นายเมธี จารุมณีโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่ขายและการตลาด บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) หรือ SAPPE  เปิดเผยว่า จากแนวคิดภาครัฐที่ต้องการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมน้ำตาลเกินมาตรฐานตามอัตราปริมาณน้ำตาลในเครื่องดื่ม โดยการจัดเก็บเป็น 2 อัตรา ได้แก่ 20% และ 25% นั้น บริษัทฯ มองว่า จากนโยบายดังกล่าวไม่ได้ส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานของบริษัทฯ เนื่องจากการทำตลาดของ SAPPE นั้น จะเน้นการทำตลาดส่งออกเครื่องดื่มไปยังต่างประเทศ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 60% ของยอดขายรวมทั้งหมด  

ขณะที่ตลาดในประเทศนั้น บริษัทฯ มีกลุ่มผลิตภัณฑ์กาแฟผงสำเร็จรูปภายใต้    แบรนด์ ‘เพรียว คอฟฟี่’ และกลุ่มเครื่องดื่มฟังก์ชันนอลดริ้ง ภายใต้แบรนด์ ‘เซ็ปเป้ บิวติ ดริ้ง’นั้น  เป็นแบรนด์หลักในการทำการตลาด ก็ไม่ได้รับผลกระทบจากมาตรการการเก็บภาษีเครื่องดื่มเช่นกัน เนื่องจากสินค้ากลุ่มกาแฟ เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการยกเว้นภาษีสรรพสามิต อันนื่องมาจากกลุ่มผลิตภัณฑ์การแฟมีการส่งเสริมการใช้วัตถุดิบการเกษตรภายในประเทศ

ในขณะที่กลุ่มฟังก์ชันนอล ดริ้ง อย่าง เซ็ปเป้ บิวติ ดริ้ง นั้น ไม่ได้มีใช้น้ำตาลเป็นสารให้ความหวานในเครื่องดื่ม จึงไม่เข้าเกณฑ์การเก็บภาษีสรรพสามิตเครื่องดื่มแต่อย่างใด สำหรับสินค้าที่มีความเสี่ยงจากการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตในเบื้องต้นจะเป็นแบรนด์เล็กๆ มีสัดส่วนต่อรายได้รวมของบริษัทฯ น้อยกว่า 10%

“ทาง SAPPE เรามุ่งมั่นพัฒนาสินค้าตามพันธกิจ ที่จะตอบโจทย์อาหารและเครื่องดื่มที่ดีต่อสุขภาพ ดังนั้น เราได้พัฒนาสินค้าโดยลดปริมาณการใช้น้ำตาลมาอย่างต่อเนื่องหลายปีแล้ว ซึ่งเราเป็นเพียงผู้ประกอบการเพียงไม่กี่รายที่สามารถพัฒนาเครื่องดื่มที่มีรสชาติดี โดยปราศจากน้ำตาล เราประเมินว่าหากภาครัฐมีการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตเครื่องดื่มจริง จะไม่ส่งผลกระทบที่รุนแรงต่อการดำเนินงานของบริษัทฯ แต่อย่างใด แต่เรามองว่าจะเป็นโอกาสทางธุรกิจสำหรับเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพเมื่อเปรียบเทียบกับเครื่องดื่มประเภทอื่นๆ” นายเมธี กล่าว

โดย ฐานเศรษฐกิจ -28 เมษายน 2559