บทความยอดฮิต โดย ดร.ลูกโป่ง ตีสิบ...
เมื่อวานให้คำปรึกษาเรื่องปัญหากับน้องผู้หญิงคนหนึ่ง น้องถามว่า เวลามีปัญหาเกิดขึ้นแล้วแก้ปัญหาไม่ได้จิตใจเป็นทุกข์มากแล้วจะให้อยู่กับปัญหาอย่างมีความสุขได้อย่างไร? น้องบอกว่าติดตามพี่ลูกโป่งมานานเห็นพี่ลูกโป่งบอกว่า ในสถานการณ์ที่เป็นทุกข์ให้มองว่ามันเป็นความสุข เวลามีปัญหาเกิดขึ้นก็ให้มองว่าปัญหานั้นจะทำให้เราแข็งแกร่งขึ้น แต่หนูรู้สึกว่า หนูอ่อนแอลง หนูท้อแท้ถอดใจ หนูมืดแปดด้าน หนูทุกข์หนูเครียด หนูไม่รู้จะทำยังไงกับชีวิตดี หนูแก้ปัญหาไม่ได้ แล้วหนูก็รู้สึกว่า พอมีปัญหาเกิดขึ้น ปัญหาทุกๆอย่างเยอะแยะไปหมด ไม่รู้อะไรต่ออะไรถาโถมเข้ามาจนหนูตั้งตัวไม่ติด หนูจะทำยังไงดีคะ จะมีความสุขได้ยังไงคะ
ขอตอบแบบกำปั้นทุบดินตรงตรงเลยนะคะ เมื่อมีปัญหาผ่านเข้ามาในชีวิต ไม่ว่าปัญหาใหญ่ปัญหาเล็กในทุกๆปัญหา ต้องทำความเข้าใจให้ได้ว่า ปัญหามี 2 อย่าง คือ ปัญหานั้น เราแก้ได้ และ ปัญหานั้น เราแก้ไม่ได้ วิธีการคิดให้มีความสุขหรือทำใจ คิดง่ายง่ายเลยคือ
1.[อยู่กับวิธีแก้ปัญหาที่มีทางออก]
ถ้าปัญหานั้นมันแก้ได้ มีทางออก เราจะเครียดและกลุ้มใจไปทำไม เราก็แค่ทำตามวิธีการที่มันจะแก้ปัญหานั้นซะ เพราะยังไงยังไงเราก็ต้องแก้ปัญหานั้นอยู่แล้ว ป่วยการจะเสียเวลามานั่งกลุ้มนั่งเครียดเพื่ออะไร
2.[ทำใจปล่อยวางลงบ้าง]
ถ้าปัญหานั้นมันเป็นปัญหาที่แก้ไม่ได้ ถามว่ามานั่งทุกข์ใจ กลุ้มใจ เครียด มันเกิดประโยชน์อะไร? แล้วมันจะช่วยให้แก้ปัญหาได้หรือเปล่า? ก็เปล่า เราก็ต้องทำใจปล่อยวางลงบ้าง เพราะเราไม่สามารถควบคุมมันได้ ต้องคิดเลยว่า อันไหนที่มันเกินกำลังเกินความควบคุมของเรา ก็ต้องปล่อยมันไปให้เวลาหรือให้สิ่งต่างๆมาคลี่คลายปัญหานั้น ก็เรายังมีปัญหาอื่นๆอีกเยอะแยะที่ถาโถมเข้ามารอให้เราแก้อยู่ไม่ใช่หรอ
3.[ให้เวลาบริหารจัดการสิ่งที่เราควบคุมได้]
สิ่งที่เราต้องทำก็คือ เราควรเอาเวลาที่จะมานั่งทุกข์ นั่งเครียด กับปัญหาที่เราแก้ไม่ได้และควบคุมไม่ได้ เหล่านั้น มาบริหารจัดการสิ่งที่เราควบคุมได้ ปัญหาที่เราแก้ได้จะดีกว่า เพราะเมื่อเราสามารถบริหารจัดการในสิ่งที่เราควบคุมได้ประสบความสำเร็จนั่นแหละ มันจะเป็นแรงผลักดันให้เรา มีกำลังใจที่จะแก้ปัญหาอื่นๆ ปมความทุกข์อื่นๆต่อไป ส่วนอันที่แก้ไม่ได้ มันจะคลี่คลายไปด้วยตัวมันเอง ทำอย่างนี้ได้ชีวิตเราก็มีความสุข ไม่ต้องจมอยู่กับความทุกข์ แม้มันจะมีความทุกข์ที่เราควบคุมไม่ได้ และเราจะไปยึดติดมันไว้ทำไมคะ ปล่อยมันไปไม่ดีกว่าหรอ
4.[อย่าไปยึดติดกับปัญหา]
ต้องทำความเข้าใจจริงๆเลยว่า ไม่ว่าความทุกข์หรือปัญหาที่ผ่านเข้ามาในชีวิต มันก็ไม่ได้อยากอยู่กับเราไปนานนาน หรืออยากอยู่กับเราไปตลอดชีวิตหรอก เราต่างหากที่ไปยึดติดมันไว้ แล้วก็อยากอยู่กับมันถึงได้ทุกข์ ถึงได้เครียด แล้วก็เอาตัวไปผูกติดกับปัญหาสุดท้ายก็ติดกับดักของปัญหา ถ้าเราไม่อยากทุกข์ไม่อยากเครียด เราก็อย่าไปยึดติดกับปัญหามองทางแก้ปัญหา มองทางออกของปัญหา แล้วจะพบว่าปัญหามันไม่ได้ทำให้เราแย่ขนาดนั้น เพราะฉะนั้นเราอย่าทำตัวเองให้แย่ไปกับปัญหานะคะ
(ยกตัวอย่างง่ายๆ นะคะ)
ตอนคุณพ่อของพี่ลูกโป่งเสีย ถ้าพี่ลูกโป่งร้องไห้เสียใจเจียนตาย ไม่กินไม่นอนถามว่าทุกข์มาก เครียดมาก คุณพ่อพี่ลูกโป่งก็ไม่สามารถฟื้นขึ้นมาได้ใช่ไหมคะ แบบนี้เรียกว่ามันเกินความควบคุมของเรา เราจะไปแก้ไขอะไรไม่ได้ เพราะคุณพ่อก็ตายไปแล้ว สิ่งที่พี่ลูกโป่งทำได้ก็คือทำหน้าที่จัดงานสุดท้ายของคุณพ่อให้ดีที่สุดให้เป็นเกียรติกับคุณพ่อ พี่ลูกโป่งก็ต้องให้คำแนะนำกับน้องน้องและตัวเองว่า "คนตายก็ตายไปแล้ว ถ้าคนอยู่จะตายตามแล้วเกิดประโยชน์อะไร คนอยู่ก็ต้อง สตรอง สตรอง ทำตัวเองให้เข้มแข็ง เพื่อชีวิตต้องเดินหน้าต่อไปและทำงานสุดท้ายของคนตายให้ดีที่สุดต่างหากถึงจะถูกค่ะ คิดได้อย่างนี้ งานพระราชทานเพลิงศพของคุณพ่อพี่ลูกโป่งก็ผ่านไปได้อย่างเรียบร้อย ไม่มีสะดุดเป็นเกียรติแก่คุณพ่อ ญาติพี่น้องและผู้มาร่วมงาน อย่างน้อยที่สุดงานศพนั้นก็ไม่ได้เศร้าจนเกินไปค่ะ
ดร.ลูกโป่ง ตีสิบ
22/05/2559
#ธนาคารแห่งความลับ
" 4 วิธี (ง่ายง่าย) เพื่ออยู่กับปัญหา ได้อย่างมีความสุข "
เมื่อวานให้คำปรึกษาเรื่องปัญหากับน้องผู้หญิงคนหนึ่ง น้องถามว่า เวลามีปัญหาเกิดขึ้นแล้วแก้ปัญหาไม่ได้จิตใจเป็นทุกข์มากแล้วจะให้อยู่กับปัญหาอย่างมีความสุขได้อย่างไร? น้องบอกว่าติดตามพี่ลูกโป่งมานานเห็นพี่ลูกโป่งบอกว่า ในสถานการณ์ที่เป็นทุกข์ให้มองว่ามันเป็นความสุข เวลามีปัญหาเกิดขึ้นก็ให้มองว่าปัญหานั้นจะทำให้เราแข็งแกร่งขึ้น แต่หนูรู้สึกว่า หนูอ่อนแอลง หนูท้อแท้ถอดใจ หนูมืดแปดด้าน หนูทุกข์หนูเครียด หนูไม่รู้จะทำยังไงกับชีวิตดี หนูแก้ปัญหาไม่ได้ แล้วหนูก็รู้สึกว่า พอมีปัญหาเกิดขึ้น ปัญหาทุกๆอย่างเยอะแยะไปหมด ไม่รู้อะไรต่ออะไรถาโถมเข้ามาจนหนูตั้งตัวไม่ติด หนูจะทำยังไงดีคะ จะมีความสุขได้ยังไงคะ
ขอตอบแบบกำปั้นทุบดินตรงตรงเลยนะคะ เมื่อมีปัญหาผ่านเข้ามาในชีวิต ไม่ว่าปัญหาใหญ่ปัญหาเล็กในทุกๆปัญหา ต้องทำความเข้าใจให้ได้ว่า ปัญหามี 2 อย่าง คือ ปัญหานั้น เราแก้ได้ และ ปัญหานั้น เราแก้ไม่ได้ วิธีการคิดให้มีความสุขหรือทำใจ คิดง่ายง่ายเลยคือ
1.[อยู่กับวิธีแก้ปัญหาที่มีทางออก]
ถ้าปัญหานั้นมันแก้ได้ มีทางออก เราจะเครียดและกลุ้มใจไปทำไม เราก็แค่ทำตามวิธีการที่มันจะแก้ปัญหานั้นซะ เพราะยังไงยังไงเราก็ต้องแก้ปัญหานั้นอยู่แล้ว ป่วยการจะเสียเวลามานั่งกลุ้มนั่งเครียดเพื่ออะไร
2.[ทำใจปล่อยวางลงบ้าง]
ถ้าปัญหานั้นมันเป็นปัญหาที่แก้ไม่ได้ ถามว่ามานั่งทุกข์ใจ กลุ้มใจ เครียด มันเกิดประโยชน์อะไร? แล้วมันจะช่วยให้แก้ปัญหาได้หรือเปล่า? ก็เปล่า เราก็ต้องทำใจปล่อยวางลงบ้าง เพราะเราไม่สามารถควบคุมมันได้ ต้องคิดเลยว่า อันไหนที่มันเกินกำลังเกินความควบคุมของเรา ก็ต้องปล่อยมันไปให้เวลาหรือให้สิ่งต่างๆมาคลี่คลายปัญหานั้น ก็เรายังมีปัญหาอื่นๆอีกเยอะแยะที่ถาโถมเข้ามารอให้เราแก้อยู่ไม่ใช่หรอ
3.[ให้เวลาบริหารจัดการสิ่งที่เราควบคุมได้]
สิ่งที่เราต้องทำก็คือ เราควรเอาเวลาที่จะมานั่งทุกข์ นั่งเครียด กับปัญหาที่เราแก้ไม่ได้และควบคุมไม่ได้ เหล่านั้น มาบริหารจัดการสิ่งที่เราควบคุมได้ ปัญหาที่เราแก้ได้จะดีกว่า เพราะเมื่อเราสามารถบริหารจัดการในสิ่งที่เราควบคุมได้ประสบความสำเร็จนั่นแหละ มันจะเป็นแรงผลักดันให้เรา มีกำลังใจที่จะแก้ปัญหาอื่นๆ ปมความทุกข์อื่นๆต่อไป ส่วนอันที่แก้ไม่ได้ มันจะคลี่คลายไปด้วยตัวมันเอง ทำอย่างนี้ได้ชีวิตเราก็มีความสุข ไม่ต้องจมอยู่กับความทุกข์ แม้มันจะมีความทุกข์ที่เราควบคุมไม่ได้ และเราจะไปยึดติดมันไว้ทำไมคะ ปล่อยมันไปไม่ดีกว่าหรอ
4.[อย่าไปยึดติดกับปัญหา]
ต้องทำความเข้าใจจริงๆเลยว่า ไม่ว่าความทุกข์หรือปัญหาที่ผ่านเข้ามาในชีวิต มันก็ไม่ได้อยากอยู่กับเราไปนานนาน หรืออยากอยู่กับเราไปตลอดชีวิตหรอก เราต่างหากที่ไปยึดติดมันไว้ แล้วก็อยากอยู่กับมันถึงได้ทุกข์ ถึงได้เครียด แล้วก็เอาตัวไปผูกติดกับปัญหาสุดท้ายก็ติดกับดักของปัญหา ถ้าเราไม่อยากทุกข์ไม่อยากเครียด เราก็อย่าไปยึดติดกับปัญหามองทางแก้ปัญหา มองทางออกของปัญหา แล้วจะพบว่าปัญหามันไม่ได้ทำให้เราแย่ขนาดนั้น เพราะฉะนั้นเราอย่าทำตัวเองให้แย่ไปกับปัญหานะคะ
(ยกตัวอย่างง่ายๆ นะคะ)
ตอนคุณพ่อของพี่ลูกโป่งเสีย ถ้าพี่ลูกโป่งร้องไห้เสียใจเจียนตาย ไม่กินไม่นอนถามว่าทุกข์มาก เครียดมาก คุณพ่อพี่ลูกโป่งก็ไม่สามารถฟื้นขึ้นมาได้ใช่ไหมคะ แบบนี้เรียกว่ามันเกินความควบคุมของเรา เราจะไปแก้ไขอะไรไม่ได้ เพราะคุณพ่อก็ตายไปแล้ว สิ่งที่พี่ลูกโป่งทำได้ก็คือทำหน้าที่จัดงานสุดท้ายของคุณพ่อให้ดีที่สุดให้เป็นเกียรติกับคุณพ่อ พี่ลูกโป่งก็ต้องให้คำแนะนำกับน้องน้องและตัวเองว่า "คนตายก็ตายไปแล้ว ถ้าคนอยู่จะตายตามแล้วเกิดประโยชน์อะไร คนอยู่ก็ต้อง สตรอง สตรอง ทำตัวเองให้เข้มแข็ง เพื่อชีวิตต้องเดินหน้าต่อไปและทำงานสุดท้ายของคนตายให้ดีที่สุดต่างหากถึงจะถูกค่ะ คิดได้อย่างนี้ งานพระราชทานเพลิงศพของคุณพ่อพี่ลูกโป่งก็ผ่านไปได้อย่างเรียบร้อย ไม่มีสะดุดเป็นเกียรติแก่คุณพ่อ ญาติพี่น้องและผู้มาร่วมงาน อย่างน้อยที่สุดงานศพนั้นก็ไม่ได้เศร้าจนเกินไปค่ะ
ดร.ลูกโป่ง ตีสิบ
22/05/2559
#ธนาคารแห่งความลับ