สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 2
การแต่งงานไม่ใช่เรื่องของคนเพียงแค่สองคนครับ...
มันคือการเกี่ยวดองญาติทั้งสองฝ่ายเข้าไว้ด้วยกัน...
มีหลายคู่ที่มีปัญหาทะเลาะกันเพราะ พ่อ-แม่ ญาติ พี่น้อง...
เพราะตอนเป็นแฟนกันไม่จำเป็นต้องเข้าไปยุ่งขนาดนี้...
นอกจากนี้ยังพบปัญหาอื่นๆอีกมาก ที่คงไม่มีโอกาสได้ล่วงรู้เลยจนกว่าจะได้มาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน เช่น...
ฉี่ไม่ยกฝารองนั่ง, ถอด กกน ม้วนเป็นเลข 8, กองฝ้าหมกไว้จนเห็ด/ราขึ้น, นอนกรน, ไม่ช่วยทำงานบ้าน, ฯลฯ
ในบางคู่ SEX ก็เป็นเรื่องที่ทำให้เตียงหักได้เช่นกัน...
หากความต้องการของแต่ละฝ่ายไม่เท่ากัน รสนิยมแตกต่างกัน ปรับตัวเข้าหากันไม่ได้....
หรือในบางคู่.... ก็อาจมีปัญหาเรื่องเงิน...
ตอนเป็นแฟนกัน คุณจะใช้เงินยังไงก็ได้ นั่นมันเงินของคุณ....
แต่... เมื่อมาแต่งงานกันแล้ว จดทะเบียนกันแล้ว.... มันคือเงินของทั้งสองคน....
ทรัพย์สินที่ได้มาถือว่าเป็นทรัพย์สินร่วมกัน... หนี้สินที่เกิดขึ้นก็ถือว่าเป็นหนี้ร่วมกัน....
มันคือการเกี่ยวดองญาติทั้งสองฝ่ายเข้าไว้ด้วยกัน...
มีหลายคู่ที่มีปัญหาทะเลาะกันเพราะ พ่อ-แม่ ญาติ พี่น้อง...
เพราะตอนเป็นแฟนกันไม่จำเป็นต้องเข้าไปยุ่งขนาดนี้...
นอกจากนี้ยังพบปัญหาอื่นๆอีกมาก ที่คงไม่มีโอกาสได้ล่วงรู้เลยจนกว่าจะได้มาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน เช่น...
ฉี่ไม่ยกฝารองนั่ง, ถอด กกน ม้วนเป็นเลข 8, กองฝ้าหมกไว้จนเห็ด/ราขึ้น, นอนกรน, ไม่ช่วยทำงานบ้าน, ฯลฯ
ในบางคู่ SEX ก็เป็นเรื่องที่ทำให้เตียงหักได้เช่นกัน...
หากความต้องการของแต่ละฝ่ายไม่เท่ากัน รสนิยมแตกต่างกัน ปรับตัวเข้าหากันไม่ได้....
หรือในบางคู่.... ก็อาจมีปัญหาเรื่องเงิน...
ตอนเป็นแฟนกัน คุณจะใช้เงินยังไงก็ได้ นั่นมันเงินของคุณ....
แต่... เมื่อมาแต่งงานกันแล้ว จดทะเบียนกันแล้ว.... มันคือเงินของทั้งสองคน....
ทรัพย์สินที่ได้มาถือว่าเป็นทรัพย์สินร่วมกัน... หนี้สินที่เกิดขึ้นก็ถือว่าเป็นหนี้ร่วมกัน....
ความคิดเห็นที่ 33
ขอตอบในฐานะผู้หญิงแต่งเข้าบ้านสามีและที่บ้านไม่มีแม่บ้านนะคะ
เวลาตื่นนอน
- ก่อนแต่ง อยู่บ้านจะตื่นกี่โมงก็ได้ ตื่น 10 โมง หรือ เที่ยง พ่อแม่ก็แค่บ่นๆ
- หลังแต่งงาน ภรรยาควรตื่นนอนก่อนหรือพร้อมสามีค่ะ (สามีเราตื่นเช้ามาก) แรกๆก็ปรับตัวไม่ค่อยได้ค่ะ ก็ต้องคอยบอกสามีให้ช่วยปลุกนะ เรานอนขี้เซา และก็เกรงใจพ่อแม่สามีด้วยค่ะ ถ้าตื่นสายเค้าจะว่าเอา .. เดี๋ยวนี้ก็ปรับตัวได้แล้วค่ะ ตื่นเช้าได้สบายมาก
ทำกับข้าว
- ก่อนแต่ง มีคุณแม่ทำกับข้าวให้ทั้งเช้า กลางวัน เย็น ถ้าไม่มีอะไรกินคุณพ่อก็พาออกไปกินข้าวข้างนอก บางทีก็ช่วยแม่ทำกับข้าวบ้าง
- หลังแต่ง ต้องเตรียมเองหมดทั้งเช้า และเย็นหลังกลับจากทำงาน ส่วนวันหยุด ก็มีเพิ่มอาหารกลางวันด้วย ไม่ใช่เฉพาะของเราและสามี แต่ทำกับข้าวให้ทุกคนในบ้านของสามีค่ะ เราโชคดีที่คุณแม่สามีคอยสอนและประกบตลอดตอนแต่งงานใหม่ ช่วงแรกก็เกร็ง ไม่มั่นใจ ต้องคอยถามแม่สามีตลอด เช่นว่า อันนี้ต้องใส่อะไรบ้าง ทอดปลาทอดยังไง .. พอแต่งไป 2-3 ปีแล้วก็โปรแล้วค่ะ
งานบ้าน
- ก่อนแต่ง รับผิดชอบแค่เสื้อผ้าตัวเอง แล้วก็ทำงานบ้านเวลาที่แม่ใช้ให้ทำ
- หลังแต่ง สะใภ้รับผิดชอบทุกอย่างแทนคุณแม่สามีค่ะ ซักผ้า รีดผ้า ล้างจาน อาบน้ำสุนัข เก็บอึแมว ล้างห้องน้ำ แล้วเราก็จะต้อง allocate ให้สามีทำค่ะ เช่น กวาดบ้าน ถูบ้าน งานสวน ล้างรถ .. พื้นที่ที่เราจะไม่ยุ่ง คือ เสื้อผ้าและห้องส่วนตัวของพ่อแม่พี่น้องสามีค่ะ ให้เค้าทำกันเอง
ปล. ไม่ต้องคาดหวังนะคะว่าพี่น้องสามีจะช่วยทำงานบ้าน เพราะลองคิดถึงตอนที่เราอยู่บ้านตัวเอง เราขี้เกียจขนาดไหน สบายขนาดไหน พ่อแม่ทำให้ทุกอย่าง .. พี่น้องเค้าก็เช่นกันค่ะ เค้าจะทำเมื่อเค้าจำเป็นต้องทำ หรืออยากทำแค่นั้นค่ะ ไม่ต้องไปโกรธไปว่าเค้าที่เค้าไม่ทำงานบ้านนะคะ ลองนึกถึงตัวเองตอนอยู่บ้านดูแล้วเราจะเข้าใจค่ะ
เรื่องเงิน
- ก่อนแต่ง ใช้จ่ายยังไงก็ได้ ส่วนใหญ่ก็ใช้จ่ายเฉพาะเรื่องของตัวเอง ซื้อเสื้อผ้า ค่าเดินทาง เครื่องสำอาง
- หลังแต่ง ต้องพูดคุยกันค่ะ ว่าจะใช้เงินยังไง เก็บเท่าไหร่ ทรัพย์สินมีอะไรบ้าง มีหนี้เท่าไหร่ มีโครงการใช้จ่ายอะไรในอนาคต อยากซื้ออะไร ซื้อดีไหม ไปช่วยกันเลือก แชร์ไอเดียกันค่ะ โดยรวมใช้จ่ายประหยัดมากขึ้นค่ะ .. สามีให้เราดูแลเรื่องเงินของเค้าค่ะ เช่น จะฝากเงินยังไง เท่าไหร่ ทำประกันเท่าไหร่ ลงทุนอะไร เสียภาษีเท่าไหร่ ทำยังไงถึงประหยัดภาษีได้ และเราเป็นคนทำบัญชีรายรับรายจ่ายในบ้านค่ะ พี่น้องจะมีช่วยค่าใช้จ่ายด้านต่างๆ และเราจะเป็นคนรับผิดชอบในการบริหารเงินส่วนกลางค่ะ
ออกนอกบ้าน และเวลากลับบ้าน
- ก่อนแต่ง แค่บอกพ่อแม่ว่าเราจะไปไหน โทรบอกเมื่อกลับค่ำ ถ้าดึกหน่อยพ่อแม่ก็โทรตาม ยกเว้นไปต่างจังหวัด หรือไปต่างประเทศที่เราต้องขออนุญาตพ่อแม่
- หลังแต่ง ควรจะขออนุญาตหรือบอกกล่าวสามีทุกครั้งที่เราจะทำอะไร ไปไหน ไปกับใคร จะกลับกี่โมง เค้าเหมือนเป็นผู้ปกครองของเรา รับผิดชอบชีวิตเรา และเป็นห่วงเราไม่น้อยกว่าพ่อแม่ค่ะ .. แรกๆเราก็ติดเพื่อนค่ะ มีเที่ยวกลางคืนบ้าง ไปต่างจังหวัดกับเพื่อนบ้าง สามีก็ไม่ค่อยพอใจ เราก็ต้องปรับตัวค่ะ .. ตอนนี้ไม่ติดเพื่อนเลยค่ะ อยู่ติดบ้านมาก 555
เรื่องบนเตียง : เคยมี sex กันก่อนแต่งอยู่แล้ว เคมีเข้ากันได้ดี ไม่มีปัญหาค่ะ
ปล. เราว่าเรื่องนี้สำคัญมากนะคะ ถ้าไม่เคยมีอะไรกันมาก่อน แล้วพบว่าจูนกันในเรื่องนี้ไม่ได้ นี่จะกลายเป็นปัญหาได้นะคะ .. ผู้หญิงบางคนถึงกับแกล้งทำว่าตัวเองสำเร็จแล้วเลยนะคะ หรือ บางครั้งพบว่าผู้ชายนกเขาไม่ขัน ไม่แข็งแรงก็มีค่ะ
การนอน : เราและสามีไม่นอนกรน หลับง่าย นอนปิดไฟหรือเปิดไฟก็ไม่มีปัญหาค่ะ แรกๆก็ต้องปรับตัวเรื่องเวลานอนเวลาตื่น อยู่ๆกันไปก็นอนและตื่นเวลาใกล้เคียงกันค่ะ .. อ้อ เราเป็นคนนอนละเมอ และนอนร้ายค่ะ แบบว่า ชอบถีบ และชอบเอามือปัดเวลามีใครมายุ่งเวลานอน เราจะบอกสามีไว้ก่อนแต่งเลยค่ะ ให้เค้าเตรียมใจไว้ 555
เรื่องประจำเดือนและชุดชั้นในของผู้หญิง
- ก่อนแต่ง กางเกงในก็ ดองๆ กองๆ ไว้ 1-2 สัปดาห์ก็ซักทีนึง บางทีประจำเดือนเลอะที่นอน ส่วนผ้าอนามัยเราห่อเป็นปกติอยู่แล้ว (แต่เคยเจอผู้หญิงบางคนไม่ห่อผ้าอนามัยเลยค่ะ แผ่หลา)
- หลังแต่ง รักษาความสะอาดมากขึ้นค่ะ ไม่ให้ใครว่าและรังเกียจได้ แรกๆก็ติดนิสัยเดิมค่ะ มีขี้เกียจ หมกๆดองๆไว้ จนสามีต้องบอกให้เอาไปทำความสะอาดบ้าง หลังๆก็ปรับปรุงตัวเองค่ะ ซักชุดชั้นในบ่อยๆ .. ส่วนผ้าอนามัยก็ต้องเก็บให้เรียบร้อยมากขึ้น และหมั่นเอาขยะไปทิ้งค่ะ ไม่ให้ส่งกลิ่นรบกวน และที่นอนก็ต้องเอาผ้ามารองไว้ไม่ให้เปรอะเลอะค่ะ นอนด้วยความระมัดระวัง ลุกขึ้นมาเปลี่ยนผ้าอนามัยกลางคืนกันไว้ไม่ให้เต็มแผ่นค่ะ
ความสัมพันธ์กับครอบครัวสามี
- ก่อนแต่ง ไม่ค่อยเกี่ยวข้องกัน
- หลังแต่ง อยู่บ้านเดียวกัน เจอกันทุกวัน ทุกคนคาดหวังกับเรา ครอบครัวเกี่ยวข้องกันหมด นอกจากปรับตัวเข้ากับสามีแล้ว ก็ต้องปรับตัวกับครอบครัวของสามีด้วยค่ะ ต้องอยู่ด้วยกันด้วยความเมตตา และความเข้าใจค่ะ มีอะไรก็แชร์กันค่ะ อย่าไปคิดว่า พี่น้องเธอ พ่อแม่เธอ เมื่อแต่งงานกันแล้วก็คือครอบครัวเดียวกันค่ะ แต่ถ้ามีปัญหาอะไรที่ต้องจัดการ เราจะให้สามีเป็นคนคุยกับครอบครัวเค้านะคะ .. นอกจากนี้ เรารักพ่อแม่เรายังไง ก็ควรรักและเคารพพ่อแม่สามีเช่นกันค่ะ
สรุปแล้ว เราว่าต่างฝ่ายต่างก็ต้องปรับตัวเข้าหากันค่ะ ไม่ใช่หน่วยเดือนนะคะ เป็นปีค่ะ ถึงจะจูนกันได้ .. ที่สำคัญ คือ ให้เกียรติและแชร์ซึ่งกันและกันค่ะ การพูดคุยเล่าไอเดียกันและกันเป็นสิ่งสำคัญค่ะ และเชื่อฟังกันและกัน สามีตัดสินใจหรือให้ความเห็นเรื่องไหนที่เขาถนัด เราก็ต้องรับฟัง .. แต่ถ้าเราถนัดและมีความสามารถด้านไหน สามีก็จะรับฟังและเชื่อในการตัดสินใจของเราค่ะ
เวลาตื่นนอน
- ก่อนแต่ง อยู่บ้านจะตื่นกี่โมงก็ได้ ตื่น 10 โมง หรือ เที่ยง พ่อแม่ก็แค่บ่นๆ
- หลังแต่งงาน ภรรยาควรตื่นนอนก่อนหรือพร้อมสามีค่ะ (สามีเราตื่นเช้ามาก) แรกๆก็ปรับตัวไม่ค่อยได้ค่ะ ก็ต้องคอยบอกสามีให้ช่วยปลุกนะ เรานอนขี้เซา และก็เกรงใจพ่อแม่สามีด้วยค่ะ ถ้าตื่นสายเค้าจะว่าเอา .. เดี๋ยวนี้ก็ปรับตัวได้แล้วค่ะ ตื่นเช้าได้สบายมาก
ทำกับข้าว
- ก่อนแต่ง มีคุณแม่ทำกับข้าวให้ทั้งเช้า กลางวัน เย็น ถ้าไม่มีอะไรกินคุณพ่อก็พาออกไปกินข้าวข้างนอก บางทีก็ช่วยแม่ทำกับข้าวบ้าง
- หลังแต่ง ต้องเตรียมเองหมดทั้งเช้า และเย็นหลังกลับจากทำงาน ส่วนวันหยุด ก็มีเพิ่มอาหารกลางวันด้วย ไม่ใช่เฉพาะของเราและสามี แต่ทำกับข้าวให้ทุกคนในบ้านของสามีค่ะ เราโชคดีที่คุณแม่สามีคอยสอนและประกบตลอดตอนแต่งงานใหม่ ช่วงแรกก็เกร็ง ไม่มั่นใจ ต้องคอยถามแม่สามีตลอด เช่นว่า อันนี้ต้องใส่อะไรบ้าง ทอดปลาทอดยังไง .. พอแต่งไป 2-3 ปีแล้วก็โปรแล้วค่ะ
งานบ้าน
- ก่อนแต่ง รับผิดชอบแค่เสื้อผ้าตัวเอง แล้วก็ทำงานบ้านเวลาที่แม่ใช้ให้ทำ
- หลังแต่ง สะใภ้รับผิดชอบทุกอย่างแทนคุณแม่สามีค่ะ ซักผ้า รีดผ้า ล้างจาน อาบน้ำสุนัข เก็บอึแมว ล้างห้องน้ำ แล้วเราก็จะต้อง allocate ให้สามีทำค่ะ เช่น กวาดบ้าน ถูบ้าน งานสวน ล้างรถ .. พื้นที่ที่เราจะไม่ยุ่ง คือ เสื้อผ้าและห้องส่วนตัวของพ่อแม่พี่น้องสามีค่ะ ให้เค้าทำกันเอง
ปล. ไม่ต้องคาดหวังนะคะว่าพี่น้องสามีจะช่วยทำงานบ้าน เพราะลองคิดถึงตอนที่เราอยู่บ้านตัวเอง เราขี้เกียจขนาดไหน สบายขนาดไหน พ่อแม่ทำให้ทุกอย่าง .. พี่น้องเค้าก็เช่นกันค่ะ เค้าจะทำเมื่อเค้าจำเป็นต้องทำ หรืออยากทำแค่นั้นค่ะ ไม่ต้องไปโกรธไปว่าเค้าที่เค้าไม่ทำงานบ้านนะคะ ลองนึกถึงตัวเองตอนอยู่บ้านดูแล้วเราจะเข้าใจค่ะ
เรื่องเงิน
- ก่อนแต่ง ใช้จ่ายยังไงก็ได้ ส่วนใหญ่ก็ใช้จ่ายเฉพาะเรื่องของตัวเอง ซื้อเสื้อผ้า ค่าเดินทาง เครื่องสำอาง
- หลังแต่ง ต้องพูดคุยกันค่ะ ว่าจะใช้เงินยังไง เก็บเท่าไหร่ ทรัพย์สินมีอะไรบ้าง มีหนี้เท่าไหร่ มีโครงการใช้จ่ายอะไรในอนาคต อยากซื้ออะไร ซื้อดีไหม ไปช่วยกันเลือก แชร์ไอเดียกันค่ะ โดยรวมใช้จ่ายประหยัดมากขึ้นค่ะ .. สามีให้เราดูแลเรื่องเงินของเค้าค่ะ เช่น จะฝากเงินยังไง เท่าไหร่ ทำประกันเท่าไหร่ ลงทุนอะไร เสียภาษีเท่าไหร่ ทำยังไงถึงประหยัดภาษีได้ และเราเป็นคนทำบัญชีรายรับรายจ่ายในบ้านค่ะ พี่น้องจะมีช่วยค่าใช้จ่ายด้านต่างๆ และเราจะเป็นคนรับผิดชอบในการบริหารเงินส่วนกลางค่ะ
ออกนอกบ้าน และเวลากลับบ้าน
- ก่อนแต่ง แค่บอกพ่อแม่ว่าเราจะไปไหน โทรบอกเมื่อกลับค่ำ ถ้าดึกหน่อยพ่อแม่ก็โทรตาม ยกเว้นไปต่างจังหวัด หรือไปต่างประเทศที่เราต้องขออนุญาตพ่อแม่
- หลังแต่ง ควรจะขออนุญาตหรือบอกกล่าวสามีทุกครั้งที่เราจะทำอะไร ไปไหน ไปกับใคร จะกลับกี่โมง เค้าเหมือนเป็นผู้ปกครองของเรา รับผิดชอบชีวิตเรา และเป็นห่วงเราไม่น้อยกว่าพ่อแม่ค่ะ .. แรกๆเราก็ติดเพื่อนค่ะ มีเที่ยวกลางคืนบ้าง ไปต่างจังหวัดกับเพื่อนบ้าง สามีก็ไม่ค่อยพอใจ เราก็ต้องปรับตัวค่ะ .. ตอนนี้ไม่ติดเพื่อนเลยค่ะ อยู่ติดบ้านมาก 555
เรื่องบนเตียง : เคยมี sex กันก่อนแต่งอยู่แล้ว เคมีเข้ากันได้ดี ไม่มีปัญหาค่ะ
ปล. เราว่าเรื่องนี้สำคัญมากนะคะ ถ้าไม่เคยมีอะไรกันมาก่อน แล้วพบว่าจูนกันในเรื่องนี้ไม่ได้ นี่จะกลายเป็นปัญหาได้นะคะ .. ผู้หญิงบางคนถึงกับแกล้งทำว่าตัวเองสำเร็จแล้วเลยนะคะ หรือ บางครั้งพบว่าผู้ชายนกเขาไม่ขัน ไม่แข็งแรงก็มีค่ะ
การนอน : เราและสามีไม่นอนกรน หลับง่าย นอนปิดไฟหรือเปิดไฟก็ไม่มีปัญหาค่ะ แรกๆก็ต้องปรับตัวเรื่องเวลานอนเวลาตื่น อยู่ๆกันไปก็นอนและตื่นเวลาใกล้เคียงกันค่ะ .. อ้อ เราเป็นคนนอนละเมอ และนอนร้ายค่ะ แบบว่า ชอบถีบ และชอบเอามือปัดเวลามีใครมายุ่งเวลานอน เราจะบอกสามีไว้ก่อนแต่งเลยค่ะ ให้เค้าเตรียมใจไว้ 555
เรื่องประจำเดือนและชุดชั้นในของผู้หญิง
- ก่อนแต่ง กางเกงในก็ ดองๆ กองๆ ไว้ 1-2 สัปดาห์ก็ซักทีนึง บางทีประจำเดือนเลอะที่นอน ส่วนผ้าอนามัยเราห่อเป็นปกติอยู่แล้ว (แต่เคยเจอผู้หญิงบางคนไม่ห่อผ้าอนามัยเลยค่ะ แผ่หลา)
- หลังแต่ง รักษาความสะอาดมากขึ้นค่ะ ไม่ให้ใครว่าและรังเกียจได้ แรกๆก็ติดนิสัยเดิมค่ะ มีขี้เกียจ หมกๆดองๆไว้ จนสามีต้องบอกให้เอาไปทำความสะอาดบ้าง หลังๆก็ปรับปรุงตัวเองค่ะ ซักชุดชั้นในบ่อยๆ .. ส่วนผ้าอนามัยก็ต้องเก็บให้เรียบร้อยมากขึ้น และหมั่นเอาขยะไปทิ้งค่ะ ไม่ให้ส่งกลิ่นรบกวน และที่นอนก็ต้องเอาผ้ามารองไว้ไม่ให้เปรอะเลอะค่ะ นอนด้วยความระมัดระวัง ลุกขึ้นมาเปลี่ยนผ้าอนามัยกลางคืนกันไว้ไม่ให้เต็มแผ่นค่ะ
ความสัมพันธ์กับครอบครัวสามี
- ก่อนแต่ง ไม่ค่อยเกี่ยวข้องกัน
- หลังแต่ง อยู่บ้านเดียวกัน เจอกันทุกวัน ทุกคนคาดหวังกับเรา ครอบครัวเกี่ยวข้องกันหมด นอกจากปรับตัวเข้ากับสามีแล้ว ก็ต้องปรับตัวกับครอบครัวของสามีด้วยค่ะ ต้องอยู่ด้วยกันด้วยความเมตตา และความเข้าใจค่ะ มีอะไรก็แชร์กันค่ะ อย่าไปคิดว่า พี่น้องเธอ พ่อแม่เธอ เมื่อแต่งงานกันแล้วก็คือครอบครัวเดียวกันค่ะ แต่ถ้ามีปัญหาอะไรที่ต้องจัดการ เราจะให้สามีเป็นคนคุยกับครอบครัวเค้านะคะ .. นอกจากนี้ เรารักพ่อแม่เรายังไง ก็ควรรักและเคารพพ่อแม่สามีเช่นกันค่ะ
สรุปแล้ว เราว่าต่างฝ่ายต่างก็ต้องปรับตัวเข้าหากันค่ะ ไม่ใช่หน่วยเดือนนะคะ เป็นปีค่ะ ถึงจะจูนกันได้ .. ที่สำคัญ คือ ให้เกียรติและแชร์ซึ่งกันและกันค่ะ การพูดคุยเล่าไอเดียกันและกันเป็นสิ่งสำคัญค่ะ และเชื่อฟังกันและกัน สามีตัดสินใจหรือให้ความเห็นเรื่องไหนที่เขาถนัด เราก็ต้องรับฟัง .. แต่ถ้าเราถนัดและมีความสามารถด้านไหน สามีก็จะรับฟังและเชื่อในการตัดสินใจของเราค่ะ
แสดงความคิดเห็น
คุณคิดว่า ชีวิตก่อนแต่งงาน กับ หลังแต่งงาน มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง?
ทั้งๆที่ก่อนแต่งงานกันก็คบกันมานาน ใช้เวลาอยู่ด้วยกัน ทำความเข้าใจกัน บางคู่เป็น 10 ปี
ก็เลยอยากรู้ว่าชีวิตก่อนแต่ง(ตอนเป็นแฟนกัน)กับหลังแต่งกันไปเป็นสามีภรรยากัน มันแตกต่างกันยังไง?
นอกจากการที่ได้ย้ายมาอยู่บ้านเดียวกัน
มีอะไรเปลี่ยนไปบ้างหรอครับ? ความรู้สึก การใช้ชีวิต
ในเมื่อรักกัน พอมาอยู่ด้วยกันตลอด มันก็น่าจะดีกว่าตอนเป็นแฟนไม่ใช่หรอครับ
ไม่ต้องนัดกินข้าว ไปรับไปส่งแฟนที่บ้าน ไม่ต้องโทรคุยกันจนดึกดื่น ได้นอนคุยกันสบายๆบนเตียง