บทวิพากษ์ เลสเตอร์ ซิตี้

อยากให้อ่านบทสัมภาษณ์ การวิเคราะห์ของ ทรอย ดีนี่ย์ กองหน้าทีมวัตฟอร์ด ผู้พลาดหวังตกรอบรองชนะเลิศเอฟเอ คัพ ที่ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว บีบีซี เอาไว้ก่อนหน้านี้  เลสเตอร์เล่นบอลกันยังไง ทำไมกองหน้าทีมคู่แข่งถึงเจาะเข้ายาก สามารถรักษาสกอร์คลีนชีตหลายนัดติดต่อกัน

------------------------------------
เครดิต http://www.siamsport.co.th/Column/160426_013.html

26/04/2016 0:41:12 น.

รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของ ริยาด มาห์เรซ จากสมาคมนักฟุตบอลอาชีพอังกฤษ น่าจะเป็นรางวัลแห่งแรงเสริมบวกพร้อมทั้งความมั่นใจในการมุ่งหน้าสู่ฝันที่เป็นจริงของทีม เลสเตอร์ ซิตี้ อย่างไม่ต้องสงสัย



        เหลืออีก 3 นัด 9 คะแนน พวกเขานำ 8 แต้ม ถ้า สเปอร์ส สะดุด อย่างใดอย่างหนึ่งเท่ากับว่า นัดต่อไป ถ้าพวกเขาบุกไปชนะ แมนฯ ยูฯ ถึงโรงละคร การันตีแชมป์และจะฉลองในบ้านก่อนมารับถ้วยกันที่สแตมฟอร์ด บริดจ์
พร้อมทั้งแห่ถ้วยกลับจากลอนดอนมายังเมืองเลสเตอร์ ทันที


        ถ้าสเปอร์ส ชนะแต้มยังห่าง 5 การลุ้นแชมป์จะยืดไปในเกมที่คิง เพาเวอร์ พวกเขาเปิดบ้านเล่นแบบถวายชีวิตเพื่อชนะแล้วก็แชมป์....


        กล่าวคือ...สู้สุดหัวใจในนัดเตะที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เพื่อชนะ หรือไม่ก็ปิดบัญชีแชมป์ที่คิง เพาเวอร์ นั่นคือเป้าหมายที่ เคลาดิโอ รานิเอรี่ ผจก.คงจะต้องตอกย้ำกับนักเตะและกระตุ้นให้ทุกคนทำฝันที่เป็นจริงเหมือนที่เขาให้สัมภาษณ์หลังถล่ม สวอนซีล่ าสุด 4-0


        ''This is the right moment to push,'' said manager Ranieri


        ''I talked to my players before the game and said that it has been a dream so far, so now make the dream reality.''


        He added: ''I told them give everything then we won't regret.''


        ''นี่คือจังหวะที่เหมาะแก่การลุยยย''


        ''ผมได้บอกกับนักเตะก่อนแข่งว่า มาถึงจุดนี้ได้มันคือความฝัน และตอนนี้ช่วยทำให้ฝันนั้นเป็นความจริง''


        เขากล่าวเสริมอีกว่า  ''ผมบอกกับพวกเขาให้ทุ่มเททุกสิ่งอย่างแล้วพวกเขาจะไม่มีวันเสียใจ''


        ใช่ครับ...ณ นาทีนี้ ''แท็กติก'' ไม่สำคัญเท่ากับ ''พลังใจ'' บวกกับ ''ความเชื่อ'' ผสมด้วย ''ความเชื่อมั่น'' ว่าพวกเขาจะต้องเป็นแชมป์ให้ได้จากสถานการณ์ที่ได้เปรียบอยู่มากในขณะนี้ อีก 9 คะแนน 3 นัดถ้วยแชมป์พรีเมียร์ลีกอยู่ในมือของพวกเขา


        ต้องไม่ปล่อยให้ลื่นหลุดมือ....


        ชัยชนะต่อ สวอนซี ไม่ได้เหนือความคาดหมายแต่อย่างไร ด้วยฟอร์ม, กำลังใจของนักเตะที่เล่นในบ้าน มันเกิดขึ้นในจังหวะที่เหมาะสมที่สุด นั่นเองที่ทำให้พวกเขาเข้าใกล้แชมป์เต็มที แต่อย่างที่ทราบคงไม่ใช่เพราะชนะ สวอนซีนัดเดียวแล้วพวกเขามาถึงจุดนี้


        พื้นฐานของทีมมันเกิดขึ้นจากการที่พวกเขาเล่นดีขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงครึ่งซีซั่นแรก จากนั้นพวกเขาค่อยปรับตัวยกระดับมาท้าทายกลุ่มผู้นำจนยืนระยะได้ในตำแหน่งจ่าฝูงท่ามกลางแรงเสียดสีและเสียงวิจารณ์ว่า ''เดี๋ยวพวกเขาก็กดดัน''


        ผมตามอ่านบทวิเคราะห์ของ ทรอย ดีนี่ย์ กองหน้า วัตฟอร์ด ผู้พลาดหวังตกรอบรองชนะเลิศเอฟเอ คัพ เขาให้สัมภาษณ์กับสำนักบีบีซี เอาไว้ก่อนหน้านี้ และนี่คือมุมมองที่ไม่เลื่อนลอยและกว้างๆ จนเกินเข้าใจจากดาวยิงระดับพรีเมียร์ลีกอย่างเขา


        ทรอย ดีนี่ย์ ให้สัมภาษณ์วิเคราะห์ในหลายจุดที่เชื่อว่าผู้อ่านได้ประโยชน์แน่โดยเฉพาะคนรักฟุตบอลจริงจัง ไม่ได้ตามกระแส


        ลองอ่านดูผมแปลมาให้อ่านกันในบางจุดซึ่งเชื่อว่ามีประโยชน์อย่างยิ่ง


        แน่นอนเหลือเกินว่าทุกคนทราบและรับรู้ว่า ''ปัจจัย'' ที่ทำให้ เลสเตอร์ ซิตี้ มาถึงจุดนี้ได้เป็นเพราะ ''เกมรับ'' แต่การจะบอกว่าเกมรับรัดกุมและเหนียวแน่นนั้น ใครๆ ก็พูดได้ มันเป็นภาพกว้าง


        และนี่คือสิ่งที่ ''คอมเมนเตเตอร์'' ในบ้านเราต้องศึกษา


        ใช่ทุกคน...เตะบอลมา เล่นระดับทีมชาติแต่มุมมองในการวิเคราะห์มันต้อง ''ดึง'' ออกมาพูดให้คนฟังเข้าใจ ชัดที่สุด มันต้องเจาะลึก ไม่ใช่ภาพกว้างๆ ไม่งั้นคุณจะถูกมองว่า ''เป็นคอนเมนเตเตอร์'' ง่ายไป และใครๆ ก็เป็นได้


        จุดนี้ ผมเคยซักถาม ''โค้ชตุ้ม'' รังสิวุฒิ ชโลปถัมภ์ ''คอมเมนเตเตอร์'' ทาง CTH  ถึงเรื่องเกมรับของเลสเตอร์ โค้ชตุ้มไม่เคยพูดเลยว่า ''กองหลังเหนียว'' แต่โค้ชตุ้มจะพูดว่า ''การจัดระเบียบเกมรับ'' นั้นมันทั้งทีม ตั้งแต่แดนหน้า ไล่บอล จนถึงแดนกลาง ตัดบอล ดังนั้นกองหลังจะรับภาระน้อยกว่าปกติ


        ผิดกับทีมอื่น ๆ ที่กองหลังรับภาระหนักตลอดเวลา สุดท้ายก็ไม่ไหว ''เกมรับ'' ของ เลสเตอร์ นั้นทั้งทีม


        ณ จุดเรื่องเกมรับอันเป็นปัจจัยนี้ ทรอย ดีนี่ย์ แยกส่วนการวิเคราะห์ออกมาเป็นประเด็นทางแท็กติกเลยนะครับ


        1. คู่เซนเตอร์แบ็ก โรเบิร์ต ฮูธ กับ เวส มอร์แกน ไม่หลงเหลี่ยมและหลงกลศูนย์หน้า ด้วยเพราะเขาถูก รานิเอรี่ สั่งให้รักษาที่มั่นหน้ากรอบและในกรอบโทษ ไม่ต้องไปเล่นนอกพื้นที่มากนัก ถ้าออกมาเมื่อไหร่ ตัวซ้อนต้องพร้อม ทั้งแบ็กและ กองกลาง


        ดีนี่ย์ ระบุว่า ''ผมพยายามดึง ฮูธ ออกมาจากพื้นที่ตัวเอง แต่เขาไม่ค่อยออกมา เขาปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำแหน่งอื่น''


        โดยปกติเกมรับถ้าเซนเตอร์เก่ง แข็งแกร่ง เหนียวแน่น ...กองหน้าคู่แข่งจะเป็นตัวดึงให้ออกมาเพื่อปิดพื้นที่ว่างให้คนอื่นเติมเข้าไป แต่วิธีนี้ใช้กับคู่เซนเตอร์เลสเตอร์ ไม่ได้ผล ทั้งมอร์แกน และ ฮูธ ออกมาน้อยมาก


        ถ้ากองหน้าวิ่งนำเขาไปด้านข้าง พื้นที่นั้นเป็นของฟูลแบ็กและกองกลางตัวรับ ทั้ง ก็องเต้ และดริงค์วอเตอร์ ที่จะมาช่วยกันซ้อน หรือไม่หาก มอร์แกน กับ ฮูธ ออกมาเล่นตามจังหวะของเกม แบ็กกับกองกลางตัวรับต้องพร้อมซ้อนให้ด้วย


        ดีนี่ย์ บอกว่า ''คู่เซนเตอร์ฮาล์ฟ'' ของ เลสเตอร์ ทำตามแท็กติกแล้วเมื่อมันเกิดผลมากขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาจึงมั่นใจและทำในสิ่งที่ถูกต้องสำหรับทีม ไม่มีเล่นยากหรือแอ็กต์เกินไป นอกจากคู่เซนเตอร์แล้ว แบ็กสองฝั่งของเลสเตอร์ จะไม่เล่นเกมรุกก่อน พวกเขาจะเล่นเกมรับเป็นหลัก ถ้ามีโอกาสค่อยขึ้นเติม


        ดังนั้นการรักษาพื้นที่ของแบ็กสองฝั่งยิ่งทำให้การเจาะเข้าไปของปีกยากขึ้น และถ้าหากแบ็กสองฝั่งได้โอกาสเติม จะเติมครั้งละหนึ่งคน ถ้า คริสเตียน ฟุคส์ ขึ้นทางซ้าย แดนนี่ ซิมป์สัน จะขยับเข้าไปข้างในเพื่อเตรียมซ้อน ช่วยเพื่อนกรณีที่บอลหลุดมาจากด้านซ้าย


        นึกภาพที่เมื่อขึ้นบอลทางซ้าย สนามจะเอียงไปทางนั้น เพราะผู้เล่นต้องตามไปเล่นกับพื้นที่และคน ทำให้ซ้ายแน่น ดังนั้นซิมป์สันจึงขยับเข้าไปซ้อนเพื่อรอบอลหลุดมาจากซ้าย เช่นกันถ้าเป็น ซิมป์สัน ขึ้นทางขวา ฟุคส์ ทำแบบเดียวกัน


        แบ็กสองฝั่งของเลสเตอร์ จะเล่นเกมรับก่อนค่อยเดินเกมรุก เมื่อบวกกับคู่เซนเตอร์ ที่รานิเอรี่ใช้มาโดยตลอด แนวแบ็กโฟร์ จึงเหนียวแน่น รัดกุมและเป็นพื้นฐานในเกมรับที่ดี รักษาที่มั่นเอาไว้ได้


        จากจุดนี้ ทรอย ดีนี่ย์ บอกยังไม่จบ...เพราะเกมรับเลสเตอร์ ไม่ได้ขึ้นกับ 4 แบ็กโฟร์ มันขึ้นกับแดนกลาง (ตรงกับที่โค้ชตุ้มเคยวิเคราะห์) ดีนี่ย์ บอกโดยเฉพาะ ก็องเต้ กับ ดริงค์วอเตอร์ ที่คอยซ้อนแบ็กและเซนเตอร์ ตลอดเวลา


        หลายครั้งจะพาตัวเองไปทำสถานการณ์ 2 ต่อ 1 กับคู่แข่งหรือ 3 ต่อ 2 เพื่อให้มีตัวผู้เล่นได้เปรียบในการเล่นเกมรับ แย่งบอล ตัดบอล ถ้าทีมไหนเล่นบอลช้า เดินเกมช้า โดนรุมแย่งทันที นี่จึงเป็นจุดที่ทำให้ เลสเตอร์ สกัดเกมรุกคู่แข่งได้ก่อนถึงหน้าบ้านและแนวรับ


        เมื่อดูจากภาพกว้างๆ การจัดแนวรับของเลสเตอร์ จึงเป็นการรักษาพื้นที่เอาไว้ให้มั่นคง เจาะเข้ามายาก ตีให้แตกยาก เพราะเล่นเป็นหน่วยเดียวกันทั้งหมด พวกเขาป้องกันการจ่ายทะลุช่อง ป้องกันลูกครอสจากด้านข้าง


        ซึ่ง ดีนี่ย์ ยืนยันว่า ''ปกติฟูลแบ็กหลายทีมจะชอบเติมเกมรุก ซึ่ง ฟุคส์ กับ ซิมป์สันก็ทำได้แต่เขาจะเฝ้าหลังมากกว่าบุก ที่สำคัญสองคนนี้ป้องกันลูกครอสจากด้านข้างได้ดีมาก เล่นลูกโหม่งได้ดีอีกด้วย''


        ถ้าแปลความจากจุดนี้มันหมายถึงว่าหน้าที่ของแบ็กคือเกมรับ การป้องกันคือเป้าหมายแรก ถ้าเอาแบ็กเอาแต่บุกจะทำให้เมื่อต้องป้องกันจึงไม่อาจป้องกันได้ และแบ็กต้องเล่นลูกกลางอากาศได้ดี


        หากมองดูแบ็กสองฝั่งของหงส์แดง..พบว่า ''โหม่งไม่เก่ง'' เท่า ฟุคส์ และ ซิมป์สัน อันนี้เป็นตัวอย่างชัดเจน


        ถ้าแบ็กโหม่งเก่ง โหม่งดี การครอสบอลเข้ามาทั้งเสาแรกและเสาสอง จะป้องกันได้ เพราะคู่แข่งต้องการเปิดบอลหนีคู่เซนเตอร์ซึ่งธรรมชาติโหม่งบอลดีกว่าแบ็กอยู่แล้ว ตรงนี้คือสิ่งที่ 4 กองหลังเลสเตอร์ เชี่ยวชาญ


        ดีนี่ย์ จึงยืนยันว่าการโจมตีเกมรับเลสเตอร์ ทำได้ยาก...และนี่คือปัจจัยพื้นฐานที่ทำให้พวกเขามาถึงจุดที่กำลังจะเป็นแชมป์


        ''เมื่อเกมรับแน่น รัดกุม การโจมตีไปข้างหน้าจะทำได้มั่นใจ แต่เลสเตอร์ เป็นทีมที่จะเล่นบอลน้อยจังหวะ ทะลุทะลวงจากเกมโต้กลับ ไม่เสียเวลาครองบอลนาน โดยไม่จำเป็น บอลจะถึงแดนหลังคู่แข่งจากการโต้ โดยมีกองหน้าที่มีความเร็ว''


        จุดนี้สอดคล้องกับสิ่งที่ โค้ชตุ้ม เคยวิเคราะห์ว่า ให้นับหนึ่งถึง 10 การรุกของเลสเตอร์ จะจบลงทันที


        จบลงอย่างใดอย่างหนึ่ง..เช่นได้ยิง..ได้เตะมุมหรือคู่แข่งสกัดบอลออกด้านข้างไป


        พวกเขาจะทำเร็ว ไม่เสียเวลา ถ้าในศัพท์ที่โค้ชผู้ร่ำเรียนศาสตร์ลูกหนังมาจะยืนยันว่า ในการรุกแต่ละครั้งต้อง  END PRODUCT คือจบให้ได้อย่างใดอย่างหนึ่ง บอลถ้าบุกไปแล้ว ไม่จบหรือจบไม่ได้


        โอกาสได้ประตูก็น้อยลง....


        เลสเตอร์ ซิตี้ เป็นทีมที่จะใช้จังหวะไม่เปลืองในเกมรุกเหมือนที่โค้ชตุ้ม วิเคราะห์ ในแบบฉบับของเขาที่บอกให้นับหนึ่งถึง 10 เมื่อเลสเตอร์ ขึ้นบอล เขาเคยนับได้นานสุดคือ 15 วินาที แล้วจะต้องปิดจังหวะการขึ้นบอลนั้น


        ถ้าจะได้กับเกมที่พบ เวสต์แฮม ประตูแรกของ วาร์ดี้ มาจากบอล 6 จังหวะกับ 4 นักเตะ จาก แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล เตะให้ มาห์เรซ ถึง ก็องเต้จับหนึ่งครั้ง แล้วส่ง ให้ วาร์ดี้ จับเข้าเขตโทษแล้วยิงเข้าไป


        ผมอ่านบทวิเคราะห์ของ ดีนี่ย์ ดาวยิงผู้สัมผัสกับเลสเตอร์ และมันสอดคล้องกับการวิเคราะห์ของ โค้ชตุ้ม ซึ่งแน่นอนอาจสนิทสนมกัน แต่ผมเชื่อว่าถ้าใครดูแกวิเคราะห์จะพบว่า มันมาจากมุมมองของอดีตนักเตะระดับท็อปของเมืองไทยยุค ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน และแกเคยเป็นโค้ชมาแล้วด้วย


        ตรงนี้ทำให้มองภาพกว้างๆ ออก


        อีกจุดหนึ่งที่ ดีนี่ย์ บอกคือ ''กองเชียร์ เลสเตอร์ ในคิง เพาเวอร์''


        ''พวกเขามักมี  cardboard clappers ที่แฟนบอลคอยตี เพื่อกระตุ้นให้นักเตะวิ่ง'' บ้านเราคงคล้ายๆ มือตบ แต่มันเป็นพัดสีน้ำเงิน อะไรประมาณนั้น ซึ่ง ดีนี่ย์ บอกว่าเขาเตะกับเลสเตอร์ มานานหลายปี และนี่คือเอกลักษณ์ของแฟนเลสเตอร์


        ''แฟนบอลในคิง เพาเวอร์ มีส่วนอย่างยิ่งในการหนุนหลังนักเตะทั้งทีม''


        แน่นอนครับตอนนี้ใครๆ ก็พูดกันถึง เลสเตอร์ ซิตี้ ที่กำลังจะสร้างตำนานเทพนิยายหรือ แฟร์รี่ เทล ให้โลกจดจำ เหลืออีก 9 คะแนน พวกเขาต้องการทุกแต้ม หรือไม่หาก สเปอร์ส พลาดในจังหวะที่แข่งทีหลัง


        พวกเขาจะเข้าใกล้แชมป์ได้ง่ายขึ้น


        ไปถามใครในเวลานี้....ทุกคนลงความเห็นและตัดสินยกแชมป์ให้ เลสเตอร์ ซิตี้ กันไปหมดทั้งโลกแล้ว


        ไม่ว่าปีหน้าทีมผู้ร่ำรวยเงินทองจะทุ่มซื้อโค้ชและนักเตะชื่อดังมาเสริมทีมมากมายขนาดไหน หากเลสเตอร์ คว้าแชมป์ในปีนี้


        ฟุตบอลในหลาย ๆ ครั้งจะเป็นเรื่องของ ''ความมุ่งมั่น, ทุ่มเท, ความพยายาม'' ที่สามารถเอาชนะ ''เงิน'' ได้นั่นเอง






JACKIE
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่