เนื่องจากสิ่งที่จะเอามาเล่าเป็นประสบการณณืส่วนตัวเนื่องจากเป็นคนพื้นที่ ดังนั้นหากผิดหรือใครอยากเสริมข้อมูลทางวิชาการ ก็เชิญได้ครับ จะเป็นพระคุณอย่างยิ่ง
หากได้ยินว่าไฟป่า หรือการเผาป่านั้นเป็นสิ่งที่แย่สิ่งที่ไม่ดี ความจริงนั้นถูกเพียงครึ่งเดียวครับ เพราะไฟป่านั้น มันไม่ใช่จะไหม้ได้ทุกที่ ป่าบางประเภทมันก็ต้องมีไฟป่าไห้อยู่เสมอเพื่อให้ป่ามันคงอยู่ต่อไป
ภาคเหนือจะมีป่าอยู่ชนิดหนึ่ง ไม่ทราบว่าางวิชาการเค้าเรียกว่าอะไร เป็นประเภทหนึ่งของป่าผลัดใบครับ คือในช่วงแล้งคือตั้งแต่ฤดุหนาวเป็นต้นมา ต้นไม้ในป่าจะผลัดใบเพื่อลดการเสียน้ำในฤดูแล้ง ทำให้บางที่ใบไม้นั้นกองสูงจากพื้นตั้งหนึ่งศอก และเมื่อประกอบกับอาการที่แห้ง อากาศร้อนมาก ใบไม้สีกันจึงเกิดไฟ ทำให้เกิดไฟป่าขึ้น แต่ต้นไม้ในป่าชนิดนี้เป็นไม้ทนไฟครับ พวกนี้แปลือกจะหนา ทไฟป่าได้ดี พอไฟไหม้เชื้อไฟหมด พอฝนตกลงมา ใบอ่อนจะผลิ เพื่อเป็นวัฏจักรต่อไป
แต่ไฟป่าตามธรรมชาตินั้นมันกำหนดไม่ได้ว่าจะไหม้เมื่อไหร่ แค่ไหน เพราะบางที่ มันก้ไม่ได้ไหม้มาหลายปี พอไหม้ทีหนึ่งมันก็ลามและดับยากจนทำให้ไหม้ไปถึงป่าชนิดอื่นที่อยู่สูงขึ้นไป ที่ไม่ใช่พืชทนไฟจนเกิดความเสียหาย ดังนั้น ด้วยภูมิปัญญาชาวบ้าน ตลอดจนวิชาการป่าไม้ ทั้งชาวบ้าน ทั้งเจ้าหน้าที่ จะร่วมกันชิงเผามันซะก่อน ทำให้จำกัดบริเวณได้
และด้วยที่เป็นคนท้องถิ่น เขามักจะเผากันช่วงแล้งจัดๆก่อนฝนมา ซักมีนาคมถึงเมษายน เพื่อเมื่อฝนมา ต้นไม้ในป่าจะแตกใบ รวมถึงของป่ายอดนิยมอย่าง ผักหวานป่าไปจนถึงเห็ดถอบ
แต่สถานการณืหมอกควันในปัจจุบัน ไม่ได้มีสาเหตุหลักมาจากการเผาป่าแบบนี้ แต่มาจากการเผาไร่ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ โดยการบุกรุกป่า (ซึ่งผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมพืชประเภทข้าวโพด หรือข้าวสาลีดอย ทำไมชอบไปปลูกบนดอยนัก) ทำให้การเผาป่าโดยวิธีปกติถุกห้ามไปด้วย
ห้ามเผาป่า....ใครรับผิดชอบ
หากได้ยินว่าไฟป่า หรือการเผาป่านั้นเป็นสิ่งที่แย่สิ่งที่ไม่ดี ความจริงนั้นถูกเพียงครึ่งเดียวครับ เพราะไฟป่านั้น มันไม่ใช่จะไหม้ได้ทุกที่ ป่าบางประเภทมันก็ต้องมีไฟป่าไห้อยู่เสมอเพื่อให้ป่ามันคงอยู่ต่อไป
ภาคเหนือจะมีป่าอยู่ชนิดหนึ่ง ไม่ทราบว่าางวิชาการเค้าเรียกว่าอะไร เป็นประเภทหนึ่งของป่าผลัดใบครับ คือในช่วงแล้งคือตั้งแต่ฤดุหนาวเป็นต้นมา ต้นไม้ในป่าจะผลัดใบเพื่อลดการเสียน้ำในฤดูแล้ง ทำให้บางที่ใบไม้นั้นกองสูงจากพื้นตั้งหนึ่งศอก และเมื่อประกอบกับอาการที่แห้ง อากาศร้อนมาก ใบไม้สีกันจึงเกิดไฟ ทำให้เกิดไฟป่าขึ้น แต่ต้นไม้ในป่าชนิดนี้เป็นไม้ทนไฟครับ พวกนี้แปลือกจะหนา ทไฟป่าได้ดี พอไฟไหม้เชื้อไฟหมด พอฝนตกลงมา ใบอ่อนจะผลิ เพื่อเป็นวัฏจักรต่อไป
แต่ไฟป่าตามธรรมชาตินั้นมันกำหนดไม่ได้ว่าจะไหม้เมื่อไหร่ แค่ไหน เพราะบางที่ มันก้ไม่ได้ไหม้มาหลายปี พอไหม้ทีหนึ่งมันก็ลามและดับยากจนทำให้ไหม้ไปถึงป่าชนิดอื่นที่อยู่สูงขึ้นไป ที่ไม่ใช่พืชทนไฟจนเกิดความเสียหาย ดังนั้น ด้วยภูมิปัญญาชาวบ้าน ตลอดจนวิชาการป่าไม้ ทั้งชาวบ้าน ทั้งเจ้าหน้าที่ จะร่วมกันชิงเผามันซะก่อน ทำให้จำกัดบริเวณได้
และด้วยที่เป็นคนท้องถิ่น เขามักจะเผากันช่วงแล้งจัดๆก่อนฝนมา ซักมีนาคมถึงเมษายน เพื่อเมื่อฝนมา ต้นไม้ในป่าจะแตกใบ รวมถึงของป่ายอดนิยมอย่าง ผักหวานป่าไปจนถึงเห็ดถอบ
แต่สถานการณืหมอกควันในปัจจุบัน ไม่ได้มีสาเหตุหลักมาจากการเผาป่าแบบนี้ แต่มาจากการเผาไร่ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ โดยการบุกรุกป่า (ซึ่งผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมพืชประเภทข้าวโพด หรือข้าวสาลีดอย ทำไมชอบไปปลูกบนดอยนัก) ทำให้การเผาป่าโดยวิธีปกติถุกห้ามไปด้วย