27 เม.ย 59
-----------------------
21.30 น.
.....ออกจากระบบเฟสบนคอม ..ลบแอพเฟสบุค ลบเมสเซนเจอร์ออกจากมือถือ สูดลมหายใจเข้าลึกๆ..
ฉันไม่รู้จะทำได้ไหม จะทำได้สักกี่วัน แต่...ค่ำคืนนี้ เวลานี้ ฉันต้องแข็งแรง ถ้าพรุ่งนี้จะอ่อนแออีกครั้งก็ช่างเถอะนะ ..เพราะยิ่งกดดันตัวเองเท่าไร ก็ยิ่งมีแรงเหวี่ยงกลับแรงเท่านั้น ...เป็นอยู่ ณ ปัจจุบันขณะ ..ขอแค่ ณ เวลานี้หรืออีกสิบนาทีต่อจากนี้ไม่เผลอตัวโหลดแอพที่เพิ่งลบไปเมื่อสักครู่กลับมา เพื่อส่งข้อความที่ฟ้องถึงความทุรนทุรายในความรู้สึก ณ ตอนนี้ไปหาใครสักคนก็พอ...ฉันบอกตัวเอง วันพรุ่งนี้..ถ้าจะใจอ่อนส่งข้อความไปทักทาย ก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของวันพรุ่งนี้
.....แต่..ณ เวลานี้ ..นิ่งเถอะนะ .. ไม่ต้องสู้ ไม่ต้องถอย ไม่ต้องอยู่ ไม่ต้องหนี.. ไม่ต้องไปคิดแทนความรู้สึกใครว่า ณ ตอนนี้คนๆนั้นจะเสียใจ จะรู้สึกผิด หรือจะเย็นชาไม่รู้สึกอะไรเลยกับเหตุการณ์เมื่อครู่... ไม่ต้องคิดอะไรทั้งนั้น เธอควบคุมสิ่งเหล่านั้นไม่ได้ แต่สิ่งเดียวที่เธอสามารถทำได้ ณ ตอนนี้ คือ หยุด..หยุดสิ่งที่กำลังหมุนวนอยู่ในหัว มีแต่เธอเท่านั้นที่รับรู้ความอึงอลของมัน มีแต่เธอเท่านั้นที่รับรู้แรงอัดมหาศาลนั่น ..ลูกโป่งที่พองลมจวนเจียนจะระเบิด..มีแต่เธอเท่านั้น...ที่หยุดมันได้ ..
....หลับเถอะ.. ดึกแล้ว ปิดลิ้นชักความคิดของวันนี้แต่เพียงเท่านี้ นึกภาพลิ้นชักที่ปิดสนิทเข้าที่ ..กึ้ก..ล็อคกุญแจ ...
..หลับตา..นับหนึ่ง สอง สาม...เจ็ดสิบแปด ...เก้าสิบสอง...อืมม..ถ้าความรู้สึกเธอจะเลื่อนลอยออกไปจากตัวเลขที่นับ จนต้องวนมานับใหม่ไม่รู้กี่ครั้ง ก็ไม่ต้องรู้สึกผิดหรือบีบคั้นตัวเองหรอกนะ ...แค่ตามความคิดของเธอให้ทัน ให้เธอรับรู้ว่า ความคิดนั้นคืออะไร แล้วถอยออกมายืนดู ไม่ต้องโดดลงไปเป็นนักแสดงสมทบ แค่ยืนดูอีกภาคหนึ่งของเธอ ปล่อยให้มันโหยไห้ ปล่อยให้มันร่ำร้อง ..มองดูเหมือนกำลังดูละครที่นางเอกกำลังตีอกชกหัว... ดู...แต่อย่าร่วมแสดง..
28 เม.ย .59
-------------------
05.30 น.
....ในแว่บแรกที่ลืมตา มือควานหาโทรศัพท์ข้างตัว ..หน้าจอสว่างพรึ่บ ในนาทีที่สติยังไม่ได้ทำหน้าที่สมบูรณ์ ความคิดใดๆยังไม่สั่งงาน ..ฉัน..ไม่ได้มองดูตัวเลขที่บอกเวลา หากแต่เหลือบมองแถบด้านบนด้วยความเคยชินเพื่อมองหาสัญลักษณ์อะไรสักอย่างที่คุ้นเคยบนหน้าจอ สัญลักษณ์ที่อาจจะยังค้างอยู่เพราะฉันหลับใหลไม่ได้เปิดอ่าน หรืออาจจะเป็นสัญลักษณ์ที่ใครสักคนส่งมาทักทายในวันใหม่ ..และแล้ววินาทีนั้น..ความระลึกรู้ก็กลับเข้ามา ..ฉันกลั้นลมหายใจไปขณะหนึ่งโดยไม่รู้ตัว ...ก่อนจะวางสิ่งที่อยู่ในมือลงข้างตัวอย่างอ่อนแรง นอนหลับตานิ่งๆ..
..ลิ้นชักได้ถูกดึงออกมาแล้ว...อืมม...เอาเถอะ จะดึงออกมาก็ได้ แต่..ฉันจะไม่คุ้ยสิ่งที่อัดแน่นอยู่ในนั้นออกมา ฉันสัญญากับตัวเอง ก่อนจะเด้งตัวเองจากที่นอน ก่อนที่ความคิดใดๆจะวิ่งเข้ามาในหัวจนทำให้ขาอ่อนแรง ..ไม่...ไม่ๆๆ
...วันนี้เป็นวันใหม่ .. ใช่..ฉันยังตื่นขึ้นมาด้วยอาการครบ 32 ..ฉัน..ยังตื่นขึ้นมาโดยที่ยังไม่มีโทรศัพท์สายด่วนจากใครๆ มาบอกข่าวร้ายว่ามีคนที่ฉันรัก หรือคนที่รักฉันเจ็บป่วยหรือล้มหายตายจากในเช้าวันนี้ ... ฉันยังตื่นขึ้นมาบนที่นอนนุ่มๆ แอร์เย็นฉ่ำ ไม่ได้ตื่นมาข้างถนนไม่มีบ้านอยู่... งานของฉันยังรออยู่ ..ความคิดของฉันยังโลดแล่น ..ที่สำคัญ..ฉัน..ยังมีลมหายใจ
05.40
......เชือกผูกรองเท้าผ้าใบกระชับแน่น .. ฉันเหลือบตามองเงาในกระจก..หน้ายังชื้นด้วยหยาดน้ำ ..ฉันซับหน้าเบาๆ ..อืม..ยังไม่มีรอยเหี่ยวย่นใดๆเพิ่มขึ้นมาในเช้าวันนี้ ขอบใต้ตาไม่ลึกโหล ตาไม่แดง ..แววตาของคนที่สะท้อนอยู่ในกระจกดูมุ่งมั่น เด็ดเดี่ยว..ฉันมองตอบอย่างสำนึกคุณ ...ยิ้มให้กับดวงตาคู่นั้น.
..ขอบคุณเซลส์นับร้อยนับพันที่ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างสุดกำลังเพื่อให้ฉันสามารถลืมตาตื่นขึ้นมาในเช้าวันนี้ ...
.....ขอบคุณ …ฉันจะดูแล..และ..ไม่ทำร้ายเธออีกต่อไป ...ฉันสัญญา..
06.00 น.
....ลมเย็นยามเช้าพัดปะทะใบหน้า ฉันสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ...เจ้าสองล้อคู่ใจพาฉันทะยานไปตามเส้นทางลาดยาวที่รายล้อมด้วยแมกไม้เขียวขจี ..
...ถ้าบินได้ ฉันจะบิน ถ้าบินไม่ได้ ฉันจะเดิน ...ถ้าหากต้องล้มลง ฉันจะคืบคลานไป ...ชีวิตมีอะไรมากมายรอฉันอยู่
...สายตาที่ใช้มองโลกเป็นสายตาของฉัน โลกจะเป็นสีดำหรือสีชมพูอยู่ที่ดวงตาคู่นี้ ..ฉันเลือกได้ ..
….” Free Myself “….
ขอบคุณภาพประกอบจากเนตค่ะ
"free myself...."
-----------------------
21.30 น.
.....ออกจากระบบเฟสบนคอม ..ลบแอพเฟสบุค ลบเมสเซนเจอร์ออกจากมือถือ สูดลมหายใจเข้าลึกๆ..
ฉันไม่รู้จะทำได้ไหม จะทำได้สักกี่วัน แต่...ค่ำคืนนี้ เวลานี้ ฉันต้องแข็งแรง ถ้าพรุ่งนี้จะอ่อนแออีกครั้งก็ช่างเถอะนะ ..เพราะยิ่งกดดันตัวเองเท่าไร ก็ยิ่งมีแรงเหวี่ยงกลับแรงเท่านั้น ...เป็นอยู่ ณ ปัจจุบันขณะ ..ขอแค่ ณ เวลานี้หรืออีกสิบนาทีต่อจากนี้ไม่เผลอตัวโหลดแอพที่เพิ่งลบไปเมื่อสักครู่กลับมา เพื่อส่งข้อความที่ฟ้องถึงความทุรนทุรายในความรู้สึก ณ ตอนนี้ไปหาใครสักคนก็พอ...ฉันบอกตัวเอง วันพรุ่งนี้..ถ้าจะใจอ่อนส่งข้อความไปทักทาย ก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของวันพรุ่งนี้
.....แต่..ณ เวลานี้ ..นิ่งเถอะนะ .. ไม่ต้องสู้ ไม่ต้องถอย ไม่ต้องอยู่ ไม่ต้องหนี.. ไม่ต้องไปคิดแทนความรู้สึกใครว่า ณ ตอนนี้คนๆนั้นจะเสียใจ จะรู้สึกผิด หรือจะเย็นชาไม่รู้สึกอะไรเลยกับเหตุการณ์เมื่อครู่... ไม่ต้องคิดอะไรทั้งนั้น เธอควบคุมสิ่งเหล่านั้นไม่ได้ แต่สิ่งเดียวที่เธอสามารถทำได้ ณ ตอนนี้ คือ หยุด..หยุดสิ่งที่กำลังหมุนวนอยู่ในหัว มีแต่เธอเท่านั้นที่รับรู้ความอึงอลของมัน มีแต่เธอเท่านั้นที่รับรู้แรงอัดมหาศาลนั่น ..ลูกโป่งที่พองลมจวนเจียนจะระเบิด..มีแต่เธอเท่านั้น...ที่หยุดมันได้ ..
....หลับเถอะ.. ดึกแล้ว ปิดลิ้นชักความคิดของวันนี้แต่เพียงเท่านี้ นึกภาพลิ้นชักที่ปิดสนิทเข้าที่ ..กึ้ก..ล็อคกุญแจ ...
..หลับตา..นับหนึ่ง สอง สาม...เจ็ดสิบแปด ...เก้าสิบสอง...อืมม..ถ้าความรู้สึกเธอจะเลื่อนลอยออกไปจากตัวเลขที่นับ จนต้องวนมานับใหม่ไม่รู้กี่ครั้ง ก็ไม่ต้องรู้สึกผิดหรือบีบคั้นตัวเองหรอกนะ ...แค่ตามความคิดของเธอให้ทัน ให้เธอรับรู้ว่า ความคิดนั้นคืออะไร แล้วถอยออกมายืนดู ไม่ต้องโดดลงไปเป็นนักแสดงสมทบ แค่ยืนดูอีกภาคหนึ่งของเธอ ปล่อยให้มันโหยไห้ ปล่อยให้มันร่ำร้อง ..มองดูเหมือนกำลังดูละครที่นางเอกกำลังตีอกชกหัว... ดู...แต่อย่าร่วมแสดง..
28 เม.ย .59
-------------------
05.30 น.
....ในแว่บแรกที่ลืมตา มือควานหาโทรศัพท์ข้างตัว ..หน้าจอสว่างพรึ่บ ในนาทีที่สติยังไม่ได้ทำหน้าที่สมบูรณ์ ความคิดใดๆยังไม่สั่งงาน ..ฉัน..ไม่ได้มองดูตัวเลขที่บอกเวลา หากแต่เหลือบมองแถบด้านบนด้วยความเคยชินเพื่อมองหาสัญลักษณ์อะไรสักอย่างที่คุ้นเคยบนหน้าจอ สัญลักษณ์ที่อาจจะยังค้างอยู่เพราะฉันหลับใหลไม่ได้เปิดอ่าน หรืออาจจะเป็นสัญลักษณ์ที่ใครสักคนส่งมาทักทายในวันใหม่ ..และแล้ววินาทีนั้น..ความระลึกรู้ก็กลับเข้ามา ..ฉันกลั้นลมหายใจไปขณะหนึ่งโดยไม่รู้ตัว ...ก่อนจะวางสิ่งที่อยู่ในมือลงข้างตัวอย่างอ่อนแรง นอนหลับตานิ่งๆ..
..ลิ้นชักได้ถูกดึงออกมาแล้ว...อืมม...เอาเถอะ จะดึงออกมาก็ได้ แต่..ฉันจะไม่คุ้ยสิ่งที่อัดแน่นอยู่ในนั้นออกมา ฉันสัญญากับตัวเอง ก่อนจะเด้งตัวเองจากที่นอน ก่อนที่ความคิดใดๆจะวิ่งเข้ามาในหัวจนทำให้ขาอ่อนแรง ..ไม่...ไม่ๆๆ
...วันนี้เป็นวันใหม่ .. ใช่..ฉันยังตื่นขึ้นมาด้วยอาการครบ 32 ..ฉัน..ยังตื่นขึ้นมาโดยที่ยังไม่มีโทรศัพท์สายด่วนจากใครๆ มาบอกข่าวร้ายว่ามีคนที่ฉันรัก หรือคนที่รักฉันเจ็บป่วยหรือล้มหายตายจากในเช้าวันนี้ ... ฉันยังตื่นขึ้นมาบนที่นอนนุ่มๆ แอร์เย็นฉ่ำ ไม่ได้ตื่นมาข้างถนนไม่มีบ้านอยู่... งานของฉันยังรออยู่ ..ความคิดของฉันยังโลดแล่น ..ที่สำคัญ..ฉัน..ยังมีลมหายใจ
05.40
......เชือกผูกรองเท้าผ้าใบกระชับแน่น .. ฉันเหลือบตามองเงาในกระจก..หน้ายังชื้นด้วยหยาดน้ำ ..ฉันซับหน้าเบาๆ ..อืม..ยังไม่มีรอยเหี่ยวย่นใดๆเพิ่มขึ้นมาในเช้าวันนี้ ขอบใต้ตาไม่ลึกโหล ตาไม่แดง ..แววตาของคนที่สะท้อนอยู่ในกระจกดูมุ่งมั่น เด็ดเดี่ยว..ฉันมองตอบอย่างสำนึกคุณ ...ยิ้มให้กับดวงตาคู่นั้น.
..ขอบคุณเซลส์นับร้อยนับพันที่ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างสุดกำลังเพื่อให้ฉันสามารถลืมตาตื่นขึ้นมาในเช้าวันนี้ ...
.....ขอบคุณ …ฉันจะดูแล..และ..ไม่ทำร้ายเธออีกต่อไป ...ฉันสัญญา..
06.00 น.
....ลมเย็นยามเช้าพัดปะทะใบหน้า ฉันสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ...เจ้าสองล้อคู่ใจพาฉันทะยานไปตามเส้นทางลาดยาวที่รายล้อมด้วยแมกไม้เขียวขจี ..
...ถ้าบินได้ ฉันจะบิน ถ้าบินไม่ได้ ฉันจะเดิน ...ถ้าหากต้องล้มลง ฉันจะคืบคลานไป ...ชีวิตมีอะไรมากมายรอฉันอยู่
...สายตาที่ใช้มองโลกเป็นสายตาของฉัน โลกจะเป็นสีดำหรือสีชมพูอยู่ที่ดวงตาคู่นี้ ..ฉันเลือกได้ ..