สวัสดีครับ ขอพระหรรษทานจากพระตรีเอกภาพจงมีท่ามกลางชีวิตทุกท่าน
จากพระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ ในพระธรรมเฉลยธรรมบัญญัติ 5:6-21 ผมขออธิบายในธรรมบัญญัติข้อสองและเจาะลึกนิดหน่อยตามความเชื่อของศาสนจักรออร์โธด็อกซ์ โดยข้อมูลนี้อ้างอิงจาก
หนังสือพระบัญญัติแห่งพระเจ้า โดยทางมูลนิธิชาวคริสต์ศาสนิกชนดั้งเดิมออร์โธด็อกซ์ในประเทศไทยจัดทำขึ้น ซึ่งผมได้มาตอนเรียนคำสอนนะครับ
“อย่าทำรูปเคารพสำหรับตน เป็นรูปสิ่งใดที่อยู่ในฟ้าเบื้องบน หรือบนแผ่นดินเบื่องล่าง หรือในน้ำใต้แผ่นดิน อย่ากราบไหว้หรือปรนนิบัติรูปเหล่านั้น เพราะเราคือพระเจ้าของเจ้า เป็นพระเจ้าที่หวงแหน ให้โทษบิดาตกทอดไปถึงลูกหลานของผู้ที่ชังเราจนถึงสามชั่วสี่ชั่วอายุคน แต่เราแสดงความรักมั่นคงต่อคนที่รักเรา และปฏิบัติตามบัญญัติของเราจนถึงพันชั่วอายุคน” พระบัญญัติข้อนี้การต่อต้านการสร้างรูปเคารพ,การสร้างตัวแทนของพระเจ้าที่เรามองเห็นได้ ไม่มีสิ่งจำลองใดที่เราสามารถสร้างให้เหมือนกับพระเจ้าที่แท้จริงได้ การสร้างรูปเคารพเปรียบเสมือนกับการนมัสการพระเจ้าเท็จนั้นเอง”
การเชื่อในธรรมบัญญัติของพระเจ้านั้นคือการห้ามจากการเคารพกราบไหว้ในเครื่องรางของขลังทั้งปวง และห้ามทำไว้เคารพและไหว้สำหรับตนเอง หรือรูปเคารพ หรือสัญลักษณ์ที่เป็นเหมือนกันดังเช่นนี้ หรือสิ่งที่เรามองเห็นบนท้องฟ้า ในน้ำ บนแผ่นดิน พระเจ้าทรงห้ามไม่ให้เคารพกราบไหว้หรือปรนนิบัติสิ่งเหล่านี้
ไปพร้อมกันกับการเคารพในพระเจ้า
การห้ามไม่ให้เคารพกราบไหว้ในรูปเคารพและเครื่องรางของขลังเหล่านี้ก็ใช่ว่าจะขัดต่อการแสดงการเคารพ (คำนับ , กราบ , จูบ , ภาวนาต่อหน้า) ต่อภาพไอคอนศักดิ์สิทธิ์ และพระธาตุของเหล่านักบุญผู้ศักดิ์สิทธิ์ของทางศาสนจักออร์โธด็อกซ์ ดังที่เห็นบ่อยครั้งที่นิกายโปรเตสแตนต์หรืออื่น ๆ กล่าวตำหนิเรา (รวมถึงคาทอลิกด้วยเช่นกัน) ในการเคารพรูผไอคอนนั้นของทางศาสนจักรออร์โธด็อกซ์นั้น ไม่ใช่การกราบไหว้หมู่เทพอื่น ๆ หรือที่เป้นเครื่องรางของขลังแต่อย่างใด แต่เป็นเพียง
รูปสักการะที่สื่อถึงการเคารพในพระเจ้า , เหล่าเทวดาผู้รับใช้ของพระองค์ และเหล่านักบุญผู้ศักดิ์สิทธิ์ที่ได้เชื่อและรับใช้องค์พระเจ้าเท่านั้น ความหมายของคำศัพท์ที่ว่า
รูปเคารพ ตามภาษากรีกนั้นหมายความว่า
ภาพเหมือน การเคารพ สวดภาวนาต่อรูปเหล่านั้นเราไม่ได้สวดต่อ วัตถุที่เป็นรูปวาด (คือสีที่ใช้วาด แผ่นไม้ที่วาด โลหะ หรือรวมปูนปั้นของทางคาทอลิกด้วย) แต่เราภาวนาและเคารพต่อสิ่งที่เป็นสื่อนำ ดังที่ทุก ๆ คนก็อาจทราบว่าอาจจะง่ายกว่าถ้าเราใช้จินตนาการภาพนึกเอาเองถึงพระเจ้า แต่มันจะไม่ง่ายยิ่งกว่าหรือ? ถ้าเป็นภาพเหมือนพระองค์หรือกางเขนศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ที่อยู่ตรงหน้าซึ่งเราถือว่าดีกว่าจะมีผนังเปล่า ๆ โล่ง ๆ อยู่ตรงหน้าเรา
รูปเคารพศักดิ์สิทธิ์ (ใช้ความหมายที่ผมให้ไว้ในย่อหน้าด้านบนนะครับเดี๋ยวจะตีความเพี้ยนกัน) เหล่านี้ มีไว้สำหรับให้เราเป็นที่เคารพ บูชา รำลึกถึงภารกิจอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ ความศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ สำหรับการเคารพสวดภาวนาบูชานี้ คือการเสนอความนึกคิดเราต่อพระเจ้า และสรรเสริญความศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ ไม่ใช่สรรเสริญรูปเคารพนั้น โดยการปฏิบัติอย่างนี้เป็นการช่วยจุดประกายไฟแห่งความรักที่อยู่ในจิตใจของเราต่อพระเจ้าของเรา สำหรับพวกเราแล้วยังเปรียบได้กับพระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ที่เขียนขึ้นเป็นตัวหนังสือเช่นเดียวกันกับรูปเคารพศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกเขียนขึ้นเป็นรูปโฉมหน้าภาพเหมือนดังเช่นองค์พระเยซูของเรา
ขณะเดียวกันในยุคพันธสัญญาเดิมที่ท่านโมเสสได้รับพระบัญญัติ ที่มีการห้ามเคารพรูปเคารพ และท่านโมเสสได้รับบัญชาจากพระเจ้าให้สร้างพบลพลา ซึ่งภายในเต๊นมีคารูบทองคำอยู่ (อพยพ 25:18-22)
และในพระวิหารของซาโลมอนก็มีรูปปั้นนี้ (1พกษ. 6:27-29 , 2พศด. 3:7-14) เมื่อครั้นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์นั้นสร้างเสร็จ
“และอยู่มาเมื่อปุโรหิตออกจากวิสุทธิสถาน มีเมฆมาคลุมเต็มพระนิเวศของพระเจ้า ปุโรหิตจึงยืนปรนนิบัติอยู่ไม่ได้เพราะเมฆนั้น เพราะว่าพระสิริขององค์พระผู้เป็นเจ้าเต็มพระนิเวศของพระเจ้า” (1พกษ. 8:11) รูปสัญลักษณ์ของเครูบนั้นเป็นพระประสงค์ของพระเจ้าและเหล่าประชาชนเพ่งมองสวดภาวนาอธิษฐานให้ความเคารพ
รูปของพระฉายาลักษณ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าที่อยู่ในพลับพลา และที่อยู่ในวิสุทธิสถานของซาโลมอนนั้นยังไม่มี เพราะว่าช่วงเวลามากว่าครึ่งหนึ่งของประชากรในยุคพันธสัญญาเดิมนั้น ยังไม่มีค่าเพียงพอที่จะเห็นพระพักตร์ของพระเจ้า และไม่มีพระฉายาลักษณ์ของผู้ทรงธรรมตามพันธสัญญาเดิมและในช่วงนั้นก็ยังไม่มี เพราะว่ามนุษย์ในช่วงนั้นยังไม่ได้รับการไถ่ถอน และยังไม่ได้รับการให้พ้นจากความผิดบาปของพระเจ้า (โรม 3:9-25 , มัทธิว 11:11)
และอีกหนึ่งสาเหตุที่เราเคารพภาพไอคอนมากกว่ารูปปั้น และเชื่อว่าพระเยซูเป็นผู้ประทานรูปเคารพศักดิ์สิทธิ์ให้เรา เรื่องเล่าศักดิ์สิทธิ์เรื่องรูปภาพแห่งเอเดสซ่า (Image of Edessa) ซึ่งข้อมูลคลิ๊กดูได้เลยครับ
https://www.facebook.com/1674119576192984/photos/a.1674135972858011.1073741828.1674119576192984/1675019619436313/?type=3&permPage=1
และตามความเชื่อของเราอีกหนึ่งเรื่อง ท่านนักบุญลูกา ผู้เขียนพระวรสารเชื่อว่าท่านได้วาดรูปภาพสัญลักษณ์เคารพศักดิ์สิทธ์ที่ได้รับการสืบทอดต่อกันมาคั้งแต่สมัยโบราณ หลังจากที่ท่านมรณภาพแล้ว รูปเคารพแห่งพระมารดาเจ้าที่ท่านวาดก็ยังคงอยู่ซึ่งบางรูปก็ยังมีอยู่ที่รัสเซีย หนึ่งในภาพที่โด่งดังและเป็นที่รู้จักคือรูป
Theotokos of Vladimir หรือ
Our Lady of Vladimir และยังมีรูปพระเยซูเจ้าอีกหลายรูปที่ได้รับการสรรเสริญถึงความอัศจรรย์ที่เกิดขึ้น
ฉายาลักษณ์บนรูปวาดเคารพนั้น แม้แต่เหล่าสัญลักษณ์ของมารร้ายก็ไม่อาจจะกระทำความเสื่อมเสียแก่ความศักดิ์สิทธิ์ของรูปไอคอนได้ เพราะรูปไอคอนเหล่านั้นมีการบ่งชี้ถึงประวัติศาสตร์อันศักดิ์สิทธิ์และความเป็นมาที่ผ่านมาในอดีต ซึ่งทั้งหมดเหล่านี้ไม่มีใครสามารถลบเลือนได้ถึงความทรงจำอันศักดิ์สิทธิ์ในเรื่องราวแห่งพระคัมภีร์ออกไปได้
ความไม่ขัดแย้งต่อพระบัญญัติข้อที่สอง ของการเคารพพระธาตุนักบุญของเหล่าคริสเตียนออร์โธด็อกซ์ ในการให้ความเคารพต่อพระธาตุนั้น พวกเราให้ความเคารพในพลังอำนาจของพระพรแห่งพระผู้เป็นเจ้าที่ทรงมีต่อพระธาตุของเหล่านักบุญ ที่ได้ให้ความเชื่อความเคารพในพระผู้เป็นเจ้าของพวกท่าน
หวังว่าบทความเล็ก ๆ นี้จะช่วยให้หลายคนพอเข้าใจได้นะครับ
พระเจ้าอวยพรจ้า.
~Orthodox Church~ อธิบายพระบัญญัติแห่งพระเจ้าข้อที่ 2 (รูปเคารพ) ตามความเชื่อของออร์โธด็อกซ์ สำหรับผู้ที่ไม่เข้าใจ
จากพระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ ในพระธรรมเฉลยธรรมบัญญัติ 5:6-21 ผมขออธิบายในธรรมบัญญัติข้อสองและเจาะลึกนิดหน่อยตามความเชื่อของศาสนจักรออร์โธด็อกซ์ โดยข้อมูลนี้อ้างอิงจาก หนังสือพระบัญญัติแห่งพระเจ้า โดยทางมูลนิธิชาวคริสต์ศาสนิกชนดั้งเดิมออร์โธด็อกซ์ในประเทศไทยจัดทำขึ้น ซึ่งผมได้มาตอนเรียนคำสอนนะครับ
การเชื่อในธรรมบัญญัติของพระเจ้านั้นคือการห้ามจากการเคารพกราบไหว้ในเครื่องรางของขลังทั้งปวง และห้ามทำไว้เคารพและไหว้สำหรับตนเอง หรือรูปเคารพ หรือสัญลักษณ์ที่เป็นเหมือนกันดังเช่นนี้ หรือสิ่งที่เรามองเห็นบนท้องฟ้า ในน้ำ บนแผ่นดิน พระเจ้าทรงห้ามไม่ให้เคารพกราบไหว้หรือปรนนิบัติสิ่งเหล่านี้ไปพร้อมกันกับการเคารพในพระเจ้า
การห้ามไม่ให้เคารพกราบไหว้ในรูปเคารพและเครื่องรางของขลังเหล่านี้ก็ใช่ว่าจะขัดต่อการแสดงการเคารพ (คำนับ , กราบ , จูบ , ภาวนาต่อหน้า) ต่อภาพไอคอนศักดิ์สิทธิ์ และพระธาตุของเหล่านักบุญผู้ศักดิ์สิทธิ์ของทางศาสนจักออร์โธด็อกซ์ ดังที่เห็นบ่อยครั้งที่นิกายโปรเตสแตนต์หรืออื่น ๆ กล่าวตำหนิเรา (รวมถึงคาทอลิกด้วยเช่นกัน) ในการเคารพรูผไอคอนนั้นของทางศาสนจักรออร์โธด็อกซ์นั้น ไม่ใช่การกราบไหว้หมู่เทพอื่น ๆ หรือที่เป้นเครื่องรางของขลังแต่อย่างใด แต่เป็นเพียงรูปสักการะที่สื่อถึงการเคารพในพระเจ้า , เหล่าเทวดาผู้รับใช้ของพระองค์ และเหล่านักบุญผู้ศักดิ์สิทธิ์ที่ได้เชื่อและรับใช้องค์พระเจ้าเท่านั้น ความหมายของคำศัพท์ที่ว่า รูปเคารพ ตามภาษากรีกนั้นหมายความว่า ภาพเหมือน การเคารพ สวดภาวนาต่อรูปเหล่านั้นเราไม่ได้สวดต่อ วัตถุที่เป็นรูปวาด (คือสีที่ใช้วาด แผ่นไม้ที่วาด โลหะ หรือรวมปูนปั้นของทางคาทอลิกด้วย) แต่เราภาวนาและเคารพต่อสิ่งที่เป็นสื่อนำ ดังที่ทุก ๆ คนก็อาจทราบว่าอาจจะง่ายกว่าถ้าเราใช้จินตนาการภาพนึกเอาเองถึงพระเจ้า แต่มันจะไม่ง่ายยิ่งกว่าหรือ? ถ้าเป็นภาพเหมือนพระองค์หรือกางเขนศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ที่อยู่ตรงหน้าซึ่งเราถือว่าดีกว่าจะมีผนังเปล่า ๆ โล่ง ๆ อยู่ตรงหน้าเรา
รูปเคารพศักดิ์สิทธิ์ (ใช้ความหมายที่ผมให้ไว้ในย่อหน้าด้านบนนะครับเดี๋ยวจะตีความเพี้ยนกัน) เหล่านี้ มีไว้สำหรับให้เราเป็นที่เคารพ บูชา รำลึกถึงภารกิจอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ ความศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ สำหรับการเคารพสวดภาวนาบูชานี้ คือการเสนอความนึกคิดเราต่อพระเจ้า และสรรเสริญความศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ ไม่ใช่สรรเสริญรูปเคารพนั้น โดยการปฏิบัติอย่างนี้เป็นการช่วยจุดประกายไฟแห่งความรักที่อยู่ในจิตใจของเราต่อพระเจ้าของเรา สำหรับพวกเราแล้วยังเปรียบได้กับพระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ที่เขียนขึ้นเป็นตัวหนังสือเช่นเดียวกันกับรูปเคารพศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกเขียนขึ้นเป็นรูปโฉมหน้าภาพเหมือนดังเช่นองค์พระเยซูของเรา
ขณะเดียวกันในยุคพันธสัญญาเดิมที่ท่านโมเสสได้รับพระบัญญัติ ที่มีการห้ามเคารพรูปเคารพ และท่านโมเสสได้รับบัญชาจากพระเจ้าให้สร้างพบลพลา ซึ่งภายในเต๊นมีคารูบทองคำอยู่ (อพยพ 25:18-22)
และในพระวิหารของซาโลมอนก็มีรูปปั้นนี้ (1พกษ. 6:27-29 , 2พศด. 3:7-14) เมื่อครั้นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์นั้นสร้างเสร็จ “และอยู่มาเมื่อปุโรหิตออกจากวิสุทธิสถาน มีเมฆมาคลุมเต็มพระนิเวศของพระเจ้า ปุโรหิตจึงยืนปรนนิบัติอยู่ไม่ได้เพราะเมฆนั้น เพราะว่าพระสิริขององค์พระผู้เป็นเจ้าเต็มพระนิเวศของพระเจ้า” (1พกษ. 8:11) รูปสัญลักษณ์ของเครูบนั้นเป็นพระประสงค์ของพระเจ้าและเหล่าประชาชนเพ่งมองสวดภาวนาอธิษฐานให้ความเคารพ
รูปของพระฉายาลักษณ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าที่อยู่ในพลับพลา และที่อยู่ในวิสุทธิสถานของซาโลมอนนั้นยังไม่มี เพราะว่าช่วงเวลามากว่าครึ่งหนึ่งของประชากรในยุคพันธสัญญาเดิมนั้น ยังไม่มีค่าเพียงพอที่จะเห็นพระพักตร์ของพระเจ้า และไม่มีพระฉายาลักษณ์ของผู้ทรงธรรมตามพันธสัญญาเดิมและในช่วงนั้นก็ยังไม่มี เพราะว่ามนุษย์ในช่วงนั้นยังไม่ได้รับการไถ่ถอน และยังไม่ได้รับการให้พ้นจากความผิดบาปของพระเจ้า (โรม 3:9-25 , มัทธิว 11:11)
และอีกหนึ่งสาเหตุที่เราเคารพภาพไอคอนมากกว่ารูปปั้น และเชื่อว่าพระเยซูเป็นผู้ประทานรูปเคารพศักดิ์สิทธิ์ให้เรา เรื่องเล่าศักดิ์สิทธิ์เรื่องรูปภาพแห่งเอเดสซ่า (Image of Edessa) ซึ่งข้อมูลคลิ๊กดูได้เลยครับ
https://www.facebook.com/1674119576192984/photos/a.1674135972858011.1073741828.1674119576192984/1675019619436313/?type=3&permPage=1
และตามความเชื่อของเราอีกหนึ่งเรื่อง ท่านนักบุญลูกา ผู้เขียนพระวรสารเชื่อว่าท่านได้วาดรูปภาพสัญลักษณ์เคารพศักดิ์สิทธ์ที่ได้รับการสืบทอดต่อกันมาคั้งแต่สมัยโบราณ หลังจากที่ท่านมรณภาพแล้ว รูปเคารพแห่งพระมารดาเจ้าที่ท่านวาดก็ยังคงอยู่ซึ่งบางรูปก็ยังมีอยู่ที่รัสเซีย หนึ่งในภาพที่โด่งดังและเป็นที่รู้จักคือรูป Theotokos of Vladimir หรือ Our Lady of Vladimir และยังมีรูปพระเยซูเจ้าอีกหลายรูปที่ได้รับการสรรเสริญถึงความอัศจรรย์ที่เกิดขึ้น
ฉายาลักษณ์บนรูปวาดเคารพนั้น แม้แต่เหล่าสัญลักษณ์ของมารร้ายก็ไม่อาจจะกระทำความเสื่อมเสียแก่ความศักดิ์สิทธิ์ของรูปไอคอนได้ เพราะรูปไอคอนเหล่านั้นมีการบ่งชี้ถึงประวัติศาสตร์อันศักดิ์สิทธิ์และความเป็นมาที่ผ่านมาในอดีต ซึ่งทั้งหมดเหล่านี้ไม่มีใครสามารถลบเลือนได้ถึงความทรงจำอันศักดิ์สิทธิ์ในเรื่องราวแห่งพระคัมภีร์ออกไปได้
ความไม่ขัดแย้งต่อพระบัญญัติข้อที่สอง ของการเคารพพระธาตุนักบุญของเหล่าคริสเตียนออร์โธด็อกซ์ ในการให้ความเคารพต่อพระธาตุนั้น พวกเราให้ความเคารพในพลังอำนาจของพระพรแห่งพระผู้เป็นเจ้าที่ทรงมีต่อพระธาตุของเหล่านักบุญ ที่ได้ให้ความเชื่อความเคารพในพระผู้เป็นเจ้าของพวกท่าน
หวังว่าบทความเล็ก ๆ นี้จะช่วยให้หลายคนพอเข้าใจได้นะครับ
พระเจ้าอวยพรจ้า.