ปดิวรัดา (กึ่งรีวิวแบบล่าช้า) : ภริยาปรมาสขา ภริยาเป็นเพื่อนอย่างยิ่ง

ณ อำเภอคีรีขันธ์ จังหวัดสงขลา ครั้งโจรผู้ร้ายยังชุกชุม ชายหนุ่มวัยฉกรรจ์ นามปลัดศรัณย์ อุทิศตนมุ่งมั่นกับงานราชการราวกับว่าจะไม่มีวันพรุ่งนี้ ราวกับว่าไม่มีเวลาอื่นใดให้กับสิ่งอื่น ๆ ในชีวิต เป็นต้นว่า "ความรัก" ทั้งที่ตนเองนั้นทั้งวัยวุฒิ และ คุณวุฒิก็ถึงพร้อมจะเริ่มต้นชีวิตคู่กับผู้หญิงดี ๆ สักคน แต่ทีท่าเจ้าตัวเจ้าตัวนั้นจะไม่นำพา ทอดธุระให้อยู่ในมือของมารดาเสียสิ้น ก็ดูเหมือนว่าจะเป็นเช่นนั้น หากความจริงแล้วปลัดศรัณย์ก็เหมือนกระดาษที่ห่อไฟ ข้างนอกแม้นจะดูสงบนิ่งตั้งใจกับการงาน แต่ภายในใจคือความคุกรุ่นของวัยหนุ่ม ความเร่าร้อนของวัยฉกรรจ์ อารมณ์และความบ้าบิ่นที่ปิดเอาไว้ไม่มิด ทั้งไฟแห่งความคับแค้นในชีวิตจากคุณหนูผู้พรั่งพร้อมสู่เด็กวัดที่จนยาก ทั้งไฟรักที่เผาผลาญจากเด็กหนุ่มที่มีทุกสิ่งวาดหวังถึงการแต่งงานกลายเป็นคนที่ถูกคนรักทิ้งเพราะความสิ้นสูญทางฐานะ

ความเจ็บปวดครั้งนั้นยากที่จะเยียวยารักษา ทุกอย่างเข้ามาเร็ว เข้ามาแรงจนปรับตัวรับไม่ทัน
ราวตกจากสวรรค์พรวดเดียวลงไปถึงนรก


หากความลำบากก็สรรค์สร้างตัวตนของปลัดศรัณย์ขึ้นมาใหม่ เด็กหนุ่มช่างฝันกลายเป็นชายฉกรรจ์ที่มีอุดมการณ์และกล้าหาญอย่างยิ่ง แต่ความลำบากนั้นก็ไม่อาจดับความร้อนรนจากอดีตเมื่อครั้งยังเป็นเด็กหนุ่มอ่อนต่อโลกโดยเฉพาะความเสน่หาต่อผู้หญิงที่ชื่อ "ดวงสวาท" ไม่ว่าจะหลับตาลงครั้งใด ฤทธิ์ของความรักก็ย้อนเข้ามาปักทรวงของศรัณย์ทุกครั้งไป ภาพความทรงจำทวีความเร่าร้อนขึ้นทุกนาทีจนเจ้าตัวก็ไม่ทราบจะทำอย่างไรจึงจะดับไฟในใจได้ ทุกครั้งที่คิดว่าเธอเป็นของคนอื่นไปแล้ว หากฉากและภาพสิ่งต่าง ๆ ที่เคยกระทำด้วยกัน เรือนร่างอ่อนนุ่ม ริมฝีปากเย้ายวนของเธอผู้นั้นยังติดในใจอยู่มิวาย

เขาเปรียวตัวเองเหมือนดอกทานตะวันที่หันเข้าหาดวงอาทิตย์นั่นคือดวงสวาท
และเมื่อดวงอาทิตย์นั้นจากลาไป ทานตะวันอย่างเขาก็เหมือนไร้หลักไร้รากไร้สิ่งยึดถือ
ความเจ็บปวดรวดร้าวนี้ เขาไม่ขอเจออีก เขาคิดว่าเขาจะรักใครไม่ได้อีก และจะไม่ยอม
เป็นทานตะวันให้ดวงอาทิตย์ดวงใดอีกแล้ว


จนกระทั่งวันหนึ่ง .... คู่หมั้นคู่หมายก็ปรากฎตัวในนามบราลี บำรุงประชากิจ ลูกสาวคนโตจากครอบครัวที่เอ่ยอ้างว่าเป็นเพื่อนของบิดาผู้ล่วงลับของเขา แต่เขารู้ว่ามันไม่เป็นความจริง ผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่คนในตระกูลบำรุงประชากิจอย่างแน่นอน ผู้หญิงคนนี้โผล่มาจากที่ใด หรือ ตระกูลของเจ้าหล่อนเห็นว่าตระกูลของเขาไม่มีอะไรจึงจับใครก็ไม่รู้มาย้อมแมวขายเป็นการหลู่เกียรติตระกูลศิวะเวทย์ ต้องเป็นเช่นนั้นแน่ ความโกรธแค้นและอารมณ์ทั้งปวงจึงประเดประดังลงมาที่ "ริน" หรือ บราลี ... หญิงสาวที่ยินยอมพร้อมใจจะทดแทนบุญคุณของบ้านบำรุงประชากิจ

ศรัณย์ปฏิบัติต่อบราลีด้วยความเย็นชาเท่าที่คน ๆ หนึ่งจะพึงเย็นชาได้ เขาดูถูกเหยียดหยาม หมิ่นแคลนเธอไม่ว่าต่อหน้าและลับหลัง สารพัดสารพันจะทำ จนคุณหญิงกิ่งแก้วผู้เป็นมารดาปลัดศรัณย์ร่ำ ๆ จะส่งหญิงสาวกลับพระนครด้วยความสงสารเห็นใจ ซึ่งก็ไม่ใช่คุณหญิงคนเดียวที่แทบจะถอดใจรินเองก็แทบจะหมดใจเช่นเดียวกัน หากคำพร่ำสอนของท่านเจ้าคุณฯและคุณหญิงที่อุตส่าห์รับรินเป็นบุตรบุญธรรมให้เธอทำบ้านให้เป็นบ้านให้เป็นภรรยาตามความหมาย "ปดิวรัดา" มอบหมายหน้าที่ให้เธอดูแล "เขา" อย่างดี

หากในอนาคตจะมีอะไรเกิดขึ้น จะต้องไม่มีใครมาว่าได้ว่าบ้านบำรุงประชากิจไม่สั่งสอนคน
เธอไม่ได้หวังว่าการกระทำของเธอจะมีผลเป็นอื่น เธอคิดถึงแต่บ้าน แต่ตระกูล ที่เป็นดังดวงตะวันในชีวิต
ไม่เคยคิดเลยว่า .... น้ำคำ น้ำมือ น้ำใจ ของเธอ จะสั่นสะเทือนหัวใจผู้ชายคนหนึ่ง และเอาชนะได้แม้แต่ไฟเสน่หา


เพียงเวลาไม่กี่เดือนที่เธอเข้ามาในชีวิตของเขา เธอทำให้ "บ้าน" กลายเป็น "บ้าน" กับข้าวโอชารสที่วางบนโต๊ะ ลูกไม้โครเชต์ที่ม่านหน้าต่าง ไม้ดอกสลับสีที่สล้างในสวน เสื้อผ้าที่อวลด้วยกลิ่นบุหงารำไป เงาร่างของเธอทอดประทับในทุกที่ และ รุกคืบเข้ามาในใจของเขาโดยไม่ทันได้รู้ตัว เขาไม่จำเป็นต้องเห็นตัวเธอ ไม่ต้องสัมผัสเธอ ก็สามารถจะรู้สึกถึงเธอ และ มองเห็นเธอได้ทุกทีไป ตัวตนของเธออยู่ในรสมือในข้าวที่เขาตักเข้าปากทุกคำ อยู่ในม่านที่ปลิวไสวเมื่อต้องลม เมื่อแสงแดดตกต้องลูบไล้ก้านใบดอกไม้ แม้กระทั่งในเสื้อผ้าที่เขาสวมใส่ ... อบร่ำที่ติดตรึงปลายจมูก มีทางไหนเล่าที่เขาจะหนีเธอได้ ไม่มีเลย แม้นกระทั่งว่าเขาอยู่กับดวงสวาท เขาก็ยังรู้สึกว่า เธอผู้นั้นจับจ้องเขาผ่าน ผ้าม่าน เสื้อผ้า เตียงนอนปลอกหมอนฉลุลายที่เธอผู้นั้นปักเองกับมือ ไฟเสน่หาที่ถูกปลุกเร้า ความซาบซ่านแห่งอารมณ์ดำฤษณากลับสู้ความลึกซึ้งของสิ่งละอันพันละน้อยที่จรดลึกลงไปในใจปลัดศรัณย์มิได้

ในสิ่งละอันพันละน้อยนั้นมีความรักความผูกพัน ความงดงามแห่งความตั้งใจ
ที่จะทำอะไรด้วยมือให้ "ใครซักคน" คุณค่าไม่ได้อยู่ที่ราคา หรือ เงินที่ซื้อหา
แต่มันอยู่ที่ความ "จริงใจ" หากไม่จริงใจ คงไม่มีความละเอียดอ่อนไม่มีความอดทน
จะทำเพื่อใครถึงเพียงนั้น


ความรักที่มีเพียงแค่เสน่หาหากไม่รวมถึงศีล ศรัทธา และ ความไว้วางใจ จะคงอยู่อย่างไร ปลัดศรัณย์ตั้งคำถามในใจ ความรักในวัยรุ่น หวนคำนึงได้แต่เพียงเพศรสที่เร่าร้อน เมื่อระลึกถึงอดีตระหว่างเขาและดวงสวาท ก็มีเพียงความอ่อนหวานร้อนแรงเหมือนเมรัยที่ชวนให้มึนเมาเท่านั้น เมื่อยามตื่นขึ้นก็ทิ้งไว้เพียงความปวดหัวไม่สบายกายไม่สบายใจ เจ้าหล่อนมีเพียงความโกรธเกลียดไม่ได้ดังใจ ต้องการจะเพียงแต่จะตักตวงความสุขความสบาย และ มองเขาเหมือนถ้วยรางวัลแห่งชัยชนะ ไม่สมควรที่ "ผู้หญิง" ที่ด้อยกว่าทั้งฐานะ หน้าตา และ การศึกษา จะมาคว้าเอาไป โดยไม่สนว่าตนเองจะแต่งงานแล้วอย่างออกหน้าออกตา ไม่สนว่าแม่ของเขาจะวุ่นวายไม่สบายใจอย่างไร ไม่สนงานที่เขาทำว่าจะเป็นแบบไหน เธอมุ่งไปว่าตัวของเขาจะต้องเป็นของเธอ ในเวลาที่เธอนั้นต้องการเป็นอันพอ

แต่กับผู้หญิงอีกคน ไม่ใช่ตัวเขาเท่านั้นหรอกที่สำคัญ ทุกคนที่เขาถือว่าเป็นครอบครัวล้วนสำคัญ งานของเขา เกียรติของเขา ความรู้สึกนึกคิดของเขา ศรัทธาของเขา ล้วนเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเธอ ทุกสิ่งทุกอย่างนั้นไม่ได้อยู่เพียงในคำพูดที่จบแล้วก็จบกัน แต่อยู่ในการกระทำทุกอย่างของเธอ รินพร้อมจะอยู่เคียงข้างเขาทุกสถานการณ์ พร้อมจะไปกับเขาทุกที่ เป็นเพื่อนคู่คิด เป็นมิตรคู่บ้าน เป็นที่ปรึกษา เป็นกระเป๋าเงิน เป็นตู้กับข้าว เป็นเตียงนอน เป็นที่พักพิง และ เป็นที่ "รัก" เธอไม่เคยตักตวงมีแต่จะเพิ่มเติมในสิ่งที่เขาพร่องหรือขาด หนักแน่นใจเย็นไม่ว่าเรื่องใด ๆ จะดาหน้าเข้ามา หรือ มีเหตุให้เขาต้องจากเธอไปเป็นเวลานาน เขารู้ว่าเธอจะครองเรือนได้แม้ไม่มีเขา

หากสิ่งเหล่านั้นก็เปลี่ยนความบ้าบิ่นของเขาให้ถนอมชีวิตเพื่อกลับไปตักตวงความรักจากเธอ และ มอบกายถวายชีวิตแด่เธอ เพราะเธอทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองมีบ้านที่ต้องกลับไป บ้านที่ไม่มิได้จำกัดไว้ตรงสถานที่ใด ไม่ว่าจะเป็นที่ไหน ... หากที่นั่นมีเธออยู่ล้วนเป็นบ้าน ที่จะนำมาซึ่งความสงบ ความสุข และ ความงดงามของการมีชีวิตอยู่

นี่สินะเรียกว่าความโชคดี ชีวิตที่อาภัพของเขานั้นก็ยังมีแง่งามเกิดขึ้น
ภริยาปรมาสขา ภริยาเป็นเพื่อนอย่างยิ่ง
การได้ภรรยาที่เป็น "ปดิวรัดา" นั้นช่างประเสริฐเหลือเกิน


คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่