เรื่องนี้เป็นการทำธุระกิจที่ผิดพลาดของพ่อผมที่ไม่ศึกษาการทำธุระกิจให้ดีสักก่อนแล้วไปเชื่อเซตขายปุ๋ยโดยวิธีที่มันขาย (สำหลับคนที่ทำธุระกิจปุ๋ยน่าจะรู้ว่าชาวนาส่วนใหญ่จะขอเชื่อ แล้วยิ่งเป็นปุ๋ย30-0-0 ตรา ที่ชาวนาไม่รู้จัดจะขายเงินสดยิ่งยากเลย) มันจะบอกว่าเดือนหน้าปุ๋ยจะขึ้นราคาให้พ่อเอาไปตุ่นไว้ก่อนเลยแล้วมันก็ยุให้พ่อกู้ โอ.ดี เพื่อซื้อปุ๋ยซึ้งตอนนั้นไม่จัดแต่มีการผูดเรื่องมาคือ
ครั้งที่1พ่อเอาบ้านและบ้านของคนสนิงกันคำ้ประกัน โอ.ดี วงเงิน 700,000บาท
ครั้งที่2 พ่อได้ซื้อที่อีก5แปลง(ซึ้งเป็นของคนที่สนิงกันที่อยู่เมืองนอกฝากซื้อ4แปลง)แล้วเมื่อเขากลับมาเมืองไทยเขาก็ให้พ่อโอนเป็นชื่อเขาแค่3แปลง ซึ้งอีกแปลงเขาให้พ่อผมยื่มไปกู้เพื่อให้เอาเงินมาทำธุระกิจ พ่อเลย เอาที่2แปลง กู้ โอ.ดี อีก 600,000 บาท
รวมเป็นเงิน 1,300,000 บาท  เงินทั้งก็ซื้อปุ๋ยมันแหละ
แล้วในปี2550 เป็นปีที่แล้งมากชาวนาก็ไม่ได้ข้าวกันเลย เป็นเหตุให้พ่อเป็นหนี้ค่าปุ๋ยโรงงานแล้วมันก็ฟ้องพ่อกับแม่ผมเลย มันฉลาดมากที่มันฟ้องทั้งคู่ ด้วยยอด หนึ่งล้านกว่าๆ ซึ่งจริงๆแล้วเป็นหนี้อยู่ เจ็ดแสนกว่าๆแต่มันบวกดอกบวก อะไรของมันก็ไม่รู้ซึ้งผมก็ไม่รู้รายระเอียง แล้วมันก็ให้พ่อเซ็นประนอมหนี้ยอดนี้ไปก่อนโดยบอกว่า ถึงเวลาเขาเก็บไม่ถึงหลอกเดี๋ยวลดให้พ่อผมก็เซ็นไป โดยไม่อ่านเลย พอกลับมาผมพึ่งอ่านดูว่ามันให้พ่อผมส่งเดือนละ 35,000บาท จากคนไม่เคยมีหนี้ก็มีภาระหนี้ โอ.ดี และหนี้อื่นๆอีกประมาณ หกล้านกว่าๆ ซึ้งต่อมา พ่อกับแม่ก็เลิกกัน ซึ่งผมคิดเป็นช่วงที่ตกต่ำที่สุดของชีวิตแล้ว และคิดว่าชาตินี้ใช้นี้ไม่หมดแย่ แต่ผมโชดดีที่มีแม่เก่ง แม่ไม่เคยหลบหนี้ ไม่เคยท้อ แล้วทุกครั้งที่ไอ้เซตปุ๋ยมันให้ส่งเงินให้โรงงานบ้าง แม่ก็จะให้โอน หมื่นบ้าง สองหมื่นบ้าง จากที่เจ้าหนี้หลายราย แม่เลยคิดว่า ถ้าเราจะส่งแต่ดอกทุกคนเราไม่มีทางหมดหนี้สักเจ้าแน่ เลยตกลงจะใช้หนี้ทีละเจ้า เริ่มจาก น้อยไปหามาก แม่ผมใช้เวลา5ปีใช้หนี้ จนตอนนี้เหลือ หนี้ธนาคาร กับ โรงงานปุ๋ย ซึ้งถึงตอนนี้มันได้เดินเรื่องถึง บังคดีแล้วเอาหมายยึดมาติดที่บ้าน แม่ผมก็โทรไปขอร้องพร้องข้อเสมอ ว่าแม่จะให้ตอนนี้ สองแสน ในสิ้นปี 2559 และปี2560ให้อีก หนึ่งแสน ปี2561ให้อีกหนึ่งแสน และในเดือน ต.ด2562 ให้อีก 800,000 บาท เป็นเงินที่พ่อจะเกษียงอายุราชการ แต่พอทางมันฟังเสร็จมันก็หัวเราะ พร้อมบอกไม่เอา โดยบอกว่าบวกดอกเข้าไปตอนนี้ก็ สองล้านกว่าแล้ว มันจะเอาสองล้าน ก็เลยไม่จบ
ต่อไปเป็นรายระเอียงในการบังคดีครั้งนี้ ได้ยึดที่ดินไว้3แปลง โดยมีบ้าน3หลัง ราคาประเมินจากบังคดี สองล้านหกแสนกว่า แต่ทางผมได้มีการร้องขัดทรัพย์ เนื่องจาก ที่ดินและบ้านซึ่งตัวบ้านของคนที่อยู่เมืองนอก อยู่กลางที่ดิน2แปลง ซึ่งแปลงนึงเป็นชื่อของเขาเอง ส่วนอีกแปลงเป็นแปลงที่เขาให้พ่อยืมเข้าธนาคาร ซึ่งแม่ผมเสียใจมากที่ทำให้เขาต้องเดือดร้อน แล้วศาลจะมีตัดสินวันที่18พ.ด นี้แหละ
แล้วการบังคดีครั้งนี้ยึดโดยมีจำนองติดไปที่ โอ.ดี วงเงิน1,300,000บาท และสินเชื่อบ้านอีกประมาณ500,000บาท รวมเป็น 1,800,000 บาท
ถ้าศาลตัดสินให้ปล่อยบ้านพร้อมที่ดิน ราคาบังคดีจะเหลืออยู่ หนึ่งล้านเก้าแสนนิดๆ แต่ถ้าศาลสั่งให้ปล่อยแต่บ้าน ราคาจะ อยู่ที่ สองล้านหนึ่งแสนกว่าๆ
แล้วที่ผมจะขอคำแนะนำที่ดีที่สุดก็คือ ผมให้สัญญากับแม่ผมไว้ว่าจะจบเรื่องนี้ให้และแม่จะไม่เสียบ้านหลังนี้แน่นอน ซึ้งปัจุบันผมมีเงินสดในธนาคารอยู่700,000กว่า ที่เหลือจะกู้ธนาคารแต่ปัญหามันอยูที่ผมติดบูโร ผมเลยให้แฟนจดทะเบียนการค้าและเดินบัญชีของแฟนแทนแต่พึ่งจะได้ปีเดียว แบบนี้แฟนผมจะกู้ได้ไหม แล้วจะซื้อต้องรอไปประมูลเท่านั้นหรอคับ