============================
แมวปิฬาร์....กับลูกหมาหน้ามอม
============================
เช้าวันนี้อากาศแจ่มใส แมวปิฬาร์นอนหางห้อย หัวห้อย อยู่บนหลังคาบ้าน แต่ทำไมอารมณ์ของแมวสาวไม่สดชื่นตามบรรยากาศไปด้วยนะ น่าแปลกจัง
เสียงลูกเห่าบ๊อกๆๆ... ดังขึ้นมาจากลานหน้าบ้านเหมือนจะเป็นคำตอบอย่างดี นั่นลูกหมาสีขาวปนสีน้ำตาลตัวหนึ่งกำลังวิ่งเล่นไปมาอยู่ไปตามพื้นหญ้าอ่อนนุ่มอย่างสนุกสนาน สนามหญ้าซึ่งปิฬาร์เคยออกมาเดินเล่นบ่อยๆ และนั่นก็ทางเท้าซึ่งเคยเล่นตัวเดียวจนชิน แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเจ้าลูกหมาตัวนี้มายึดครองพื้นที่ซึ่งปิฬาร์เคยจับจองเป็นเจ้าของเสียแล้วไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม
วันก่อน ลูกหมาตัวนี้เดินวนเวียนอยู่แถวหน้าบ้านด้วยท่าทางหิวโหยและอ่อนล้า คุณนายเจ้าบ้านไปเจอเข้าพอดี ด้วยความน่ารักของมันทำให้ไม่ยากเย็นในการกลายมาเป็นสมาชิกใหม่ของบ้านหลังนี้
แมวปิฬาร์รู้สึกว่าความสงบสุขที่เคยมีหายไปหลายส่วน
ลูกหมาเจ้าปัญหาตัวนี้แบ่งแย่งผ้าห่ม(ที่มีอยู่หลายผืน)ของปิฬาร์ไปห่ม แบ่งแย่งถ้วยจานอาหาร(ที่มีอยู่หลายชุด)ไปด้วย นั่นตะกร้าตัวโปรดของปิฬาร์เคยนอนครั้งสุดท้ายเมื่อสามเดือนมาแล้วก็ยังถูกแย่งเอาไปนอนอีก ยังดีว่าลูกหมาตัวนี้ไม่ปีนขึ้นไปนอนบนโซฟาตัวโปรดของปิฬาร์ด้วย ถ้าเป็นอย่างนั้นคงไม่มีเหลือพื้นที่อาณาเขตให้ภาคภูมิใจ
ลูกหมาตัวนั้นเงยหน้าขึ้นมามองเจอแมวปิฬาร์เข้าโดยบังเอิญ เลยอ้าปากเห่าทักทาย หางสั้นๆกระดิกไปมาถี่เร็ว
“บ๊อก ๆ..!”
“เชอะ..!” แมวสาวแยกเขี้ยวสวนทันควัน หมุนตัวหน้าหน้าไปอีกทางหนึ่ง พลางนึกในใจอย่างฉิวฉุนว่าไม่ต้องมาเห่าประจบทักทายหรอก จ้างให้ก็ไม่ดีด้วย เราไม่ใช่แมวข้างถนนสักหน่อย จะได้ลดตัวลงไปคบกับลูกหมาข้างถนน ไม่มีวันเสียหรอกจะบอกให้... ลูกหมาอะไรก็ไม่รู้ หน้ามอมแมมเป็นลูกหมาอนาถายากไร้ไม่มีสง่าราศีเลยสักนิด สงสัยไม่เคยล้างหน้า หมาบ้านนอกมาก
แมวปิฬาร์นอนหางห้อยแบบเซ็ง ๆ หยิ่ง ๆ อยู่ครู่หนึ่ง ก็ค่อยๆ เอียงคอหันหน้ามองลงไปหาเป้าหมายอย่างมีชั้นเชิง อ้าว.. ยังไม่หนีไปไหน ยืนอ้าปากลิ้นห้อยส่ายหางอยู่ที่เก่า มองมาด้วยความสนใจ เอาใจและผูกมิตร
“แหวะ...” แมวปิฬาร์แสยะเขี้ยวให้อีกทีหนึ่ง ลุกขึ้นค่อยเดินเลี่ยงไปบนหลังคาหลังบ้าน ไม่อยากเห็นหน้าหมาคอยหลอกหลอน
เสียงประตูรั้วหน้าบ้านเปิดออก คุณนายใจดีคงกลับมาจากเดินเล่น และพูดคุยกับเพื่อนบ้าน ปิฬาร์ต้องไปต้อนรับเจ้านายสักหน่อย ไวเท่าความคิด เท้านุ่ม ๆ รีบวิ่งไปตามริมหลังคา ลัดเลาะไปทางหน้าบ้าน แต่แล้วก็ต้องเบรกตัวโก่งจนแทบร่วงลงมาจากหลังคา เพราะมองเห็นภาพอันแสนเห็นบาดตาบาดใจเหลือเกิน
สนามหญ้าหน้าบ้านลูกหมาตัวนั้นกำลังกระโดดโลดเต้นรอบขารอบตัวคุณนายคนงาม ปากก็ส่งเสียงเห่าดังมากกว่าตอนเห่าทักปิฬาร์เมื่อครู่เสียอีก หางก็กระดิกเร็วกว่า นั่นคุณนายก้มตัวลงอุ้ม มือที่เคยอุ้มปิฬาร์กำลังอุ้มเจ้าลูกหมาตัวแสบนั่น แก้มขาวใสที่ปิฬาร์เคยหอม ก็ถูกปากมอม ๆ ของลูกหมาขึ้ประจบนั่นเลียไปมา
“แง่ง..... " แมวสาวร้องไม่เป็นภาษาแมว มันจะมากไปแล้วนะ นั่นมันคุณนายของปิฬาร์นะ ไม่ใช่ของลูกหมาข้างถนนสักหน่อย หนอย .. ข้ามหน้าข้ามตากันเกินไปแล้ว ต้องลงไปสั่งสอนให้รู้สำนึก
ข้างบ้านมีต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง ซึ่งเป็นเส้นทางในการขึ้นลงระหว่างหลังคากับริมรั้ว ปกติแมวปิฬาร์จะปีนขึ้นลงแบบสวยงาม แต่วันนี้เพราะความร้อนใจทำให้กระโจนพรวดเดียว ข้ามกิ่งก้าน ตรงไปเกาะลำต้น กางเล็บตะปบเต็มที่ กะว่าจะไต่ลงไปโดยใช้กรงเล็บแมวให้เป็นประโยชน์
พลั่ก!
เพราะรีบร้อนวุ่นวายใจทำให้กะระยะพลาดแบบไม่น่าเป็นไปได้ หัวโหม่งเข้าต้นไม้อย่างจัง ลืมลีลาแบบที่ทอม ครูซ ทำตอนปีนเขาในเรื่อง Mission impossible 2 ไปจนหมดกลายมาเป็นปิฬาร์ ครูด.. ดาวดวงเล็กดวงใหญ่กระจายเต็มหน้า แต่มือเท้ายังไวพอจะสยายกรงเล็บตะกายเกาะต้นไม้ไว้สุดชีวิต
ท่ามกลางเสียงดังแคว่ก ๆ ถี่ยิบและเศษเปลือกไม้กระเด็นเวียนว่อน แมวสาวจอมยุ่งร่วงหล่นระกิ่งไม้ลู่ระเนระนาดลงไปตามต้นไม้ด้วยความเร็วคงที่ ไม่ตกลงมาด้วยค่าความเร่งตามแรงโน้มถ่วงของโลกอย่างควรจะเป็น โดยทิ้งรอยเล็บสับสนบนเปลือกไม้ตามแนวยาวลงมาตามเส้นทางการหล่นลงมานอนกองบริเวณโคนต้นไม้ น้ำตาไหลพราก จุกก็จุกจนลุกไม่ขึ้น
“ว้าย!! ตายแล้ว ปิฬาร์ทำไมตกลงมาอย่างนี้ล่ะ” เสียงคุณนายใจดีร้องเสียงหลง เมื่อเห็นแมวตัวโปรดตกลงมาจากหลังคาไถลลงมาตามต้นไม้ข้างบ้านเข้าพอดี รีบวิ่งอุ้มลูกหมาออกมาดูอย่างตกใจ “โถ... ทำท่าไหนถึงตกลงมาจ๊ะ เจ็บไหม “
ว่าพลางจับแมวปิฬาร์ขึ้นอุ้มลูบหัวไปมา และพลิกดูอาการอย่างเป็นห่วง ต้องอย่างนี้สิ แมวปิฬาร์แอบยิ้มในใจเมื่อเห็นลูกหมาตัวนั่นถูกวางอยู่บนพื้น แต่มันก็ยังกระดิกหางเห่าไปมา ไม่รู้ว่าเห่าทำไม ต่อให้ฉลาดแสนรู้ขนาดไหน เธอก็ยังฟังภาษาลูกหมานี้ไม่ออกเพราะหมาตัวนี้ยังเล็กเกินไปกว่าจะเรียนรู้ภาษา “สัตว์สากล” ได้
เห็นไหมล่ะ... ในที่สุด คุณนายก็เลือกปิฬาร์ เขาเรียกว่า “ตกต้นไม้วัดใจ” แมวสาวจอมซนเลยลืมเจ็บ จัดการร้องเหมียวๆ ออดอ้อนและเป็นการบอกว่าไม่เป็นไรหรอกคุณนายคนดีของปิฬาร์ แถมเลียหน้าตาให้อีกต่างหาก
“ค่อยยังชั่ว ไม่เป็นไร ทีหลังอย่าซนอีกนะจ้ะ”
แล้วมืออีกข้างก็เอื้อมไปอุ้มลูกหมาหน้ามอมขึ้นมาจากพื้น จับสัตว์เลี้ยงแสนรักทั้งสองตัวมาใกล้กันเสียด้วย ทำเอาแมวปิฬาร์ตาค้าง อาการบาดเจ็บที่เพิ่งหายไปเมื่อครู่กำเริบโดยกะทันหัน คอพับคออ่อน โธ่... คุณนายจ๋า ทำไมทำแบบนี้...ไม่เอา... อุ้มขึ้นมาคู่บารมีกันได้ยังไง นี่ปิฬาร์แมวชั้นสูงเกรดเอ นั่นลูกหมาหน้ามอม หมาจรจัด หมาข้างถนนไร้สังกัดไร้เกรด ไม่เอาไม่รู้ไม่สน คนละชั้น นึกพลางพยายามเอาขาข้างหนึ่งยันหน้าลูกหมาตัวนั้นห่างออกไปเวลาคุณนายเผลอ ไปห่าง ๆชิ้ว ๆ
“อ้าว อยากคุยกับเพื่อนใหม่หรือจ๊ะ”
เวรกรรมของแมว.. คุณนายใจดีมองเห็นเท้าของแมวสาวกำลังแหย่เหยงๆ ไปยังลูกหมาหน้ามอมอยู่พอดี เลยเข้าใจผิดคิดไปว่าปิฬาร์ต้องการจะตะกายไปหาอีกฝ่าย เลยยกทั้งหมาและแมวเข้าไปคู่จนชิดสนิทกัน
“เหมี๊ยว ๆ แง่ง...”
แมวปิฬาร์แยกเขี้ยวร้องลั่น แต่พอนึกขึ้นได้ว่าถูกสังเกตการณ์อยู่ ขืนทำผิดฟอร์มผิดอิมเมจ มีหวังค่าคะแนนความรักความเอ็นดูติดลบแหลกลาญ เลยทำเป็นเฉย หันหน้าสะบัดหนีอีกทาง ฮึ... จะจ้างสักพัน ฉันก็ไม่หันไปมอง
อ้าว..! ลูกหมาตัวนั้นเห็นคู่กรณีหันหน้าหนีเลยทักทายด้วยการยื่นหน้ามาเลียหัวหูประจบทักทายเอาใจเป็นการใหญ่ ปิฬาร์ดิ้นด๊อกแด๊กไปมาแต่ไม่กล้าหลุดมือลงไป ขืนเป็นอย่างนั้นเจ้าลูกหมาหน้ามอมต้องถูกอุ้มตัวเดียวโดดเด่นเป็นสง่าไร้คู่แข่งเป็นแน่แท้
“อุ้ยตาย สนุกสนานกันใหญ่เลย” คุณนายใจดีหัวเราะชอบใจ นึกว่าทั้งคู่เล่นกันตามประสาหมาแมวกลับเห็นเป็นเรื่องน่ารักน่าเอ็นดูไปเลย
“รักกันเข้ากันได้ดีแบบนี้ด้วยจะให้รางวัลเป็นไก่ย่างเนื้อนุ่มกินกัน”
ว่าแล้วก็อุ้มทั้งคู่เข้าไปในบ้านโดยมีแมวปิฬาร์หน้าหงิกแบบแมว ๆ อยู่ตลอดเวลา พอได้ทีก็จะเอาเท้าแอบยันอีกฝ่ายหนึ่งทันที แต่ดูเหมือนว่าเจ้าลูกหมาตัวนั้นจะไม่ถือสาสนใจเท่าไรนัก ไหน ๆเขาก็เป็นลูกพี่ อยู่มาก่อน ต้องอ่อนน้อมยินยอม
“เอ้า ไก่นุ่มๆ”
คุณนายเอาจานใส่ไก่ย่างสับเป็นชิ้นพองาม วางให้ทั้งคู่ในห้องครัวหลังบ้าน เออนะ... ทำไมต้องวางใกล้ ๆ กันด้วย เห็นหน้ากันแบบนี้กินไม่อร่อยแน่ ปิฬาร์เลยคาบจานไก่ย่างส่วนของตัวเองค่อยลากออกมาให้ห่างไกลจากเจ้าลูกหมาหน้ามอม
“อ้าว... จะลากจานไปไหน”
คุณนายเห็นเข้าก็จัดการลากจานกลับมาอยู่ตำแหน่งเดิม แล้วสั่งสอนแมวสาวเป็นการใหญ่
“เป็นเพื่อนกันต้องกินด้วยกัน รู้ไหม ต้องรักกัน ไม่รังแกกันด้วยนะจ้ะ เขาเป็นหมารู้ไหมจ้ะ ส่วนปิฬาร์น่ะเขาเรียกว่าแมว แต่หมาหรือแมวก็เป็นเพื่อนกันได้ อย่าทะเลาะกัน จงรู้จักรักกันอย่าหุนหันพลันแล่น อยู่บ้านเดียวกันต้องมีความรักสามัคคีกันเข้าไว้”
เสียงกริ่งโทรศัพท์ดังขึ้นขัดจังหวะจากในห้องนั่งเล่น คุณนายลุกขึ้นไปรับสาย ปิฬาร์ถอนใจเฮือกอย่างโล่งอกโล่งใจ ขอบคุณเสียงสวรรค์ที่มาขัดจังหวะไม่งั้นโดนเทศนาอีกนาน
เจ้าลูกหมาตัวนั้นเพราะความเป็นลูกหมา ตัวใหญ่พอๆ กับแมวปิฬาร์ แต่ตอนนี้ไม่กล้ากินไก่ย่าง คู้ตัวหมอบอยู่กับพื้นมองดูอย่างเกรงใจ ทำให้แมวปิฬาร์เกิดวิญญาณแห่งความเป็นพี่ใหญ่วิ่งพล่านขึ้นมาทันที แยกเขี้ยวขู่ทีหนึ่งเป็นการตัดไม้ข่มนาม ก่อนวางท่าเชิดหน้าเหยาะย่างชำเลืองดูอีกฝ่ายอย่างวางมาดแกมข่มขู่
ลูกหมายิ่งกระดิกหางเร็วขึ้น เป็นการบอกถึงความยอมแพ้โดยไม่มีเงื่อนไขและเจียมเนื้อเจียมตัว ปิฬาร์จ้องหน้าข่มขวัญลูกหมาอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดค่อยเดินไปคาบไก่ย่างชิ้นย่างชิ้นใหญ่ที่สุดออกมาจากจานของอีกฝ่ายหนึ่ง มาวางไว้ในจานของตัวเองอย่างหน้าตาเฉย ก่อนหันไปมองอย่างกวน ๆ เหมือนจะบอกว่า ..มีอะไรข้องใจไหม... สมน้ำหน้า โดนแย่งเลย อยากเข้ามาอยู่ในบ้านเราทำไม
ลูกหมานั้นยังคงหมอบและกระดิกหางไม่ว่าอะไร ท่าทางเกรงอกเกรงใจเต็มที
แมวปิฬาร์เชิดหน้าแล้วเอียงคอลงมือกินไก่ย่างชิ้นนั้นอย่างช้า ๆ จงใจเคี้ยวโชว์เยาะเย้ยสีหน้าท่าทางอร่อยเต็มที่
ลูกหมาตัวนั้นหมอบจ้องมองครู่หนึ่งจึงค่อย ๆ ลุกขึ้นอย่างเกรงอกเกรงใจ และคาบไก่ย่าง “ชิ้นใหญ่ที่สุด” ซึ่งเหลือในจานตัวเอง มาบรรจงค่อยวางลงในจานของแมวลูกพี่ด้วยท่าทางผูกไมตรีเต็มที่
แมวปิฬาร์ตะลึง
นี่มันจะทำประชดเราเปล่าฟะ ? แต่พอมองหน้ามอมนั่นและคิดได้ว่าลูกหมาคงไม่มีความนัยอะไรแอบแฝง เป็นลูกหมาคงประชดใครไม่เป็น และยังคงไม่ติดนิสัยมาจากมนุษย์หรอกน่า ตาใส ๆ คู่นั้นไม่มีอะไรเจือปนนอกจากคำว่าฉันยอมเธอแล้วนะ เรามาดีกัน ยอมยกให้เป็นลูกพี่โดยไม่มีข้อแม้
ใช่ ... เป็นลูกน้องก็ต้องทำตัวอ่อนน้อมแบบนี้ ต้องยอมลูกพี่ เอาล่ะ...เพื่อแสดงน้ำใจเล็ก ๆ น้อย ๆของลูกพี่ เราก็ต้องแสดงออกซึ่งความมีน้ำใจบ้าง ดังนั้นปิฬาร์จึงเลือกไก่ย่างชิ้น “เล็กที่สุด” ในจาน คาบไปวางลงในจานของเจ้าหมาหน้ามอมนั่น
ลูกหมากระดิกหางอย่างดีใจ(ลูกพี่อุตส่าห์แบ่งชิ้นเล็กที่สุดมาให้) และส่งเสียงในลำคอ ทำท่าจะเลียหน้าเลียตาปิฬาร์ เป็นการแสดงความขอบคุณและจงรักภักดี แต่พอโดนเสียงขู่แบบถือตัวก็ถอยออกไปอย่างเจียมตัว ก้มหน้าก้มตากินไก่ย่างชิ้นน้อยชิ้นนั้นอย่างสุภาพเรียบร้อยเท่าที่ความเป็นหมาจะทำได้ ต้องอย่างนี้สิ แมวลูกพี่ผู้ยิ่งใหญ่คิดในใจ มาทีหลังต้องยอม ให้รู้บ้างว่าใครเป็นใคร
ปิฬาร์กินไก่ย่างไม่หมดหรอก มันเหลืออยู่ในจานหลายชิ้น มองลูกหมาเป็นการเตือนบอกว่าอย่ามายุ่งกับอาหารฉันนะ ไม่งั้นเจ็บตัว ลูกหมานั่นก็เชื่อฟังอย่างดีไม่กล้ายุ่งอาหารที่เหลือ
อิ่มแล้ว ไปนอนเล่นบนโซฟาดีกว่า อารมณ์บ่อจอย
ค่อยเยื้องกายแบบนางพญาแมว นอนบนโซฟาในห้องนั่งเล่น นั่นคุณนายใจดีกำลังจี้จ้อกับโทรศัพท์อยู่อย่างเมามัน แบบนี้รับรองอีกสองชั่วโมงก็ไม่จบ เพราะคุณนายใจดีถ้าหากคว้าโทรศัพท์แล้ว ไม่เคยน้อยกว่าสองชั่วโมงเลยสักครั้ง สถิติเคยทำเอาไว้สูงสุดประมาณหกชั่วโมง ขนาดหลับคาโทรศัพท์ก็ยังเคย คงไม่มายุ่งกับปิฬาร์แล้วล่ะ
ลูกหมานั้นเดินตามมาอีก ไม่รู้เดินตามมาทำไม มานั่งจ้องตาแป๋วอยู่อย่างนั้น น่ารำคาญชะมัด
“เมี้ยว...!”
มีต่อครับ
แมวปิฬาร์......กับลูกหมาหน้ามอม
แมวปิฬาร์....กับลูกหมาหน้ามอม
============================
เช้าวันนี้อากาศแจ่มใส แมวปิฬาร์นอนหางห้อย หัวห้อย อยู่บนหลังคาบ้าน แต่ทำไมอารมณ์ของแมวสาวไม่สดชื่นตามบรรยากาศไปด้วยนะ น่าแปลกจัง
เสียงลูกเห่าบ๊อกๆๆ... ดังขึ้นมาจากลานหน้าบ้านเหมือนจะเป็นคำตอบอย่างดี นั่นลูกหมาสีขาวปนสีน้ำตาลตัวหนึ่งกำลังวิ่งเล่นไปมาอยู่ไปตามพื้นหญ้าอ่อนนุ่มอย่างสนุกสนาน สนามหญ้าซึ่งปิฬาร์เคยออกมาเดินเล่นบ่อยๆ และนั่นก็ทางเท้าซึ่งเคยเล่นตัวเดียวจนชิน แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเจ้าลูกหมาตัวนี้มายึดครองพื้นที่ซึ่งปิฬาร์เคยจับจองเป็นเจ้าของเสียแล้วไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม
วันก่อน ลูกหมาตัวนี้เดินวนเวียนอยู่แถวหน้าบ้านด้วยท่าทางหิวโหยและอ่อนล้า คุณนายเจ้าบ้านไปเจอเข้าพอดี ด้วยความน่ารักของมันทำให้ไม่ยากเย็นในการกลายมาเป็นสมาชิกใหม่ของบ้านหลังนี้
แมวปิฬาร์รู้สึกว่าความสงบสุขที่เคยมีหายไปหลายส่วน
ลูกหมาเจ้าปัญหาตัวนี้แบ่งแย่งผ้าห่ม(ที่มีอยู่หลายผืน)ของปิฬาร์ไปห่ม แบ่งแย่งถ้วยจานอาหาร(ที่มีอยู่หลายชุด)ไปด้วย นั่นตะกร้าตัวโปรดของปิฬาร์เคยนอนครั้งสุดท้ายเมื่อสามเดือนมาแล้วก็ยังถูกแย่งเอาไปนอนอีก ยังดีว่าลูกหมาตัวนี้ไม่ปีนขึ้นไปนอนบนโซฟาตัวโปรดของปิฬาร์ด้วย ถ้าเป็นอย่างนั้นคงไม่มีเหลือพื้นที่อาณาเขตให้ภาคภูมิใจ
ลูกหมาตัวนั้นเงยหน้าขึ้นมามองเจอแมวปิฬาร์เข้าโดยบังเอิญ เลยอ้าปากเห่าทักทาย หางสั้นๆกระดิกไปมาถี่เร็ว
“บ๊อก ๆ..!”
“เชอะ..!” แมวสาวแยกเขี้ยวสวนทันควัน หมุนตัวหน้าหน้าไปอีกทางหนึ่ง พลางนึกในใจอย่างฉิวฉุนว่าไม่ต้องมาเห่าประจบทักทายหรอก จ้างให้ก็ไม่ดีด้วย เราไม่ใช่แมวข้างถนนสักหน่อย จะได้ลดตัวลงไปคบกับลูกหมาข้างถนน ไม่มีวันเสียหรอกจะบอกให้... ลูกหมาอะไรก็ไม่รู้ หน้ามอมแมมเป็นลูกหมาอนาถายากไร้ไม่มีสง่าราศีเลยสักนิด สงสัยไม่เคยล้างหน้า หมาบ้านนอกมาก
แมวปิฬาร์นอนหางห้อยแบบเซ็ง ๆ หยิ่ง ๆ อยู่ครู่หนึ่ง ก็ค่อยๆ เอียงคอหันหน้ามองลงไปหาเป้าหมายอย่างมีชั้นเชิง อ้าว.. ยังไม่หนีไปไหน ยืนอ้าปากลิ้นห้อยส่ายหางอยู่ที่เก่า มองมาด้วยความสนใจ เอาใจและผูกมิตร
“แหวะ...” แมวปิฬาร์แสยะเขี้ยวให้อีกทีหนึ่ง ลุกขึ้นค่อยเดินเลี่ยงไปบนหลังคาหลังบ้าน ไม่อยากเห็นหน้าหมาคอยหลอกหลอน
เสียงประตูรั้วหน้าบ้านเปิดออก คุณนายใจดีคงกลับมาจากเดินเล่น และพูดคุยกับเพื่อนบ้าน ปิฬาร์ต้องไปต้อนรับเจ้านายสักหน่อย ไวเท่าความคิด เท้านุ่ม ๆ รีบวิ่งไปตามริมหลังคา ลัดเลาะไปทางหน้าบ้าน แต่แล้วก็ต้องเบรกตัวโก่งจนแทบร่วงลงมาจากหลังคา เพราะมองเห็นภาพอันแสนเห็นบาดตาบาดใจเหลือเกิน
สนามหญ้าหน้าบ้านลูกหมาตัวนั้นกำลังกระโดดโลดเต้นรอบขารอบตัวคุณนายคนงาม ปากก็ส่งเสียงเห่าดังมากกว่าตอนเห่าทักปิฬาร์เมื่อครู่เสียอีก หางก็กระดิกเร็วกว่า นั่นคุณนายก้มตัวลงอุ้ม มือที่เคยอุ้มปิฬาร์กำลังอุ้มเจ้าลูกหมาตัวแสบนั่น แก้มขาวใสที่ปิฬาร์เคยหอม ก็ถูกปากมอม ๆ ของลูกหมาขึ้ประจบนั่นเลียไปมา
“แง่ง..... " แมวสาวร้องไม่เป็นภาษาแมว มันจะมากไปแล้วนะ นั่นมันคุณนายของปิฬาร์นะ ไม่ใช่ของลูกหมาข้างถนนสักหน่อย หนอย .. ข้ามหน้าข้ามตากันเกินไปแล้ว ต้องลงไปสั่งสอนให้รู้สำนึก
ข้างบ้านมีต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง ซึ่งเป็นเส้นทางในการขึ้นลงระหว่างหลังคากับริมรั้ว ปกติแมวปิฬาร์จะปีนขึ้นลงแบบสวยงาม แต่วันนี้เพราะความร้อนใจทำให้กระโจนพรวดเดียว ข้ามกิ่งก้าน ตรงไปเกาะลำต้น กางเล็บตะปบเต็มที่ กะว่าจะไต่ลงไปโดยใช้กรงเล็บแมวให้เป็นประโยชน์
พลั่ก!
เพราะรีบร้อนวุ่นวายใจทำให้กะระยะพลาดแบบไม่น่าเป็นไปได้ หัวโหม่งเข้าต้นไม้อย่างจัง ลืมลีลาแบบที่ทอม ครูซ ทำตอนปีนเขาในเรื่อง Mission impossible 2 ไปจนหมดกลายมาเป็นปิฬาร์ ครูด.. ดาวดวงเล็กดวงใหญ่กระจายเต็มหน้า แต่มือเท้ายังไวพอจะสยายกรงเล็บตะกายเกาะต้นไม้ไว้สุดชีวิต
ท่ามกลางเสียงดังแคว่ก ๆ ถี่ยิบและเศษเปลือกไม้กระเด็นเวียนว่อน แมวสาวจอมยุ่งร่วงหล่นระกิ่งไม้ลู่ระเนระนาดลงไปตามต้นไม้ด้วยความเร็วคงที่ ไม่ตกลงมาด้วยค่าความเร่งตามแรงโน้มถ่วงของโลกอย่างควรจะเป็น โดยทิ้งรอยเล็บสับสนบนเปลือกไม้ตามแนวยาวลงมาตามเส้นทางการหล่นลงมานอนกองบริเวณโคนต้นไม้ น้ำตาไหลพราก จุกก็จุกจนลุกไม่ขึ้น
“ว้าย!! ตายแล้ว ปิฬาร์ทำไมตกลงมาอย่างนี้ล่ะ” เสียงคุณนายใจดีร้องเสียงหลง เมื่อเห็นแมวตัวโปรดตกลงมาจากหลังคาไถลลงมาตามต้นไม้ข้างบ้านเข้าพอดี รีบวิ่งอุ้มลูกหมาออกมาดูอย่างตกใจ “โถ... ทำท่าไหนถึงตกลงมาจ๊ะ เจ็บไหม “
ว่าพลางจับแมวปิฬาร์ขึ้นอุ้มลูบหัวไปมา และพลิกดูอาการอย่างเป็นห่วง ต้องอย่างนี้สิ แมวปิฬาร์แอบยิ้มในใจเมื่อเห็นลูกหมาตัวนั่นถูกวางอยู่บนพื้น แต่มันก็ยังกระดิกหางเห่าไปมา ไม่รู้ว่าเห่าทำไม ต่อให้ฉลาดแสนรู้ขนาดไหน เธอก็ยังฟังภาษาลูกหมานี้ไม่ออกเพราะหมาตัวนี้ยังเล็กเกินไปกว่าจะเรียนรู้ภาษา “สัตว์สากล” ได้
เห็นไหมล่ะ... ในที่สุด คุณนายก็เลือกปิฬาร์ เขาเรียกว่า “ตกต้นไม้วัดใจ” แมวสาวจอมซนเลยลืมเจ็บ จัดการร้องเหมียวๆ ออดอ้อนและเป็นการบอกว่าไม่เป็นไรหรอกคุณนายคนดีของปิฬาร์ แถมเลียหน้าตาให้อีกต่างหาก
“ค่อยยังชั่ว ไม่เป็นไร ทีหลังอย่าซนอีกนะจ้ะ”
แล้วมืออีกข้างก็เอื้อมไปอุ้มลูกหมาหน้ามอมขึ้นมาจากพื้น จับสัตว์เลี้ยงแสนรักทั้งสองตัวมาใกล้กันเสียด้วย ทำเอาแมวปิฬาร์ตาค้าง อาการบาดเจ็บที่เพิ่งหายไปเมื่อครู่กำเริบโดยกะทันหัน คอพับคออ่อน โธ่... คุณนายจ๋า ทำไมทำแบบนี้...ไม่เอา... อุ้มขึ้นมาคู่บารมีกันได้ยังไง นี่ปิฬาร์แมวชั้นสูงเกรดเอ นั่นลูกหมาหน้ามอม หมาจรจัด หมาข้างถนนไร้สังกัดไร้เกรด ไม่เอาไม่รู้ไม่สน คนละชั้น นึกพลางพยายามเอาขาข้างหนึ่งยันหน้าลูกหมาตัวนั้นห่างออกไปเวลาคุณนายเผลอ ไปห่าง ๆชิ้ว ๆ
“อ้าว อยากคุยกับเพื่อนใหม่หรือจ๊ะ”
เวรกรรมของแมว.. คุณนายใจดีมองเห็นเท้าของแมวสาวกำลังแหย่เหยงๆ ไปยังลูกหมาหน้ามอมอยู่พอดี เลยเข้าใจผิดคิดไปว่าปิฬาร์ต้องการจะตะกายไปหาอีกฝ่าย เลยยกทั้งหมาและแมวเข้าไปคู่จนชิดสนิทกัน
“เหมี๊ยว ๆ แง่ง...”
แมวปิฬาร์แยกเขี้ยวร้องลั่น แต่พอนึกขึ้นได้ว่าถูกสังเกตการณ์อยู่ ขืนทำผิดฟอร์มผิดอิมเมจ มีหวังค่าคะแนนความรักความเอ็นดูติดลบแหลกลาญ เลยทำเป็นเฉย หันหน้าสะบัดหนีอีกทาง ฮึ... จะจ้างสักพัน ฉันก็ไม่หันไปมอง
อ้าว..! ลูกหมาตัวนั้นเห็นคู่กรณีหันหน้าหนีเลยทักทายด้วยการยื่นหน้ามาเลียหัวหูประจบทักทายเอาใจเป็นการใหญ่ ปิฬาร์ดิ้นด๊อกแด๊กไปมาแต่ไม่กล้าหลุดมือลงไป ขืนเป็นอย่างนั้นเจ้าลูกหมาหน้ามอมต้องถูกอุ้มตัวเดียวโดดเด่นเป็นสง่าไร้คู่แข่งเป็นแน่แท้
“อุ้ยตาย สนุกสนานกันใหญ่เลย” คุณนายใจดีหัวเราะชอบใจ นึกว่าทั้งคู่เล่นกันตามประสาหมาแมวกลับเห็นเป็นเรื่องน่ารักน่าเอ็นดูไปเลย
“รักกันเข้ากันได้ดีแบบนี้ด้วยจะให้รางวัลเป็นไก่ย่างเนื้อนุ่มกินกัน”
ว่าแล้วก็อุ้มทั้งคู่เข้าไปในบ้านโดยมีแมวปิฬาร์หน้าหงิกแบบแมว ๆ อยู่ตลอดเวลา พอได้ทีก็จะเอาเท้าแอบยันอีกฝ่ายหนึ่งทันที แต่ดูเหมือนว่าเจ้าลูกหมาตัวนั้นจะไม่ถือสาสนใจเท่าไรนัก ไหน ๆเขาก็เป็นลูกพี่ อยู่มาก่อน ต้องอ่อนน้อมยินยอม
“เอ้า ไก่นุ่มๆ”
คุณนายเอาจานใส่ไก่ย่างสับเป็นชิ้นพองาม วางให้ทั้งคู่ในห้องครัวหลังบ้าน เออนะ... ทำไมต้องวางใกล้ ๆ กันด้วย เห็นหน้ากันแบบนี้กินไม่อร่อยแน่ ปิฬาร์เลยคาบจานไก่ย่างส่วนของตัวเองค่อยลากออกมาให้ห่างไกลจากเจ้าลูกหมาหน้ามอม
“อ้าว... จะลากจานไปไหน”
คุณนายเห็นเข้าก็จัดการลากจานกลับมาอยู่ตำแหน่งเดิม แล้วสั่งสอนแมวสาวเป็นการใหญ่
“เป็นเพื่อนกันต้องกินด้วยกัน รู้ไหม ต้องรักกัน ไม่รังแกกันด้วยนะจ้ะ เขาเป็นหมารู้ไหมจ้ะ ส่วนปิฬาร์น่ะเขาเรียกว่าแมว แต่หมาหรือแมวก็เป็นเพื่อนกันได้ อย่าทะเลาะกัน จงรู้จักรักกันอย่าหุนหันพลันแล่น อยู่บ้านเดียวกันต้องมีความรักสามัคคีกันเข้าไว้”
เสียงกริ่งโทรศัพท์ดังขึ้นขัดจังหวะจากในห้องนั่งเล่น คุณนายลุกขึ้นไปรับสาย ปิฬาร์ถอนใจเฮือกอย่างโล่งอกโล่งใจ ขอบคุณเสียงสวรรค์ที่มาขัดจังหวะไม่งั้นโดนเทศนาอีกนาน
เจ้าลูกหมาตัวนั้นเพราะความเป็นลูกหมา ตัวใหญ่พอๆ กับแมวปิฬาร์ แต่ตอนนี้ไม่กล้ากินไก่ย่าง คู้ตัวหมอบอยู่กับพื้นมองดูอย่างเกรงใจ ทำให้แมวปิฬาร์เกิดวิญญาณแห่งความเป็นพี่ใหญ่วิ่งพล่านขึ้นมาทันที แยกเขี้ยวขู่ทีหนึ่งเป็นการตัดไม้ข่มนาม ก่อนวางท่าเชิดหน้าเหยาะย่างชำเลืองดูอีกฝ่ายอย่างวางมาดแกมข่มขู่
ลูกหมายิ่งกระดิกหางเร็วขึ้น เป็นการบอกถึงความยอมแพ้โดยไม่มีเงื่อนไขและเจียมเนื้อเจียมตัว ปิฬาร์จ้องหน้าข่มขวัญลูกหมาอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดค่อยเดินไปคาบไก่ย่างชิ้นย่างชิ้นใหญ่ที่สุดออกมาจากจานของอีกฝ่ายหนึ่ง มาวางไว้ในจานของตัวเองอย่างหน้าตาเฉย ก่อนหันไปมองอย่างกวน ๆ เหมือนจะบอกว่า ..มีอะไรข้องใจไหม... สมน้ำหน้า โดนแย่งเลย อยากเข้ามาอยู่ในบ้านเราทำไม
ลูกหมานั้นยังคงหมอบและกระดิกหางไม่ว่าอะไร ท่าทางเกรงอกเกรงใจเต็มที
แมวปิฬาร์เชิดหน้าแล้วเอียงคอลงมือกินไก่ย่างชิ้นนั้นอย่างช้า ๆ จงใจเคี้ยวโชว์เยาะเย้ยสีหน้าท่าทางอร่อยเต็มที่
ลูกหมาตัวนั้นหมอบจ้องมองครู่หนึ่งจึงค่อย ๆ ลุกขึ้นอย่างเกรงอกเกรงใจ และคาบไก่ย่าง “ชิ้นใหญ่ที่สุด” ซึ่งเหลือในจานตัวเอง มาบรรจงค่อยวางลงในจานของแมวลูกพี่ด้วยท่าทางผูกไมตรีเต็มที่
แมวปิฬาร์ตะลึง
นี่มันจะทำประชดเราเปล่าฟะ ? แต่พอมองหน้ามอมนั่นและคิดได้ว่าลูกหมาคงไม่มีความนัยอะไรแอบแฝง เป็นลูกหมาคงประชดใครไม่เป็น และยังคงไม่ติดนิสัยมาจากมนุษย์หรอกน่า ตาใส ๆ คู่นั้นไม่มีอะไรเจือปนนอกจากคำว่าฉันยอมเธอแล้วนะ เรามาดีกัน ยอมยกให้เป็นลูกพี่โดยไม่มีข้อแม้
ใช่ ... เป็นลูกน้องก็ต้องทำตัวอ่อนน้อมแบบนี้ ต้องยอมลูกพี่ เอาล่ะ...เพื่อแสดงน้ำใจเล็ก ๆ น้อย ๆของลูกพี่ เราก็ต้องแสดงออกซึ่งความมีน้ำใจบ้าง ดังนั้นปิฬาร์จึงเลือกไก่ย่างชิ้น “เล็กที่สุด” ในจาน คาบไปวางลงในจานของเจ้าหมาหน้ามอมนั่น
ลูกหมากระดิกหางอย่างดีใจ(ลูกพี่อุตส่าห์แบ่งชิ้นเล็กที่สุดมาให้) และส่งเสียงในลำคอ ทำท่าจะเลียหน้าเลียตาปิฬาร์ เป็นการแสดงความขอบคุณและจงรักภักดี แต่พอโดนเสียงขู่แบบถือตัวก็ถอยออกไปอย่างเจียมตัว ก้มหน้าก้มตากินไก่ย่างชิ้นน้อยชิ้นนั้นอย่างสุภาพเรียบร้อยเท่าที่ความเป็นหมาจะทำได้ ต้องอย่างนี้สิ แมวลูกพี่ผู้ยิ่งใหญ่คิดในใจ มาทีหลังต้องยอม ให้รู้บ้างว่าใครเป็นใคร
ปิฬาร์กินไก่ย่างไม่หมดหรอก มันเหลืออยู่ในจานหลายชิ้น มองลูกหมาเป็นการเตือนบอกว่าอย่ามายุ่งกับอาหารฉันนะ ไม่งั้นเจ็บตัว ลูกหมานั่นก็เชื่อฟังอย่างดีไม่กล้ายุ่งอาหารที่เหลือ
อิ่มแล้ว ไปนอนเล่นบนโซฟาดีกว่า อารมณ์บ่อจอย
ค่อยเยื้องกายแบบนางพญาแมว นอนบนโซฟาในห้องนั่งเล่น นั่นคุณนายใจดีกำลังจี้จ้อกับโทรศัพท์อยู่อย่างเมามัน แบบนี้รับรองอีกสองชั่วโมงก็ไม่จบ เพราะคุณนายใจดีถ้าหากคว้าโทรศัพท์แล้ว ไม่เคยน้อยกว่าสองชั่วโมงเลยสักครั้ง สถิติเคยทำเอาไว้สูงสุดประมาณหกชั่วโมง ขนาดหลับคาโทรศัพท์ก็ยังเคย คงไม่มายุ่งกับปิฬาร์แล้วล่ะ
ลูกหมานั้นเดินตามมาอีก ไม่รู้เดินตามมาทำไม มานั่งจ้องตาแป๋วอยู่อย่างนั้น น่ารำคาญชะมัด
“เมี้ยว...!”
มีต่อครับ