สืบเนื่องจากกระทู้
[CR]แบกเป้เที่ยวญี่ปุ่น(คันไซ)คนเดียวสไตล์เพื่อนไม่คบ 11 วัน 12 คืน ด้วยความรู้ภาษาญี่ปุ่นดิ่งเหว ยัง!!!!ยังไม่เข็ด
http://ppantip.com/topic/35038467
ลองเปิดๆดูแล้วรู้สึกว่าภาพมันชักจะล้นๆเกินไป สืบเนื่องจากทริปนี้กินระยะเวลาทั้งสิ้น 12 คืน แลดูแล้วมันจะยาวจนทำให้แถบเลื่อนกระทู้ด้านข้างทะลุจอคอมพ์เป็นแน่แท้ จึงเป็นเหตุผลให้แตกกระทู้มารกเซิฟเวอร์ Pantip เล่นๆตามประการละฉะนี้ เตร่งเตร๊งงงงงง
แนะนำให้อ่านกระทู้ตอนแรกเพื่อเพิ่มอรรถรสและสัมผัสความเละเทะระดับวายป่วง โดยกระทู้ตอนแรกจะพาท่านทั้งหลายไปซุยกับ Kurashiki Okayama Himeji Kinosaki Hikone Kyoto แต่อย่าเพิ่งดูถูก!!!! เห็นกระทู้เกริ่นมาดูสุดแสนจะไร้สาระแต่ภายในกระทู้ท่านจะได้พบกับทุกอย่างสำหรับผู้ที่ต้องการจะไปเที่ยวย่านคันไซ
มีทุกอย่างยกเว้น สาระ ขั้นตอนการเดินทาง ความรู้ทางประวัติศาสตร์ ร้านอาหารแนะนำ รวมไปถึงรูปภาพที่สวยงาม
..................................มันก็ไม่เหลืออะไรแล้วนี่หว่า!!!!! เอาเป็นว่าเพิ่อความบันเทิงไปละกันนะครับ ห๊ะ!!!! อะไรนะ แป้กด้วย เออๆๆ ช่างมันเถอะ ==
[Day 7 : 5 เมษายน 2559] NARA
เริ่มต้นเช้าวัใหม่พร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสองอย่างนั่นคือ
1. บัตร JR KANSAI WIDE AREA PASS หมดไปแล้ว
2. เปลี่ยนที่พักจ้า นั่นหมายถึงวันนี้จะมีสัมภาระห้อยเป็นวิญญาณตามติดที่บ่าไปด้วย 7 กิโลถ้วนเหมือนหนังเรื่องชัตเตอร์กดติดวิญญาณก็มิปาน
เริ่มต้นจากสถานี Tennoji ของค่าย JR ไปยังสถานี JR NARA ค่าโดยสารทั้งสิ้น 470 เยน (จ่ายด้วยบัตรกวิ้นหรือบัตร ICOCA ห๊ะ!!! มันคืออะไรอะ แนะนำตามไปดูที่กระทู้แรกเลยครัฟ) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 40 นาที ก็จะมาถึง.................................
NARA
เมืองหลวงเก่าของประเทศญี่ปุ่น เปรียบเสมือนเป็นพื้นที่แหล่งสุมๆกันของ "World Heritage" หรือมรดกโลก ที่กระจายๆกันไปทั่วทั้งเมือง แต่จุดขายจริงๆของเมืองนี้ที่เวลาพูดถึงแล้วจะนึกไปถึงเป็นเมืองอื่นไม่ได้ นั่นก็คือ......
น้องกวางป่าที่ถูกปล่อยให้ใช้ชีวิตแบบธรรมชาติร่วมกันกับเมือง มาพร้อมกับ"น้องพริ้ม" มาสค็อทสุดน่ารักมุ้งมิ้งและอ่า......................หน้าตาสุดกวนจนแทบอยากเดินไปสับหน้าผาก จังหวะที่เห็นครั้งแรกนึกภาพไปถึงพนักงานออฟฟิตที่เมื่อคืนเมาหนักจนเมียไ่ม่ให้เข้าบ้านแล้วต้องตื่นแต่เช้ามาทำงานต่อ ตาพ่อนี่เยิ้มมาเชียว
Tourist information center
แน่นอน ฝากชีวิตไว้กับ Tourist information center อีกแล้ว ขอแนะนำสุดยอดไอเท็มที่จะพาถูลู่ถูกังไปในครั้งนี้
1.
Nara sight seeing map
สุดยอดแผนที่ครอบจักรวาลบานทุ่งผักบุ้งไฟแดง แนะนำให้มีติดตัวไว้
https://www.jnto.go.jp/eng/pdf/regional/kinki/nara_shi.pdf
2.
nara city main bus route map
แผนผังการเดินของรถเมลล์ที่ให้บริการในการเยี่ยมชมสถานที่ต่างๆใน Nara
http://www.narakotsu.co.jp/language/en/pdf/English_rosenmap.pdf
แผนที่ทั้งสองสามารถหาได้จากห้างสรรพสินค้าชั้นนำใกล้บ้านท่าน ไม่ใช่!!!! Tourist information center ตะหาก!!!
หลังจากยืนพิจารณาแผนที่ซักพัก...............เอาวะ!!! ไม่ต้องซื้อบัตรเหมารถเมลล์หรอก ใช้วิธีเดินเอานี่แหละ เราจะได้ซึมซับบรรยากาศและน้องกวางได้เต็มปอด ฉะนั้น ลุย!!!!!
หันหลังให้ตึก Tourist information ก็จะพบกับทางเดินที่จะพาเราไปน้องพริ้มและผองเพื่อน
1. Sanjo-dori
ถนนที่เต็มไปด้วยร้านค้าไม่ว่าจะเป็นร้านขนม ของที่ระลึก หรือ สินค้าทั่วไป ซึ่งแน่นอน ไม่ได้กินตังค์พี่หรอกครัฟ!!!! ไม่มีตังค์ T_T
เลยมาอีกนิดเดียวสังเกตุทางด้านซ้ายจะพบกับวัด Kohjukuji Temple ที่ตั้งอยู่ตรงข้ามกบบ่อน้ำพอดี
2. Kohjukuji Temple
วัดคู่บ้านคู่เมืองที่อยู่มาตั้งแต่สมัยนาระยังเป็นเมืองหลวงของประเทศ โดยมีจุดขายอยู่ที่เจดีย์ไม้สูง 5 ชั้น ซึ่งเคลมตัวเองว่าเป็นเจดีย์ไม้ที่สูงเป็นอันดับสองของประเทศรองลงมาจากวัดโทจิในโตเกียว
เดินโต๋เต๋ๆมาเรื่อยก็จะพบสวนขนาดใหญ่กับแขกของเราที่รอต้อนรับด้วยความอบอุ่น
คั๊ลล๊าคคคค และไม่ได้มาเพียงตัวเดียว มากันทั้งกองทัพ เดินกันให้เต็มสวนแบบไม่เกรงกลัวฟ้าดินและนักท่องเที่ยว และแน่นอน มันพาดึงดูดให้เป็นเหยื่อของการตลาดจริมๆ โดยการตลาดที่ว่านั่นก็คือ................
ขนมเซมเบ้ราคาแถวละ 150 เยน ที่ถือว่าเป็นไอเท็มสุดแรร์เอาไว้ใช้เปลี่ยนนิสัยแกงค์น้องกวางได้เป็นอย่างดี ตอนเดินไปตัวเปล่าน้องเชิดพร้อมสะบัดหน้าใส่จนคอแทบหมุน 360 องศา แต่พอมีของกินมาล่อเท่านั้นแหละ อ้อนจนแทบจะเป็นแบมบี้ในการ์ตูนของวอลท์ดิสนี่ ว่าแล้วก็ลองป้อนขนมตามกระแสการตลาดมั่ง..................."งั้บ!!!!"
"เอิ๊ว!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!" ส่งเสียงร้องแบบผู้หญิงสุดชีวิต ชายเสื้อ กระเป๋ากล้อง สายเป้ == นี่ถ้าเราสูงเท่ากันป่านนี้คงโดนงับเข้าไปทั้งหัวละ....................ยัง!!! ยังจะตามพวกมาอีก!!!!
ถึงกวางที่นี่จะถูกตัดเขาออกเพื่อความปลอดภัยแล้ว แต่อย่างที่กล่าวไว้ครับ กวางในเมืองนี้เป็นสัตว์ป่า ฉะนั้นอาจจะทำอันตรายกับนักท่องเที่ยว ยิ่งพฤติกรรมชอบไล่งับกระดาษกับหน้ามืดเวลาเเห็นขนมนี่ตัวดี แค่ตัวเดียวก็น่ากลัวแล้วดันทะลึ่งมีสกิลเรียกพวกมาอีก
ป้ายเตือนอันตรายจากน้องกวางเป็นระยะๆเช่น ระวังกวางกัด ระวังกวางเตะ ระวังกวางขวิด ระวังกวางเอาตัวเข้ากระแทก................นี่มันกวางหรือจอมยุทธ์วะเนี่ย!!!!
เบ็ดเตล็ด
โปรดสังเกตุมุมบนของขนมเซ็มเบ้............
- จืดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดสนิท!!!! จืดอำมหิต ความกรอบแบบแห้งๆไม่มีสิ่งใดเข้ามาปน ความจืดระดับพรีเมี่ยมจนแทบจะวิ่งเข้าไปแย่งเซ็มเบ้ที่คาปากน้องกวางเอากลับมาปรุงรสให้ใหม่ พวกเอ็งกินกันเข้าไปได้ยังไงฟระ เห็นวิ่งไล่งับอย่างกับพวกคนติดยานึกว่าอร่อย คาดหวังไว้เยอะนะเฮ้ย!!!!
หลังจากหนีจากฝูงกวางซอมบี้ที่ขนาดยกมือขึ้นโบกไปมาให้ดูประมาณว่า "บ๋อแบ๋ๆ ขนมหมดละน๊า" ก็ยังจะเดินตามมาจนซักพักทำหน้าแบบ "ชิส์" ก่อนจะถอนกำลังเดินกลับไป เราก็จะเดินหน้าต่อไปตามแผนที่เพื่อไป Kasuga Taisha Shrine แต่ในระหว่างเดินตามทางไปเรื่อยๆสายตาพลันเหลือบไปเห็นป้าย "Sightseeing".................................. มันช่างเย้ายวนเสียเหลือเกิน!!!!(ตอนอ่านโปรดทำเสียงน้าค่อมประกอบ) เชื้อเชิญกันอย่างนี้มีแต่ต้องสนอง ขอนอกเส้นทางหน่อยละกัน โดยระหว่างทางเดินไปตามป้ายท่านก็จะพบกับของแถมรายทาง
เมื่อเดินมาเรื่อยๆเราก็จะพบกับปลายทางของป้ายที่ล่อลวง
3. Sagi-ike Pond / Ukimido Gazebo
จังหวะแรกที่เห็นสิ่งแรกที่คิดในหัวเลยก็คือ............... ที่นี่มัน........................ที่ไหนวะ == คุ้นๆว่าเคยเห็นรูปแต่ไม่เคยรู้ว่ามันอยู่ที่นี่เลย (ชื่อผมเพิ่งเสิร์ทเอาตอนที่ตั้งกระทู้นี่แหละ) ภาพคุ้นตาที่มันจะเห็นลงในสิ่งพิมพ์บ่อยๆ ศาลากลางน้ำที่แทงพร้วดลงไปในบ่อ รายล้อมไปด้วยต้นไม้ตัดกับความใสของน้ำที่ล้อมรอบ.................เอิ่ม เดี๋ยวนะ มันมีบางอย่างที่ไม่ค่อยเหมือนภาพที่เราเคยเห็นตามสิ่งพิมพ์แฮะ แต่คงเป็นเพราะเค้าแต่งภาพล่ะมั้ง เวลามาเจอของจริงมันถึงต่างกันแบบตงิดๆ
กวาดสายตาชมความงามแบบตงิดๆไปเรือยๆจนมาเจอสิ่งหนึ่งที่เป็นคำตอบและเหตุผลของความตงิดๆที่อยู่ในใจ
มิน่าเล่า ไอ้บ้าเอ๊ย!!!! เค้าลอกคลองเพื่อซ่อมบำรุงอยู่นี่หว่า
เมื่อเดินต่อมาตามทางพร้อมสาปแช่งในความซวยของตัวเองที่ดันทะลึ่งมาในช่วงเวลาที่เค้าซ่อมบำรุงพอดี (พร้อมแสยะยิ้มให้คู่รักที่มาถ่ายภาพพรีเว้ดกันในตอนั้น...........เกเรชิบเป๋ง ==) ทันใดนั้นก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่เปลี่ยนไป
4. Nara park
ป่ากลางเมือง!!!!!! ทางเดินลูกรังที่ขนาบไปด้วยร่มไม้ที่สูงมิดหัวไล่ยาวไปตามทางพร้อมกับน้องพริ้มและผองเพื่อนที่กระจายตัวกันซุ่มจู่โจมตามพุ่มไม้ ทันทีที่ก้าวขาเข้าไปเหมือนเราได้เดินข้ามประตูมิติผ่านระหว่างตัวเมืองและป่าเข้ามา
หลังจากเดินทำมือบ๋อแบ๋ๆโชว์ให้น้องพริ้มและชาวคณะดูมาตลอดทางก็จะมาพบกับ
4. Kasuga taisha Shrine
หนึ่งในศาลเจ้าชื่อดังประจำเมือง NARA เลยก็ว่าได้ ได้ดีกรีเป็นมรดกโลกจากองค์กรยูเนสโกเป็นที่เรียบร้อย ภาพที่คุณจะเห็นได้ชินตาบริเวณนี้ก็คือตะเกียงทั้งแบบเสาและแบบแขวนที่วางเรียงรายกันไปตลอดทางเดิน บริเวณภายนอกไม่เสียเงิน แต่ถ้าต้องการเข้าไปชมภายในล่ะก็ ต้องจ่ายเพิ่ม 500 เยนครับ
แมวเมาภูมิใจนำเสนอ..................นี่คืออีกหนึ่งความอึ้งทึ่งเสียวของคนที่เสียเงินเพิ่มอีก 500 เยน เพื่อเข้ามาทางด้านใน นั่นก็คือ
แสงตะเกียงนับร้อยในค่ำคืนอันมืดมิดที่วางเรียงตัวยาวไปแบบไม่มีที่สิ้นสุด....................
ค่ำคืน?.................นับร้อย?......................ไม่มีที่สิ้นสุด?
เอาเข้าจริงๆคือเป็นอาคารที่มีผ้าใบปิดคลุมไว้ไม่ให้แสงเข้าแล้วใช้กระจกเงาสะท้อนภาพตะเกียงที่มีอยู่สองแถวยาวประมาณ20ก้าวให้มันดูอลังการประหนึ่งกองทัพตะเกียง ไม่ต้องพึ่ง CG ใดๆเล่นมันง่ายๆอย่างนี้แหละ ==
โดยส่วนตัวแล้ว
ย้ำ โดยส่วนตัว ถ้าไม่มีเวลาหรือเหตุผลอื่นๆใดๆ ไม่ต้องเสียเงินเข้าด้านในก็ได้ครับ ถ่ายรูปเล่นกับตะเกียงด้านนอกก็น่าจะเพียงพอครับ แต่ใครมีเวลาเหลือก็โอเคอยู่
[CR] แบกเป้เที่ยวญี่ปุ่น(คันไซ)คนเดียวสไตล์เพื่อนไม่คบ 11 วัน 12 คืน ด้วยความรู้ภาษาญี่ปุ่นดิ่งเหว ภาคจบ!!!! มั้ง ==
สืบเนื่องจากกระทู้
[CR]แบกเป้เที่ยวญี่ปุ่น(คันไซ)คนเดียวสไตล์เพื่อนไม่คบ 11 วัน 12 คืน ด้วยความรู้ภาษาญี่ปุ่นดิ่งเหว ยัง!!!!ยังไม่เข็ด
http://ppantip.com/topic/35038467
ลองเปิดๆดูแล้วรู้สึกว่าภาพมันชักจะล้นๆเกินไป สืบเนื่องจากทริปนี้กินระยะเวลาทั้งสิ้น 12 คืน แลดูแล้วมันจะยาวจนทำให้แถบเลื่อนกระทู้ด้านข้างทะลุจอคอมพ์เป็นแน่แท้ จึงเป็นเหตุผลให้แตกกระทู้มารกเซิฟเวอร์ Pantip เล่นๆตามประการละฉะนี้ เตร่งเตร๊งงงงงง
แนะนำให้อ่านกระทู้ตอนแรกเพื่อเพิ่มอรรถรสและสัมผัสความเละเทะระดับวายป่วง โดยกระทู้ตอนแรกจะพาท่านทั้งหลายไปซุยกับ Kurashiki Okayama Himeji Kinosaki Hikone Kyoto แต่อย่าเพิ่งดูถูก!!!! เห็นกระทู้เกริ่นมาดูสุดแสนจะไร้สาระแต่ภายในกระทู้ท่านจะได้พบกับทุกอย่างสำหรับผู้ที่ต้องการจะไปเที่ยวย่านคันไซ
มีทุกอย่างยกเว้น สาระ ขั้นตอนการเดินทาง ความรู้ทางประวัติศาสตร์ ร้านอาหารแนะนำ รวมไปถึงรูปภาพที่สวยงาม
..................................มันก็ไม่เหลืออะไรแล้วนี่หว่า!!!!! เอาเป็นว่าเพิ่อความบันเทิงไปละกันนะครับ ห๊ะ!!!! อะไรนะ แป้กด้วย เออๆๆ ช่างมันเถอะ ==
[Day 7 : 5 เมษายน 2559] NARA
เริ่มต้นเช้าวัใหม่พร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสองอย่างนั่นคือ
1. บัตร JR KANSAI WIDE AREA PASS หมดไปแล้ว
2. เปลี่ยนที่พักจ้า นั่นหมายถึงวันนี้จะมีสัมภาระห้อยเป็นวิญญาณตามติดที่บ่าไปด้วย 7 กิโลถ้วนเหมือนหนังเรื่องชัตเตอร์กดติดวิญญาณก็มิปาน
เริ่มต้นจากสถานี Tennoji ของค่าย JR ไปยังสถานี JR NARA ค่าโดยสารทั้งสิ้น 470 เยน (จ่ายด้วยบัตรกวิ้นหรือบัตร ICOCA ห๊ะ!!! มันคืออะไรอะ แนะนำตามไปดูที่กระทู้แรกเลยครัฟ) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 40 นาที ก็จะมาถึง.................................
NARA
เมืองหลวงเก่าของประเทศญี่ปุ่น เปรียบเสมือนเป็นพื้นที่แหล่งสุมๆกันของ "World Heritage" หรือมรดกโลก ที่กระจายๆกันไปทั่วทั้งเมือง แต่จุดขายจริงๆของเมืองนี้ที่เวลาพูดถึงแล้วจะนึกไปถึงเป็นเมืองอื่นไม่ได้ นั่นก็คือ......
น้องกวางป่าที่ถูกปล่อยให้ใช้ชีวิตแบบธรรมชาติร่วมกันกับเมือง มาพร้อมกับ"น้องพริ้ม" มาสค็อทสุดน่ารักมุ้งมิ้งและอ่า......................หน้าตาสุดกวนจนแทบอยากเดินไปสับหน้าผาก จังหวะที่เห็นครั้งแรกนึกภาพไปถึงพนักงานออฟฟิตที่เมื่อคืนเมาหนักจนเมียไ่ม่ให้เข้าบ้านแล้วต้องตื่นแต่เช้ามาทำงานต่อ ตาพ่อนี่เยิ้มมาเชียว
Tourist information center
แน่นอน ฝากชีวิตไว้กับ Tourist information center อีกแล้ว ขอแนะนำสุดยอดไอเท็มที่จะพาถูลู่ถูกังไปในครั้งนี้
1. Nara sight seeing map
สุดยอดแผนที่ครอบจักรวาลบานทุ่งผักบุ้งไฟแดง แนะนำให้มีติดตัวไว้
https://www.jnto.go.jp/eng/pdf/regional/kinki/nara_shi.pdf
2. nara city main bus route map
แผนผังการเดินของรถเมลล์ที่ให้บริการในการเยี่ยมชมสถานที่ต่างๆใน Nara
http://www.narakotsu.co.jp/language/en/pdf/English_rosenmap.pdf
แผนที่ทั้งสองสามารถหาได้จากห้างสรรพสินค้าชั้นนำใกล้บ้านท่าน ไม่ใช่!!!! Tourist information center ตะหาก!!!
หลังจากยืนพิจารณาแผนที่ซักพัก...............เอาวะ!!! ไม่ต้องซื้อบัตรเหมารถเมลล์หรอก ใช้วิธีเดินเอานี่แหละ เราจะได้ซึมซับบรรยากาศและน้องกวางได้เต็มปอด ฉะนั้น ลุย!!!!!
หันหลังให้ตึก Tourist information ก็จะพบกับทางเดินที่จะพาเราไปน้องพริ้มและผองเพื่อน
1. Sanjo-dori
ถนนที่เต็มไปด้วยร้านค้าไม่ว่าจะเป็นร้านขนม ของที่ระลึก หรือ สินค้าทั่วไป ซึ่งแน่นอน ไม่ได้กินตังค์พี่หรอกครัฟ!!!! ไม่มีตังค์ T_T
เลยมาอีกนิดเดียวสังเกตุทางด้านซ้ายจะพบกับวัด Kohjukuji Temple ที่ตั้งอยู่ตรงข้ามกบบ่อน้ำพอดี
2. Kohjukuji Temple
วัดคู่บ้านคู่เมืองที่อยู่มาตั้งแต่สมัยนาระยังเป็นเมืองหลวงของประเทศ โดยมีจุดขายอยู่ที่เจดีย์ไม้สูง 5 ชั้น ซึ่งเคลมตัวเองว่าเป็นเจดีย์ไม้ที่สูงเป็นอันดับสองของประเทศรองลงมาจากวัดโทจิในโตเกียว
เดินโต๋เต๋ๆมาเรื่อยก็จะพบสวนขนาดใหญ่กับแขกของเราที่รอต้อนรับด้วยความอบอุ่น
คั๊ลล๊าคคคค และไม่ได้มาเพียงตัวเดียว มากันทั้งกองทัพ เดินกันให้เต็มสวนแบบไม่เกรงกลัวฟ้าดินและนักท่องเที่ยว และแน่นอน มันพาดึงดูดให้เป็นเหยื่อของการตลาดจริมๆ โดยการตลาดที่ว่านั่นก็คือ................
ขนมเซมเบ้ราคาแถวละ 150 เยน ที่ถือว่าเป็นไอเท็มสุดแรร์เอาไว้ใช้เปลี่ยนนิสัยแกงค์น้องกวางได้เป็นอย่างดี ตอนเดินไปตัวเปล่าน้องเชิดพร้อมสะบัดหน้าใส่จนคอแทบหมุน 360 องศา แต่พอมีของกินมาล่อเท่านั้นแหละ อ้อนจนแทบจะเป็นแบมบี้ในการ์ตูนของวอลท์ดิสนี่ ว่าแล้วก็ลองป้อนขนมตามกระแสการตลาดมั่ง..................."งั้บ!!!!"
"เอิ๊ว!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!" ส่งเสียงร้องแบบผู้หญิงสุดชีวิต ชายเสื้อ กระเป๋ากล้อง สายเป้ == นี่ถ้าเราสูงเท่ากันป่านนี้คงโดนงับเข้าไปทั้งหัวละ....................ยัง!!! ยังจะตามพวกมาอีก!!!!
ถึงกวางที่นี่จะถูกตัดเขาออกเพื่อความปลอดภัยแล้ว แต่อย่างที่กล่าวไว้ครับ กวางในเมืองนี้เป็นสัตว์ป่า ฉะนั้นอาจจะทำอันตรายกับนักท่องเที่ยว ยิ่งพฤติกรรมชอบไล่งับกระดาษกับหน้ามืดเวลาเเห็นขนมนี่ตัวดี แค่ตัวเดียวก็น่ากลัวแล้วดันทะลึ่งมีสกิลเรียกพวกมาอีก
ป้ายเตือนอันตรายจากน้องกวางเป็นระยะๆเช่น ระวังกวางกัด ระวังกวางเตะ ระวังกวางขวิด ระวังกวางเอาตัวเข้ากระแทก................นี่มันกวางหรือจอมยุทธ์วะเนี่ย!!!!
เบ็ดเตล็ด
โปรดสังเกตุมุมบนของขนมเซ็มเบ้............
- จืดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดสนิท!!!! จืดอำมหิต ความกรอบแบบแห้งๆไม่มีสิ่งใดเข้ามาปน ความจืดระดับพรีเมี่ยมจนแทบจะวิ่งเข้าไปแย่งเซ็มเบ้ที่คาปากน้องกวางเอากลับมาปรุงรสให้ใหม่ พวกเอ็งกินกันเข้าไปได้ยังไงฟระ เห็นวิ่งไล่งับอย่างกับพวกคนติดยานึกว่าอร่อย คาดหวังไว้เยอะนะเฮ้ย!!!!
หลังจากหนีจากฝูงกวางซอมบี้ที่ขนาดยกมือขึ้นโบกไปมาให้ดูประมาณว่า "บ๋อแบ๋ๆ ขนมหมดละน๊า" ก็ยังจะเดินตามมาจนซักพักทำหน้าแบบ "ชิส์" ก่อนจะถอนกำลังเดินกลับไป เราก็จะเดินหน้าต่อไปตามแผนที่เพื่อไป Kasuga Taisha Shrine แต่ในระหว่างเดินตามทางไปเรื่อยๆสายตาพลันเหลือบไปเห็นป้าย "Sightseeing".................................. มันช่างเย้ายวนเสียเหลือเกิน!!!!(ตอนอ่านโปรดทำเสียงน้าค่อมประกอบ) เชื้อเชิญกันอย่างนี้มีแต่ต้องสนอง ขอนอกเส้นทางหน่อยละกัน โดยระหว่างทางเดินไปตามป้ายท่านก็จะพบกับของแถมรายทาง
เมื่อเดินมาเรื่อยๆเราก็จะพบกับปลายทางของป้ายที่ล่อลวง
3. Sagi-ike Pond / Ukimido Gazebo
จังหวะแรกที่เห็นสิ่งแรกที่คิดในหัวเลยก็คือ............... ที่นี่มัน........................ที่ไหนวะ == คุ้นๆว่าเคยเห็นรูปแต่ไม่เคยรู้ว่ามันอยู่ที่นี่เลย (ชื่อผมเพิ่งเสิร์ทเอาตอนที่ตั้งกระทู้นี่แหละ) ภาพคุ้นตาที่มันจะเห็นลงในสิ่งพิมพ์บ่อยๆ ศาลากลางน้ำที่แทงพร้วดลงไปในบ่อ รายล้อมไปด้วยต้นไม้ตัดกับความใสของน้ำที่ล้อมรอบ.................เอิ่ม เดี๋ยวนะ มันมีบางอย่างที่ไม่ค่อยเหมือนภาพที่เราเคยเห็นตามสิ่งพิมพ์แฮะ แต่คงเป็นเพราะเค้าแต่งภาพล่ะมั้ง เวลามาเจอของจริงมันถึงต่างกันแบบตงิดๆ
กวาดสายตาชมความงามแบบตงิดๆไปเรือยๆจนมาเจอสิ่งหนึ่งที่เป็นคำตอบและเหตุผลของความตงิดๆที่อยู่ในใจ
มิน่าเล่า ไอ้บ้าเอ๊ย!!!! เค้าลอกคลองเพื่อซ่อมบำรุงอยู่นี่หว่า
เมื่อเดินต่อมาตามทางพร้อมสาปแช่งในความซวยของตัวเองที่ดันทะลึ่งมาในช่วงเวลาที่เค้าซ่อมบำรุงพอดี (พร้อมแสยะยิ้มให้คู่รักที่มาถ่ายภาพพรีเว้ดกันในตอนั้น...........เกเรชิบเป๋ง ==) ทันใดนั้นก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่เปลี่ยนไป
4. Nara park
ป่ากลางเมือง!!!!!! ทางเดินลูกรังที่ขนาบไปด้วยร่มไม้ที่สูงมิดหัวไล่ยาวไปตามทางพร้อมกับน้องพริ้มและผองเพื่อนที่กระจายตัวกันซุ่มจู่โจมตามพุ่มไม้ ทันทีที่ก้าวขาเข้าไปเหมือนเราได้เดินข้ามประตูมิติผ่านระหว่างตัวเมืองและป่าเข้ามา
หลังจากเดินทำมือบ๋อแบ๋ๆโชว์ให้น้องพริ้มและชาวคณะดูมาตลอดทางก็จะมาพบกับ
4. Kasuga taisha Shrine
หนึ่งในศาลเจ้าชื่อดังประจำเมือง NARA เลยก็ว่าได้ ได้ดีกรีเป็นมรดกโลกจากองค์กรยูเนสโกเป็นที่เรียบร้อย ภาพที่คุณจะเห็นได้ชินตาบริเวณนี้ก็คือตะเกียงทั้งแบบเสาและแบบแขวนที่วางเรียงรายกันไปตลอดทางเดิน บริเวณภายนอกไม่เสียเงิน แต่ถ้าต้องการเข้าไปชมภายในล่ะก็ ต้องจ่ายเพิ่ม 500 เยนครับ
แมวเมาภูมิใจนำเสนอ..................นี่คืออีกหนึ่งความอึ้งทึ่งเสียวของคนที่เสียเงินเพิ่มอีก 500 เยน เพื่อเข้ามาทางด้านใน นั่นก็คือ
แสงตะเกียงนับร้อยในค่ำคืนอันมืดมิดที่วางเรียงตัวยาวไปแบบไม่มีที่สิ้นสุด....................
ค่ำคืน?.................นับร้อย?......................ไม่มีที่สิ้นสุด?
เอาเข้าจริงๆคือเป็นอาคารที่มีผ้าใบปิดคลุมไว้ไม่ให้แสงเข้าแล้วใช้กระจกเงาสะท้อนภาพตะเกียงที่มีอยู่สองแถวยาวประมาณ20ก้าวให้มันดูอลังการประหนึ่งกองทัพตะเกียง ไม่ต้องพึ่ง CG ใดๆเล่นมันง่ายๆอย่างนี้แหละ ==
โดยส่วนตัวแล้ว ย้ำ โดยส่วนตัว ถ้าไม่มีเวลาหรือเหตุผลอื่นๆใดๆ ไม่ต้องเสียเงินเข้าด้านในก็ได้ครับ ถ่ายรูปเล่นกับตะเกียงด้านนอกก็น่าจะเพียงพอครับ แต่ใครมีเวลาเหลือก็โอเคอยู่