แสงจันทร์สว่างสาดส่องมาภายในห้อง ลมเทะเลพัดเอื่อยๆ ทำให้ผ้าม่านประตูระเบียงบ้านพักหลังน้อยพริ้มสะบัด ลมหายใจแห่งความสุขสมต่างราดรดบนร่างอันเปลือยเปล่าของกันและกัน ท่อนแขนเรียวยาวของแขตระกองกอดเรือนร่างบอบบางของสุเอาไว้ ดวงตาสุกใสเป็นประกายทั้งสองคู่ต่างมองออกไปยังนอกระเบียง มองไปยังผืนทราย พื้นน้ำ ท้องทะเลแห่งดวงดาว และจันทร์กระจ่างพราวเหนือฝากฟ้าไร้หมู่เมฆ
หยดน้ำน้อยไหลมาจากดวงตาของสุ มันเป็นหยาดน้ำแห่งความสุขปนเศร้า นิ้วเรียวของแขค่อยๆปาดเช็ดหยดน้ำตานั้นอย่างอ่อนโยน สุค่อยหันมาหาเจ้าของอ้อมกอดนั้น แต่ความรู้สึกของเธอนั้นไม่อาจจะซ่อนไว้ใต้ใบหน้าอันไร้เดียงสานั้น รอยยิ้มทั้งน้ำตาของสุริยงค์ ไม่อาจปกปิดความรู้สึกส่วนลึกภายในใจให้แขไข เพื่อนสนิทของเธอได้
"เป็นอะไรไปเหรอสุ"
สุส่ายหน้าเหมือนบอกว่าไม่มีอะไร แต่มีหรือที่เพื่อนสนิทอย่างแขจะไม่รู้ เธอคิดว่าการเผลอตัวเผลอใจของเธอทั้งคู่ในคืนนี้ทำให้คนที่เธอรักลำบากใจ
"มันคงเป็นความผิดของแขเองที่ปล่อยให้....."
นิ้วมือน้อยยกขึ้นมาประทับบนริ้วฝีปากเรียวอิ้มของแขไข เหมือนจะบอกเป็นนัยๆว่านี่ไม่ใช่ความผิดของเธอเลย
หยิงสาวทั้งสองมองตากันและกันโดยไม่พูดอะไร เสียงหัวใจของทั้งคู่เต้นดังจนกลบเสียงคลื่นทะเลไว้ เนื้อกายเปลือยเปล่าที่กอดรัดแนบแน่นของร่างทั้งสองร้อนผ่าวขึ้นมา เนินเนื้อนั้นไม่มีสิ่งใดเลยจะขวางกันเสียงหัวใจของคนสองบีบรัดอยู่ภายในกายแต่ก็สื่อไปยังอีกกายที่อยู่ในอ้อมกอดนั้นได้ไม่ยากเลย
"ขอบคุณนะแข ที่ทำให้สุรู้จักหัวใจตัวเอง"
รอยยิ้มนั้นค่อยๆเติมเต็มความสุขในหัวใจให้กับแขไข และถึงแม้จะรู้ดีว่าความสุขในค่ำคืนนี้จะมลายหายไปเมื่อฟ้าสาง
"เราชื่อสุนะ มาเป็นเพื่อนกันนะจ้ะ"
ความทรงจำในวัยเด็กที่ยังคงตราตรึงอยู่ ความทรงจำแรกที่จำได้ เด็กหญิงแขไข ชั้นอนุบาลหนึ่งกำลังร้องไห้อยู่ที่ชิงช้า และมีเด็กหยิงสุริยงค์เดินเข้ามาหาเพื่อขอเป็นเพื่อน จวบจนวันนั้น ทั้งสองก็ไม่เคยแยกจากกันไปไหนเลย จากอนุบาล ถึงประถม ถึงชั้นมัธยมหรือระดับมหาวิทยาลัย ทั้งสองก็ไม่เคยจากกัน
สุและแขกลายเป็นเพื่อนสนิท
และเป็นเพื่อนสนิทที่ไม่เคยรู้หัวใจของกันและกันเลย
ความรู้สึกนั้นไม่สามารถบอกได้เป็นคำพูด และแม้แต่ความคิดก็ไม่อาจที่จะจินตนาการได้
"แขลองจับมันดูสิ"
สุริยงค์จับมือของแขไขมาทาบทับหน้าอกอันกระทัดรัดของตัวเอง ทำให้แขไขสัมผัสได้ถึงหัวใจที่เต้นแรงและผิวเนินเนื้ออันร้อนฉ่า จากนั้น สุริยงค์จึงหลั่งน้ำตาออกมาอีกหน
"สุ....สุไม่เคยเป็นแบบนี้ต่อหน้าพี่เมฆเลย ไม่เคยเลยซักครั้ง"
แขไขดึงร่างอันบอกบางนั้นเข้ามากอดไว้แนบกับตัว มืออันเรียวสวยของเธอลูบไล้เรือนผมสลวนของผู้หญิงอันเป็นที่รักเพื่อจะปลอบใจให้หายเศร้า
"ไม่ต้องกลัว สุไม่ได้ทำอะไรผิดหรอกนะ"
เสียงสะอื้นพลันจางหายไป เป็นความจริงที่สุริยงค์ไม่เคยมีรักฉันชู้สาวให้เมฆา ผู้เป็นคู่หมั้นคู่หมายตั้งแต่เล็ก ตลอดเวลาสุริยง๕ืมองคู่หมั้นของเธอเป็นพี่ชายที่แสนดีมาโดยตลอด โดยที่เพื่อนสนิทอย่างแขไขก็รู้ความจริงนี้ดีโดยตลอด
แต่แล้ววันนั้นก็มาถึง เมื่อสุริยงค์เข้าพิธีรับพระราชทานปริญญาบัตร นั่นหมายความว่าในอีกสามเดือน การแต่งงานระหว่างเมฆากับสุริยงค์จะมีขึ้นตามคำสัญญาที่ให้ไว้ระหว่างผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย มันทำให้สุริยงค์รู้สึกใจหายเพราะมันหมายถึงสถานะที่มีแต่เมฆาที่เป็นเหมือนพี่ชายจะเปลี่ยนไปตลอดชีวิต
และสำหรับแขไขมันรู้สึกเหมือนบางสิ่งในหัวใจได้พังทลายลงโดยที่แม้แต่เจ้าตัวเองก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไรเหมือนกัน
และในช่วงเวลาที่เหลือของสุริยงค์ เพื่อปลอบประโลมความรู้สึกของตัวเอง เธอเลือกที่จะไปพักใจกับเพื่อนสนิทอย่างแขไขที่คบกันมาตั้งแต่เด็ก
และเหมือนน้ำฟ้าชะโลมหัวใจ แขไขตอบตกลงไปโดยไม่เสียเวลาคิด
หญิงสาวทั้งสองคนออกเดินทางท่องเที่ยวไปในฐานะเพื่อนสนิท
สุริยงค์หญิงสาวบอบบางสดใสประดุจดวงตะวัน
ส่วนแขไขนั้น สวยงามลึกลับเหมือนดวงจันทร์ยามค่ำคืน
จุดหมายปลายทางของทริปสุดท้ายของสองสาวคือเกาะทะเลใต้อันสวยงาม ซึ่งไม่รู้ว่าจะด้วยความจงใจหรือเหตุบังเอิญ โชคชะตาได้พาสองสาวที่ไม่รู้แม้แต่หัวใจของตัวเองให้มาพบพานกันบรรยากาศที่จะเปิดเผยความจริงในหัวใจให้กันและกันได้รับรู้
หาดทรายขาว
ทะเลใส
ผืนฟ้าสีคราวภายใต้ดวงอาทิตย์
และหมู่ดาวนับล้านท่ามกลางดวงจันทร์บนฟ้า
ก็เพียงพอสำหรับหัวใจสองดวงให้เปิดเผยความจริงภายในของกันและกัน
หัวใจของสุริยงค์พองโตเมื่อมีแขไขอยู่ใกล้
ส่วนตัวแขไขก็อยากโอบกอดสุริยงค์ไม่ให้ห่างกาย
โดยที่ทั้งสองคนไม่รู้ตัว
ความสุขที่ทั้งสองได้รับจากกันและกันนั้นมันสวยงามและแปลกใหม่โดยที่เจ้าตัวไม่เคยรู้มาก่อน
ทุกคำถาม ทุกข้อสงสัย ได้ต่อสู้กับความรู้สึกในหัวใจ
ว่านี่มันคือความรักหรือเปล่า
ก่อนตะวันจะลับฟ้า ในวันสุดท้ายของการเดินทางสุดพิเศษ สองสาวสั่งจัดโต๊ะเรียบหรู พร้อมกับไวน์ชั้นเลิศ ทั้งสองดื่มด่ำกับบรรยากาศยาวเย็นบนหาดทรายขาว สายลมอุ่นๆจากทะเลพัดลอยราวกับจะพัดเอากำแพงที่ขวางกั้นใจทั้งสองให้ทลายลง
"สุ แขไม่รู้ว่าจะบอกสุดีหรือเปล่า แขกลัว"
"แข เป็นอะไรรึเปล่า แขบอกสุได้นะ"
ถึงแม้ว่าสุริยงค์จะว่าอย่างนั้น แต่แขไขก็ยังคงลังเล
เธอลังเลว่าหากเธอพุดสิ่งที่อยู่ในใจออกไป เธออาจจะเสียเพื่อน เสียผู้หญิงที่เธอรักที่สุดไปก้ได้
"เปล่า ไม่มีอะไรหรอก"
แขไขทิ้งโอกาศนี้ไป เธอเจ็บปวดหัวใจอยู่ลึกๆ
เธอปล่อยให้เวลาล่วงเลยจนถึงหัวค่ำ ของคืนสุดท้ายที่การเดินทางนี้จะจบลง
แต่เธอก็ตัดสินใจทำมันจนได้
เมื่อสุริยงค์เดินออกมาหลังจากอาบน้ำเสร็จ แขไขที่รอยู่ก่อนแล้วได้โอบกอดเธอจากด้านหลัง
"แขเล่นอะไรเป็นเด็กๆไปได้"
สุริยงค์คิดว่าเพื่อนของเธอนั้นแค่หยอกเล่น แต่คราวนี้แขไขกลับเงียบไม่หัวเราะเหมือนทุกครั้ง
"สุ แขรักสุนะ"
แขไขกระวิบเบาๆข้างหูของหญิงสาวที่ตกอยู่ในอ้อมกอดของเธอ ฉับพลันสุริยงค์เหมือนตกอยู่ในภวังค์ ภายในหัวสมองมันโล่งไปหมด หัวใจก็สั่นระรัวอย่างไม่ทราบสาเหตุ
คำว่ารักจากปากของแขไข มันเหมือนกับว่าสุริยงค์นั้นเฝ้ารอคำนี้จากเพื่อนสนิทของเธอมานานแสนนาน
ผ้าเช็ดตัวร่วงหลุดออกจากกายทั้งสอง ร่างระหงของแขไขค่อยตะกองร่างบางกะทัดรันของสุริยงค์ลงนอนบนเตียงอย่างอ่อนโยน
เหมือนโลกทั้งโลกหยุดหมุน ทุกๆสิ่งรอบตัวล้วนว่างเปล่า ร่างกายขาวเนียนของเธอทั้งสองที่ไร้ซึ่งอาภรณ์ใดๆ ที่จะมาร้อยรัดร่างกายที่เต็มไปด้วยความปรารถนาอันเร่าร้อนของหัวใจได้
สองมือ สองแขนต่างลูบไล้ร่างกายซึ่งกันและกัน ลมหายใจแห่งรักของสุริยงค์ ราดรดต้นคอของแขไข จะร่างระหงสั่นสะท้านไปทั้งกาย และทั่วสรรพางค์ของเรือนร่านร่าง ไม่มีส่วนไหนเลยที่จะไม่ถูกสัมผัสอันเร่าร้อนของกันและกัน
ความเร่าร้อนดั่งไฟของหัวใจปรารถนา หยาดหยดแห่งความสุขในรสรักนั้นสาดกระเซ็นเหมือนสายฝน
หัวใจที่ปล่อยไปตามความปรารถนาเริ่มตกเป็นข้าของเหตุผลเมื่อ รสรักที่มีแก่กันของหญิงสาวทั้งสองจบลง ที่สายตาที่จ้องมองกันภายใต้อ้อมกอดของกันและกัน
"สุเพิ่งรู้ใจตัวเองว่าความรู้สึกที่มีต่อแขมันมากเกินกว่าคำว่าเพื่อน"
"แขก็เหมือนกัน ที่ผ่านมาแขก็ไม่ค่อยแน่ใจ แต่เมื่อรู้แล้วอยากจะบอก แขก็กลัวจะเสียสุไป"
น้ำตาของสุริยงค์ไหลอาบสองแก้มเนียนอีกครั้ง
"สุกลัว สุทำผิดต่อพี่เมฆ สุทำผิดต่อครอบครัว แต่ มันก็หมายถึงสุจะเสียแขไป"
ความกลัวของสุริยงค์นั้นแขไขเข้าใจดี เธอดึงร่างบางนั้นมากอดอีกครั้ง เสียงกระซิบอันอบอุ่นนั้น นำมาซึ่งรสจูบอันเร้าร้อนและตราตรึง
"แขจะอยู่เคียงข้างสุนะ ต่อให้นี้เป็นคืนสุดท้ายของเราทั้งคู่ แขก็จะอยู่เคียงข้างสุนะคะ"
ไม่มีคำพูดอะไรอีกแล้ว ภาษากายของหญิงสาวได้ปรนเปรอความสุขให้แก่กันและกัน ราวกับว่า
นี่เป็นคืนแรกและอาจจะเป็นคืนสุดท้ายของทั้งสองคน
...................................................
ผมลองแต่งเพื่อลองงานเขียน รูปแบบ สำนวนใหม่ๆ ซึ่งบางคำอาจจะพิมพ์ผิด ก็ขออภัยด้วยนะครับ ยังไงก็ฝากคอมเม้น ทั้งติหรือชมได้ทุกรูปแบบ แล้วก็ไม่รู้ว่าเรื่องที่ผมเขียนมันจะน่าเกลียดเกินไปรึเปล่ากับฉากอัศจรรย์
(ทดลองงานเขียนใหม่ๆ) (Yuri)(18+)(เรื่องสั้น) คืนสุดท้าย
หยดน้ำน้อยไหลมาจากดวงตาของสุ มันเป็นหยาดน้ำแห่งความสุขปนเศร้า นิ้วเรียวของแขค่อยๆปาดเช็ดหยดน้ำตานั้นอย่างอ่อนโยน สุค่อยหันมาหาเจ้าของอ้อมกอดนั้น แต่ความรู้สึกของเธอนั้นไม่อาจจะซ่อนไว้ใต้ใบหน้าอันไร้เดียงสานั้น รอยยิ้มทั้งน้ำตาของสุริยงค์ ไม่อาจปกปิดความรู้สึกส่วนลึกภายในใจให้แขไข เพื่อนสนิทของเธอได้
"เป็นอะไรไปเหรอสุ"
สุส่ายหน้าเหมือนบอกว่าไม่มีอะไร แต่มีหรือที่เพื่อนสนิทอย่างแขจะไม่รู้ เธอคิดว่าการเผลอตัวเผลอใจของเธอทั้งคู่ในคืนนี้ทำให้คนที่เธอรักลำบากใจ
"มันคงเป็นความผิดของแขเองที่ปล่อยให้....."
นิ้วมือน้อยยกขึ้นมาประทับบนริ้วฝีปากเรียวอิ้มของแขไข เหมือนจะบอกเป็นนัยๆว่านี่ไม่ใช่ความผิดของเธอเลย
หยิงสาวทั้งสองมองตากันและกันโดยไม่พูดอะไร เสียงหัวใจของทั้งคู่เต้นดังจนกลบเสียงคลื่นทะเลไว้ เนื้อกายเปลือยเปล่าที่กอดรัดแนบแน่นของร่างทั้งสองร้อนผ่าวขึ้นมา เนินเนื้อนั้นไม่มีสิ่งใดเลยจะขวางกันเสียงหัวใจของคนสองบีบรัดอยู่ภายในกายแต่ก็สื่อไปยังอีกกายที่อยู่ในอ้อมกอดนั้นได้ไม่ยากเลย
"ขอบคุณนะแข ที่ทำให้สุรู้จักหัวใจตัวเอง"
รอยยิ้มนั้นค่อยๆเติมเต็มความสุขในหัวใจให้กับแขไข และถึงแม้จะรู้ดีว่าความสุขในค่ำคืนนี้จะมลายหายไปเมื่อฟ้าสาง
"เราชื่อสุนะ มาเป็นเพื่อนกันนะจ้ะ"
ความทรงจำในวัยเด็กที่ยังคงตราตรึงอยู่ ความทรงจำแรกที่จำได้ เด็กหญิงแขไข ชั้นอนุบาลหนึ่งกำลังร้องไห้อยู่ที่ชิงช้า และมีเด็กหยิงสุริยงค์เดินเข้ามาหาเพื่อขอเป็นเพื่อน จวบจนวันนั้น ทั้งสองก็ไม่เคยแยกจากกันไปไหนเลย จากอนุบาล ถึงประถม ถึงชั้นมัธยมหรือระดับมหาวิทยาลัย ทั้งสองก็ไม่เคยจากกัน
สุและแขกลายเป็นเพื่อนสนิท
และเป็นเพื่อนสนิทที่ไม่เคยรู้หัวใจของกันและกันเลย
ความรู้สึกนั้นไม่สามารถบอกได้เป็นคำพูด และแม้แต่ความคิดก็ไม่อาจที่จะจินตนาการได้
"แขลองจับมันดูสิ"
สุริยงค์จับมือของแขไขมาทาบทับหน้าอกอันกระทัดรัดของตัวเอง ทำให้แขไขสัมผัสได้ถึงหัวใจที่เต้นแรงและผิวเนินเนื้ออันร้อนฉ่า จากนั้น สุริยงค์จึงหลั่งน้ำตาออกมาอีกหน
"สุ....สุไม่เคยเป็นแบบนี้ต่อหน้าพี่เมฆเลย ไม่เคยเลยซักครั้ง"
แขไขดึงร่างอันบอกบางนั้นเข้ามากอดไว้แนบกับตัว มืออันเรียวสวยของเธอลูบไล้เรือนผมสลวนของผู้หญิงอันเป็นที่รักเพื่อจะปลอบใจให้หายเศร้า
"ไม่ต้องกลัว สุไม่ได้ทำอะไรผิดหรอกนะ"
เสียงสะอื้นพลันจางหายไป เป็นความจริงที่สุริยงค์ไม่เคยมีรักฉันชู้สาวให้เมฆา ผู้เป็นคู่หมั้นคู่หมายตั้งแต่เล็ก ตลอดเวลาสุริยง๕ืมองคู่หมั้นของเธอเป็นพี่ชายที่แสนดีมาโดยตลอด โดยที่เพื่อนสนิทอย่างแขไขก็รู้ความจริงนี้ดีโดยตลอด
แต่แล้ววันนั้นก็มาถึง เมื่อสุริยงค์เข้าพิธีรับพระราชทานปริญญาบัตร นั่นหมายความว่าในอีกสามเดือน การแต่งงานระหว่างเมฆากับสุริยงค์จะมีขึ้นตามคำสัญญาที่ให้ไว้ระหว่างผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย มันทำให้สุริยงค์รู้สึกใจหายเพราะมันหมายถึงสถานะที่มีแต่เมฆาที่เป็นเหมือนพี่ชายจะเปลี่ยนไปตลอดชีวิต
และสำหรับแขไขมันรู้สึกเหมือนบางสิ่งในหัวใจได้พังทลายลงโดยที่แม้แต่เจ้าตัวเองก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไรเหมือนกัน
และในช่วงเวลาที่เหลือของสุริยงค์ เพื่อปลอบประโลมความรู้สึกของตัวเอง เธอเลือกที่จะไปพักใจกับเพื่อนสนิทอย่างแขไขที่คบกันมาตั้งแต่เด็ก
และเหมือนน้ำฟ้าชะโลมหัวใจ แขไขตอบตกลงไปโดยไม่เสียเวลาคิด
หญิงสาวทั้งสองคนออกเดินทางท่องเที่ยวไปในฐานะเพื่อนสนิท
สุริยงค์หญิงสาวบอบบางสดใสประดุจดวงตะวัน
ส่วนแขไขนั้น สวยงามลึกลับเหมือนดวงจันทร์ยามค่ำคืน
จุดหมายปลายทางของทริปสุดท้ายของสองสาวคือเกาะทะเลใต้อันสวยงาม ซึ่งไม่รู้ว่าจะด้วยความจงใจหรือเหตุบังเอิญ โชคชะตาได้พาสองสาวที่ไม่รู้แม้แต่หัวใจของตัวเองให้มาพบพานกันบรรยากาศที่จะเปิดเผยความจริงในหัวใจให้กันและกันได้รับรู้
หาดทรายขาว
ทะเลใส
ผืนฟ้าสีคราวภายใต้ดวงอาทิตย์
และหมู่ดาวนับล้านท่ามกลางดวงจันทร์บนฟ้า
ก็เพียงพอสำหรับหัวใจสองดวงให้เปิดเผยความจริงภายในของกันและกัน
หัวใจของสุริยงค์พองโตเมื่อมีแขไขอยู่ใกล้
ส่วนตัวแขไขก็อยากโอบกอดสุริยงค์ไม่ให้ห่างกาย
โดยที่ทั้งสองคนไม่รู้ตัว
ความสุขที่ทั้งสองได้รับจากกันและกันนั้นมันสวยงามและแปลกใหม่โดยที่เจ้าตัวไม่เคยรู้มาก่อน
ทุกคำถาม ทุกข้อสงสัย ได้ต่อสู้กับความรู้สึกในหัวใจ
ว่านี่มันคือความรักหรือเปล่า
ก่อนตะวันจะลับฟ้า ในวันสุดท้ายของการเดินทางสุดพิเศษ สองสาวสั่งจัดโต๊ะเรียบหรู พร้อมกับไวน์ชั้นเลิศ ทั้งสองดื่มด่ำกับบรรยากาศยาวเย็นบนหาดทรายขาว สายลมอุ่นๆจากทะเลพัดลอยราวกับจะพัดเอากำแพงที่ขวางกั้นใจทั้งสองให้ทลายลง
"สุ แขไม่รู้ว่าจะบอกสุดีหรือเปล่า แขกลัว"
"แข เป็นอะไรรึเปล่า แขบอกสุได้นะ"
ถึงแม้ว่าสุริยงค์จะว่าอย่างนั้น แต่แขไขก็ยังคงลังเล
เธอลังเลว่าหากเธอพุดสิ่งที่อยู่ในใจออกไป เธออาจจะเสียเพื่อน เสียผู้หญิงที่เธอรักที่สุดไปก้ได้
"เปล่า ไม่มีอะไรหรอก"
แขไขทิ้งโอกาศนี้ไป เธอเจ็บปวดหัวใจอยู่ลึกๆ
เธอปล่อยให้เวลาล่วงเลยจนถึงหัวค่ำ ของคืนสุดท้ายที่การเดินทางนี้จะจบลง
แต่เธอก็ตัดสินใจทำมันจนได้
เมื่อสุริยงค์เดินออกมาหลังจากอาบน้ำเสร็จ แขไขที่รอยู่ก่อนแล้วได้โอบกอดเธอจากด้านหลัง
"แขเล่นอะไรเป็นเด็กๆไปได้"
สุริยงค์คิดว่าเพื่อนของเธอนั้นแค่หยอกเล่น แต่คราวนี้แขไขกลับเงียบไม่หัวเราะเหมือนทุกครั้ง
"สุ แขรักสุนะ"
แขไขกระวิบเบาๆข้างหูของหญิงสาวที่ตกอยู่ในอ้อมกอดของเธอ ฉับพลันสุริยงค์เหมือนตกอยู่ในภวังค์ ภายในหัวสมองมันโล่งไปหมด หัวใจก็สั่นระรัวอย่างไม่ทราบสาเหตุ
คำว่ารักจากปากของแขไข มันเหมือนกับว่าสุริยงค์นั้นเฝ้ารอคำนี้จากเพื่อนสนิทของเธอมานานแสนนาน
ผ้าเช็ดตัวร่วงหลุดออกจากกายทั้งสอง ร่างระหงของแขไขค่อยตะกองร่างบางกะทัดรันของสุริยงค์ลงนอนบนเตียงอย่างอ่อนโยน
เหมือนโลกทั้งโลกหยุดหมุน ทุกๆสิ่งรอบตัวล้วนว่างเปล่า ร่างกายขาวเนียนของเธอทั้งสองที่ไร้ซึ่งอาภรณ์ใดๆ ที่จะมาร้อยรัดร่างกายที่เต็มไปด้วยความปรารถนาอันเร่าร้อนของหัวใจได้
สองมือ สองแขนต่างลูบไล้ร่างกายซึ่งกันและกัน ลมหายใจแห่งรักของสุริยงค์ ราดรดต้นคอของแขไข จะร่างระหงสั่นสะท้านไปทั้งกาย และทั่วสรรพางค์ของเรือนร่านร่าง ไม่มีส่วนไหนเลยที่จะไม่ถูกสัมผัสอันเร่าร้อนของกันและกัน
ความเร่าร้อนดั่งไฟของหัวใจปรารถนา หยาดหยดแห่งความสุขในรสรักนั้นสาดกระเซ็นเหมือนสายฝน
หัวใจที่ปล่อยไปตามความปรารถนาเริ่มตกเป็นข้าของเหตุผลเมื่อ รสรักที่มีแก่กันของหญิงสาวทั้งสองจบลง ที่สายตาที่จ้องมองกันภายใต้อ้อมกอดของกันและกัน
"สุเพิ่งรู้ใจตัวเองว่าความรู้สึกที่มีต่อแขมันมากเกินกว่าคำว่าเพื่อน"
"แขก็เหมือนกัน ที่ผ่านมาแขก็ไม่ค่อยแน่ใจ แต่เมื่อรู้แล้วอยากจะบอก แขก็กลัวจะเสียสุไป"
น้ำตาของสุริยงค์ไหลอาบสองแก้มเนียนอีกครั้ง
"สุกลัว สุทำผิดต่อพี่เมฆ สุทำผิดต่อครอบครัว แต่ มันก็หมายถึงสุจะเสียแขไป"
ความกลัวของสุริยงค์นั้นแขไขเข้าใจดี เธอดึงร่างบางนั้นมากอดอีกครั้ง เสียงกระซิบอันอบอุ่นนั้น นำมาซึ่งรสจูบอันเร้าร้อนและตราตรึง
"แขจะอยู่เคียงข้างสุนะ ต่อให้นี้เป็นคืนสุดท้ายของเราทั้งคู่ แขก็จะอยู่เคียงข้างสุนะคะ"
ไม่มีคำพูดอะไรอีกแล้ว ภาษากายของหญิงสาวได้ปรนเปรอความสุขให้แก่กันและกัน ราวกับว่า
นี่เป็นคืนแรกและอาจจะเป็นคืนสุดท้ายของทั้งสองคน
...................................................
ผมลองแต่งเพื่อลองงานเขียน รูปแบบ สำนวนใหม่ๆ ซึ่งบางคำอาจจะพิมพ์ผิด ก็ขออภัยด้วยนะครับ ยังไงก็ฝากคอมเม้น ทั้งติหรือชมได้ทุกรูปแบบ แล้วก็ไม่รู้ว่าเรื่องที่ผมเขียนมันจะน่าเกลียดเกินไปรึเปล่ากับฉากอัศจรรย์