เอามาฝากพ่อแม่ที่กำลังหาข้อมูลอยู่นะคะ เราเพิ่งจะเริ่มเขียนบล็อคเกี่ยวกับการหัดลูกนอนเอง ข้อมูลมาจากประสบการ์ณตรงและจากที่ศึกษาหาอ่านมา พยายามเขียนแบบที่เข้าใจง่ายๆ ไม่ใช้ศัพท์เทคนิคมากมาย ใครสนใจอยากให้เอาตอนต่อๆไปมาลงในพันทิปก็บอกนะคะ จะมาลงไว้ให้ ไม่งั้นก็ตามไปอ่านกันได้ที่
http://primlilboo.wix.com/bonzaboo
การสอนลูกนอนเอง ตอนที่ 1
ถ้าถามว่าอะไรเป็นเรื่องยากที่สุดของการเป็นแม่หลังคลอดลูกใหม่ๆเราตอบได้ไม่ต้องคิดเลยค่ะ ว่าการนอนไม่พอ ฮาาาา ตอนช่วงที่ท้องลูกคนแรกใหม่ๆ มีแต่คนขู่ว่าหลังคลอดแล้วจะไม่ได้นอน ด้วยความไร้เดียงสาสมัยนั้น คิดแค่ว่ามันจะไปยากอะไรกันเกว่งเปลให้หลับพอหลับแล้วเราก็ไปนอนสิ ทำไมจะนอนไม่พอ พอคลอดออกมาแล้วถึงได้รู้ว่ามันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด ที่ออสเดรเลียการนอนของเด็กทารกก็เป็นปัญหาใหญ่ของพ่อแม่พอๆกัน หรือจริงๆแล้วเราคิดว่าอาจจะมากกว่าคนไทยด้วยซ้ำเพราะว่าเค้าไม่นิยมนอนด้วยกันกับลูก เพราะห่วงเรือง SIDS (ทารกหลับตาย) ช่วงที่คลอดบีบีลูกสาวคนแรกเจอปัญหาเค้านอนเองไม่ได้ ต้องอุ้มนอนตลอดเวลา ช่วงนั้นจิตตกมาก เพราะนอนไม่พอและแก้ปัญหาไม่ตก ด้วยความที่เป็นคนถ้าอยากรู้อะไรแล้วต้องรู้ให้ลึกเลยใช้เวลาช่วงที่อุ้มบีบีนอนอ่านหนังสือ(ด้วยตาแพนด้า) เกี่ยวกับการนอนของทารก (มีเยอะมากในตลาดเชื่อเถอะ อ่านเป็นปีก็ไม่หมด!) นอกจากอ่านหนังสือแล้วก็ยังไปหาอ่านตามเวปไซท์ด้วย
พอบีบีประมาณ 5 เดือน เรากับสามีก็ตัดสินใจไปลงทะเบียนโรงเรียนสอนนอน (มีจริงๆค่ะ ไม่ได้โกหก ฮาาา) โรงเรียนสอนนอนนี่จริงๆแล้วเป็นศูนย์ของรัฐบาลที่เค้าเปิดขึ้นมาเพื่อช่วยพ่อแม่ที่มีปัญหาในการเลี้ยงลูก ไม่ใช่แค่เรืองนอนเรื่องเดียว เรื่องให้นม เรื่องพฤติกรรมเด็กด้วย แต่ส่วนใหญ่เราว่าประมาณ 90 เปอร์เซ็นเค้าจะไปหาเพราะเรื่องนอน ผลออกมาไม่สำเร็จ แป่วววว (ไว้จะเล่าประสบการณ์เกี่ยวกับโรงเรียนนี่ในตอนอื่นๆนะคะ ไม่งั้นจะนอกเรื่องเกินไป)กลับมาบ้านด้วยตาแพนด้าเหมือนเดิม และเริ่มจะยอมรับชะตากรรมว่าคงจะเป็นไปแบบนี้จนกว่าบีบีจะโตขึ้น ตอนนั้นก็หาอ่านบทความไรไปเรื่อย เค้าบอก หกเดือนเด็ก จะนอนเองได้ พอบีบีหกเดือนก็ไม่เห็นจะนอนเองได้ วางปุ๊บตื่นร้องปั๊บ หาอ่านในเวปไซท์เค้าบอกเก้าเดือนจะนอนเองได้ จนหนึ่งปีผ่านไป..... ก็ไม่เห็นจะนอนเองได้ กลางคืนต้องคอยเข้าเต้าตลอด วันไหนโชคดีก็ตื่นมาหาเต้าครั้งสองครั้ง คืนไหนโชคร้ายก็ไม่ต้องนอนกันล่ะค่ะ หาเต้าทุกชั่วโมงไม่พอ ต้องลุกขึ้นมาอุ้มเดินๆให้หลับด้วย... บีบีเป็นเด็กนอนยากมากกกกกก เป็นมาตั้งแต่เกิด พอสักปีนึงเราก็ทำใจละ ว่าคงจะไม่มีวันที่จะแยกห้องแล้วได้นอนเต็มอิ่ม
มาถึงจุดที่ทำให้เปลี่ยนก็คือตอนเราท้องคนที่สอง ช่วงแรกๆก็ยังคิดไม่ตกว่าจะทำยังไงหลังคลอด เพราะว่าคงจะนอนกับบีบีไม่ได้แน่นอนเพราะต้องคอยเลี้ยงคนที่สองด้วย แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง จนท้องได้ประมาณสี่เดือน แพ้ท้องกินอะไรไม่ได้มาก นอนไม่ค่อยหลับเพราะตื่นมาเข้าห้องน้ำคืนละหลายๆรอบและท้องเริ่มใหญ่นอนไม่สบาย วันนึงเราก็เลยตัดสินใจว่าต้องทำอะไรซักอย่างละ ไม่งั้นลำบากแน่เวลาคลอดคนที่สอง เราก็เลยตัดสินใจหัดให้เค้านอนเอง
ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจเบสิคพื้นฐานของการหัดนอนก่อนนะคะ จะได้อ่านเข้าใจง่ายมากขึ้น
อะไรคือการหัดนอน?
การหัดนอนคือการกำจัดตัวช่วย ในการทำให้เด็กนอนหลับ (ที่เราไม่อยากให้มี หรือ ทำ อีกต่อไป) เช่น จุกหลอก, การแก่วงเปล, เข้าเต้า, ตบก้น, ร้องเพลงกล่อม หรืออะไรก็ว่าไปที่เราไม่อยากจะต้องตื่นมากลางดึกแล้วทำเรื่องพวกนี้อีกต่อไป ของพวกนี้ไม่ใช่ปัญหาเสมอไปนะคะ มันจะเป็นปัญหาต่อเมื่อลูกต้องการสิ่งที่ว่านี้เท่านั้นในการนอนหลับ คือถ้าไม่มีหลับไม่ได้ อันนั้นก็จะเป็นปัญหาเพราะว่าพ่อแม่ต้องตื่นมาช่วยให้หลับไม่ว่าจะวิธีไหนก็ตาม
การหัดนอนมีกี่แบบ?
วิธีที่หัดให้ลูกนอนเองมีหลายแบบหลายสำนักมากกกกก มีตั้งแต่อ่อนโยนไปจนถึงโหดหักดิบ เราจัดกลุ่มไว้ให้ตามนี้นะคะ
1. แบบค่อยๆหัด คือพยายามลดเวลาการแก่วง,เข้าเต้า,อุ้มกล่อม หรืออะไรก็ตามทีช่วยให้เค้าหลับทำให้น้อยลงเรื่อยๆทุกวัน อย่างเช่นจากแก่วงสิบนาทีก็ลดลงมาแปดนาทีอาทิตย์นึงละก็ลดลงไปเรื่อยๆทุกอาทิตย์จนกว่าจะไม่ต้องแก่วง... ฟังดูง๊ายง่ายๆ ไม่มีปล่อยให้ร้องไห้ด้วย แต่สำหรับเราวิธีนี้ไม่ได้ผลค่ะ อาจจะได้ผลถ้าพ่อแม่ใจเย็นและเป็นระเบียบมากชีวิตไม่มีปัจจัยอื่นๆมากระทบการฝึกเลย แต่เราพบว่ามันใช้เวลานานเกินไป พอทำๆไปเห็นผลดีขึ้น ลูกฟันจะขึ้น ก็จบค่ะ กลับมาเริ่มต้นใหม่ เพราะต้องกล่อมมากกว่าเดิมเวลาเค้าปวดเหงือกฟันจะขึ้น พอจะเห็นผล ลูกมาเป็นหวัดอีก เราเลยเลิกค่ะ หาวิธีอื่น
2. แบบอุ้มขึ้นวางลง คือพ่อหรือแม่จะยืนอยู่ข้างเปล วางเค้าลงในเปล เค้าจะร้อง(แน่นอนอยู่แล้ว) เราก็อุ้มขึ้นมาให้หยุดร้องแล้ววางลงในเปลใหม่ ทำไปเรื่อยๆจนกว่าเค้าจะหลับ วิธีนี้ข้อดีคือเด็กรู้สึกว่าไม่ได้ถูกทอดทิ้ง พ่อแม่อยู่ข้างๆ ถึงแม้ว่าจะร้องไห้ (หนักและนาน)ก็ตาม วิธีนี้เราคิดว่าจะได้ผลกับเด็กที่หัวไม่แข็งมากค่ะ สำหรับลูกเราทำไปเหอะค่ะ อุ้มขึ้นลงกันเป็นชั่วโมงๆก็ไม่หลับ เพราะเค้าหัวแข็ง ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เพราะแม่ก็ยืนอยู่ตรงนั้น ยิ่งถ้าเด็กมาๆเค้าจะไม่เข้าใจค่ะ ว่าทำไมแม่ไม่กล่อมให้นอน ง่วงจะตายอยู่แล้ว แล้วส่วนใหญ่จะไม่สำเร็จเพราะตัวพ่อแม่เองด้วยค่ะ เห็นลูกร้องไห้อยู่ตรงหน้า จะทนได้นานซักแค่ไหน ฮาาา(เราทนไม่ได้ค่ะ)
3. แบบปล่อยให้ร้อง (Cry It Out) คือเมื่อถึงเวลานอน เอาวางลงในเปล ไม่มีการกล่อมใดๆทั้งสิ้น จูบกู๊ดไนท์ละเดินออกมาจากห้องเลย วิธีนี้คือแบบหักดิบ มีด้วยกันสองแบบก็คือแบบอ่อนโยนลงมานิดหน่อย คือปล่อยให้ร้องแล้วเข้าไปเช็คเมื่อครบเวลา เช่นเช็คทุกๆ 15 นาทีเป้นต้นจนกว่าจะหลับ เช็คคืออะไร คือการเดินเข้าไปหาลูก (ไม่อุ้ม) ลูบหัวหรืออะไรก็ว่าไปบอกว่ากู๊ดไนท์ละเดินออกมา (2 นาทีมากสุด) วิธีนี้คนใช้เยอะมาก เพราะได้ผลและ (พ่อแม่รู้สึกว่า) ไม่ทำให้ลูกรู้สึกถูกทอดทิ้ง อีกวิธีนึงคือเหมือนๆกัน แต่ไม่มีเช็ค วางในเปลแล้วไม่มีเข้าไปเช็คอีกเลยจนกว่าจะเช้า (จริงๆมันมีรายละเอียดมากกว่านี้แต่ไว้จะเจาะลึกในตอนต่อๆไป) ขึ้นอยู่กับอายุเด็กไรงี้ด้วย วิธีนี้สำหรับเราโหดที่สุด(สำหรับพ่อแม่) แต่ได้ผลเร็วที่สุด
แต่ละวิธีเราสรุปมาให้นะคะ จริงๆแล้วจะทำให้สำเร็จจริงๆมันมีขั้นตอนมันซับซ้อนกว่านั้นมาก แต่เราจะเจาะลึกแค่วิธีที่ 3 อันเดียวค่ะ เพราะเราศึกษาแบบที่ 3 มากที่สุดและลองทำมาแล้วจนสำเร็จกับลูกทั้งสองคน
ตอนที่ 2 จะอธิบายถึงการหลับของเด็กทารกว่าแตกต่างจากคนโตอย่างไรค่ะ
การสอนลูกนอนเอง ตอนที่ 1
การสอนลูกนอนเอง ตอนที่ 1
ถ้าถามว่าอะไรเป็นเรื่องยากที่สุดของการเป็นแม่หลังคลอดลูกใหม่ๆเราตอบได้ไม่ต้องคิดเลยค่ะ ว่าการนอนไม่พอ ฮาาาา ตอนช่วงที่ท้องลูกคนแรกใหม่ๆ มีแต่คนขู่ว่าหลังคลอดแล้วจะไม่ได้นอน ด้วยความไร้เดียงสาสมัยนั้น คิดแค่ว่ามันจะไปยากอะไรกันเกว่งเปลให้หลับพอหลับแล้วเราก็ไปนอนสิ ทำไมจะนอนไม่พอ พอคลอดออกมาแล้วถึงได้รู้ว่ามันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด ที่ออสเดรเลียการนอนของเด็กทารกก็เป็นปัญหาใหญ่ของพ่อแม่พอๆกัน หรือจริงๆแล้วเราคิดว่าอาจจะมากกว่าคนไทยด้วยซ้ำเพราะว่าเค้าไม่นิยมนอนด้วยกันกับลูก เพราะห่วงเรือง SIDS (ทารกหลับตาย) ช่วงที่คลอดบีบีลูกสาวคนแรกเจอปัญหาเค้านอนเองไม่ได้ ต้องอุ้มนอนตลอดเวลา ช่วงนั้นจิตตกมาก เพราะนอนไม่พอและแก้ปัญหาไม่ตก ด้วยความที่เป็นคนถ้าอยากรู้อะไรแล้วต้องรู้ให้ลึกเลยใช้เวลาช่วงที่อุ้มบีบีนอนอ่านหนังสือ(ด้วยตาแพนด้า) เกี่ยวกับการนอนของทารก (มีเยอะมากในตลาดเชื่อเถอะ อ่านเป็นปีก็ไม่หมด!) นอกจากอ่านหนังสือแล้วก็ยังไปหาอ่านตามเวปไซท์ด้วย
พอบีบีประมาณ 5 เดือน เรากับสามีก็ตัดสินใจไปลงทะเบียนโรงเรียนสอนนอน (มีจริงๆค่ะ ไม่ได้โกหก ฮาาา) โรงเรียนสอนนอนนี่จริงๆแล้วเป็นศูนย์ของรัฐบาลที่เค้าเปิดขึ้นมาเพื่อช่วยพ่อแม่ที่มีปัญหาในการเลี้ยงลูก ไม่ใช่แค่เรืองนอนเรื่องเดียว เรื่องให้นม เรื่องพฤติกรรมเด็กด้วย แต่ส่วนใหญ่เราว่าประมาณ 90 เปอร์เซ็นเค้าจะไปหาเพราะเรื่องนอน ผลออกมาไม่สำเร็จ แป่วววว (ไว้จะเล่าประสบการณ์เกี่ยวกับโรงเรียนนี่ในตอนอื่นๆนะคะ ไม่งั้นจะนอกเรื่องเกินไป)กลับมาบ้านด้วยตาแพนด้าเหมือนเดิม และเริ่มจะยอมรับชะตากรรมว่าคงจะเป็นไปแบบนี้จนกว่าบีบีจะโตขึ้น ตอนนั้นก็หาอ่านบทความไรไปเรื่อย เค้าบอก หกเดือนเด็ก จะนอนเองได้ พอบีบีหกเดือนก็ไม่เห็นจะนอนเองได้ วางปุ๊บตื่นร้องปั๊บ หาอ่านในเวปไซท์เค้าบอกเก้าเดือนจะนอนเองได้ จนหนึ่งปีผ่านไป..... ก็ไม่เห็นจะนอนเองได้ กลางคืนต้องคอยเข้าเต้าตลอด วันไหนโชคดีก็ตื่นมาหาเต้าครั้งสองครั้ง คืนไหนโชคร้ายก็ไม่ต้องนอนกันล่ะค่ะ หาเต้าทุกชั่วโมงไม่พอ ต้องลุกขึ้นมาอุ้มเดินๆให้หลับด้วย... บีบีเป็นเด็กนอนยากมากกกกกก เป็นมาตั้งแต่เกิด พอสักปีนึงเราก็ทำใจละ ว่าคงจะไม่มีวันที่จะแยกห้องแล้วได้นอนเต็มอิ่ม
มาถึงจุดที่ทำให้เปลี่ยนก็คือตอนเราท้องคนที่สอง ช่วงแรกๆก็ยังคิดไม่ตกว่าจะทำยังไงหลังคลอด เพราะว่าคงจะนอนกับบีบีไม่ได้แน่นอนเพราะต้องคอยเลี้ยงคนที่สองด้วย แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง จนท้องได้ประมาณสี่เดือน แพ้ท้องกินอะไรไม่ได้มาก นอนไม่ค่อยหลับเพราะตื่นมาเข้าห้องน้ำคืนละหลายๆรอบและท้องเริ่มใหญ่นอนไม่สบาย วันนึงเราก็เลยตัดสินใจว่าต้องทำอะไรซักอย่างละ ไม่งั้นลำบากแน่เวลาคลอดคนที่สอง เราก็เลยตัดสินใจหัดให้เค้านอนเอง
ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจเบสิคพื้นฐานของการหัดนอนก่อนนะคะ จะได้อ่านเข้าใจง่ายมากขึ้น
อะไรคือการหัดนอน?
การหัดนอนคือการกำจัดตัวช่วย ในการทำให้เด็กนอนหลับ (ที่เราไม่อยากให้มี หรือ ทำ อีกต่อไป) เช่น จุกหลอก, การแก่วงเปล, เข้าเต้า, ตบก้น, ร้องเพลงกล่อม หรืออะไรก็ว่าไปที่เราไม่อยากจะต้องตื่นมากลางดึกแล้วทำเรื่องพวกนี้อีกต่อไป ของพวกนี้ไม่ใช่ปัญหาเสมอไปนะคะ มันจะเป็นปัญหาต่อเมื่อลูกต้องการสิ่งที่ว่านี้เท่านั้นในการนอนหลับ คือถ้าไม่มีหลับไม่ได้ อันนั้นก็จะเป็นปัญหาเพราะว่าพ่อแม่ต้องตื่นมาช่วยให้หลับไม่ว่าจะวิธีไหนก็ตาม
การหัดนอนมีกี่แบบ?
วิธีที่หัดให้ลูกนอนเองมีหลายแบบหลายสำนักมากกกกก มีตั้งแต่อ่อนโยนไปจนถึงโหดหักดิบ เราจัดกลุ่มไว้ให้ตามนี้นะคะ
1. แบบค่อยๆหัด คือพยายามลดเวลาการแก่วง,เข้าเต้า,อุ้มกล่อม หรืออะไรก็ตามทีช่วยให้เค้าหลับทำให้น้อยลงเรื่อยๆทุกวัน อย่างเช่นจากแก่วงสิบนาทีก็ลดลงมาแปดนาทีอาทิตย์นึงละก็ลดลงไปเรื่อยๆทุกอาทิตย์จนกว่าจะไม่ต้องแก่วง... ฟังดูง๊ายง่ายๆ ไม่มีปล่อยให้ร้องไห้ด้วย แต่สำหรับเราวิธีนี้ไม่ได้ผลค่ะ อาจจะได้ผลถ้าพ่อแม่ใจเย็นและเป็นระเบียบมากชีวิตไม่มีปัจจัยอื่นๆมากระทบการฝึกเลย แต่เราพบว่ามันใช้เวลานานเกินไป พอทำๆไปเห็นผลดีขึ้น ลูกฟันจะขึ้น ก็จบค่ะ กลับมาเริ่มต้นใหม่ เพราะต้องกล่อมมากกว่าเดิมเวลาเค้าปวดเหงือกฟันจะขึ้น พอจะเห็นผล ลูกมาเป็นหวัดอีก เราเลยเลิกค่ะ หาวิธีอื่น
2. แบบอุ้มขึ้นวางลง คือพ่อหรือแม่จะยืนอยู่ข้างเปล วางเค้าลงในเปล เค้าจะร้อง(แน่นอนอยู่แล้ว) เราก็อุ้มขึ้นมาให้หยุดร้องแล้ววางลงในเปลใหม่ ทำไปเรื่อยๆจนกว่าเค้าจะหลับ วิธีนี้ข้อดีคือเด็กรู้สึกว่าไม่ได้ถูกทอดทิ้ง พ่อแม่อยู่ข้างๆ ถึงแม้ว่าจะร้องไห้ (หนักและนาน)ก็ตาม วิธีนี้เราคิดว่าจะได้ผลกับเด็กที่หัวไม่แข็งมากค่ะ สำหรับลูกเราทำไปเหอะค่ะ อุ้มขึ้นลงกันเป็นชั่วโมงๆก็ไม่หลับ เพราะเค้าหัวแข็ง ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เพราะแม่ก็ยืนอยู่ตรงนั้น ยิ่งถ้าเด็กมาๆเค้าจะไม่เข้าใจค่ะ ว่าทำไมแม่ไม่กล่อมให้นอน ง่วงจะตายอยู่แล้ว แล้วส่วนใหญ่จะไม่สำเร็จเพราะตัวพ่อแม่เองด้วยค่ะ เห็นลูกร้องไห้อยู่ตรงหน้า จะทนได้นานซักแค่ไหน ฮาาา(เราทนไม่ได้ค่ะ)
3. แบบปล่อยให้ร้อง (Cry It Out) คือเมื่อถึงเวลานอน เอาวางลงในเปล ไม่มีการกล่อมใดๆทั้งสิ้น จูบกู๊ดไนท์ละเดินออกมาจากห้องเลย วิธีนี้คือแบบหักดิบ มีด้วยกันสองแบบก็คือแบบอ่อนโยนลงมานิดหน่อย คือปล่อยให้ร้องแล้วเข้าไปเช็คเมื่อครบเวลา เช่นเช็คทุกๆ 15 นาทีเป้นต้นจนกว่าจะหลับ เช็คคืออะไร คือการเดินเข้าไปหาลูก (ไม่อุ้ม) ลูบหัวหรืออะไรก็ว่าไปบอกว่ากู๊ดไนท์ละเดินออกมา (2 นาทีมากสุด) วิธีนี้คนใช้เยอะมาก เพราะได้ผลและ (พ่อแม่รู้สึกว่า) ไม่ทำให้ลูกรู้สึกถูกทอดทิ้ง อีกวิธีนึงคือเหมือนๆกัน แต่ไม่มีเช็ค วางในเปลแล้วไม่มีเข้าไปเช็คอีกเลยจนกว่าจะเช้า (จริงๆมันมีรายละเอียดมากกว่านี้แต่ไว้จะเจาะลึกในตอนต่อๆไป) ขึ้นอยู่กับอายุเด็กไรงี้ด้วย วิธีนี้สำหรับเราโหดที่สุด(สำหรับพ่อแม่) แต่ได้ผลเร็วที่สุด
แต่ละวิธีเราสรุปมาให้นะคะ จริงๆแล้วจะทำให้สำเร็จจริงๆมันมีขั้นตอนมันซับซ้อนกว่านั้นมาก แต่เราจะเจาะลึกแค่วิธีที่ 3 อันเดียวค่ะ เพราะเราศึกษาแบบที่ 3 มากที่สุดและลองทำมาแล้วจนสำเร็จกับลูกทั้งสองคน
ตอนที่ 2 จะอธิบายถึงการหลับของเด็กทารกว่าแตกต่างจากคนโตอย่างไรค่ะ