นำข่าวมาแชร์ให้อ่านค่ะ ถ้าเมืองไทยทำได้การท่องเที่ยวเราสดใสแน่นอน
"สภาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนโลก ยันอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยยังสดใส แนะไทยดูแลแหล่งท่องเที่ยวให้คงความสมบูรณ์ งดงามตามธรรมชาติ และรักษาอัตลักษณ์ของท้องถิ่น เน้นการมีส่วนร่วมของชุมชนเพื่อความยั่งยืน"
การสัมมนาและนิทรรศการความรู้ด้านการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนภายใต้เกณฑ์การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนโลก "Grow Green Together, Travel Forever" วันอังคารที่ 26 เมษายน 2559 ห้องประชุม The Chamber ชั้น B โรงแรม S31 สุขุมวิท 31 กรุงเทพมหานคร
องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) หรือ อพท. เป็นหน่วยงานภาครัฐที่ทำหน้าที่เป็นองค์กรกลางในการประสาน ส่งเสริม และสนับสนุน ทุกภาคีการพัฒนาให้เข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารจัดการพื้นที่เพื่อการท่องเที่ยวในเชิงบูรณาการ โดยกำหนดนโยบายและยุทธศาสตร์ ประสานกับท้องถิ่นหรือพื้นที่ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว และพัฒนาพื้นที่ที่มีศักยภาพในการท่องเที่ยวให้มีการบริหารจัดการพื้นที่เพื่อการท่องเที่ยวในเชิงคุณภาพด้วยการมีส่วนร่วมแบบ Co – Creation หรือ "ร่วมคิด ร่วมวางแผน ร่วมปฏิบัติ ร่วมรับผิดชอบ และร่วมรับผลประโยชน์" ในพื้นที่พิเศษทั้ง 6 แห่ง ได้แก่ พื้นที่พิเศษหมู่เกาะช้างและพื้นที่เชื่อมโยง พื้นที่พิเศษเมืองพัทยาและพื้นที่เชื่อมโยง พื้นที่พิเศษอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย – ศรีสัชนาลัย – กำแพงเพชร พื้นที่พิเศษเลย พื้นที่พิเศษเมืองเก่าน่าน และพื้นที่พิเศษเมืองโบราณอู่ทอง
ทำไมต้องเป็น "การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน"
สถานการณ์การท่องเที่ยวที่เกิดขึ้นและพบเห็นเป็นประจำคือ แหล่งท่องเที่ยวที่มีคำร่ำลือว่ามีความสวยงาม มีความมหัศจรรย์ แปลกใหม่ จะมีนักท่องเที่ยวไปเยือนเป็นจำนวนมาก สิ่งที่ตามมาคือ ความเสื่อมโทรมของสภาพแวดล้อมแหล่งท่องเที่ยวถูกทำลาย ในที่สุดก็ไม่มีนักท่องเที่ยวไปเยือนอีก ทำอย่างไรจึงจะทำให้แหล่งท่องเที่ยวที่มีอยู่เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวมาเยือนตลอดกาล การบริหารจัดการแหล่งท่องเที่ยวจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง และนี่คือที่มาของงาน "Grow Green Together, Travel Forever" ในวันนี้
สภาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนโลก (Global Sustainable Tourism Council : GSTC) เป็นองค์กรระดับโลกที่ได้กำหนดเกณฑ์การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนโลก (Global Sustainable Tourism Criteria) ซึ่งได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในระดับนานาชาติ โดยองค์การการท่องเที่ยวโลกแห่งสหประชาชาติ (UNWTO) ได้นำเอาเกณฑ์ของ GSTC ไปปรับใช้กับประเทศสมาชิก เนื่องจากเป็นเกณฑ์ที่จะช่วยยกระดับการพัฒนาการท่องเที่ยวของประเทศสมาชิกให้เกิดความยั่งยืนได้อย่างเป็นระบบ
เกณฑ์การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนสำหรับการจัดการแหล่งท่องเที่ยว (Destination Management) เป็นแนวทางขั้นพื้นฐานที่หน่วยงานที่รับผิดชอบการบริหารจัดการแหล่งท่องเที่ยวไปสู่ความยั่งยืนสามารถถือปฏิบัติได้ และเพื่อจะตอบสนองคำนิยามของการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน แหล่งท่องเที่ยวจะต้องบริหารจัดการอย่างบูรณาการและมองภาพรวมที่ครอบคลุมทั้ง 4 มิติ คือ 1) การบริหารจัดการอย่างยั่งยืน 2) การเพิ่มผลประโยชน์และลดผลกระทบเชิงลบ ทางสังคม-เศรษฐกิจแก่ชุมชนท้องถิ่น 3) การเพิ่มผลประโยชน์และลดผลกระทบเชิงลบ ทางวัฒนธรรมแก่ชุมชนและนักท่องเที่ยว และ 4) การเพิ่มผลประโยชน์และลดผลกระทบด้านลบทางสิ่งแวดล้อม
อพท. ได้นำเกณฑ์ด้านการจัดการแหล่งท่องเที่ยว (Destination Management) มาดำเนินการในพื้นที่พิเศษทั้ง 6 แห่ง ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ.2556 เป็นไปตามเกณฑ์การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนโลกขององค์การการท่องเที่ยวโลกแห่งสหประชาชาติ (UNWTO) และ อพท. ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจกับ GSTC เพื่อร่วมมือในการพัฒนาหลักสูตรการฝึกอบรมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2558 ซึ่งเป็นการเพิ่มศักยภาพในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การปฏิรูปการท่องเที่ยวไทยให้อยู่ในระดับสากลได้อีกทางหนึ่ง ทั้งนี้ GSTC จะพัฒนาผู้ฝึกสอนที่ได้รับอนุญาต (Authorized Trainers) ให้กับบุคลากรของ อพท. และมอบสิทธิให้ อพท. นำเนื้อหาหลักสูตรระดับโลกนี้มาแปลเป็นภาษาไทย แล้วนำไปฝึกอบรมให้กับภาคีการพัฒนาของไทย ทั้งนี้ อพท. ได้จัดการฝึกอบรมในปี 2559 โดยเริ่มฝึกอบรมในพื้นที่พิเศษของ อพท. ก่อน จากนั้น อพท. กับ GSTC จะทำการประเมินและปรับปรุงหลักสูตรเพื่อให้เข้ากับบริบทของประเทศไทยมากที่สุด และจะเริ่มเปิดการฝึกอบรมให้กับบุคคลทั่วไปในระยะต่อไป
การสัมมนาในวันนี้ จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการแพร่องค์ความรู้ด้านการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนภายใต้เกณฑ์การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนโลก (GSTC) ซึ่งทำให้ประเทศไทยมีต้นแบบการบริหารจัดการและการพัฒนาการท่องเที่ยวที่เทียบเคียงได้กับมาตรฐานสากล และที่สำคัญคือ เป็นการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวที่นำไปสู่ความ "มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน" ตามนโยบายของรัฐบาล
ที่มา
http://www.tnews.co.th/html/contents/187476/
อพท.จับมือสภาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนโลกจัดงาน "Grow Green Together , Travel Forever"
"สภาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนโลก ยันอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยยังสดใส แนะไทยดูแลแหล่งท่องเที่ยวให้คงความสมบูรณ์ งดงามตามธรรมชาติ และรักษาอัตลักษณ์ของท้องถิ่น เน้นการมีส่วนร่วมของชุมชนเพื่อความยั่งยืน"
การสัมมนาและนิทรรศการความรู้ด้านการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนภายใต้เกณฑ์การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนโลก "Grow Green Together, Travel Forever" วันอังคารที่ 26 เมษายน 2559 ห้องประชุม The Chamber ชั้น B โรงแรม S31 สุขุมวิท 31 กรุงเทพมหานคร
องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) หรือ อพท. เป็นหน่วยงานภาครัฐที่ทำหน้าที่เป็นองค์กรกลางในการประสาน ส่งเสริม และสนับสนุน ทุกภาคีการพัฒนาให้เข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารจัดการพื้นที่เพื่อการท่องเที่ยวในเชิงบูรณาการ โดยกำหนดนโยบายและยุทธศาสตร์ ประสานกับท้องถิ่นหรือพื้นที่ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว และพัฒนาพื้นที่ที่มีศักยภาพในการท่องเที่ยวให้มีการบริหารจัดการพื้นที่เพื่อการท่องเที่ยวในเชิงคุณภาพด้วยการมีส่วนร่วมแบบ Co – Creation หรือ "ร่วมคิด ร่วมวางแผน ร่วมปฏิบัติ ร่วมรับผิดชอบ และร่วมรับผลประโยชน์" ในพื้นที่พิเศษทั้ง 6 แห่ง ได้แก่ พื้นที่พิเศษหมู่เกาะช้างและพื้นที่เชื่อมโยง พื้นที่พิเศษเมืองพัทยาและพื้นที่เชื่อมโยง พื้นที่พิเศษอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย – ศรีสัชนาลัย – กำแพงเพชร พื้นที่พิเศษเลย พื้นที่พิเศษเมืองเก่าน่าน และพื้นที่พิเศษเมืองโบราณอู่ทอง
ทำไมต้องเป็น "การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน"
สถานการณ์การท่องเที่ยวที่เกิดขึ้นและพบเห็นเป็นประจำคือ แหล่งท่องเที่ยวที่มีคำร่ำลือว่ามีความสวยงาม มีความมหัศจรรย์ แปลกใหม่ จะมีนักท่องเที่ยวไปเยือนเป็นจำนวนมาก สิ่งที่ตามมาคือ ความเสื่อมโทรมของสภาพแวดล้อมแหล่งท่องเที่ยวถูกทำลาย ในที่สุดก็ไม่มีนักท่องเที่ยวไปเยือนอีก ทำอย่างไรจึงจะทำให้แหล่งท่องเที่ยวที่มีอยู่เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวมาเยือนตลอดกาล การบริหารจัดการแหล่งท่องเที่ยวจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง และนี่คือที่มาของงาน "Grow Green Together, Travel Forever" ในวันนี้
สภาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนโลก (Global Sustainable Tourism Council : GSTC) เป็นองค์กรระดับโลกที่ได้กำหนดเกณฑ์การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนโลก (Global Sustainable Tourism Criteria) ซึ่งได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในระดับนานาชาติ โดยองค์การการท่องเที่ยวโลกแห่งสหประชาชาติ (UNWTO) ได้นำเอาเกณฑ์ของ GSTC ไปปรับใช้กับประเทศสมาชิก เนื่องจากเป็นเกณฑ์ที่จะช่วยยกระดับการพัฒนาการท่องเที่ยวของประเทศสมาชิกให้เกิดความยั่งยืนได้อย่างเป็นระบบ
เกณฑ์การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนสำหรับการจัดการแหล่งท่องเที่ยว (Destination Management) เป็นแนวทางขั้นพื้นฐานที่หน่วยงานที่รับผิดชอบการบริหารจัดการแหล่งท่องเที่ยวไปสู่ความยั่งยืนสามารถถือปฏิบัติได้ และเพื่อจะตอบสนองคำนิยามของการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน แหล่งท่องเที่ยวจะต้องบริหารจัดการอย่างบูรณาการและมองภาพรวมที่ครอบคลุมทั้ง 4 มิติ คือ 1) การบริหารจัดการอย่างยั่งยืน 2) การเพิ่มผลประโยชน์และลดผลกระทบเชิงลบ ทางสังคม-เศรษฐกิจแก่ชุมชนท้องถิ่น 3) การเพิ่มผลประโยชน์และลดผลกระทบเชิงลบ ทางวัฒนธรรมแก่ชุมชนและนักท่องเที่ยว และ 4) การเพิ่มผลประโยชน์และลดผลกระทบด้านลบทางสิ่งแวดล้อม
อพท. ได้นำเกณฑ์ด้านการจัดการแหล่งท่องเที่ยว (Destination Management) มาดำเนินการในพื้นที่พิเศษทั้ง 6 แห่ง ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ.2556 เป็นไปตามเกณฑ์การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนโลกขององค์การการท่องเที่ยวโลกแห่งสหประชาชาติ (UNWTO) และ อพท. ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจกับ GSTC เพื่อร่วมมือในการพัฒนาหลักสูตรการฝึกอบรมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2558 ซึ่งเป็นการเพิ่มศักยภาพในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การปฏิรูปการท่องเที่ยวไทยให้อยู่ในระดับสากลได้อีกทางหนึ่ง ทั้งนี้ GSTC จะพัฒนาผู้ฝึกสอนที่ได้รับอนุญาต (Authorized Trainers) ให้กับบุคลากรของ อพท. และมอบสิทธิให้ อพท. นำเนื้อหาหลักสูตรระดับโลกนี้มาแปลเป็นภาษาไทย แล้วนำไปฝึกอบรมให้กับภาคีการพัฒนาของไทย ทั้งนี้ อพท. ได้จัดการฝึกอบรมในปี 2559 โดยเริ่มฝึกอบรมในพื้นที่พิเศษของ อพท. ก่อน จากนั้น อพท. กับ GSTC จะทำการประเมินและปรับปรุงหลักสูตรเพื่อให้เข้ากับบริบทของประเทศไทยมากที่สุด และจะเริ่มเปิดการฝึกอบรมให้กับบุคคลทั่วไปในระยะต่อไป
การสัมมนาในวันนี้ จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการแพร่องค์ความรู้ด้านการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนภายใต้เกณฑ์การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนโลก (GSTC) ซึ่งทำให้ประเทศไทยมีต้นแบบการบริหารจัดการและการพัฒนาการท่องเที่ยวที่เทียบเคียงได้กับมาตรฐานสากล และที่สำคัญคือ เป็นการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวที่นำไปสู่ความ "มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน" ตามนโยบายของรัฐบาล
ที่มา http://www.tnews.co.th/html/contents/187476/