในเอกสารแจ้งให้กรมแรงงานทราบ เผื่อเกิดปัญหาก็จะช่วยเหลือเราได้ จากนั้นก็เตรียมบิน

ก่อนบินจะมีเค้าท์เตอร์ของกรมแรงงานที่สนามบิน เราก็ไปแจ้งการออกนอกประเทศในวันนั้น จะมีเอกสารให้เขียนนิดหน่อย เจ้าหน้าที่เป็นกันเอง สอบถามประเทศ บริษัท งานที่ไป ไม่เชิงสัมภาษณ์ เพราะยังงัยทุกอย่างก็เรียบร้อยแล้ว เป็นการพูดคุยกันเฉยๆ แล้วก็เข้าไปยังตม. เข้าที่พักผู้โดยสารไป

พอบินถึงประเทศมาเลเซียแล้ว ก็นั่งรอคนของบริษัทมารับ ห้ามออกนอกเขตตม. ซึ่งนายจ้างหรือคนที่ได้รับมอบหมายจะมายื่นเอกสารที่ตม. เพื่อรับเราออกไปตามหลักการ (ใครเผลออกไปก็จะวุ่นวาย ต้องกลับเข้ามาในเขตใหม่) ตอนนั้นเปิดโรมมิ่งไว้เผื่อเจ้านายจะโทรหา และแจ้งการเดินทางมาถึงที่สยามบินแล้ว ก็นาทีละสี่ร้อยกว่าบาท โดนไปราวๆสองพัน คุยไม่กี่คำ....

จากนั้นก็เริ่มต้นเทรนงาน เจ้านายจะให้เราไปตรวจสุขภาพ ตรวจเลือก ปัสสาวะ เอ็กซ์เรย์ปอด  ฉีดยา เช่นป้องกันไทฟอยด์ นำเอกสารที่ได้ไปแนบการยื่นเรื่องขอWork Permit ใช้เวลาประมาณ2 อาทิตย์- 1เดือน เวลาได้มาแล้ว นายจ้างจะถ่ายพาสปอร์ทหน้าที่มีWork Permitประทับตราอยู่ให้  แต่งานแบบนี้ค่าแรงยังไม่สูงพอ ไม่จูงใจให้อยู่กับบริษัทนานๆ เจ้านายจะขอเก็บพาสปอร์ทไว้ หากจะกลับไทยด้วยเรื่องเร่งด่วนก็จะให้วางเงินประกันในจำนวนที่สูง ที่ไหนกจะประมาณนี้ แล้วแต่เงินประกันที่เจ้านายจะให้วาง กลับมาก็จะคืนเงินให้ เวลาไปไหนก็จะมีสำเนาพาสปอร์ทพร้อมประทับสดตราบริษัทพกติดตัวเสมอ หากเป็นปีที่สองที่ยังคงทำงานอยู่ เขาจะเอาCalling Vesa และเอกสารต่างๆไปยื่นต่อWork permitให้เรา และจะมีเอกสารรับรองการดำเนินการให้ถือไว้ หากโดนเรียกตรวจก็จะไม่มีปัญหาอะไร

เนื่องจากบริษัทที่ได้ไปทำ มีระบบการเงินที่มาตรฐาน จึงโอนเงินเดือนผ่านธนาคาร เราก็มีบัญชี และบัตรเอทีเอ็มเป็นของตนเอง เลยขอเปิดE-Bankingไว้สำหรับโอนเงินกลับไทย แค่ครั้งละร้อยบาท (10ริงกิต)เท่านั้นเอง เงินจะถึงอีกฝั่งราวๆ 6ชม.-7วัน (เคยโอนเย็นวันศุกร์ ถึงไทยเช้าวันอังคาร)  ถ้าผ่านเวสเติ้ลฯจะครั้งละหนึ่งพันบาท แต่ถึงมือผู้รับทันที ทุกวัน

เจ้าหน้าที่ของทางการจะปะปนไปกับคนทั่วไป ส่วนใหญ่จะไปประจำแถวๆรถไฟฟ้า และตั้งด่านตรวจ เคยถูกตรวจตอนนั่งรถกลับบ้าน ก็ผ่านไปด้วยดีเพราะเรามีบัตรต่างด้าวที่มีรูปเราแสกนติดในบัตร พร้อมสำเนาพาสปอร์ท ถามสองสามคำก็ปล่อยผ่าน

นี่คือประสบการณ์ขั้นตอนของการมาทำงานที่ประเทศมาเลเซียอย่างถูกต้องคะ หากสงสัยก็สอบถามได้คะ ยินดีให้คำแนะนำคะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่