เพิ่งได้ดู แต่ก็อยากรีวิวครับ คันปากยิบๆ 555+
ถ้าคุณคิดว่าแม่มดต้องขี่ไม้กวาด ถือไม้กายสิทธิ์ ร่ายคาถาใส่กัน ปล่อยแสงฟิ้วๆ จงทิ้งภาพจำเหล่านั้นไปครับ แล้วมารู้จักกับแม่มดแบบเรียลและดาร์คกันเถอะ
เรื่องย่อตามเทรลเลอร์แบบไม่สปอย มีครอบครัวหนึ่งที่เคร่งศาสนาได้อพยพจากอังกฤษไปตั้งรกรากในแผ่นดินอเมริกาในช่วงยุคกลาง แต่ด้วยเหตุบางประการจึงทำให้ไม่ได้อยู่ในนิคมร่วมกับคนอื่น จึงต้องออกนอกนิคมไปอยู่กันเองอย่างโดดเดี่ยว และหลังจากนั้น ความลึกลับบางอย่างก็ค่อยๆ คืบคลานเข้ามาสู่ครอบครัวนี้
สำหรับผม เรื่องนี้เด่นมากๆ ในการทำซาวนด์ครับ คือเครื่องดนตรีที่ใช้ทำซาวนด์จะเน้นไปที่เครื่องสาย และมันดิบมาก ทุกครั้งนี่เหมือนจะกรีดลงไปในหัวใจ เพิ่มพลังความกดดันได้เป็นทวีคูณ มันไม่เพราะหรอกครับ แต่มันเก๋ไก๋ และมันเรียลมาก หายากนะครับ หนังที่กล้าใช้ซาวนด์แบบโดดเด้งขนาดนี้ แต่มันดีอ่ะ เพราะมันดันไปรับกับแสงในเรื่องเป็นอย่างดี
เรื่องนี้ถ่ายทำด้วยแสงธรรมชาติล้วนๆ ครับ มันจึงมืดๆ ทึมๆ แลดูจะมีอะไรซ่อนอยู่ตามหลืบ ตามคาน และพอเจอบิวท์ด้วยซาวนด์ดนตรีแบบด้านบนที่กล่าวมา อื้อหือ จะบิวท์ไปไหน บีบอารมณ์สุดๆ กดดันเวอร์ๆ
แน่นอนครับ หลักใหญ่ใจความมันต้องอยู่ที่บทสินะ และเรื่องนี้สำหรับผมคือทำได้ดีมากครับ มันไม่ใช่แม่มดแบบดาดๆ ที่เราเห็นกัน แต่หนังจะชักนำให้เราตั้งข้อสงสัยอยู่ตลอดว่า ใครเป็นแม่มดวะ ดูไปเถอะครับ เดายังไงก็เดาไม่ออก เพราะตอนจบมันดันเฉลยอีกอย่างนึงซะงั้น อารมณ์ประมาณ ถามช้าง ตอบมะเขือ (คือถ้าถามว่าช้างต้องตอบว่าม้า หรือควาย อ่ะครับ ตอบว่ามะเขือนี่มันต่างกันเกินไป) จะว่าเหมือนโดนหลอกก็ไม่ใช่ครับ เป็นเราคิดไปเองว่ามันควรเป็นงั้นเป็นงี้ สะใจมากที่ตัวเองดิ้นตามที่ผู้กำกับขีดไว้ 555+ นอกจากนี้หนังยังมีซับพล็อทอีกอันที่คอยถามตลอดว่า เจ้าน่ะ ศรัทธาในพระเจ้าเพียงพอมั้ย และเท่าไหนถึงจะเรียกว่าพอ และที่เจ้าพร่ำบอกว่าศรัทธาอย่างนั้นอย่างนี้ ในใจเจ้าน่ะ ศรัทธาจริงๆ มั้ย ไม้นี้เด็ดมากครับ เพราะเป็นคำถามที่ทิ้งไว้แบบปลายเปิดสุดๆ ไม่มีใครตอบคำถามนี้ได้นอกจากตัวเองจริงๆ ครับ
ต่อไปนี้เป็นสปอยตอนจบ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ครอบครัวนี้จะสงสัยกันเองตลอดว่าใครกันแน่ที่เป็นแม่มด หนักสุดคือลูกสาวคนโตที่โดนเยอะ ประเด็นนี้ยังชี้เรื่องของความไม่เท่าเทียมกันทางเพศในยุคก่อนด้วยครับ หนังเหมือนพยายามจะเป็นเฟมินิสท์หน่อยๆ ก็ช่างเถอะ สรุปว่า หนังหลอกให้เราคาดเดาว่าใครกันแน่ในครอบครัวที่เป็นแม่มด ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วไม่มีใครเป็นแม่มด ทั้งหมดทั้งมวลนี้ปีศาจ ซาตาน ความชั่ว หรืออะไรก็แล้วแต่จะเรียก เป็นตัวล่อลวงให้ต่างคนต่างไม่ใว้ใจซึ่งกันและกัน และชีวิตก็ระทมข่มขื่น จนสุดท้ายก็ผลักดันจนลูกสาวคนโตเลือกที่จะเป็นแม่มดจนได้
สปอยละ สบายใจ 555+
สรุป สำหรับผม การออกแบบหนังเรื่องนี้คือทำทุกอย่างมาให้สอดรับกันหมดเลยครับ ทุกอย่างมันลงตัว ทั้งซาวนด์ ทั้งแสง โลเคชั่น ยันนักแสดง ทุกอย่างถูกเลือกมาให้สนับสนุนตัวบทที่สุดล้ำอันนี้ ผมยกให้นี่เป็นหนังในดวงใจเรื่องที่ 2 สำหรับปีนี้เลยครับ (เรื่องแรกคือ Room) เป็นหนังที่ผมรู้สึกว่า ถ้าไม่ได้ดูคงจะเสียดายอ่ะ ใครที่เป็นแฟนหนังเทศกาลแบบนี้ ควรจัดนะครับ เดี๋ยวผมก็ว่าจะไปจัดอีกสักรอบถ้ามีเวลา
[CR] ไก่การีวิว : The Witch
ถ้าคุณคิดว่าแม่มดต้องขี่ไม้กวาด ถือไม้กายสิทธิ์ ร่ายคาถาใส่กัน ปล่อยแสงฟิ้วๆ จงทิ้งภาพจำเหล่านั้นไปครับ แล้วมารู้จักกับแม่มดแบบเรียลและดาร์คกันเถอะ
เรื่องย่อตามเทรลเลอร์แบบไม่สปอย มีครอบครัวหนึ่งที่เคร่งศาสนาได้อพยพจากอังกฤษไปตั้งรกรากในแผ่นดินอเมริกาในช่วงยุคกลาง แต่ด้วยเหตุบางประการจึงทำให้ไม่ได้อยู่ในนิคมร่วมกับคนอื่น จึงต้องออกนอกนิคมไปอยู่กันเองอย่างโดดเดี่ยว และหลังจากนั้น ความลึกลับบางอย่างก็ค่อยๆ คืบคลานเข้ามาสู่ครอบครัวนี้
สำหรับผม เรื่องนี้เด่นมากๆ ในการทำซาวนด์ครับ คือเครื่องดนตรีที่ใช้ทำซาวนด์จะเน้นไปที่เครื่องสาย และมันดิบมาก ทุกครั้งนี่เหมือนจะกรีดลงไปในหัวใจ เพิ่มพลังความกดดันได้เป็นทวีคูณ มันไม่เพราะหรอกครับ แต่มันเก๋ไก๋ และมันเรียลมาก หายากนะครับ หนังที่กล้าใช้ซาวนด์แบบโดดเด้งขนาดนี้ แต่มันดีอ่ะ เพราะมันดันไปรับกับแสงในเรื่องเป็นอย่างดี
เรื่องนี้ถ่ายทำด้วยแสงธรรมชาติล้วนๆ ครับ มันจึงมืดๆ ทึมๆ แลดูจะมีอะไรซ่อนอยู่ตามหลืบ ตามคาน และพอเจอบิวท์ด้วยซาวนด์ดนตรีแบบด้านบนที่กล่าวมา อื้อหือ จะบิวท์ไปไหน บีบอารมณ์สุดๆ กดดันเวอร์ๆ
แน่นอนครับ หลักใหญ่ใจความมันต้องอยู่ที่บทสินะ และเรื่องนี้สำหรับผมคือทำได้ดีมากครับ มันไม่ใช่แม่มดแบบดาดๆ ที่เราเห็นกัน แต่หนังจะชักนำให้เราตั้งข้อสงสัยอยู่ตลอดว่า ใครเป็นแม่มดวะ ดูไปเถอะครับ เดายังไงก็เดาไม่ออก เพราะตอนจบมันดันเฉลยอีกอย่างนึงซะงั้น อารมณ์ประมาณ ถามช้าง ตอบมะเขือ (คือถ้าถามว่าช้างต้องตอบว่าม้า หรือควาย อ่ะครับ ตอบว่ามะเขือนี่มันต่างกันเกินไป) จะว่าเหมือนโดนหลอกก็ไม่ใช่ครับ เป็นเราคิดไปเองว่ามันควรเป็นงั้นเป็นงี้ สะใจมากที่ตัวเองดิ้นตามที่ผู้กำกับขีดไว้ 555+ นอกจากนี้หนังยังมีซับพล็อทอีกอันที่คอยถามตลอดว่า เจ้าน่ะ ศรัทธาในพระเจ้าเพียงพอมั้ย และเท่าไหนถึงจะเรียกว่าพอ และที่เจ้าพร่ำบอกว่าศรัทธาอย่างนั้นอย่างนี้ ในใจเจ้าน่ะ ศรัทธาจริงๆ มั้ย ไม้นี้เด็ดมากครับ เพราะเป็นคำถามที่ทิ้งไว้แบบปลายเปิดสุดๆ ไม่มีใครตอบคำถามนี้ได้นอกจากตัวเองจริงๆ ครับ
ต่อไปนี้เป็นสปอยตอนจบ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
สปอยละ สบายใจ 555+
สรุป สำหรับผม การออกแบบหนังเรื่องนี้คือทำทุกอย่างมาให้สอดรับกันหมดเลยครับ ทุกอย่างมันลงตัว ทั้งซาวนด์ ทั้งแสง โลเคชั่น ยันนักแสดง ทุกอย่างถูกเลือกมาให้สนับสนุนตัวบทที่สุดล้ำอันนี้ ผมยกให้นี่เป็นหนังในดวงใจเรื่องที่ 2 สำหรับปีนี้เลยครับ (เรื่องแรกคือ Room) เป็นหนังที่ผมรู้สึกว่า ถ้าไม่ได้ดูคงจะเสียดายอ่ะ ใครที่เป็นแฟนหนังเทศกาลแบบนี้ ควรจัดนะครับ เดี๋ยวผมก็ว่าจะไปจัดอีกสักรอบถ้ามีเวลา