สวัสดีคะวันนี้เรามีเรื่องจะมาเล่านะคะ
เรามีเพื่อนอยู่คนนึงซึ่งสนิทกันเรียกว่าสามารถเล่าสารทุกข์สุขดิบให้กันฟังได้ทุกเรื่องแบบไม่อายเลย เราจะขอเรียกเธอว่า "เจน" นะคะ
เรื่องที่เราจะเล่าต่อไปนี้ เราเองก็รับรู้มาตลอดในระยะเวลาเกือบ 30 ปีที่เป็นเพื่อนกับเจนมา ทุกเรื่องที่เราจะเล่าต่อไปนี้ เจน ได้เป็นคน
อนุญาตแล้ว บางเรื่องบางตอนที่เรายังเด็กเกินไปเราจำไม่ได้ เจนก็เป็นคนเล่าให้เราฟัง
เราอาจจะเล่าวกวนบ้าง เรื่องนี้เราเล่าผ่านมุมมองที่เราเห็นและก็จากมุมมองของเจน แต่สำหรับผู้ใหญ่ในเรื่องนี้ทุกท่านจะมีเหตุผลส่วนตัวใดๆ
เราก็ไม่อาจทราบได้ เอาหละเรามาเริ่มเรื่องกันเลยดีกว่า
เจน อายุประมาณ 30 ปี เธอเป็นลูกสาวคนเดียวเหมือนกับเรา ตั้งแต่จำความได้เราก็วิ่งเล่นกระโดดหนังยางมาด้วยกันตลอด เราสองคน
เติบโตมาด้วยกันที่ย่านหนึ่งใจกลางกรุงเทพ เรียนโรงเรียนรัฐบาล เราเรียนชั้นเดียวกันห้องเดียวกัน แต่ เจน เป็นคนเรียนเก่ง เธอฉลาด
เป็นหัวหน้าห้อง เป็นประธานนักเรียน เราอาศัยอยู่แมนชั่นติดกับตึกแถวที่ เจน และครอบครัวอาศัยอยู่ ตึกแถวที่เจนอยู่จะเป็นตึกแถวสี่ชั้น
สำหรับให้เช่าสามชั้นแบ่งซอยเป็นห้องๆ ชั้นละสามห้อง ห้องน้ำรวม ชั้นบนสุดเป็นดาดฟ้าซึ่งเราสองคนจะใช้ชั้นดาดฟ้าเล่นนู่นเล่นนี่ด้วยกัน
บ่อยๆ เจนกับพ่อและแม่พักอยู่บนชั้นสอง ชั้นแรกจะมีลุงกับป้าคู่หนึ่งซึ่งมาจากหมู่บ้านเดียวกับพ่อของเจนขายอาหารตามสั่งสารพัดอย่างอยู่
พ่อเจนมีอาชีพเป็นหัวหน้าคนงานโรงงานผลิตแฟ้มใส่เอกสารแถวสุรวงศ์ (ตอนนี้ปิดกิจการไปนานแล้ว) พ่อเจนเป็นคนใช้เงินฟุ้งเฟ้อ
ดื่มเหล้าจัด ทุกวันอาทิตย์ที่หยุดงานต้องมีเพื่อนมาดื่มเหล้าที่บ้าน แล้วพ่อเจนชอบเล่นการพนันมวยคะ ทุกครั้งที่พ่อเจนเมาก็มักจะอาละวาด
เทลาะกับแม่ของเจน ทำลายข้าวของเครื่องใช้ เสียงดังน่ากลัวจนเจนต้องวิ่งมาหาเราที่บ้านบ่อยๆ
แม่เจนมีอาชีพเป็นช่างตัดเย็บเสื้อผ้า แต่ถ้าช่วงไหนไม่มีลูกค้าก็ไม่มีตังค์ ก็ต้องคอยหยิบยิมจากคนอื่นอยู่เรื่อยๆ แม่เจนเกลียดคนดื่มเหล้าสุดๆ
เลยคะ ทุกครั้งที่พ่อเจนเมาก็เลยมีการเทลาะกัน นั่นก็เป็นภาพชินตาที่เจนวิ่งมาหาเรากับแม่ที่บ้าน แต่ถึงแม่เจนจะเกลียดการดื่มเหล้า
แต่แม่เจนก็เล่นการพนันนะ ถึงกับรับแทงหวยใต้ดินเลยแหละ แล้วเงินที่ส่งเจนเรียนทุกบาททุกสตางค์ก็คือเงินที่แม่ของเจนได้มาจากการ
ขายหวยนี่แหละ
(แต่เจนเพื่อนเราคนนี้เธอเกลียดการพนันและยาเสพย์ติดมาก ไม่รับมาจากพ่อกับแม่สักอย่าง เพราะอย่างนี้ไงเราถึงรักเธอ)
มีอยู่ครั้งนึง คืนนั้นดึกแล้วประมาณเที่ยงคืนมีคนมาเคาะห้อง แม่เราเปิดไฟแล้วออกไปดูก็เลยพลอยทำให้เราตื่นด้วย พอเปิดประตูมาปรากฎว่า
เป็นเจนกับแม่ของเธอ แม่เรารีบเปิดประตูรับหาน้ำหาท่าให้กิน แต่แม่ของเจนท่าทางดูรีบๆ แม่เราเลยถามไปถามมาได้เรื่องว่า เจนไม่สบาย
หนักมากมีอาการอาหารเป็นพิษจะไปหาหมอแต่ไม่มีตังค์ ไปลองขอยืมป้าที่พักอยู่ชั้นล่างแล้วเค้าบอกว่าไม่มี (อาหารเค้าขายดีมากนะ
ทั้งซอยกินร้านแกเกือบร้านเดียว) แม่เราถามแล้วพ่อของเจนหละ แม่เจนเล่าว่า พ่อเจนบอกว่าเธอแกล้งไม่สบายเพื่อเรียกร้องความสนใจ
แม่เจนเลยอุ้มเจนออกมาจากบ้าน แม่เราเลยให้เงินไปประมาณห้าร้อยบาท แล้วก็เลยพากันเดินลงไปเรียกรถสามล้อเครื่องเพื่อที่จะไป
โรงบาลเด็ก
จากนั้นถ้าจำไม่ผิดช่วงนั้นเรากำลังจะขึ้น ป.1 เจนเริ่มไปช่วยลุงกับป้าคู่นั้นขายกับข้าว เจนทำทุกอย่างไม่ว่าจะเตรียมของ ล้างผัก ล้างจาน
ทำความสะอาดเก็บกวาดร้านอาหาร เจนได้รับค่าจ้างประมาณวันละ 30 บาท ช่วงนั้นน่าจะปี พ.ศ.2537 เห็นจะได้ ทุกๆวันหลังจากเลิกโรงเรียน
เจนต้องรีบกลับบ้าน มาเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วลงไปช่วยเค้าขายของ แต่ทุกอย่างต้องเรียบร้อยก่อนประมาณห้าโมงเย็น เจนต้องล้างถ้วยชาม
กองมหาศาลใช้มือหยิบออกมาจากกะละมังที่มีแต่เศษอาหาร หม้อแกงที่ขัดออกแสนจะยากจากคราบอาหารที่อุ่นแล้วอุ่นอีก กะทะที่มันจากน้ำมัน
ทอดปลา เจนต้องล้างผักเตียมของทำความสะอาดเก็บทุกอย่างที่ป้าคนนั้นทำกระจัดกระจายไว้ให้สะอาดเรียบร้อยก่อนที่ลุงคนนั้นจะออกมา
ขายของต่อจากเมียแก ลุงคนนั้นแกเป็นคนเจ้าระเบียบสะอาดสะอ้านซึ่งต่างกับเมียที่เป็นคนสกปรกไม่เรียบร้อย ทำตรงไหนทิ่งตรงนั้น ทีนี้ก็เป็น
หน้าที่ของเจนที่ต้องรักษาให้มันสะอาดอยู่เสมอ ลุงคนนั้นนอกจากจะเป็นคนเจ้าระเบียบแล้ว แกยังเป็นคนเจ้าอารมณ์อีกต่างหาก วันไหนที่แก
อารมณ์ไม่ดี เจนทำอะไรไม่ทันใจ เจนก็จะเหมือนเครื่องรองรับอารมณ์ บางวันก็ตะคอก ด่าว่าสาระพัดต่างๆนาๆ โยนถ้วยชามหม้อไหกะละมังใส่
ให้เจนกลัว บางครั้งก็เอาหนังสือพิมพ์ม้วนๆแล้วฟาดเข้าที่ตัวเจน บางครั้งก็เอามือตบเข้าที่หน้าผากของเธอ เจนทำงานช่วยป้ากับลุงคู่นั้นตั้งแต่
เลิกโรงเรียนจนถึงประมาณสามทุ่ม แล้วถึงขึ้นบ้านไปอาบน้ำทำการบ้านแต่ถ้าวันไหนถึงแม้จะเลยสามทุ่มไปแล้ว แต่อาหารขายดี ลุงคนนั้น
ก็จะตะโกนเรียกเจนจากชั้นหนึ่งขึ้นมาชั้นสอง ให้เจนลงไปช่วยขายของอีก
เราเห็นทุกวัน ทุกอย่างมันเป็นมาเรื่อยๆแบบนี้ มีบางวันที่เราไปเล่นคุยกับเจนที่ร้านขายข้าว หรือเดินไปร้านขายของชำเป็นเพื่อนเจน เวลาที่เจน
ต้องแบบข้าวสารถุงละประมาณห้ากิโลทั้งสองข้างคนเดียว วันเด็กเจนจะได้ไปเที่ยวก็ต่อเมื่อเจนไปขอป้าคนนั้นแล้วแกให้ไป มีอยู่ปีนึงวันเด็ก
เราลงจากบ้านเพื่อที่จะไปชวนเจนไปเที่ยวที่สนามกีฬา เราเดินไปที่ตึกแถวก็เห็นเจนยืนผัดหรือทอดอะไรอยุ่ก่อนแล้ว เจนบอกเราว่าไปไม่ได้
เธออยากไป แต่วันนี้น่าจะขายของดีเลยต้องอยู่ช่วยเค้าเตรียมของ เราก็ด้วยความที่เป็นเด็กอยากให้เพื่อนไปเที่ยวด้วยกัน ก็เลยไปบอกป้าคนนั้น
แกพูดออกมาเลยคะว่าไม่ได้ เราหันไปหาเจนเห็นเธอกำลังเอามือปาดน้ำตาแล้วก้สะอื้นเบาๆอยู่หน้าเตาผัด
บางทีเราก็สงสัยนะว่าทำไมพ่อแม่ของเจนถึงได้ปล่อยให้ลูกโดนคนอื่นใช้งานและทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจแบบนี้ ถึงจะได้ค่าจ้างก็จริง
แต่เราว่าสิ่งที่ลุงกับป้าคู่นั้นทำกับเจนมันเหมือนเธอเป็นคนรับใช้พวกเค้า
ประมาณปี พ.ศ.2539 - 2540 รึเปล่าเราไม่แน่ใจ พ่อของเจนลาออกจากงานด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครรู้ได้ ภาระค่าใช้จ่ายทุกอย่างจึงตกมาอยู่ที่
แม่ของเจนคนเดียวโดยสิ้นเชิง ตอนนั้นเจนก็ยังคงช่วยเค้าขายกับข้าวอยู่แต่ก็เริ่มมีเวลาเป็นส่วนตัวมากขึ้น เราก็ไม่แน่ใจว่าทำไม ตอนนั้นพ่อ
ของเจนเลิกดิ่มแหล้าแล้วนะคะ พร้อมกันกับเลิกทำงาน จากเดิมทีที่ครอบครัวของแม่เจนไม่ชอบพ่อเจนอยู่แล้วก็ยิ่งไม่ชอบไปกันใหญ่
ทุกครั้งที่เจนกลับไปบ้านที่ต่างจังหวัดเะอก็มักจะได้ยินคำพูดเสียดสีดูถูกพ่อของเธอจากญาติผู้ใหญ่ฝ่ายแม่เสมอ และเราก็คิดว่านี่ก็คงเป็นอีก
ปมนึงที่เจ็บปวดของเจน
เรื่องของเพื่อนสนิท
เรามีเพื่อนอยู่คนนึงซึ่งสนิทกันเรียกว่าสามารถเล่าสารทุกข์สุขดิบให้กันฟังได้ทุกเรื่องแบบไม่อายเลย เราจะขอเรียกเธอว่า "เจน" นะคะ
เรื่องที่เราจะเล่าต่อไปนี้ เราเองก็รับรู้มาตลอดในระยะเวลาเกือบ 30 ปีที่เป็นเพื่อนกับเจนมา ทุกเรื่องที่เราจะเล่าต่อไปนี้ เจน ได้เป็นคน
อนุญาตแล้ว บางเรื่องบางตอนที่เรายังเด็กเกินไปเราจำไม่ได้ เจนก็เป็นคนเล่าให้เราฟัง
เราอาจจะเล่าวกวนบ้าง เรื่องนี้เราเล่าผ่านมุมมองที่เราเห็นและก็จากมุมมองของเจน แต่สำหรับผู้ใหญ่ในเรื่องนี้ทุกท่านจะมีเหตุผลส่วนตัวใดๆ
เราก็ไม่อาจทราบได้ เอาหละเรามาเริ่มเรื่องกันเลยดีกว่า
เจน อายุประมาณ 30 ปี เธอเป็นลูกสาวคนเดียวเหมือนกับเรา ตั้งแต่จำความได้เราก็วิ่งเล่นกระโดดหนังยางมาด้วยกันตลอด เราสองคน
เติบโตมาด้วยกันที่ย่านหนึ่งใจกลางกรุงเทพ เรียนโรงเรียนรัฐบาล เราเรียนชั้นเดียวกันห้องเดียวกัน แต่ เจน เป็นคนเรียนเก่ง เธอฉลาด
เป็นหัวหน้าห้อง เป็นประธานนักเรียน เราอาศัยอยู่แมนชั่นติดกับตึกแถวที่ เจน และครอบครัวอาศัยอยู่ ตึกแถวที่เจนอยู่จะเป็นตึกแถวสี่ชั้น
สำหรับให้เช่าสามชั้นแบ่งซอยเป็นห้องๆ ชั้นละสามห้อง ห้องน้ำรวม ชั้นบนสุดเป็นดาดฟ้าซึ่งเราสองคนจะใช้ชั้นดาดฟ้าเล่นนู่นเล่นนี่ด้วยกัน
บ่อยๆ เจนกับพ่อและแม่พักอยู่บนชั้นสอง ชั้นแรกจะมีลุงกับป้าคู่หนึ่งซึ่งมาจากหมู่บ้านเดียวกับพ่อของเจนขายอาหารตามสั่งสารพัดอย่างอยู่
พ่อเจนมีอาชีพเป็นหัวหน้าคนงานโรงงานผลิตแฟ้มใส่เอกสารแถวสุรวงศ์ (ตอนนี้ปิดกิจการไปนานแล้ว) พ่อเจนเป็นคนใช้เงินฟุ้งเฟ้อ
ดื่มเหล้าจัด ทุกวันอาทิตย์ที่หยุดงานต้องมีเพื่อนมาดื่มเหล้าที่บ้าน แล้วพ่อเจนชอบเล่นการพนันมวยคะ ทุกครั้งที่พ่อเจนเมาก็มักจะอาละวาด
เทลาะกับแม่ของเจน ทำลายข้าวของเครื่องใช้ เสียงดังน่ากลัวจนเจนต้องวิ่งมาหาเราที่บ้านบ่อยๆ
แม่เจนมีอาชีพเป็นช่างตัดเย็บเสื้อผ้า แต่ถ้าช่วงไหนไม่มีลูกค้าก็ไม่มีตังค์ ก็ต้องคอยหยิบยิมจากคนอื่นอยู่เรื่อยๆ แม่เจนเกลียดคนดื่มเหล้าสุดๆ
เลยคะ ทุกครั้งที่พ่อเจนเมาก็เลยมีการเทลาะกัน นั่นก็เป็นภาพชินตาที่เจนวิ่งมาหาเรากับแม่ที่บ้าน แต่ถึงแม่เจนจะเกลียดการดื่มเหล้า
แต่แม่เจนก็เล่นการพนันนะ ถึงกับรับแทงหวยใต้ดินเลยแหละ แล้วเงินที่ส่งเจนเรียนทุกบาททุกสตางค์ก็คือเงินที่แม่ของเจนได้มาจากการ
ขายหวยนี่แหละ
(แต่เจนเพื่อนเราคนนี้เธอเกลียดการพนันและยาเสพย์ติดมาก ไม่รับมาจากพ่อกับแม่สักอย่าง เพราะอย่างนี้ไงเราถึงรักเธอ)
มีอยู่ครั้งนึง คืนนั้นดึกแล้วประมาณเที่ยงคืนมีคนมาเคาะห้อง แม่เราเปิดไฟแล้วออกไปดูก็เลยพลอยทำให้เราตื่นด้วย พอเปิดประตูมาปรากฎว่า
เป็นเจนกับแม่ของเธอ แม่เรารีบเปิดประตูรับหาน้ำหาท่าให้กิน แต่แม่ของเจนท่าทางดูรีบๆ แม่เราเลยถามไปถามมาได้เรื่องว่า เจนไม่สบาย
หนักมากมีอาการอาหารเป็นพิษจะไปหาหมอแต่ไม่มีตังค์ ไปลองขอยืมป้าที่พักอยู่ชั้นล่างแล้วเค้าบอกว่าไม่มี (อาหารเค้าขายดีมากนะ
ทั้งซอยกินร้านแกเกือบร้านเดียว) แม่เราถามแล้วพ่อของเจนหละ แม่เจนเล่าว่า พ่อเจนบอกว่าเธอแกล้งไม่สบายเพื่อเรียกร้องความสนใจ
แม่เจนเลยอุ้มเจนออกมาจากบ้าน แม่เราเลยให้เงินไปประมาณห้าร้อยบาท แล้วก็เลยพากันเดินลงไปเรียกรถสามล้อเครื่องเพื่อที่จะไป
โรงบาลเด็ก
จากนั้นถ้าจำไม่ผิดช่วงนั้นเรากำลังจะขึ้น ป.1 เจนเริ่มไปช่วยลุงกับป้าคู่นั้นขายกับข้าว เจนทำทุกอย่างไม่ว่าจะเตรียมของ ล้างผัก ล้างจาน
ทำความสะอาดเก็บกวาดร้านอาหาร เจนได้รับค่าจ้างประมาณวันละ 30 บาท ช่วงนั้นน่าจะปี พ.ศ.2537 เห็นจะได้ ทุกๆวันหลังจากเลิกโรงเรียน
เจนต้องรีบกลับบ้าน มาเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วลงไปช่วยเค้าขายของ แต่ทุกอย่างต้องเรียบร้อยก่อนประมาณห้าโมงเย็น เจนต้องล้างถ้วยชาม
กองมหาศาลใช้มือหยิบออกมาจากกะละมังที่มีแต่เศษอาหาร หม้อแกงที่ขัดออกแสนจะยากจากคราบอาหารที่อุ่นแล้วอุ่นอีก กะทะที่มันจากน้ำมัน
ทอดปลา เจนต้องล้างผักเตียมของทำความสะอาดเก็บทุกอย่างที่ป้าคนนั้นทำกระจัดกระจายไว้ให้สะอาดเรียบร้อยก่อนที่ลุงคนนั้นจะออกมา
ขายของต่อจากเมียแก ลุงคนนั้นแกเป็นคนเจ้าระเบียบสะอาดสะอ้านซึ่งต่างกับเมียที่เป็นคนสกปรกไม่เรียบร้อย ทำตรงไหนทิ่งตรงนั้น ทีนี้ก็เป็น
หน้าที่ของเจนที่ต้องรักษาให้มันสะอาดอยู่เสมอ ลุงคนนั้นนอกจากจะเป็นคนเจ้าระเบียบแล้ว แกยังเป็นคนเจ้าอารมณ์อีกต่างหาก วันไหนที่แก
อารมณ์ไม่ดี เจนทำอะไรไม่ทันใจ เจนก็จะเหมือนเครื่องรองรับอารมณ์ บางวันก็ตะคอก ด่าว่าสาระพัดต่างๆนาๆ โยนถ้วยชามหม้อไหกะละมังใส่
ให้เจนกลัว บางครั้งก็เอาหนังสือพิมพ์ม้วนๆแล้วฟาดเข้าที่ตัวเจน บางครั้งก็เอามือตบเข้าที่หน้าผากของเธอ เจนทำงานช่วยป้ากับลุงคู่นั้นตั้งแต่
เลิกโรงเรียนจนถึงประมาณสามทุ่ม แล้วถึงขึ้นบ้านไปอาบน้ำทำการบ้านแต่ถ้าวันไหนถึงแม้จะเลยสามทุ่มไปแล้ว แต่อาหารขายดี ลุงคนนั้น
ก็จะตะโกนเรียกเจนจากชั้นหนึ่งขึ้นมาชั้นสอง ให้เจนลงไปช่วยขายของอีก
เราเห็นทุกวัน ทุกอย่างมันเป็นมาเรื่อยๆแบบนี้ มีบางวันที่เราไปเล่นคุยกับเจนที่ร้านขายข้าว หรือเดินไปร้านขายของชำเป็นเพื่อนเจน เวลาที่เจน
ต้องแบบข้าวสารถุงละประมาณห้ากิโลทั้งสองข้างคนเดียว วันเด็กเจนจะได้ไปเที่ยวก็ต่อเมื่อเจนไปขอป้าคนนั้นแล้วแกให้ไป มีอยู่ปีนึงวันเด็ก
เราลงจากบ้านเพื่อที่จะไปชวนเจนไปเที่ยวที่สนามกีฬา เราเดินไปที่ตึกแถวก็เห็นเจนยืนผัดหรือทอดอะไรอยุ่ก่อนแล้ว เจนบอกเราว่าไปไม่ได้
เธออยากไป แต่วันนี้น่าจะขายของดีเลยต้องอยู่ช่วยเค้าเตรียมของ เราก็ด้วยความที่เป็นเด็กอยากให้เพื่อนไปเที่ยวด้วยกัน ก็เลยไปบอกป้าคนนั้น
แกพูดออกมาเลยคะว่าไม่ได้ เราหันไปหาเจนเห็นเธอกำลังเอามือปาดน้ำตาแล้วก้สะอื้นเบาๆอยู่หน้าเตาผัด
บางทีเราก็สงสัยนะว่าทำไมพ่อแม่ของเจนถึงได้ปล่อยให้ลูกโดนคนอื่นใช้งานและทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจแบบนี้ ถึงจะได้ค่าจ้างก็จริง
แต่เราว่าสิ่งที่ลุงกับป้าคู่นั้นทำกับเจนมันเหมือนเธอเป็นคนรับใช้พวกเค้า
ประมาณปี พ.ศ.2539 - 2540 รึเปล่าเราไม่แน่ใจ พ่อของเจนลาออกจากงานด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครรู้ได้ ภาระค่าใช้จ่ายทุกอย่างจึงตกมาอยู่ที่
แม่ของเจนคนเดียวโดยสิ้นเชิง ตอนนั้นเจนก็ยังคงช่วยเค้าขายกับข้าวอยู่แต่ก็เริ่มมีเวลาเป็นส่วนตัวมากขึ้น เราก็ไม่แน่ใจว่าทำไม ตอนนั้นพ่อ
ของเจนเลิกดิ่มแหล้าแล้วนะคะ พร้อมกันกับเลิกทำงาน จากเดิมทีที่ครอบครัวของแม่เจนไม่ชอบพ่อเจนอยู่แล้วก็ยิ่งไม่ชอบไปกันใหญ่
ทุกครั้งที่เจนกลับไปบ้านที่ต่างจังหวัดเะอก็มักจะได้ยินคำพูดเสียดสีดูถูกพ่อของเธอจากญาติผู้ใหญ่ฝ่ายแม่เสมอ และเราก็คิดว่านี่ก็คงเป็นอีก
ปมนึงที่เจ็บปวดของเจน