[CR] กระเป๋า1ใบ เวลา1วัน แบงค์พันครึ่งเดียว ไปเที่ยว"กาญ"มั้ย ฉบับโหด มัน ฮา

“หลังสอบไปเที่ยวกัน”
“ไปไหน มีงบแค่500นะ ช่วงนี้ช๊อต”
“เอากาญมั้ย ใกล้ดี”
“ไป”



แผนการเที่ยวของเราคือ ใช้เงินแค่500  ไป2วัน1คืน โดยวันที่สองเราจะกลับเที่ยง ไม่เที่ยวต่อค่ะ

EP.1 สายแล้ว

เช้าวันถัดมาเรานัดกันว่าจะนั่งรถเมล์เที่ยวตี5ค่ะ
แต่พอเอาเข้าจริง ตื่นก็ปาไปเกือบ6โมงแล้ว ต้องรีบสิคะรออะไร (วางแพลนจะแต่งหน้าสวยๆไปเที่ยว คือล่มสนิทค่ะ แค่เขียนคิ้วทันนี่ก็เริ่ดแล้ว)
ซึ่งเรามาถึงป้ายรถเมล์6.30น. ถนนโล่งมาก รถไม่มีเลย รวมถึงรถเมล์ที่เราจะนั่งไปกันด้วย #น้ำตาจะไหลขอทิชชู่แปป



และแล้วเราก็ได้หันไปเห็นรถคันนี้...
.
.

ไปค่ะพี่สุชาติ! ไปกาญจนบุรีกัน! #ไม่ใช่ละ

และแล้วรถเมล์ราชบุรี-กาญจนบุรีก็มาถึงในเวลาเกือบ7โมงค่ะ รถมาไวไปไวมาก รีบวิ่งขึ้นแทบไม่ทัน #รถเมล์ไทยไม่แพ้ชาติใดในโลกจริงๆ
รถเที่ยวนี้เหมือนเป็นเที่ยวที่สองเลยไม่ค่อยมีคนเท่าไหร่ค่ะ บวกกับอากาศตอนเช้าไม่ค่อยร้อนมากด้วย เลยพอนั่งได้ชิวๆ



นี่คือเพื่อนตลอดการเดินทาง2ชม.ครึ่ง เพื่อช่วยให้ลืมความเมื่อตูด



และแล้วเราก็เดินทางมาถึงบขส.กาญจนบุรีแล้วค่ะ เย้ๆ



ที่พักที่เราเลือกพักกันคือ คะนาอัน เกสเฮาส์ โดยเราจองจากแอพบุ๊คกิ้งค่ะ เกสเฮาส์นี้จะอยู่ข้างหลังบขส.พอดี ให้มองหาศาลพระภูมิสีขาวใหญ่ๆ และเดินเข้าซอยมาเลย จะมีป้ายบอก เราเลือกห้องแอร์เตียงใหญ่ไป แต่พอไปถึงดันได้ห้องแอร์เตียงเดี่ยวสองเตียงแทน ซึ่งเราก็ไม่ได้อะไร เพราะราคาห้องเท่ากันคือ380 พอเปิดห้องเข้าไปแล้วตกใจ คือมันดีมากกกกก มีห้องน้ำในตัวด้วย (ตอนแรกอ่านรีวิวเค้าว่าห้องน้ำรวม) ห้องสะอาด แอร์เย็น เป็นส่วนตัว เจ้าของก็น่ารักมากด้วยค่ะ


[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

EP.2 เพื่อนด่างด้าว และรถเมล์เหาะโตเกียวดิสนี่แลนด์

หลังจากปลาบปลื้มกับที่พักแล้ว เราก็เริ่มออกเดินทางค่ะ โดยเราได้รับคำแนะนำจากเจ้าของเกสเฮาท์ว่าถ้าจะไปช่องเขาขาด ให้ไปรถเมล์สาย8203 ก็ออกเดินหา ซึ่งพอเจอคือรถกำลังจะออกพอดี  เอ๋วิ่งสิเอ๋วิ่ง!!


รถเมล์คันนี้ใช้เวลาประมาณเกือบ2ชม.ถึงช่องเขาขาด บอกเลยว่าขอบพระคุณแม่มากๆที่ยัดยาดมใส่กระเป๋ามา
เพราะรถคันนี้แอร์ร้อนมากกก ขับก็ช้าสุดไรสุด กว่าจะขึ้นเขาลงเนิน เลี้ยวโค้ง ทำเอาเราจะอ้วกอยู่หลายรอบ
พอขับไปได้ซักพักจะเจอจุดที่มีทหารหรือตำรวจนี่แหละค่ะ ขึ้นมาตรวจบัตรปชช.


เราก็ควักออกมาเตรียมรอตรวจ แต่เพื่อนเรานั่งนิ่ง เลยหันไปถาม
“บัตรอ่ะ?”
“กูไม่ได้เอามา..”
“คุณเพื่อนคะ......”
แล้วคนตรวจบัตรก็เริ่มเดินตรวจ แล้วพอมาถึงเราเขาก็ดูบัตรเราแล้วเดินผ่านไปอย่างเดียว ไม่ได้ขอดูบัตรเพื่อนเรา สงสัยคงรู้ว่ามาด้วยกัน #ขอบคุณสวรรค์ T^T ถ้าเกิดจนท.เขาไม่ปล่อยผ่านขึ้นมา แล้วคิดว่าเพื่อนเราเป็นต่างด้าว คงต้องแยกกับมันตรงนั้น ทิ้งมันไว้กลางทางนั่นแหละ #สม #คนไทยอะไรไม่พกบัตรปชช

EP.3 ชองเขาขาด

หลังจากผจญภัยกับรถเมล์เหาะโตเกียวดิสนี่แลนด์มา2ชม. ก็มาถึงช่องเขาขาดค่ะ ก่อนลงเราก็ถามพี่กระเป๋ารถเมล์ว่าจะมีรถขากลับผ่านมาอีกกี่โมง พี่เค้าบอกว่ามีมาอีก3โมงเย็น ซึ่งตอนนั้นเราไปถึง11โมง
ลงจากรถมาก็ขอดึงสติเก็บยาดมกันแปปนึง มองไปรอบๆก็เจอแต่ถนนและภูเขา แอบงงเบาๆว่าเรามาลงถูกมั้ย เห็นตรงใกล้ๆมีเหมือนค่ายทหารเลยเดินเข้าไปถามตรงป้อม จนท.ที่ป้อมก็บอกว่าต้องเดินเข้าไปในค่ายอีก300ม.
ระหว่างทางเดินก็สวยแล้วค่ะ เป็นต้นไม้ล้อมรอบทางเดิน  บรรยากาศดีมากๆ แดดไม่แรงเท่าไหร่




พอไปถึงพิพิธภัณฑ์ก็จะเจอโบกี้รถไปเก่าๆค่ะ แล้วก็จะเจอลานจอดรถ ที่เต็มไปด้วยรถทัวร์



พิพิธภัณฑ์ช่องเขาขาดนี้ไม่เสียค่าเข้านะคะ เดินเข้าไปได้เลยค่า แอร์เย็นมาก =..= #ประทับใจสุด
ภายในพิพิธภัณฑ์ก็จะจัดแสดงประวัติความเป็นมาของที่นี่ แล้วก็ของใช้โบราณ รูปภาพต่างๆ มีห้องฉายวิดิโอให้ดูด้วยค่ะ








พอเยี่ยมชมภายในเสร็จ ก็จะมีระเบียงยื่นออกไปให้ออกถ่ายรูปได้ เรียกว่าเป็นมุมมหาชนเลยก็ว่าได้


ด้านล่างสามารถเดินลงไปชมได้นะคะ แต่เราเดินเข้าไปไม่ถึงที่เป็นช่องเขาขาดค่ะ เพราะไกล กลัวเข้าไปแล้วออกมาไม่ทัน อีกอย่างวันที่ไปเที่ยวเราดันมีปจด.มาซะด้วย เลยปวดท้องหน่วงๆไม่ค่อยอยากเดินไกล T_T #ซวยไปอีก




เดินกันเกือบชม. เราก็ลองเปิดดูว่ารถไฟสายมรณะมีเที่ยวกี่โมงบ้าง ซึ่งก็เจอว่ามีบ่ายครึ่ง กับสามโมงครึ่ง ซึ่งตอนนั้นไม่น่าทันรอบบ่ายครึ่งเท่าไหร่ เลยเผื่อใจไว้รอบบ่ายสามครึ่ง แต่เราก็ดันมานึกได้ว่ารถเมล์บอกว่าจะมาบ่ายสาม ... ทำไงดี
เราคนไทยซะอย่าง มีรอยยิ้มและความนอบน้อมเป็นอาวุธ
เล็งเป้าหมายที่ลานจอดรถค่ะ.. โดยพบคุณลุงหน้าตาใจดีท่านหนึ่งตรงตามเป้า เราเลยสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วเดินไปหาลุงพร้อมกับ ..
ยกมือไหว้ตามแบบฉบับหญิงไทย และยิ้มกว้างๆ พร้อมพูดว่า “สวัสดีค่ะคุณลุง ^_^ ไม่ทราบว่าคุณลุงจะผ่านสถานีรถไฟไหมคะ พวกหนูจะขอติดรถไปลงหน่อยค่ะ” สรุปคุณลงผ่านค่า แต่คุณลุงบอกว่าอาจจะส่งได้แค่ใกล้ๆเพราะเข้าไปสถานีรถไฟไม่เป็น  โดยรถของคุณลุงเป็นแท็กซี่ที่พาครอบครัวชาวอินเดียมาเที่ยวค่ะ ครอบครัวนี้น่ารักใจดีมาก มีลูกสาวกับลูกชายน่าจะ5-6ขวบ แล้วก็พ่อกับแม่ที่กำลังท้องอ่อนๆ
สุดท้ายคือคุณลุงมาส่งพวกเราที่น้ำตกไทรโยคน้อยค่ะ ก่อนลงเราก็ขอบคุณครอบครัวอินเดียวพร้อมกับอวยพรให้เขาenjoy your tripและมีความสุขมากๆ

EP.4 ซวยจุ๊บจิ๊บ ซวยจุ๊บกินจิ๊บกินจุ๊บจิ๊บ ตือดึงตือดึงดึ๋งง!
ลงรถมาเสร็จเราเหลือบไปเห็นมีรถไปเทียบท่าอยู่ขบวนนึง ..ถูกค่ะ!  วิ่งสิคะ วิ่งกันไป4คูณ100เหรีญทองโอลิมปิค พร้อมกับเหรียญเงินปีนบันได หลังจากขึ้นไปก็พบว่า
รถไฟขบวนนี้เป็นรถไฟที่จะผ่านกทม.ค่าตั๋วจึงจะแพงคือ120 #โอ้โหแฟนตาซี ซึ่งถ้าจะไปรถไฟฟรีต้องนั่งรถสองแถวไปลงสถานีรถไฟน้ำตก ซึ่งจะมีอีกทีคือเที่ยว3โมงครึ่ง
ระหว่างรอเราก็ถือว่าในความโชคร้ายยังมีความโชคดี เพราะไหนๆก็เหลือเวลาอีกตั้ง2ชม.กว่า จะได้ไปเที่ยวน้ำตกไทรน้อยด้วยเลย ระหว่างเดินขึ้นไปนี่ก็เตรียมกล้องพร้อมมาก โดยก่อนจะถึงน้ำตกก็พบกับคนมากมายที่ส่วนใหญ่จะมาเป็นครอบครัว มานั่งปูเสื่อทานอาหารกัน

คุณลุงคนนี้สีไวโอลินเพราะมากเลยค่ะ แถมใจดีมาก ให้พวกเราแอ็คท่ากับไวโอลินของแกถ่ายรูปด้วย
พอคุยกับลุงแกเสร็จก็เดินไปน้ำตกกันค่ะ ระหว่างเดินนี่ก็คิดไว้ในหัวว่าจะปรับกล้องยังไงให้ถ่ายรูปน้ำตกออกมาเป็นแบบนี้

แต่พอไปถึงของจริงคือออออออออ
.
.

#ควักยาดมมาดมอีกรอบ ;___;
แล้วภาพที่เราเห็นคนเยอะแยะที่มาเป็นครอบครัว คือเขามาเที่ยวอะไรกัน =[]= รถทัวร์เต็มที่จอดคืออะไร #คุณหลอกดาววว
เรากับเพื่อนมองหน้ากันแล้วก็ได้แต่หัวเราะ แบบหัวเราะอ่ะค่ะ คือเป็นความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก เข้าใจกันด้วยการหัวเราะเท่านั้น 55555555 (เชื่อว่าทุกคนต้องมีโมเม้นต์นี้)  เราแอบได้ยินนักท่องเที่ยวกลุ่มนึงพูดกับเพื่อนว่า
“เป็นบุญนะเนี่ยที่ได้มาเที่ยวช่วงนี้”
“ทำไมว่ะ”
“ทุกทีมาเที่ยวเจอน้ำตกไหลลงมา ก็ได้แต่สงสัยว่าข้างในน้ำตกมีอะไร ตอนนี้กูรู้แล้วล่ะว่ามีอะไร”
.... ก็จริงของเขา
ภาพตัดกลับมาที่ชะนีสองตัวกำลังพลัดกันสูดยาดม อมยาหม่อง(?) อยู่ที่ศาลาริมทาง รอรถสองแถวพาไปสถานีรถไฟน้ำตก  ในศาลาก็มีคุณยายแก่ๆกำลังขายล็อตตารี่กับมะม่วงอยู่ บทสนทนาขงเรากับเพื่อนก็เริ่มขึ้นเมื่อจ้องไปที่ยาย
“ๆ กูช่วยยายซื้อมะม่วงดีป่ะว่ะ เห็นยายแกตะโกนขายมานานแล้วอ่ะ”
“ไม่ดี =_=” เราตอบทันทีเลย
“ทำไมอ่ะ ไม่สงสารยายแกหรอ”
“ตอนนี้กูสงสารตัวเองมากกว่า คือจะต้องแบกทั้งกระเป๋าที่ข้างในมีของไม่พอ แล้วยังต้องมาแบกมะม่วงอีกอะนะ โนวค่ะโนว”
“เดี๋ยวมะม่วงกูถือเองก็ได้”
“ถือของของที่อยู่ในกระเป๋ากูดีกว่าม่ะ”
“..”
จบบทสนทนาธรรม ได้แต่ภาวะให้ยายแกขายมะม่วงให้ออกต่อไป (สุดท้ายก็ขายหมดเกลี้ยงนะคะ)
พอถึงบ่าย3โมงรถสองแถวก็พาเราไปส่งที่สถานีรถไฟน้ำตกค่ะ

ป.ล. เดี๋ยวพรุ่งนี้มาอัพเพิ่มนะคะ คืนนี้ขอไปนอนก่อน เพลียมาก พึ่งถึงบ้านเมื่อบ่ายนี้เอง
ชื่อสินค้า:   กาญจนบุรี
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่