เรื่องมีอยู่ว่า พี่สาวไปจำนองที่ดินกับเจ๊ที่เป็นคนปล่อยเงินกู้หรือรับจำนองอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ
โดยจำนองที่ดิน 70 ตารางวา ราคาประเมินประมาณ 1 ล้านกว่าบาท แถวฝั่งธนไว้ เมื่อประมาณปี 2545
แต่จำนองไว้เป็นเงิน 250,000 บาท หลังจากจำนองเสร็จแล้ว พี่สาวไม่ได้ส่งทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยเลย
เป็นเวลาประมาณหลาย จนปี 2553 เจ๊ที่รับจำนอง ได้ให้ทนายยื่นฟ้องศาล และมีหมายศาลมาติดไว้ที่หน้าบ้าน
พี่สาว พอพี่สาวเห็นเอกสารก็ไม่รู้ว่าคือเอกสารไร (เพราะพี่สาวไม่รู้หนังสืออ่านไม่ได้และเขียนได้แต่ชื่อตัวเองเท่านั้น)
เพราะผมเองก็ไม่ทราบเรื่องพวกนี้มาก่อนเลย แต่คิดว่า ณ ตอนนั้น คงไปให้ใครดูว่าเป็นเอกสารอะไร คิดว่าคนแถวๆ บ้านคงดู
แต่คงไม่ได้ดูรายละเอียด เพียงแต่บอกว่าเป็นหมายศาลแจ้งมาให้ไปชำระหนี้ หลังจากนั้นพี่สาวก็เก็บเงียบไม่ได้บอกใครๆ
ทั้งหมายศาลนี้ด้วย จนเจ๊ที่รับจำนองได้มีการมาถามและพูดในทำนองข่มขู่ว่า ไม่จ่ายจะยึดที่ดิน จนพี่สาวได้ตัดสินใจขายที่ดินให้บางส่วน
กับเจ้าของบ้านที่อาศัยเช่าที่ดินนี้ไปโดยตัดออกขายบางส่วนไป (ไม่ทราบกี่ตารางวา) ราคา 600,000 บาท
แล้วนัดกับเจ๊ที่รับจำนองไปทำเรื่องแยกโฉนดขายให้กับคนที่ซื้อไป เพราะโฉนดยังเป็นชื่อของเจ้ที่รับจำนองอยู่
พอแยกโฉนดเสร็จ ก็แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ส่วนแรกกับส่วนที่ 3 ยังติดจำนองกับเจ๊อยู่ แต่ส่วนที่ 2 ให้กับคนที่ซื้อที่ดินไปในราคา 600,000 บาท
และเอาเงินสดทั้งหมดให้เจ๊ที่รับจำนองไป เพราะเจ๊บอกว่านี่คือดอกเบี้ยตามจำนวนตั้งแต่ต้นเดือนละ 7,500 บาท ที่เธอไม่ส่งเลยจนถึงปัจจุบัน
ที่ขายแบ่งที่ดิให้คนอื่นไป หลังจากเจ้ได้เงิน 600,000 บาท นั้นเจ๊ก็บอกว่าเป็นแค่ดอกเบี้ยที่เธอไม่จ่ายตั้งแต่แรก ไม่รวมเงินต้น
แล้วเริ่มนับดอกเบี้ยใหม่ เดือนถัดไป หลังจากนั้น พี่สาวก็ไม่ได้จ่ายเหมือนเดิมเพราะไม่สามารถหาเงินมาจ่ายได้จนเวลาล่วงเลยมาถึงปัจจุบันนี้
จนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เจ๊ที่รับจำนองมาบอกว่าจะเอาเงิน 500,000 บาท รวมเงินต้นและดอกเบี้ยทั้งหมดที่เธอไม่จ่ายเลย ตั้งแต่ครั้งที่จ่ายล่าสุดมา 600,000 บาท เมื่อปี 2555 จนถึงปัจจุบัน จ่ายมา 500,000 บาท ไม่งั้นฉันจะฟ้องยึดที่ จนพี่สาวได้โทรหาผมบอกให้ทราบเรื่องนี้ ผมเลยถึงทราบเรื่องราวทั้งหมด
ก็เลยแวะมาที่บ้านพี่สาว เพื่อขอดูเอกสารและหมายศาลที่เก็บไว้ แต่ผมก็ไม่ค่อยรู้เรื่องเอกสารมากเท่าไหร่ เลยเอาไปให้ทนายของบริษัทช่วยดู
โดยพบข้อผิดสังเกตว่า
** ในหมายศาลมีคำสั่งฟ้องประมาณ ปี 2553 โดยมีข้อความว่า ให้จำเลยชำระเงินแก่โจทย์ ทั้งต้นและดอกเบี้ย ตั้งแต่จำเลยขาดส่งรวมเป็นเงินประมาณ
400,000 กว่าบาท เจ๊มันให้ทนายทำสำนวนว่ามันเก็บดอกเบี้ยร้อยละ 15 แต่จริงๆ ไม่ใช่เลย และระบุว่าให้จำเลยชำระเงินให้แก่โจทย์ตามยอดนี้ หากโจทย์ยังไม่ชำระเงินก็ให้คิดดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี จนกว่าจำเลยจะนำเงินมาชำระ พอทนายที่ทำงานอ่านแล้ว ก็ถามว่า ไหนว่าไปจ่ายมาแล้ว 600,000 บาท ที่ขายที่ไปไง แล้วทำไมเจ๊คนนี้ ถึงจะมาเอาอีก 500,000 บาท ก็จ่ายตามคำสั่งศาลไปแล้วนิ 600,000 บาทเนี่ย ก็เกินจากจำนวนที่หมายศาลระบุมาอีก ผมเองก็ยังตกใจ ตอนนี้มีปัญหาคือ เจ๊คนนี้มีเจตนาตั้งแต่แรกแล้ว ว่าไม่สุจริต จงใจที่จะยึดที่ดิน เพราะตอนที่เราไปตัดที่ดินขาย ก็หลายจากได้รับหมายศาลอันนี้แล้วประมาณเกือบ 2 ปี จากที่ศาลแจ้งให้ชำระ 400,000 กว่าบาท รวมดอกเบี้ย แต่หากคิดดอกร้อยละ 15 จากหมายศาลจนที่วันที่เราไปขายที่แบ่งให้กับเจ้าของบ้านที่อาศัยเช่าที่ดินเราเป็นเงิน 600,000 บาท แล้วให้เงินเจ๊ไปตั้งแต่วันนั้น แจ่เจ๊ไม่ยอมทำตามหมายศาล ไม่ยอมไถ่โฉนดและไม่ยอมแจ้งใดๆ กับฝ่ายที่เกี่ยวข้องว่าเรามีการชำระเงินแล้ว ตามที่ศาลสั่งให้ชำระ ด้วยเหตุผลใดๆ ไม่รู้ จนถึงปัจจุบันนี้ จะมาเอาอีก 500,000 บาท ไม่งั้นจะยึดที่
ณ ตอนนี้ปัญหาของผมก็คือ
1. พี่สาวไม่รู้หนังสืออะไรเลย เลยตกเป็นเหยื่อของอีเจ๊คนนี้ (ตอนนี้เครียดมากๆ ร้องไห้ทุกวันเลย)
2. เงินที่จ่ายไปตอนขายที่ 600,000 บาท แล้วเอาเงินให้เจ๊ไป ก็ไม่มีหลักฐานในการจ่ายและรับเงิน แต่ทางพี่สาวมีพยานบุคคลที่ไปด้วย
ว่าให้เงินไปแล้วจะทำยังไงดี
3. ตัวเจ๊ที่รับจำนอง มีเจตนาไม่แจ้ง และไม่ไถ่ที่ดินมาคืนพี่สาว แต่แรกแล้ว เพราะตัวเจ๊แก ย่อมเห็นเอกสารต่างๆ และได้อ่านหมดแล้ว ที่ทนายทำสั่งฟ้อง
*** ณ ตอนนี้ ภายในอาทิตย์นี้ เจ๊มันจะมาเอาอีก 500,000 บาท ไม่งั้นจะยึดที่ ผมควรจะทำยังไงดี พี่สาวตอนนี้ก็เครียดมาก ไม่รู้หนังสือ ไม่รู้อะไรเลย
แล้วก็ไม่บอกเรื่องนี้กับใครเลย จนมาถึงปัจจุบันที่ทราบเรื่องนี้ เพราะเจ๊แกเห็นพี่สาวผม ไม่รู้หนังสือและคงไม่รู้จักใครมากมาย มันถึงจงใจทำแบบนี้
แล้วตอนนี้เจ๊ก็ไม่รู้ว่าผมเอาเอกสารมาให้ทางทนายที่ทำงานดู และรู้เรื่องหมดแล้ว ตอนนี้ผมควรจะทำยังไงดี จะไปต่อสู้ในชั้นศาลยังไงได้บ้าง
หาทางออกหรือหาหน่วยงานใดๆ พอช่วยได้บ้าง รบกวนผู้รู้หรือท่านที่เป็นทนายอ่านเรื่องนี้แล้ว ช่วยแนะนำผมที นึกว่าสงสารพี่สาวผม(ไม่ใช่พี่สาวแท้ๆ) ญาติห่างๆ กัน ที่ไม่รู้หนังสือ ไม่รู้เรื่องอะไรเลย เลยโดนอีเจ๊คนนี้ทำแบบนี้ ช่วยทีครับ
ถูกนายทุนเจตตาโกงที่ดินที่ไปจำนอง จะทำยังไงดี
โดยจำนองที่ดิน 70 ตารางวา ราคาประเมินประมาณ 1 ล้านกว่าบาท แถวฝั่งธนไว้ เมื่อประมาณปี 2545
แต่จำนองไว้เป็นเงิน 250,000 บาท หลังจากจำนองเสร็จแล้ว พี่สาวไม่ได้ส่งทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยเลย
เป็นเวลาประมาณหลาย จนปี 2553 เจ๊ที่รับจำนอง ได้ให้ทนายยื่นฟ้องศาล และมีหมายศาลมาติดไว้ที่หน้าบ้าน
พี่สาว พอพี่สาวเห็นเอกสารก็ไม่รู้ว่าคือเอกสารไร (เพราะพี่สาวไม่รู้หนังสืออ่านไม่ได้และเขียนได้แต่ชื่อตัวเองเท่านั้น)
เพราะผมเองก็ไม่ทราบเรื่องพวกนี้มาก่อนเลย แต่คิดว่า ณ ตอนนั้น คงไปให้ใครดูว่าเป็นเอกสารอะไร คิดว่าคนแถวๆ บ้านคงดู
แต่คงไม่ได้ดูรายละเอียด เพียงแต่บอกว่าเป็นหมายศาลแจ้งมาให้ไปชำระหนี้ หลังจากนั้นพี่สาวก็เก็บเงียบไม่ได้บอกใครๆ
ทั้งหมายศาลนี้ด้วย จนเจ๊ที่รับจำนองได้มีการมาถามและพูดในทำนองข่มขู่ว่า ไม่จ่ายจะยึดที่ดิน จนพี่สาวได้ตัดสินใจขายที่ดินให้บางส่วน
กับเจ้าของบ้านที่อาศัยเช่าที่ดินนี้ไปโดยตัดออกขายบางส่วนไป (ไม่ทราบกี่ตารางวา) ราคา 600,000 บาท
แล้วนัดกับเจ๊ที่รับจำนองไปทำเรื่องแยกโฉนดขายให้กับคนที่ซื้อไป เพราะโฉนดยังเป็นชื่อของเจ้ที่รับจำนองอยู่
พอแยกโฉนดเสร็จ ก็แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ส่วนแรกกับส่วนที่ 3 ยังติดจำนองกับเจ๊อยู่ แต่ส่วนที่ 2 ให้กับคนที่ซื้อที่ดินไปในราคา 600,000 บาท
และเอาเงินสดทั้งหมดให้เจ๊ที่รับจำนองไป เพราะเจ๊บอกว่านี่คือดอกเบี้ยตามจำนวนตั้งแต่ต้นเดือนละ 7,500 บาท ที่เธอไม่ส่งเลยจนถึงปัจจุบัน
ที่ขายแบ่งที่ดิให้คนอื่นไป หลังจากเจ้ได้เงิน 600,000 บาท นั้นเจ๊ก็บอกว่าเป็นแค่ดอกเบี้ยที่เธอไม่จ่ายตั้งแต่แรก ไม่รวมเงินต้น
แล้วเริ่มนับดอกเบี้ยใหม่ เดือนถัดไป หลังจากนั้น พี่สาวก็ไม่ได้จ่ายเหมือนเดิมเพราะไม่สามารถหาเงินมาจ่ายได้จนเวลาล่วงเลยมาถึงปัจจุบันนี้
จนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เจ๊ที่รับจำนองมาบอกว่าจะเอาเงิน 500,000 บาท รวมเงินต้นและดอกเบี้ยทั้งหมดที่เธอไม่จ่ายเลย ตั้งแต่ครั้งที่จ่ายล่าสุดมา 600,000 บาท เมื่อปี 2555 จนถึงปัจจุบัน จ่ายมา 500,000 บาท ไม่งั้นฉันจะฟ้องยึดที่ จนพี่สาวได้โทรหาผมบอกให้ทราบเรื่องนี้ ผมเลยถึงทราบเรื่องราวทั้งหมด
ก็เลยแวะมาที่บ้านพี่สาว เพื่อขอดูเอกสารและหมายศาลที่เก็บไว้ แต่ผมก็ไม่ค่อยรู้เรื่องเอกสารมากเท่าไหร่ เลยเอาไปให้ทนายของบริษัทช่วยดู
โดยพบข้อผิดสังเกตว่า
** ในหมายศาลมีคำสั่งฟ้องประมาณ ปี 2553 โดยมีข้อความว่า ให้จำเลยชำระเงินแก่โจทย์ ทั้งต้นและดอกเบี้ย ตั้งแต่จำเลยขาดส่งรวมเป็นเงินประมาณ
400,000 กว่าบาท เจ๊มันให้ทนายทำสำนวนว่ามันเก็บดอกเบี้ยร้อยละ 15 แต่จริงๆ ไม่ใช่เลย และระบุว่าให้จำเลยชำระเงินให้แก่โจทย์ตามยอดนี้ หากโจทย์ยังไม่ชำระเงินก็ให้คิดดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี จนกว่าจำเลยจะนำเงินมาชำระ พอทนายที่ทำงานอ่านแล้ว ก็ถามว่า ไหนว่าไปจ่ายมาแล้ว 600,000 บาท ที่ขายที่ไปไง แล้วทำไมเจ๊คนนี้ ถึงจะมาเอาอีก 500,000 บาท ก็จ่ายตามคำสั่งศาลไปแล้วนิ 600,000 บาทเนี่ย ก็เกินจากจำนวนที่หมายศาลระบุมาอีก ผมเองก็ยังตกใจ ตอนนี้มีปัญหาคือ เจ๊คนนี้มีเจตนาตั้งแต่แรกแล้ว ว่าไม่สุจริต จงใจที่จะยึดที่ดิน เพราะตอนที่เราไปตัดที่ดินขาย ก็หลายจากได้รับหมายศาลอันนี้แล้วประมาณเกือบ 2 ปี จากที่ศาลแจ้งให้ชำระ 400,000 กว่าบาท รวมดอกเบี้ย แต่หากคิดดอกร้อยละ 15 จากหมายศาลจนที่วันที่เราไปขายที่แบ่งให้กับเจ้าของบ้านที่อาศัยเช่าที่ดินเราเป็นเงิน 600,000 บาท แล้วให้เงินเจ๊ไปตั้งแต่วันนั้น แจ่เจ๊ไม่ยอมทำตามหมายศาล ไม่ยอมไถ่โฉนดและไม่ยอมแจ้งใดๆ กับฝ่ายที่เกี่ยวข้องว่าเรามีการชำระเงินแล้ว ตามที่ศาลสั่งให้ชำระ ด้วยเหตุผลใดๆ ไม่รู้ จนถึงปัจจุบันนี้ จะมาเอาอีก 500,000 บาท ไม่งั้นจะยึดที่
ณ ตอนนี้ปัญหาของผมก็คือ
1. พี่สาวไม่รู้หนังสืออะไรเลย เลยตกเป็นเหยื่อของอีเจ๊คนนี้ (ตอนนี้เครียดมากๆ ร้องไห้ทุกวันเลย)
2. เงินที่จ่ายไปตอนขายที่ 600,000 บาท แล้วเอาเงินให้เจ๊ไป ก็ไม่มีหลักฐานในการจ่ายและรับเงิน แต่ทางพี่สาวมีพยานบุคคลที่ไปด้วย
ว่าให้เงินไปแล้วจะทำยังไงดี
3. ตัวเจ๊ที่รับจำนอง มีเจตนาไม่แจ้ง และไม่ไถ่ที่ดินมาคืนพี่สาว แต่แรกแล้ว เพราะตัวเจ๊แก ย่อมเห็นเอกสารต่างๆ และได้อ่านหมดแล้ว ที่ทนายทำสั่งฟ้อง
*** ณ ตอนนี้ ภายในอาทิตย์นี้ เจ๊มันจะมาเอาอีก 500,000 บาท ไม่งั้นจะยึดที่ ผมควรจะทำยังไงดี พี่สาวตอนนี้ก็เครียดมาก ไม่รู้หนังสือ ไม่รู้อะไรเลย
แล้วก็ไม่บอกเรื่องนี้กับใครเลย จนมาถึงปัจจุบันที่ทราบเรื่องนี้ เพราะเจ๊แกเห็นพี่สาวผม ไม่รู้หนังสือและคงไม่รู้จักใครมากมาย มันถึงจงใจทำแบบนี้
แล้วตอนนี้เจ๊ก็ไม่รู้ว่าผมเอาเอกสารมาให้ทางทนายที่ทำงานดู และรู้เรื่องหมดแล้ว ตอนนี้ผมควรจะทำยังไงดี จะไปต่อสู้ในชั้นศาลยังไงได้บ้าง
หาทางออกหรือหาหน่วยงานใดๆ พอช่วยได้บ้าง รบกวนผู้รู้หรือท่านที่เป็นทนายอ่านเรื่องนี้แล้ว ช่วยแนะนำผมที นึกว่าสงสารพี่สาวผม(ไม่ใช่พี่สาวแท้ๆ) ญาติห่างๆ กัน ที่ไม่รู้หนังสือ ไม่รู้เรื่องอะไรเลย เลยโดนอีเจ๊คนนี้ทำแบบนี้ ช่วยทีครับ