ต้นกำเนิดแห่งความอยากรู้อยากเห็นมาจากการเปิดนิตยสารท่องเที่ยวแล้วไปเจอรูปสวยแปลกของ Lofoten พอลองกูเกิ้ลดูเลยรู้ว่าอยู่ที่นอร์เวย์นู่น แต่พอเวลาหาข้อมูลที่เที่ยวในนอร์เวย์ฉบับภาษาไทย จะไม่เจอข้อมูลเกี่ยวกับ Lofoten แบบที่เห็นเป็นชิ้นเป็นอัน ดังนั้น ผมเลยอยากจะมาแชร์ข้อมูลสุดย้วยของการเดินทางสู่เกาะ Lofoten ในช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมาของผม อยากให้ทุกคนได้ไปสัมผัสดินแดนที่มีแลนด์สเคปสุดล้ำแห่งนี้ด้วยกัน…
แผนการเดินทาง
เนื่องจากช่วงสงกรานต์บ้านเรายังไม่พ้นหนาวบ้านเค้าดี ดังนั้น… มันจึงไม่ใช่เวลาที่จะได้ทำกิจกรรมเด็ดๆที่นักท่องเที่ยวเค้าไปทำกันแถวนู้น เช่นการ Hiking, Trekking, ตกปลา, ดำน้ำ, พายเรือ, บลา ๆ ๆ ช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับ Lofoten ในความคิดผมคือหน้าร้อน แต่เนื่องจากภาระการงานทำให้เราจำเป็นต้องอาศัยช่วงเทศกาลในการไปเที่ยว เพราะงั้น ถ้าใครมีโอกาส ผมแนะนำ Lofoten ช่วงซัมเมอร์น่าจะดีที่สุด…
แผนการเดินทางทริปนี้ง่ายมาก เป้าหมายคือแค่ไปขับรถเล่นบนทางหลวง E10 แล้วก็แวะถ่ายรูปตามข้างทาง เส้นทางนี้ถือเป็น Scenic road ที่นึงของนอร์เวย์ แต่จริงๆก็แอบหวังว่าจะได้ Hiking บ้าง ดูละกันว่าจะได้ไปเดินขึ้นเขาซักที่ไม๊…. อ้าวววว… schedule...มา!
9 Apr 2016 : BKK-Oslo ( via Moscow ) โดย Aeroflot ออกเช้า ถึง Oslo ค่ำ แล้วพักที่แถวๆสนามบิน Gardermoen เลย เตรียมบินไฟลท์ Domestic ตอนเช้าอีกวันนึง
10 Apr 2016 : Oslo- Svolvær ( via Bodø ) โดย SAS และ Widerøe ออกสายๆ ถึง Svolvær บ่าย ถึงแล้วรับรถเช่าที่จองไว้ แล้วพักที่เมือง Kabelvåg ซึ่งไม่ไกลจากสนามบินเท่าไหร่
11 Apr 2016 : ขับรถชมวิวเรื่อยเปื่อย ย้ายที่พักไปพักที่เมือง Reine ทางตอนใต้ของเกาะ
12 Apr 2016 : ขับรถชมวิวเรื่อยเปื่อย พักที่เดิม
13 Apr 2016 : ขับรถชมวิวเรื่อยเปื่อย ย้ายที่พักไปพักที่เมือง Henningsvaer อันนี้ย้อนกลับมาทางเหนือเพื่อเตรียมตัวกลับ Oslo ในอีกวันนึง
14 Apr 2016 : กลับ Oslo ถึงตอนบ่ายๆ เดินเล่นชมเมืองหลวงของนอร์เวย์
15 Apr 2016 : กลับบ้านกันเถอะ ออกเย็นๆ ถึงกรุงเทพตอนเช้าอีกวันนึง
16 Apr 2016 : ถึงบ้านโดยปลอดภัย… ที่ไม่ปลอดภัยคือเงินในกระเป๋า
ดูแผนแล้ว ไปกันเลย………….
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เริ่มจากการขอวีซ่า ผมขอไม่ลงรายละเอียดละกัน เนื่องจากมีรีวิวการขอวีซ่าของนอร์เวย์ในพันทิปอยู่แล้ว สรุปสั้นๆคือ ต้องเข้าไปในเว็บไซต์ https://selfservice.udi.no/ และลงทะเบียนเพื่อให้ได้ User name กับ Password เพื่อใช้ในการกรอกแบบฟอร์มออนไลน์ รวมถึงการตรวจสอบผลของการยื่นขอวีซ่าด้วย การกรอกแบบฟอร์ม กรอกทีเดียวไม่เสร็จไม่เป็นไร สามารถเซฟแบบฟอร์มที่กรอกเอาไว้ครึ่งๆกลางๆได้ วันหลังกลับมาทำต่อได้อีก กรอกเสร็จแล้วจ่ายเงิน 60 euro โดยตัดผ่านบัตรเครดิต แล้วนัดคิวเข้าไปยื่นเอกสารที่ตึก Alma Link หลังเซ็นทรัลชิดลม ซึ่งจะมีค่าทำเนียมอีก 800-900 กว่าบาทต่อคนนี่แหล่ะ รายละเอียดดูได้ที่นี่ http://www.vfsglobal.com/norway/thailand/thai/
ไฟลท์ผมออกเดินทางตอนสายๆจาก BKK บินด้วย B777-300ER ระยะระหว่างเบาะใช้ได้นั่งไม่ลำบากมาก แต่จริงๆขาไปมีการ over booking เกิดขึ้น เลยโดนอัพเกรดที่นั่งให้โดยปริยาย… บุญตูดจริงๆ… อ่อ… Aeroflot เค้าไม่เสริฟเครื่องดื่มแอลกอฮอลนะ เลยนั่งไปแบบเหงาๆ…
เราถึงมอสโควเย็นๆ บินประมาณ 9 ชม. กว่าๆ มีเวลาต่อเครื่องเกือบๆ 2 ชม. สบายมาก ไปหาร้านนั่งจิบเบียร์รอหน้าเกตเลย ร้านใหญ่ๆแถวนั้นรับบัตรเครดิตหมดแหล่ะ แต่ถ้าร้านเล็กๆนี่ถามเค้าก่อนก็ดีนะ เพราะตอนต่อเครื่องขากลับมีร้านขายไก่ทอดเล็กๆบางร้านไม่รับ จริงๆนะ… ลืมบอกไป ไฟล์ทจาก BKK จะลงที่สนามบิน SVO มอสโควที่ Terminal F เราจะต้องเดินไป Terminal E เพื่อรอต่อเครื่องไป Oslo ทางเดินเชื่อมของ Terminal ก็ง่ายๆมีป้ายบอก ไม่ต้องกลัวหลง จาก SVO บินไป Oslo ใช้เวลาประมาณ 2:30 ชม. บินกับ A320 ที่นั่งแคบหน่อย ถึง Oslo ตอน 2 ทุ่มนิดๆ…. คืนแรกผมพักที่ Park Inn By Radisson Oslo Airport อยู่ห่างจากอาคารผู้โดยสารประมาณ 300 เมตร ทางเดินจาก Terminal ไปโรงแรมมีกระจกกันลมกันฝนให้ ห้องพักมาตรฐานสมกับราคาที่จ่ายไป อาหารเช้าใช้ได้เลย… เตียงนุ่มมาก… จริงๆมันนุ่มมากทุกที่เลยในทริปนี้
ตำแหน่งของเกาะ Lofoten ในประเทศนอร์เวย์ครับ
ตื่นมาวันที่สองของการเดินทาง นี่ยังไม่ได้เริ่มเที่ยวเลย ใจเย็นๆ วันนี้เราจะบินไป Lofoten ละ จริงๆวิธีการไป Lofoten มีหลายแบบ มันขึ้นกับว่าเราเริ่มจากที่ไหน บางคนเริ่มจาก Bergen ก็มีวีธีนึง เริ่มจาก Tromso ก็มีอีกวิธีนึง เอาแบบหลักๆนะ คือมันมีรถบัสไปถึง แต่อันนี้ไม่นิยม มันนานไป แล้วก็มีเรือไปถึง มี Ferries กับ Express Boats ให้เลือก ตามลิ้งค์นี้เลย
http://www.torghatten-nord.no/english/default.aspx ซึ่งส่วนมากคนจะขึ้นจากท่าเรือที่ Bodø แต่ถ้าเดินทางโดยเครื่องบิน จะมีสนามบิน 2 ที่บนเกาะ Lofoten ให้เลือก และนอกจากนั้นยังสามารถขับรถจาก Tromso ไปได้โดยมีระยะทางประมาณ 400 กว่า km. … สำหรับผม เวลามีน้อย บินไปเลยเร็วที่สุดละ เริ่มจากสนามบิน Gardermoen หรือ Oslo airport หรือ Oslo Lufthavn คืออันเดียวกันทั้งหมดแหล่ะ มันเหมือนเป็นชื่อจริง ชื่อเล่น และชื่อที่เพื่อนเรียกอ่ะ ซึ่งมันจะไม่มีไฟลท์บินตรง ต้องต่อเครื่องที่ Bodø และเปลี่ยนเป็นสายการบิน Widerøe คือสายการบินเดียวที่ขึ้นลงอยู่บนเกาะ Lofoten เวลาซื้อตั๋วสามารถซื้อในเว็ปของ Widerøe หรือ SAS เว็ปไหนก็ได้ แล้วแต่ชอบ
บนเกาะ Lofoten จะมีสนามบิน 2 ที่ คือ Svolvær และ Leknes ผมเลือกลงที่ Svolvær เพราะจะได้ขับรถเลาะลงทิศใต้ของเกาะโดยผ่านเมืองหลายๆเมืองได้ด้วย แต่ไม่ว่าจะเลือกสนามบินไหน มันก็ต้องบินมาจาก Bodø เหมือนกัน
จาก Oslo มา Bodø บินโดย SAS เครื่อง B737-700 ประมาณ 1:30 ชม. ผมบินออกมาตอนสายๆ บนไฟลท์มีเสิร์ฟชากาแฟหรือน้ำเปล่า ถ้าอยากกินโค้กหรือขนมนู่นนี่ก็ต้องซื้อเพิ่มเอง พอมาถึง Bodø ก็รอต่อเครื่องแป๊บเดียวเลย ประมาณ 15-20 นาทีก็เรียกขึ้นเครื่องละ แต่ยังพอมีเวลาให้ซื้อแซนวิชนั่งกินเพลินๆแถวๆเกตเป็นมื้อเที่ยงได้อยู่ คราวนี้บินต่อกับ Widerøe ด้วยเครื่อง DHC-8 100 series เป็นเครื่องใบพัด บินแค่ 30 นาทีก็ถึงแล้ว บนเครื่องแจกช็อคโกแล็ตอันเล็กๆมากินแก้ขมปาก ขาไปคนน้อยเค้าเสิร์ฟกาแฟด้วยนะ แต่ขากลับคนเต็มลำไม่เสิร์ฟ คงจะเสิร์ฟไม่ทันเหอะ ไฟลท์ครึ่งชั่วโมงเอง
ระหว่างทางจาก Oslo ไป Bodø
ต่อเครื่องที่สนามบิน Bodø
วันแรกบน Lofoten
สนามบิน Svolvær ( ที่เห็นไปยืนเก้ๆกังๆอยู่ตรงนั้น จริงๆแล้วมีเจ้าหน้าที่ของสนามบินยืนอยู่ใกล้ๆครับ มองหน้าขออนุญาติกันแล้ว ฮ่า ๆ ๆ )
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้หมายเหตุ : รูปถ่ายประกอบการรีวิวมีการรีไซส์เพื่อความสะดวกในการอัพโหลด มีแก้เอียงและคร๊อปเพื่อองค์ประกอบที่สวยงาม กล้องนี่ใช้ iPhone 6 เป็นหลักเลย บางรูปก็ Canon EOS M ร่วมกับเลนส์ฟิกซ์ ( เอาเลนส์ฟิกซ์ไปถ่ายวิว…อย่าว่ากัน ) และ เลนส์ wide ราคาประหยัดของ Canon ครับ บอก กง กง ว่าเบื่อเจ้า EOS M มาก เลยใช้ iPhone ถ่ายเป็นหลักครับ…. เดี๋ยวๆ กลับมาเรื่องไปเที่ยวก่อน
พอถึง Svolvær นี่เป็นสนามบินที่เล็กที่สุดที่ผมเคยเจอตั้งแต่เกิดมาเลย พอเดินเข้าตัวอาคารมาก็เจอเคาน์เตอร์รถเช่า เราก็ติดต่อรับรถที่จองไว้ ของ Avis
สายพานลำเลียงกระเป๋าสไตล์มินิมอล
รถที่ได้มาเป็น Suzuki Vitara ตัวใหม่เลย สภาพใหม่สุดๆ ชอบมาก…. ได้รถแล้วเราก็มุ่งหน้าเข้าไปตั้งหลักที่ที่พักวันแรกก่อน ชื่อว่า Kabelvåg Apartment คะแนน 9.5 จากบุ๊คกิ้งดอทคอมเลยนะ เรื่องเส้นทางไม่ต้องกลัวหลง เนื่องจากในรถมี GPS ติดมากับรถให้เลย ฮ่า ๆ ๆ เมือง Kabelvåg นี่มันก็อยู่ไม่ไกลจากสนามบิน Svolvær ที่เรานั่งเครื่องมาลงอ่ะนะ พอไปถึงที่พัก มีโพสต์อิทแปะไว้หน้าประตูว่า Welcome และเสียบกุญแจคาเอาไว้… easy มากๆ หลังจากจัดการกับข้าวของเสร็จก็หันไปเห็นเอกสารแจ้งเงื่อนไขการจ่ายเงินวางไว้บนโต๊ะ เค้าแจ้งว่าจะเก็บค่าที่พักเป็นเงินสด ดีที่แลกตังค์มาเผื่อไว้…. แล้วเราก็ออกไปขับรถเล่นชมวิวกัน….
บรรยากาศทึมๆ ฟ้าปิดตลอดวัน มืดหม่นจนหมดกำลังใจจะถ่ายรูปเลยอ่ะ
แวะจอดถ่ายรูปตามข้างทางครับ
จริงๆกะว่าจะขับไปหาของกินด้วย แต่แวะถ่ายรูปนู่นนี่จนเย็น แล้วมันเป็นวันอาทิตย์ไง ร้านค้าทั้งหลายมันปิดเร็วจริงๆ แต่โชคดี… ที่บ้านสั่งให้พกหมูทอดถุงใหญ่จากร้านครัวอินเตอร์มาด้วย สั่งเค้าให้ทอดมาแบบแห้งๆนะ หมูทอดแห้งๆนี่มันอยู่ได้หลายวันเหมือนกันนะ ตอนแรกคิดว่ามันจะมีกลิ่นตุ่ยๆ แต่ไม่มีเลย มันปกติมาก คงเป็นเพราะอากาศมันเย็นมากอ่ะนะ แล้วอันที่จริงเค้าห้ามเอาหมูทอดเข้าประเทศรึป่าว? อันนี้ยังไม่รู้จนถึงทุกวันนี้… ใครรู้มาบอกที
หลังจากที่ไม่ประสพความสำเร็จกับการหาของกินข้างนอก เราก็กลับบ้านพัก ประมาณ 19:00 ได้มั้ง พอจอดรถก็เจอพี่เจ้าของอพาร์ตเม้นต์มารอเก็บค่าที่พักอยู่ จ่ายเงินสดนั่นแหล่ะ แกเขียนใบเสร็จเตรียมมาไว้ให้เลย พร้อมกับอธิบายว่า Check out ไม่เกินเที่ยงนะจ๊ะ ออกมาแล้วล็อคบ้านให้ด้วย แล้วเอากุญแจไปเก็บที่นี่นะ โอเคนะ บัยย์… so convenient แท้ๆ
บรรยากาศหน้าบ้านพักที่ Kabelvåg Apartment
บ้านพักแถวๆนี้ส่วนใหญ่มีลักษณะเป็น Rorbuer คือประมาณบ้านชาวประมงอ่ะครับ มันก็คือๆกันกับ Apartment, Lodge, Cabin ประมาณนี้แหล่ะ มันไม่เหมือนโรงแรมนะ คือเรากินอะไรก็ต้องล้างเก็บครัวให้เค้าด้วย ข้าวเช้าไม่มีให้ สุดท้ายก่อนเช็คเอาท์ก็ควรเก็บขยะไปทิ้งให้ด้วยจะดีมาก
วันแรกใน Lofoten ก็แค่นี้แหล่ะ สองทุ่มก็อาบน้ำนอนละ
วันที่สองใน Lofoten
วันนี้เราจะย้ายที่พักไปที่เมือง Reine ซึ่งอยู่ทางใต้ของเกาะ ระยะทางจาก Svolvær ประมาณ 120 km. แต่เราก็ไม่ได้ขับกันไปตรงๆหรอก มันมีที่ๆเราอยากไปถ่ายรูปแต่ต้องขับรถย้อนไปทางเหนือประมาณ 40 km. ไปที่ Grunnfør เพื่อถ่ายรูปแค่นั้น
ป้อม รปภ แห่ง Grunnfør ( อันนี้ตั้งชื่อเอง )
เสร็จแล้วก็มุ่งหน้าลงใต้เป้าหมาย Reine
[CR] Norway ฉบับไม่ Mainstream
ต้นกำเนิดแห่งความอยากรู้อยากเห็นมาจากการเปิดนิตยสารท่องเที่ยวแล้วไปเจอรูปสวยแปลกของ Lofoten พอลองกูเกิ้ลดูเลยรู้ว่าอยู่ที่นอร์เวย์นู่น แต่พอเวลาหาข้อมูลที่เที่ยวในนอร์เวย์ฉบับภาษาไทย จะไม่เจอข้อมูลเกี่ยวกับ Lofoten แบบที่เห็นเป็นชิ้นเป็นอัน ดังนั้น ผมเลยอยากจะมาแชร์ข้อมูลสุดย้วยของการเดินทางสู่เกาะ Lofoten ในช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมาของผม อยากให้ทุกคนได้ไปสัมผัสดินแดนที่มีแลนด์สเคปสุดล้ำแห่งนี้ด้วยกัน…
แผนการเดินทาง
เนื่องจากช่วงสงกรานต์บ้านเรายังไม่พ้นหนาวบ้านเค้าดี ดังนั้น… มันจึงไม่ใช่เวลาที่จะได้ทำกิจกรรมเด็ดๆที่นักท่องเที่ยวเค้าไปทำกันแถวนู้น เช่นการ Hiking, Trekking, ตกปลา, ดำน้ำ, พายเรือ, บลา ๆ ๆ ช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับ Lofoten ในความคิดผมคือหน้าร้อน แต่เนื่องจากภาระการงานทำให้เราจำเป็นต้องอาศัยช่วงเทศกาลในการไปเที่ยว เพราะงั้น ถ้าใครมีโอกาส ผมแนะนำ Lofoten ช่วงซัมเมอร์น่าจะดีที่สุด…
แผนการเดินทางทริปนี้ง่ายมาก เป้าหมายคือแค่ไปขับรถเล่นบนทางหลวง E10 แล้วก็แวะถ่ายรูปตามข้างทาง เส้นทางนี้ถือเป็น Scenic road ที่นึงของนอร์เวย์ แต่จริงๆก็แอบหวังว่าจะได้ Hiking บ้าง ดูละกันว่าจะได้ไปเดินขึ้นเขาซักที่ไม๊…. อ้าวววว… schedule...มา!
9 Apr 2016 : BKK-Oslo ( via Moscow ) โดย Aeroflot ออกเช้า ถึง Oslo ค่ำ แล้วพักที่แถวๆสนามบิน Gardermoen เลย เตรียมบินไฟลท์ Domestic ตอนเช้าอีกวันนึง
10 Apr 2016 : Oslo- Svolvær ( via Bodø ) โดย SAS และ Widerøe ออกสายๆ ถึง Svolvær บ่าย ถึงแล้วรับรถเช่าที่จองไว้ แล้วพักที่เมือง Kabelvåg ซึ่งไม่ไกลจากสนามบินเท่าไหร่
11 Apr 2016 : ขับรถชมวิวเรื่อยเปื่อย ย้ายที่พักไปพักที่เมือง Reine ทางตอนใต้ของเกาะ
12 Apr 2016 : ขับรถชมวิวเรื่อยเปื่อย พักที่เดิม
13 Apr 2016 : ขับรถชมวิวเรื่อยเปื่อย ย้ายที่พักไปพักที่เมือง Henningsvaer อันนี้ย้อนกลับมาทางเหนือเพื่อเตรียมตัวกลับ Oslo ในอีกวันนึง
14 Apr 2016 : กลับ Oslo ถึงตอนบ่ายๆ เดินเล่นชมเมืองหลวงของนอร์เวย์
15 Apr 2016 : กลับบ้านกันเถอะ ออกเย็นๆ ถึงกรุงเทพตอนเช้าอีกวันนึง
16 Apr 2016 : ถึงบ้านโดยปลอดภัย… ที่ไม่ปลอดภัยคือเงินในกระเป๋า
ดูแผนแล้ว ไปกันเลย………….
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ไฟลท์ผมออกเดินทางตอนสายๆจาก BKK บินด้วย B777-300ER ระยะระหว่างเบาะใช้ได้นั่งไม่ลำบากมาก แต่จริงๆขาไปมีการ over booking เกิดขึ้น เลยโดนอัพเกรดที่นั่งให้โดยปริยาย… บุญตูดจริงๆ… อ่อ… Aeroflot เค้าไม่เสริฟเครื่องดื่มแอลกอฮอลนะ เลยนั่งไปแบบเหงาๆ…
เราถึงมอสโควเย็นๆ บินประมาณ 9 ชม. กว่าๆ มีเวลาต่อเครื่องเกือบๆ 2 ชม. สบายมาก ไปหาร้านนั่งจิบเบียร์รอหน้าเกตเลย ร้านใหญ่ๆแถวนั้นรับบัตรเครดิตหมดแหล่ะ แต่ถ้าร้านเล็กๆนี่ถามเค้าก่อนก็ดีนะ เพราะตอนต่อเครื่องขากลับมีร้านขายไก่ทอดเล็กๆบางร้านไม่รับ จริงๆนะ… ลืมบอกไป ไฟล์ทจาก BKK จะลงที่สนามบิน SVO มอสโควที่ Terminal F เราจะต้องเดินไป Terminal E เพื่อรอต่อเครื่องไป Oslo ทางเดินเชื่อมของ Terminal ก็ง่ายๆมีป้ายบอก ไม่ต้องกลัวหลง จาก SVO บินไป Oslo ใช้เวลาประมาณ 2:30 ชม. บินกับ A320 ที่นั่งแคบหน่อย ถึง Oslo ตอน 2 ทุ่มนิดๆ…. คืนแรกผมพักที่ Park Inn By Radisson Oslo Airport อยู่ห่างจากอาคารผู้โดยสารประมาณ 300 เมตร ทางเดินจาก Terminal ไปโรงแรมมีกระจกกันลมกันฝนให้ ห้องพักมาตรฐานสมกับราคาที่จ่ายไป อาหารเช้าใช้ได้เลย… เตียงนุ่มมาก… จริงๆมันนุ่มมากทุกที่เลยในทริปนี้
ตำแหน่งของเกาะ Lofoten ในประเทศนอร์เวย์ครับ
ตื่นมาวันที่สองของการเดินทาง นี่ยังไม่ได้เริ่มเที่ยวเลย ใจเย็นๆ วันนี้เราจะบินไป Lofoten ละ จริงๆวิธีการไป Lofoten มีหลายแบบ มันขึ้นกับว่าเราเริ่มจากที่ไหน บางคนเริ่มจาก Bergen ก็มีวีธีนึง เริ่มจาก Tromso ก็มีอีกวิธีนึง เอาแบบหลักๆนะ คือมันมีรถบัสไปถึง แต่อันนี้ไม่นิยม มันนานไป แล้วก็มีเรือไปถึง มี Ferries กับ Express Boats ให้เลือก ตามลิ้งค์นี้เลย http://www.torghatten-nord.no/english/default.aspx ซึ่งส่วนมากคนจะขึ้นจากท่าเรือที่ Bodø แต่ถ้าเดินทางโดยเครื่องบิน จะมีสนามบิน 2 ที่บนเกาะ Lofoten ให้เลือก และนอกจากนั้นยังสามารถขับรถจาก Tromso ไปได้โดยมีระยะทางประมาณ 400 กว่า km. … สำหรับผม เวลามีน้อย บินไปเลยเร็วที่สุดละ เริ่มจากสนามบิน Gardermoen หรือ Oslo airport หรือ Oslo Lufthavn คืออันเดียวกันทั้งหมดแหล่ะ มันเหมือนเป็นชื่อจริง ชื่อเล่น และชื่อที่เพื่อนเรียกอ่ะ ซึ่งมันจะไม่มีไฟลท์บินตรง ต้องต่อเครื่องที่ Bodø และเปลี่ยนเป็นสายการบิน Widerøe คือสายการบินเดียวที่ขึ้นลงอยู่บนเกาะ Lofoten เวลาซื้อตั๋วสามารถซื้อในเว็ปของ Widerøe หรือ SAS เว็ปไหนก็ได้ แล้วแต่ชอบ
บนเกาะ Lofoten จะมีสนามบิน 2 ที่ คือ Svolvær และ Leknes ผมเลือกลงที่ Svolvær เพราะจะได้ขับรถเลาะลงทิศใต้ของเกาะโดยผ่านเมืองหลายๆเมืองได้ด้วย แต่ไม่ว่าจะเลือกสนามบินไหน มันก็ต้องบินมาจาก Bodø เหมือนกัน
จาก Oslo มา Bodø บินโดย SAS เครื่อง B737-700 ประมาณ 1:30 ชม. ผมบินออกมาตอนสายๆ บนไฟลท์มีเสิร์ฟชากาแฟหรือน้ำเปล่า ถ้าอยากกินโค้กหรือขนมนู่นนี่ก็ต้องซื้อเพิ่มเอง พอมาถึง Bodø ก็รอต่อเครื่องแป๊บเดียวเลย ประมาณ 15-20 นาทีก็เรียกขึ้นเครื่องละ แต่ยังพอมีเวลาให้ซื้อแซนวิชนั่งกินเพลินๆแถวๆเกตเป็นมื้อเที่ยงได้อยู่ คราวนี้บินต่อกับ Widerøe ด้วยเครื่อง DHC-8 100 series เป็นเครื่องใบพัด บินแค่ 30 นาทีก็ถึงแล้ว บนเครื่องแจกช็อคโกแล็ตอันเล็กๆมากินแก้ขมปาก ขาไปคนน้อยเค้าเสิร์ฟกาแฟด้วยนะ แต่ขากลับคนเต็มลำไม่เสิร์ฟ คงจะเสิร์ฟไม่ทันเหอะ ไฟลท์ครึ่งชั่วโมงเอง
ระหว่างทางจาก Oslo ไป Bodø
ต่อเครื่องที่สนามบิน Bodø
วันแรกบน Lofoten
สนามบิน Svolvær ( ที่เห็นไปยืนเก้ๆกังๆอยู่ตรงนั้น จริงๆแล้วมีเจ้าหน้าที่ของสนามบินยืนอยู่ใกล้ๆครับ มองหน้าขออนุญาติกันแล้ว ฮ่า ๆ ๆ )
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
พอถึง Svolvær นี่เป็นสนามบินที่เล็กที่สุดที่ผมเคยเจอตั้งแต่เกิดมาเลย พอเดินเข้าตัวอาคารมาก็เจอเคาน์เตอร์รถเช่า เราก็ติดต่อรับรถที่จองไว้ ของ Avis
สายพานลำเลียงกระเป๋าสไตล์มินิมอล
รถที่ได้มาเป็น Suzuki Vitara ตัวใหม่เลย สภาพใหม่สุดๆ ชอบมาก…. ได้รถแล้วเราก็มุ่งหน้าเข้าไปตั้งหลักที่ที่พักวันแรกก่อน ชื่อว่า Kabelvåg Apartment คะแนน 9.5 จากบุ๊คกิ้งดอทคอมเลยนะ เรื่องเส้นทางไม่ต้องกลัวหลง เนื่องจากในรถมี GPS ติดมากับรถให้เลย ฮ่า ๆ ๆ เมือง Kabelvåg นี่มันก็อยู่ไม่ไกลจากสนามบิน Svolvær ที่เรานั่งเครื่องมาลงอ่ะนะ พอไปถึงที่พัก มีโพสต์อิทแปะไว้หน้าประตูว่า Welcome และเสียบกุญแจคาเอาไว้… easy มากๆ หลังจากจัดการกับข้าวของเสร็จก็หันไปเห็นเอกสารแจ้งเงื่อนไขการจ่ายเงินวางไว้บนโต๊ะ เค้าแจ้งว่าจะเก็บค่าที่พักเป็นเงินสด ดีที่แลกตังค์มาเผื่อไว้…. แล้วเราก็ออกไปขับรถเล่นชมวิวกัน….
บรรยากาศทึมๆ ฟ้าปิดตลอดวัน มืดหม่นจนหมดกำลังใจจะถ่ายรูปเลยอ่ะ
แวะจอดถ่ายรูปตามข้างทางครับ
จริงๆกะว่าจะขับไปหาของกินด้วย แต่แวะถ่ายรูปนู่นนี่จนเย็น แล้วมันเป็นวันอาทิตย์ไง ร้านค้าทั้งหลายมันปิดเร็วจริงๆ แต่โชคดี… ที่บ้านสั่งให้พกหมูทอดถุงใหญ่จากร้านครัวอินเตอร์มาด้วย สั่งเค้าให้ทอดมาแบบแห้งๆนะ หมูทอดแห้งๆนี่มันอยู่ได้หลายวันเหมือนกันนะ ตอนแรกคิดว่ามันจะมีกลิ่นตุ่ยๆ แต่ไม่มีเลย มันปกติมาก คงเป็นเพราะอากาศมันเย็นมากอ่ะนะ แล้วอันที่จริงเค้าห้ามเอาหมูทอดเข้าประเทศรึป่าว? อันนี้ยังไม่รู้จนถึงทุกวันนี้… ใครรู้มาบอกที
หลังจากที่ไม่ประสพความสำเร็จกับการหาของกินข้างนอก เราก็กลับบ้านพัก ประมาณ 19:00 ได้มั้ง พอจอดรถก็เจอพี่เจ้าของอพาร์ตเม้นต์มารอเก็บค่าที่พักอยู่ จ่ายเงินสดนั่นแหล่ะ แกเขียนใบเสร็จเตรียมมาไว้ให้เลย พร้อมกับอธิบายว่า Check out ไม่เกินเที่ยงนะจ๊ะ ออกมาแล้วล็อคบ้านให้ด้วย แล้วเอากุญแจไปเก็บที่นี่นะ โอเคนะ บัยย์… so convenient แท้ๆ
บรรยากาศหน้าบ้านพักที่ Kabelvåg Apartment
บ้านพักแถวๆนี้ส่วนใหญ่มีลักษณะเป็น Rorbuer คือประมาณบ้านชาวประมงอ่ะครับ มันก็คือๆกันกับ Apartment, Lodge, Cabin ประมาณนี้แหล่ะ มันไม่เหมือนโรงแรมนะ คือเรากินอะไรก็ต้องล้างเก็บครัวให้เค้าด้วย ข้าวเช้าไม่มีให้ สุดท้ายก่อนเช็คเอาท์ก็ควรเก็บขยะไปทิ้งให้ด้วยจะดีมาก
วันแรกใน Lofoten ก็แค่นี้แหล่ะ สองทุ่มก็อาบน้ำนอนละ
วันที่สองใน Lofoten
วันนี้เราจะย้ายที่พักไปที่เมือง Reine ซึ่งอยู่ทางใต้ของเกาะ ระยะทางจาก Svolvær ประมาณ 120 km. แต่เราก็ไม่ได้ขับกันไปตรงๆหรอก มันมีที่ๆเราอยากไปถ่ายรูปแต่ต้องขับรถย้อนไปทางเหนือประมาณ 40 km. ไปที่ Grunnfør เพื่อถ่ายรูปแค่นั้น
ป้อม รปภ แห่ง Grunnfør ( อันนี้ตั้งชื่อเอง )
เสร็จแล้วก็มุ่งหน้าลงใต้เป้าหมาย Reine