ข้อดีของการเป็นมนุษย์เงินเดือน แบบที่ไม่ต้องมโน หรือโลกสวย by เจ้ป้า หน้าออฟฟิศ

1st May, 2016 at 11.19 PM.

ว่าด้วยเรื่องข้อดี ที่จะทำให้ความสุขของมนุษย์เงินเดือนเบ่งบาน

อาชีพนี้ในยุคนี้อาจมีคนยี้ไม่น้อย แบบว่า มันไม่ฮิปสเตอร์เอาซะเลยค่ะป้าขา หนูขอบาย มันไม่ใช่ไลฟ์สไตล์ที่ใช่สำหรับหนู

อ๊ะ อ๊ะ ช้าก่อนค่ะลูกขา อย่าเพิ่งอคติกับอาชีพที่รักยิ่งของเจ้ป้า เจ้ป้าเองนั้นก็เคยผ่านความคิดและความฝันทำนองเดียวกันกับหนูมาแล้วค่ะ แต่ยิ่งผ่านไปนานหลายปี หลายๆอย่างก็ตกผลึกมากขึ้น ป้าเข้าใจสัจธรรมของโลกนี้มากขึ้น สำหรับคนเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อแบบเจ้ป้า คือทนแดดไม่ได้ ทนร้อนไม่ได้ นั่งฟังอะไรนาน ๆ ก็พาลจะหลับ ครั้นพอจะขยับก็เอาแต่เลื่อนฟีดบนเฟซบุค เพราะฉะนั้น อาชีพที่จะทำให้ป้าแอคทีฟที่สุดในวัยกลางคนเช่นนี้ ก็เห็นจะมีแต่พนักงานออฟฟิศนี่แหละค่ะ  มันเป็นไฟท์บังคับค่ะลูกขา เห็นใจป้าด้วย เพราะฝรั่งหัวแดงนายป้า ชอบมาเร่งงานยิกๆ ถ้าป้ามัวแต่อืดอาดยืดยาดส่งงานไม่ทันใจฮี มีหวังคงได้ไปใช้ชีวิตสโลว์ไลฟ์ก่อนบั้นปลายแน่ๆ

เมื่อคิดได้ดังนั้น ป้าก็ปรับวิธีคิดเสียใหม่ หรือที่ใคร ๆ เรียกว่าทัศนคตินั่นล่ะค่ะ

ขอบอกก่อนนะคะ ว่าการปรับทัศนคติของเจ้ป้าไม่ได้เกิดจากการโดนท่านผู้นำเชิญไปแต่อย่างใด แต่เกิดจากพื้นฐานของสิ่งนั้นจริงๆ สิ่งที่ป้าได้เห็น ได้รับรู้ ได้รับมัน และเรียกมันว่า “ความสุข” ได้อย่างเต็มภาคภูมิใจ โดยไม่ต้องใช้วิธีมโนหรือทำโลกให้สวยแต่อย่างใด

จากการเป็นมนุษย์ป้าที่พัฒนาแล้ว ป้าขออนุญาตแชร์ความสุขง่าย ๆ ที่ไม่ต้องออกไปตามหาที่ไหน แค่มองไปรอบ ๆ ออฟฟิศก็เจอ ให้พวกเธอได้ Get Idea (ออกตัวก่อนนะคะ ป้าไม่ได้คิดว่าจะต้องมีกี่ข้อ ถึงจะประทับใจคนอ่าน ป้าแค่นั่งคิด นั่งนึก นั่งพิจารณาจากประสบการณ์ที่ผ่านมาเนิ่นนาน บานเท่าหน้าของป้าแค่นั้นเองค่ะ)

1.    รายได้ ข้อนี้ขอหยิบมาขยี้ซ้ำ ให้เคลียร์เพิ่มเติมจากความเดิมตอนที่แล้ว ดั่งที่ป้าบอกไปแต่ต้น เมื่อป้าทำตัวเป็นพนักงานมีประสิทธิภาพที่มีวิวัฒนาการแล้ว ป้าจึงมีรายได้ตรงนี้เป็นที่น่าพึงพอใจ ใช้จ่ายอะไรไม่ติดขัด อยากกินปูไข่ก็ได้กิน หรืออยากพาแม่ไปนั่งชิลกินร้านอาหารแพงๆดีๆ ก็ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด

ใช่ค่ะ แม้เงินจะซื้อความสุขไม่ได้ แต่เงินซื้อความสะดวกสบายให้เราได้ และทำให้เราได้ใช้ชีวิตอย่างที่เราอยากจะเป็น ไม่ต้องกระเหม็ดกระแหม่กลัวว่าเงินจะไม่พอใช้ตอนปลายเดือนค่ะลูกขา

เวลาครึ้มอกครึ้มใจก็ไปชอปเครื่องสำอางตามเคาน์เตอร์แบรนด์ หรือซื้อกระเป๋าเก๋ๆสักใบไว้เป็นของขวัญวันเกิดตัวเอง ก็ไม่รู้สึกผิดแต่อย่างใด เพราะป้าไม่ได้เบียดเบียนตัวเอง ป้าซื้อในขอบเขตที่ป้าซื้อได้ ไม่ได้มีหนี้สินอิรุงตุงนังจากการใช้เงินเกินตัว

เห็นไม๊คะ รายได้จากการเป็นมนุษย์เงินเดือนแบบป้านั้นมันก็ไม่เลวเลยทีเดียว ป้ามีอิสระทางการเงินพอสมควร อยากใช้ อยากเที่ยว อยากแฮงค์เอาท์แบบไหน อะไรยังไงก็ได้ แบ่บว่า…แม้ป้าจะไม่สวยไม่รวยเว่อร์ แต่ป้าก็มีความสุขตามอัตภาพชนชั้นกรรมาชีพอยู่พอควรเลยล่ะค่ะ

2.    วันหยุด วันที่เจ้ป้านั่งเขียนเรื่องนี้นั้น เป็นวันอาทิตย์ที่ 1 พฤษภาคม เวลาประมาณห้าทุ่มกว่า จนเที่ยงคืนแล้วก็ยังเกลาไม่เสร็จต้องขอตัวไปนอนในขณะที่ความคิดในหัวยังตีกันวุ่นวาย คือเขียนออกมาไม่ได้แล้ว เพราะความคิดมันอลหม่านแย่งกันจะพุ่งออกมา การไปนอนพักผ่อนสายตาจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในเวลานั้น

แล้วมันเกี่ยวอะไรกับวันหยุดคะป้า !!

อ้าววว… หนูขา คือป้าแค่อยากโชว์ว่าป้านอนดึกคืนวันอาทิตย์ได้ เพราะวันจันทร์ป้าไม่ต้องไปทำงานค่ะ บริษัทหยุดชดเชยเนื่องในวันแรงงานให้ คิคิ แล้วแถมไม่พอ วันศุกร์หน้าป้าก็ได้หยุดอีกนะคะลูกขา อาทิตย์หน้าป้าจะมีวันทำงานแค่สามวันเท่านั้นเองค่ะ 5555 ขอหัวเราะดัง ๆ อีกที ใครจะว่าไงไม่รู้ แต่ที่รู้อีป้ามีความสุขว้อยยยยย

ป้าคันปากอยากเมาท์ บริษัทของป้าแฟร์มาก ๆ ในเรื่องวันหยุด กล่าวคือ

-    หยุด เสาร์ อาทิตย์ โดยเฉลี่ย ในทุก ๆ เดือนจะมีวันเสาร์ และ อาทิตย์ ประมาณ 8 วัน และใน  1 ปี ป้าจะได้วันหยุดจาก Weekend = 96 วันค่ะ (8 * 12)

-    วันหยุดนักขัตฤกษ์ จริงอยู่ พนักงานบริษัทหลาย ๆ ที่ ก็ไม่ได้สิทธิ์หยุดงานตามปฏิทินวันหยุดเหมือนข้าราชการ แต่สำหรับบริษัทป้านั้น เข้าใจอารมณ์พนักงานหน้าเทาๆ แบบป้าเป็นที่สุด เค้าให้วันหยุดแก่พวกป้า เป็นเวลา 21 วัน / ปีปฏิทิน เจ๋งไม๊ล่ะคะ ป้านี้ยิ้มแก้มแตกรอยแป้งพัฟบนหน้างี้แยกออกเป็นเสี่ยงๆเลยค่ะ ตอนรู้เรื่องนี้ นี่ไงคะ ความสุขแบบ simply simply

-    วันหยุดพิเศษ นอกเหนือจากวันหยุดนักขัตฤกษ์ตามปฏิทินแล้ว บริษัทป้ายังใจป้ำ ก่อนวันหยุดเทศกาลยาว ๆ เช่น สงกรานต์ หรือ ปีใหม่ นายป้าจะใจดี ให้กลับบ้านตอนเที่ยง หรือไม่ก็บ่ายสาม อำนวยความสะดวกให้ลูกจ้างสุด ๆ พร้อมกันนั้น เวลามีกิจกรรมเชื่อมสัมพันธ์ หรือ ปาร์ตี้ปีใหม่ ก็จะใช้วันทำงานไปจัด ไม่ต้องมาเบียดเบียนเวลาเสาร์ อาทิตย์ที่มีค่าของป้า จากข้อนี้ ในปีหนึ่ง ๆ พวกป้า ๆ จะได้วันหยุดเพิ่มอีกราว ๆ 4 วันต่อปีเลยนะคะ (55555 หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง)

-    วันลา Annual Leave, ลาป่วย ลากิจ ป้าขอแจกแจงในเคสปกติ ในกรณีที่ไม่มี accident เลือดตกยางออกแต่อย่างใดนะคะ เอาแบบธรรมดาๆ ที่ลูกจ้างทั่วไปพึงกระทำค่ะ

Annual Leave ปกติเราจะได้ประมาณ 6-12 วัน แล้วแต่เคส ๆ ไป ป้าให้ตรงนี้ไว้ที่ 10 วันละกันนะคะ กลาง ๆดี

ลาป่วย มีใครดีใจที่ได้ลาป่วยไม๊คะ แบบว่า เฮ้ยยย ชั้นโดนรถชนขาหักว่ะแกร ดีใจสุด ๆ เลยว่ะ ได้ใช้สิทธิ์ลาป่วยครบ 30 วัน ตามกฎหมายเป๊ะๆ ไม่ต้องไปทำงานก็ได้เงินว้อยยย
เอิ่มมมม คิดว่าคงไม่มีใครอยากได้สิทธิ์ลาเต็ม  ๆ แบบนั้นใช่ไม๊คะ ป้าก็เช่นกันค่ะ ดังนั้นการลาป่วยของป้า จึงค่อนข้างมีมารยาทค่ะ ขอแค่ 5 วันต่อปีพอนะคะ เอาไว้ในวันที่ป่วยจริง ท้องเสีย หรือแม้แต่วันที่ท้อแท้ ไม่อยากลุกจากเตียงก็ไม่ผิดกติกาแต่อย่างใด ป่วยใจฝืนไปทำงานก็ไม่ได้งานหรอกค่ะ เชื่อป้า

ลากิจ ลาประเภทนี้ก็เช่นกัน จริงอยู่ เราอาจมีกิจมากกว่าที่บริษัทให้วันลามา แต่นั่นเป็นกิจของเราค่ะ ไม่ใช่กิจของบริษัท เราต้องหาวิธีจัดการกิจของเราเอาเอง ลาประเภทนี้ ส่วนใหญ่บริษัทจะให้ได้ประมาณไม่เกิน 5-7 วันต่อปี ข้อนี้สำหรับตัวป้า ขอนับเป็น 5 วันนะคะ มากกว่านี้ก็รู้สึกละอายแก่ใจ  และที่สำคัญนายมักจะถามหาเวลาป้าหายบ่อยๆ แจ๋วกลัวแล้วค่ะนายยยย

แท๊น แท๊น แท๊น แถ่นนนนนน รวม ๆ แล้ว เราจะมีวันหยุดต่อปี คือ 141 วันคร้า (96+21+4+10+5+5) ในขณะที่หนึ่งปีมี 365 วัน เพราะฉะนั้น หนึ่งปีจึงเหลือวันที่ป้าทำงานจริง ๆ เพียงแค่ 224 วัน (365 – 141) หรือเฉลี่ยป้าทำงานแค่เดือนละ 18.7 (224/12) วัน เท่านั้นเองค่ะ 5555 อะไรจะสุขมากไปกว่านี้คะ ป้าทำงานเดือนๆ นึงแค่ไม่ถึง 20 วัน แต่ป้ารับเงินเดือนเต็ม ๆ ทุกเดือน แม้ว่าจะลากิจลาป่วยในเดือนไหนก็ไม่โดนหักเงินเดือน แถมโบนัสปลายปีก็ไม่หักเสียด้วย โฮะ โฮะ โฮะ

คิดง่าย ๆ ว่าถ้าเธอเงินเดือนสามหมื่นต่อเดือน เฉลี่ยแล้วบริษัทจ้างเธอด้วยรายได้ 1000 บาทต่อวัน แต่วันทำงานจริง ๆ ของพวกเธอมีแค่ 19 วัน
อีก 11 วันที่เหลือของเธอนี่กำไรเห็น ๆ เธอไม่ต้องทำงานแต่เธอมีรายได้แน่  1000 บาทต่อวัน วี๊ดดดดด เห็นไม๊คะ เป็นมนุษย์เงินเดือนนั้นเกร๋ นั้นเท่จะตาย

อุ่ยยย ป้าเมาท์เพลินมากค่ะ นั่งปั่นมาเป็นชั่วโมง เพิ่งลิสต์ได้แค่สองข้อเอง ขอป้าไปยืดเส้นยืดสาย อาบน้ำอาบท่า หาลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 ก่อนนะคะ ค่ำ ๆ ดึก ๆ นู่นแหละค่ะ ป้าจะออกหากินอีกครั้ง ว้ายยยย ไม่ใช่นะยะ ป้าไม่ใช่กระสือ คือป้าหมายถึงป้าจะมาต่อเรื่องนี้ให้จบน่ะค่ะ แล้วเจอกันใหม่นะคะ จุ๊บๆ

ว่าง ๆ ไปเมาท์มอยหอยฟูกันในเพจได้นะคะ แลกเปลี่ยนความคิดประสบการณ์กันขำ ๆ ค่ะ

เจ้ป้า หน้าออฟฟิศ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่