เอาละ คราวนี้จะได้เริ่มเขียนในแนวที่ถนัดละ เอาประสบการณ์ที่เคยไปเที่ยวมาเล่าต่อ ทริปนี้เป็นส่วนหนึ่งของซีรีย์ ทัวร์แมวจร~Japan 3 ที่ผมเขียนลงในบล็อก แต่พอเอามาลงพันทิปก็จะหยิบอันที่น่าสนใจมาเท่านั้น
เดี๋ยวจะพาไปเที่ยวที่ ศาลเจ้าทสึคิ (調神社 Tsuki Jinja) หรือ ศาลเจ้ากระต่าย กันครับ
ศาลเจ้าแห่งนี้ตั้งอยู่ในเขตอุระวะ จังหวัดไซตามะ สถานีรถไฟที่อยู่ใกล้ที่สุดคือสถานีอุระวะ (浦和駅 Urawa-eki) ถ้าเดินทางจากสถานีโตเกียวหรืออุเอโนะ ให้ขึ้นรถไฟสาย JR Keihin-Tohoku Line แต่ถ้าจะเดินทางจากย่านอิเคะบุคุโระหรือชินจุกุ ให้ขึ้นรถไฟสาย JR Shonan-Shinjuku Line ครับ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 25 นาทีก็จะถึงสถานีอุระวะ ถึงแล้วให้เดินออกมาทางทิศตะวันตก
จากสถานีอุระวะ ต้องเดินอีกประมาณ 700 เมตร จะถึงศาลเจ้าทสึคิ
เนื่องจากยังไม่ได้ทานมื้อเช้า และเห็นว่าใกล้ๆ สถานีรถไฟมีร้านอาหารพอดี ก็เลยแวะทานสักหน่อย อันนี้ข้าวแกงกะหรี่เนื้อของร้าน Matsuya
ทานเสร็จก็ต้องเดินต่อไป~ ชีวิตมันต้องเดินตามหาความฝานนนน (ไม่ใช่ละ)
ถึงหน้าศาลเจ้าแล้วครับ ลองคิดกันเล่นๆ ว่าศาลเจ้านี้มีอะไรผิดปกติไปจากศาลเจ้าอื่นๆ มีทั้งหมดสามที่ด้วยกัน
ให้เวลาคิดสักครู่ แต่ถ้าอยากรู้คำตอบก็เลื่อนลงไปดูได้เลย~
..........
.........
........
.......
......
.....
....
...
..
.
.
.
ข้อที่หนึ่งคือ
1. กระต่าย! มีรูปปั้นหินรูปกระต่ายตั้งอยู่ด้านหน้าศาลเจ้าครับ ศาลเจ้าชินโตที่อื่นๆ เรามักจะจำได้ว่าจะมีรูปปั้นสิงโต อยู่ตรงทางเข้า และมีรูปปั้นสุนัขจิ้งจอกกับทานุกิ แต่ที่ศาลเจ้าทสึคิแห่งนี้มีสัตว์ผู้คุ้มครองศาลเจ้าคือกระต่ายครับ (狛兎 Komausagi) จากคำว่า Tsuki น่าจะมีคนเดาถูกด้วยว่าเป็นศาลเจ้าของเทพเจ้าแห่งดวงจันทร์ ทสึคุโยมิ (月読) ซึ่งเป็นผู้ชาย ต่างจากทางด้านกรีกโรมันที่เทพเจ้าแห่งดวงจันทร์จะเป็นผู้หญิง ชาวญี่ปุ่นในมีความเชื่อว่ากระต่ายคือผู้นำสาส์นจากเทพเจ้าแห่งดวงจันทร์ ที่จะนำความสุขลงมาให้มนุษย์โลก ด้วยเหตุนี้ ในศาลเจ้าแห่งนี้จึงมีรูปปั้นและภาพวาดกระต่ายอยู่เต็มไปหมด
ตามตำนานของศาสนาชินโต เทพเจ้าแห่งดวงจันทร์ ทสึคุโยมิ กับเทพีแห่งดวงอาทิตย์ อะมะเทราสุ (天照) เป็นพี่น้องกัน มีคนสนิทของเทพีอะมะเทราสุทำให้เทพเจ้าแห่งดวงจันทร์ไม่พอใจ เทพเจ้าแห่งดวงจันทร์ก็เลยสังหารคนสนิทคนนั้นซะ ทำให้ เทพีแห่งดวงอาทิตย์โกรธมาก แทบจะไม่อยากพบเจอกับเทพเจ้าแห่งดวงจันทร์เลยทีเดียว เวลาพระอาทิตย์ขึ้น พระจันทร์จะหายไป เวลาอาทิตย์ตก พระจันทร์โผล่ออกมา เป็นความเชื่อที่ทำให้โลกมีกลางวันกับกลางคืนครับ
อ้อ เกือบลืมบอกไป ถ้าใครคิดจะมาที่ศาลเจ้าแห่งนี้เพื่อมาดูกระต่ายตัวเป็นๆ ที่นี่ไม่มีนะ
2. โดยปกติทางเข้าศาลเจ้าชินโตมักจะมีประตูโทริอิตั้งเอาไว้อยู่ แต่ที่ศาลเจ้าแห่งนี้ไม่มีครับ
3. อีกหนึ่งจุดสังเกตซึ่งอาจจะดูยากสักหน่อย ในศาลเจ้าแห่งนี้มีต้นไม้ขึ้นอยู่มากมาย แต่ไม่มีต้นสนเลยสักต้น ตรงนี้มีตำนานด้วยครับ ตำนานกล่าวไว้ว่าศาลเจ้าแห่งนี้เคยเป็นสถานที่ที่เทพเจ้าสององค์นัดเจอกันไว้ องค์แรกมาถึงแล้ว ก็รอองค์ที่สอง รอหลายชั่วโมง รอแล้วรอเล่าก็ยังไม่มา รอจนหมดความอดทน เทพเจ้าองค์แรกก็เลยโพล่งออกมาว่า "สิ่งที่ข้าเกลียดที่สุดก็คือการรอนี่แหละ ไม่มีอะไรทำให้ข้ารำคาญไปกว่าการรออีกแล้ว!" แล้วเทพเจ้าองค์แรกก็เลยชักดาบออกมาตัดต้นสนในบริเวณศาลเจ้าทิ้งทั้งหมด คนทั่วไปอาจจะคิดว่าที่ทำไปเพราะความโมโห แต่จริงๆ แล้วมันมีความหมายลึกกว่านั้นครับ เพราะคำว่ารอในภาษาญี่ปุ่นคือ 待つ ออกเสียงว่า Matsu ซึ่งไปพ้องเสียงกับคำว่า 松 (Matsu) ที่แปลว่าต้นสนพอดี! เป็นการเล่นคำพ้องเสียงนี่เอง
จบการอธิบายละ เดินเข้าไปดูข้างในกัน ก่อนเข้าไปในเขตศาลเจ้าก็ต้องแวะล้างมือกันก่อน เจอกระต่ายหินตัวเบ้อเริ่ม คอยพ่นน้ำออกมาให้เราใช้ล้างมือ
แม้แต่เสาหินก็ยังมีสัญลักษณ์ที่สื่อถึงดวงจันทร์ ดูกันออกมั้ยครับ พระจันทร์เสี้ยว ที่เจาะเป็นรูตรงกลางเสานั่นเอง
เจอรูปปั้นกระต่ายอีกที่ละ
แม้แต่แผ่นเอะมะ แผ่นไม้สำหรับเขียนคำอธิษฐาน ก็มีรูปกระต่าย
อาคารหลัก
เดินไปอีกหน่อยก็เจอสระน้ำ หืม? ที่อยู่ตรงกลางสระนั่นมัน...
กระต่ายพ่นน้ำอีกแล้ว ฮาาาา ถึงจะตัวเล็กกว่าตัวที่อยู่ตรงที่ล้างมือ แต่พ่นน้ำแรงกว่าด้วย แต่เอ๊ะ เหมือนจะไม่ได้มีแค่กระต่ายตัวเดียวนะ ลองหาตัวอื่นๆ อีกสามตัว
เหมือนจะเป็นแม่ลูก มีกระต่ายตัวเล็กอยู่หนึ่งตัว ขาวๆ ทางซ้ายก็มีกระต่ายตัวเล็กอีกตัว ถ้าสังเกตดีๆ ระหว่างกระต่ายตัวเล็กกับกระต่ายแม่ลูกก็จะมีเต่าอยู่ด้วยหละ
ข้างๆ ศาลเจ้าทสึคิ มีสวนสาธารณะอยู่ ไปช่วงเดือนเมษายน ซากุระเริ่มร่วงบ้างแล้ว มีครอบครัวมาปิกนิกกันที่นี่ด้วย
จบละครับ สำหรับตอนหน้าก็คอยติดตามกันด้วยนะครับ เพราะยังนึกไม่ออกว่าจะเอาเรื่องอะไรดี ฮ่ะๆ
ที่มา
http://toeysan.com/2016/05/japan2014-tsukishrine/
ทัวร์แมวจร~Japan: พาเที่ยวศาลเจ้ากระต่าย ไม่ไกลจากโตเกียว
เดี๋ยวจะพาไปเที่ยวที่ ศาลเจ้าทสึคิ (調神社 Tsuki Jinja) หรือ ศาลเจ้ากระต่าย กันครับ
ศาลเจ้าแห่งนี้ตั้งอยู่ในเขตอุระวะ จังหวัดไซตามะ สถานีรถไฟที่อยู่ใกล้ที่สุดคือสถานีอุระวะ (浦和駅 Urawa-eki) ถ้าเดินทางจากสถานีโตเกียวหรืออุเอโนะ ให้ขึ้นรถไฟสาย JR Keihin-Tohoku Line แต่ถ้าจะเดินทางจากย่านอิเคะบุคุโระหรือชินจุกุ ให้ขึ้นรถไฟสาย JR Shonan-Shinjuku Line ครับ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 25 นาทีก็จะถึงสถานีอุระวะ ถึงแล้วให้เดินออกมาทางทิศตะวันตก
จากสถานีอุระวะ ต้องเดินอีกประมาณ 700 เมตร จะถึงศาลเจ้าทสึคิ
เนื่องจากยังไม่ได้ทานมื้อเช้า และเห็นว่าใกล้ๆ สถานีรถไฟมีร้านอาหารพอดี ก็เลยแวะทานสักหน่อย อันนี้ข้าวแกงกะหรี่เนื้อของร้าน Matsuya
ทานเสร็จก็ต้องเดินต่อไป~ ชีวิตมันต้องเดินตามหาความฝานนนน (ไม่ใช่ละ)
ถึงหน้าศาลเจ้าแล้วครับ ลองคิดกันเล่นๆ ว่าศาลเจ้านี้มีอะไรผิดปกติไปจากศาลเจ้าอื่นๆ มีทั้งหมดสามที่ด้วยกัน
ให้เวลาคิดสักครู่ แต่ถ้าอยากรู้คำตอบก็เลื่อนลงไปดูได้เลย~
..........
.........
........
.......
......
.....
....
...
..
.
.
.
ข้อที่หนึ่งคือ
1. กระต่าย! มีรูปปั้นหินรูปกระต่ายตั้งอยู่ด้านหน้าศาลเจ้าครับ ศาลเจ้าชินโตที่อื่นๆ เรามักจะจำได้ว่าจะมีรูปปั้นสิงโต อยู่ตรงทางเข้า และมีรูปปั้นสุนัขจิ้งจอกกับทานุกิ แต่ที่ศาลเจ้าทสึคิแห่งนี้มีสัตว์ผู้คุ้มครองศาลเจ้าคือกระต่ายครับ (狛兎 Komausagi) จากคำว่า Tsuki น่าจะมีคนเดาถูกด้วยว่าเป็นศาลเจ้าของเทพเจ้าแห่งดวงจันทร์ ทสึคุโยมิ (月読) ซึ่งเป็นผู้ชาย ต่างจากทางด้านกรีกโรมันที่เทพเจ้าแห่งดวงจันทร์จะเป็นผู้หญิง ชาวญี่ปุ่นในมีความเชื่อว่ากระต่ายคือผู้นำสาส์นจากเทพเจ้าแห่งดวงจันทร์ ที่จะนำความสุขลงมาให้มนุษย์โลก ด้วยเหตุนี้ ในศาลเจ้าแห่งนี้จึงมีรูปปั้นและภาพวาดกระต่ายอยู่เต็มไปหมด
ตามตำนานของศาสนาชินโต เทพเจ้าแห่งดวงจันทร์ ทสึคุโยมิ กับเทพีแห่งดวงอาทิตย์ อะมะเทราสุ (天照) เป็นพี่น้องกัน มีคนสนิทของเทพีอะมะเทราสุทำให้เทพเจ้าแห่งดวงจันทร์ไม่พอใจ เทพเจ้าแห่งดวงจันทร์ก็เลยสังหารคนสนิทคนนั้นซะ ทำให้ เทพีแห่งดวงอาทิตย์โกรธมาก แทบจะไม่อยากพบเจอกับเทพเจ้าแห่งดวงจันทร์เลยทีเดียว เวลาพระอาทิตย์ขึ้น พระจันทร์จะหายไป เวลาอาทิตย์ตก พระจันทร์โผล่ออกมา เป็นความเชื่อที่ทำให้โลกมีกลางวันกับกลางคืนครับ
อ้อ เกือบลืมบอกไป ถ้าใครคิดจะมาที่ศาลเจ้าแห่งนี้เพื่อมาดูกระต่ายตัวเป็นๆ ที่นี่ไม่มีนะ
2. โดยปกติทางเข้าศาลเจ้าชินโตมักจะมีประตูโทริอิตั้งเอาไว้อยู่ แต่ที่ศาลเจ้าแห่งนี้ไม่มีครับ
3. อีกหนึ่งจุดสังเกตซึ่งอาจจะดูยากสักหน่อย ในศาลเจ้าแห่งนี้มีต้นไม้ขึ้นอยู่มากมาย แต่ไม่มีต้นสนเลยสักต้น ตรงนี้มีตำนานด้วยครับ ตำนานกล่าวไว้ว่าศาลเจ้าแห่งนี้เคยเป็นสถานที่ที่เทพเจ้าสององค์นัดเจอกันไว้ องค์แรกมาถึงแล้ว ก็รอองค์ที่สอง รอหลายชั่วโมง รอแล้วรอเล่าก็ยังไม่มา รอจนหมดความอดทน เทพเจ้าองค์แรกก็เลยโพล่งออกมาว่า "สิ่งที่ข้าเกลียดที่สุดก็คือการรอนี่แหละ ไม่มีอะไรทำให้ข้ารำคาญไปกว่าการรออีกแล้ว!" แล้วเทพเจ้าองค์แรกก็เลยชักดาบออกมาตัดต้นสนในบริเวณศาลเจ้าทิ้งทั้งหมด คนทั่วไปอาจจะคิดว่าที่ทำไปเพราะความโมโห แต่จริงๆ แล้วมันมีความหมายลึกกว่านั้นครับ เพราะคำว่ารอในภาษาญี่ปุ่นคือ 待つ ออกเสียงว่า Matsu ซึ่งไปพ้องเสียงกับคำว่า 松 (Matsu) ที่แปลว่าต้นสนพอดี! เป็นการเล่นคำพ้องเสียงนี่เอง
จบการอธิบายละ เดินเข้าไปดูข้างในกัน ก่อนเข้าไปในเขตศาลเจ้าก็ต้องแวะล้างมือกันก่อน เจอกระต่ายหินตัวเบ้อเริ่ม คอยพ่นน้ำออกมาให้เราใช้ล้างมือ
แม้แต่เสาหินก็ยังมีสัญลักษณ์ที่สื่อถึงดวงจันทร์ ดูกันออกมั้ยครับ พระจันทร์เสี้ยว ที่เจาะเป็นรูตรงกลางเสานั่นเอง
เจอรูปปั้นกระต่ายอีกที่ละ
แม้แต่แผ่นเอะมะ แผ่นไม้สำหรับเขียนคำอธิษฐาน ก็มีรูปกระต่าย
อาคารหลัก
เดินไปอีกหน่อยก็เจอสระน้ำ หืม? ที่อยู่ตรงกลางสระนั่นมัน...
กระต่ายพ่นน้ำอีกแล้ว ฮาาาา ถึงจะตัวเล็กกว่าตัวที่อยู่ตรงที่ล้างมือ แต่พ่นน้ำแรงกว่าด้วย แต่เอ๊ะ เหมือนจะไม่ได้มีแค่กระต่ายตัวเดียวนะ ลองหาตัวอื่นๆ อีกสามตัว
เหมือนจะเป็นแม่ลูก มีกระต่ายตัวเล็กอยู่หนึ่งตัว ขาวๆ ทางซ้ายก็มีกระต่ายตัวเล็กอีกตัว ถ้าสังเกตดีๆ ระหว่างกระต่ายตัวเล็กกับกระต่ายแม่ลูกก็จะมีเต่าอยู่ด้วยหละ
ข้างๆ ศาลเจ้าทสึคิ มีสวนสาธารณะอยู่ ไปช่วงเดือนเมษายน ซากุระเริ่มร่วงบ้างแล้ว มีครอบครัวมาปิกนิกกันที่นี่ด้วย
จบละครับ สำหรับตอนหน้าก็คอยติดตามกันด้วยนะครับ เพราะยังนึกไม่ออกว่าจะเอาเรื่องอะไรดี ฮ่ะๆ
ที่มา
http://toeysan.com/2016/05/japan2014-tsukishrine/