เอาข่าวบทวิเคราะห์จากคุณ Jackie เกี่ยวกับเกมรับของ 4 ทีมนำใน EPL หลังจากผ่านไป 25 นัด มาฝาก
--------------------------------
เครดิตที่มา :
http://www.siamsport.co.th/Column/160209_049.html
พรีเมียร์ลีกผ่านนัดที่ 25 นั่นหมายความว่าระยะทางผ่านไปแล้ว 2 จาก 3 ส่วนของทั้งหมด ตอนนี้เหลืออีก 13 นัดเท่านั้น
วันนี้เลสเตอร์ ซิตี้ รั้งจ่าฝูงพร้อมด้วยแต้มนำ 5 ล่าสุดถูกยกให้เป็นเต็งหนึ่งที่มีโอกาสคว้าแชมป์มากที่สุด จากที่ก่อนเปิดฤดูกาลพวกเขามีอัตราความน่าจะเป็นที่ 5,000-1 ตอนนี้โอกาสแชมป์ของพวกเขาอยู่ที่ 7-4
ก่อนเปิดซีซั่นมีใครแอบไปวางเดิมพันนี้บ้างมั้ย
ถึงจุดนี้ไม่ว่าเราจะมองว่าลีกนี้มันดูผิดรูปแบบไปหน่อย หมายถึงทีมเต็ง ทีมวาง ไม่ได้โชว์ฟอร์มสมราคา ขนาดแมนฯ ซิตี้ ใช้นักเตะที่มีมูลค่า 200 ล้านกว่าปอนด์ เตะกับเลสเตอร์ วันก่อนมีมูลค่า 22 ล้านปอนด์
ทั้งทีมยังไม่เท่าค่าตัวของ ราฮีม สเตอร์ลิง แต่กลับสามารถบุกไปจัดการอย่างราบคาบ ต้องยกให้เครดิตให้พวกเขาเต็มๆ
มีคำถามว่า ปัจจัยไหนกันแน่ที่พาพวกเขามาถึงจุดนี้ได้
ถ้าถามคำถามนี้...ขอเหมายกให้กับ 4 ทีมกลุ่มลุ้นแชมป์เลยว่า มันมีแนวร่วมเหมือนกันอยู่อย่างหนึ่งที่ส่งผลให้สามสี่ทีมนี้ยืนระยะลุ้นแชมป์กันได้อย่างสนุก ตื่นเต้น อาจแตกต่างกันคงเป็นเรื่องการคอนโทรลผลแข่ง
ข้อนี้...เลสเตอร์ ชนะขาด เพราะพวกเขาแพ้แค่ 2 นัดเท่านั้นเอง
โอเค...ที่ผมระบุว่ามันมีปัจจัยที่เป็นแนวร่วมส่งให้สามสี่ทีมนี้มาร่วมลุ้นแชมป์กันได้ ปัจจัยนั้นคืออะไร
ไม่ซับซ้อนซ่อนเงื่อน มองด้วยตาเปล่าก็เห็นนั่นคือ "เกมรับ"
defensive line ที่เหมารวมหมดทั้งทีม มันคือการป้องกันเกมรุกคู่แข่ง โดยมีกองหลังเป็นแกนนำทำให้ทีมเจาะยาก รัดกุม เหนียวแน่น โดยมีกองกลางและกองหน้าช่วยงาน ทางอ้อม แต่ทางตรงคือกองหลัง
ถ้าเราจะยกวลีอมตะของ NFL มาใช้พอได้อยู่ "เกมรุก ทำให้สนุก ดึงผู้ชมมีส่วนร่วม แต่เกมรับทำให้คว้าแชมป์"
อันนี้จะคล้ายแนวทางที่ เดนเวอร์ บรองโกส์ ใช้ยุทธวิธีเกมรับนำขบวนจนหยุดยั้งเกมรุกที่ดีที่สุดอย่าง แคโรไลนา แพนเธอร์ส ที่เก่งในฤดูกาลปกติ และช่วงเพลย์ออฟ แต่พอชิงโบว์ล กลับเจอเกมรับของบรองโกส์ จัดการอยู่หมัดเล่นเอา แคม นิวตัน ไปไม่เป็น
เหมือนกันครับผมมองว่า 4 ทีมดังในลีกมีผลงานเกมรับที่เป็นพื้นฐานทำให้เดินไปข้างหน้าได้และลุ้นแชมป์ได้ ทั้งสี่ทีมมีศักยภาพเกมรับแตกต่างกันออกไป อันดับคะแนนมันไม่เคยโกหก คิดเฉพาะเกมรับนะครับ
เรียงตามลำดับพอได้อยู่
เลสเตอร์ ผมเขียนถึงไปแล้วว่าพวกเขามีแนวรับที่รัดกุม ปึ้ก ได้กองกลางมาช่วย กองหน้าก็ช่วยทำให้ดูแน่น ซึ่งเลสเตอร์ อาจมีเกมรับหรือเล่นเกมรับแตกต่างจากสามทีมอย่าง สเปอร์ส, อาร์เซน่อล และ แมนฯ ซิตี้ เพราะเลสเตอร์ เล่นเกมรับแค่ครึ่งสนามฝั่งเดียวคือในแดนตัวเอง ดังนั้นพวกเขาจึงมั่นใจกับกลยุทธ์รับในแดน
รับแบบคุมคน...คุมพื้นที่...ถอยรับลึกหน้าเขตแบ็กและเมื่อต้องป้องกันกรอบ 18 หลา เราจะเห็นผู้เล่นเลสเตอร์ 6-7 คน กองกันเต็มไปหมด เรียกว่าเจาะยากลำบากเหลือเกิน อย่างเกมล่าสุดเล่นกับแมนฯ ซิตี้ เราเห็นว่า ซิลบา, กุน ราฮีม เข้าไปในกรอบโทษนับครั้งได้
เลสเตอร์ น่าจะเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนเกี่ยวกับเกมรับ คือปัจจัยนำพวกเขามาถึงจุดนี้
แน่นอนครับด้วยสไตล์ของเลสเตอร์ และ เคลาดิโอ รานิเอรี่ กุนซือชาวอิตาเลียน ผู้เชี่ยวชาญพิเศษเกมรับและแท็กติก "ตีหัวเข้าบ้าน" อยู่แล้ว ดังนั้นวิธีรับของเลสเตอร์ จึงใช้ได้ดี เมื่อบวกกับสมาธิ ความตั้งใจของนักเตะ ทำให้กลยุทธ์นี้เวิร์ก
เลสเตอร์ แพ้ 2 ครั้ง และเสียประตูในลีก 27 ลูกมากกว่าแมนฯ ซิตี้ อันดับ 4 อยู่ 1 ลูก แต่การเสียประตูของเลสเตอร์ในเชิงคุณภาพพบว่าพวกเขาเสียประตูเยอะในเกมที่ไม่แพ้นะครับ พวกเขาเอาตัวรอดจากความพ่ายแพ้ในเกมที่เสียประตูเยอะ
ออกเสมอและชนะก็มี
สิ่งที่น่าสนใจคือ...เลสเตอร์ มีกองหลังที่ไม่เปราะบาง หมายถึงแกร่งทั่วแผ่นและเจาะยากอยู่
เมื่อเกมรับแน่นหนา ทำให้สามารถโต้ได้ และเมื่อโต้แล้วมีประสิทธิภาพ ทำได้ประตู มันเข้าทาง เข้าแผนของพวกเขาหมด
นายด่านสุดท้ายก็ไม่มีลูกเหวอน่าเกลียด และพลาดง่ายๆ แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล อาจไม่ถึงระดับพ่อของเขา แต่เขากลายเป็นคนที่ทำให้กองหลังเล่นอย่างสบายใจ ทั้ง เวส มอร์แกน คู่ โรเบิร์ต ฮูธ แบ็กสองข้าง คริสเตียน ฟุคส์ และ แดนนี่ ซิมพ์สัน บวกกับก็องเต้ ที่ช่วยนำแดนกลางมาทำให้แน่นขึ้น
"จ่าฝูง" ของพวกเขามาจากแนวทางเกมรับที่ดูรัดกุม
อย่างไรก็ตาม...ถ้าตรงจุดนั้นนำให้ทีมมาลุ้นแชมป์ ผมคิดว่า สเปอร์ส มีเกมรับที่ดีที่สุดในลีกในแง่ปริมาณและคุณภาพ
สเปอร์สเป็นทีมที่เสียประตูน้อยที่สุดในลีกด้วยชุดเกมรับอย่าง แฟร์ต็องเก้นคู่กับอัลเดอร์ไวเรลด์ แบ็กสองข้างมีให้เลือก 4 จะ ไคล์ วอล์คเกอร์, ทริปเปียร์ หรือฝั่ง เบน เดวิส กับ แดนนี่ โรส ที่เลือกได้สบายใจ
คู่เซนเตอร์เบลเยียมช่วยทำให้ทีมมีเกมรับที่มั่นคง ถึง 25 นัดสเปอร์ส เสียประตูไป 19 ลูก เสียน้อยกว่าจำนวนนัดที่ลงสนาม...ถ้าจะมีอะไรที่ทำให้พวกเขาไม่สามารถเป็น "จ่าฝูง" ได้คงเป็นเรื่องเสมอเยอะไปหน่อย แต้มหล่นไปทางนั้น
สเปอร์ส ยอดเยี่ยมด้วยเกมรับจริงๆ
อีกทีมหนึ่งที่กองหลังแน่น รัดกุมและเป็นพื้นฐานให้ทีมเดินหน้าคืออาร์เซน่อล พวกเขาเสียประตู 22 ลูก น้อยสุดเป็นอันดับสองรองจากสเปอร์ส โดยมี ปีเตอร์ เช็ก รักษาสกอร์ให้สะอาดไม่โดนยิงถึง 12 นัด เรียกว่าครึ่งหนึ่งของจำนวนนัดที่เล่น
กอสซิแอลนี่, แมร์เตซัคเคอร์, กาเบรียล คือกลุ่มเซนเตอร์ฮาล์ฟของทีมมีฟูลแบ็กที่ลงตัว นาโช่ มอนเรอัล, เบเยริน เป็นสี่ประสานแดนหลัง และล่าสุดข่าวดีคือ โกเกอแล็ง กลับมา ทำให้หลังอาร์เซน่อลน่าจะแน่นหนาขึ้นกว่าเดิม
หลังที่แน่นของปืน เป็นพื้นฐานไปข้างหน้า แต่ที่พวกเขาชนะไม่เยอะและหลุดเสมอบ่อยเพราะความไม่เด็ดขาดนั่นเอง โดยเฉพาะนัดที่เสมอเซาธ์แฮมป์ตันแบบน่าชนะ และก็อีกหลายๆ นัดที่น่าชนะเพราะเล่นได้ดีแต่ยิงไม่เข้า
ตรงนี้เวนเกอร์ต้องกระตุ้นลูกทีมอย่างหนักใน 13 นัดสุดท้ายโดยเฉพาะการรับมือเลสเตอร์ ซิตี้ ในเอมิเรตส์ วันอาทิตย์นี้ รับประกันได้เลยนะครับว่า ถ้าพวกเขาไม่พกความคม ความเด็ดขาดในการปิดเกม
พวกเขาจะเสียโอกาสในการหยุดเลสเตอร์ ซิตี้ หรือทำให้เลสเตอร์ กดดันอย่างหนักหน่วง
ปิดท้ายที่แมนฯ ซิตี้ กลายเป็นทีมที่มีปัญหาเกมรับมากสุดในกลุ่มลุ้นแชมป์ เพราะคู่เซนเตอร์ไม่ลงตัว โอตาเมนดี้ เป็นตัวหลักแต่ก็ไม่รู้ว่าจะเล่นกับใครดี ในช่วงที่ ก็องปานี เจ็บ คู่ขาของเขาสลับหน้ากันตลอดเวลา
ล่าสุดมาลงที่ เดมิเคลิส...อายุมาก...ช้า ไม่ทันเกม เป็นบ่อให้คู่แข่ง โดยเฉพาะเกมล่าสุดแนวรุกเลสเตอร์ เลี้ยงหลบสบาย และยิ่งพวกเขาเล่นบอลบุก หลังลอยสูง ถ้าเกมรับไม่แน่น ไม่ชัวร์ มันจะเป็นโทษมากกว่า
เหมือนเกมที่เลสเตอร์ บุกถล่ม 3-1 เพราะเกมรับทำพัง
ป้องกันลูกเตะมุมไม่ดี...ตัวต่อตัวเอาไม่อยู่ แนวรับหลวมๆ กลายเป็นปัญหาใหญ่ของพวกเขาไปแล้ว
ลองติดตามดูนะครับ 13 นัดนับจากนี้ เกมรับที่เป็นปัจจัยพื้นฐานในกลุ่มลุ้นแชมป์จะส่งให้ทีมของพวกเขาไปถึงเส้นชัยได้หรือไม่ แม้เกมรุกคือตัวตัดสินชัยชนะ แต่ถ้าเกมรับไม่อยู่กับร่องกับรอยและเป็นแบ็กให้ทีมเดินหน้า
ตัวอย่างมีให้เห็นสำหรับทีมกลุ่มกลางตารางและท้ายตาราง ทีมกลุ่มนี้เกมรับแย่ จนทำให้เกมรุกท้อแท้ หมดกำลังใจ ยิงได้...แต่กองหลังพร้อมเสีย
ประเด็นนี้ไม่มีในกลุ่ม 4 ทีมนำที่ร่วมกันลุ้นแชมป์เวลานี้
ดังนั้น 13 นัดสุดท้าย ผมมองว่ากลุ่มผู้นำน่าจะวัดกันที่เกมรับของ 4 ทีม...
ทีมไหนรัดกุม มั่นคง ปึ้ก...เอาแชมป์พรีเมียร์ลีกไปครองได้เลย
Jackie
2 ใน 3 ของระยะทางกับการเป็นทีมนำในตาราง EPL
--------------------------------
เครดิตที่มา : http://www.siamsport.co.th/Column/160209_049.html
พรีเมียร์ลีกผ่านนัดที่ 25 นั่นหมายความว่าระยะทางผ่านไปแล้ว 2 จาก 3 ส่วนของทั้งหมด ตอนนี้เหลืออีก 13 นัดเท่านั้น
วันนี้เลสเตอร์ ซิตี้ รั้งจ่าฝูงพร้อมด้วยแต้มนำ 5 ล่าสุดถูกยกให้เป็นเต็งหนึ่งที่มีโอกาสคว้าแชมป์มากที่สุด จากที่ก่อนเปิดฤดูกาลพวกเขามีอัตราความน่าจะเป็นที่ 5,000-1 ตอนนี้โอกาสแชมป์ของพวกเขาอยู่ที่ 7-4
ก่อนเปิดซีซั่นมีใครแอบไปวางเดิมพันนี้บ้างมั้ย
ถึงจุดนี้ไม่ว่าเราจะมองว่าลีกนี้มันดูผิดรูปแบบไปหน่อย หมายถึงทีมเต็ง ทีมวาง ไม่ได้โชว์ฟอร์มสมราคา ขนาดแมนฯ ซิตี้ ใช้นักเตะที่มีมูลค่า 200 ล้านกว่าปอนด์ เตะกับเลสเตอร์ วันก่อนมีมูลค่า 22 ล้านปอนด์
ทั้งทีมยังไม่เท่าค่าตัวของ ราฮีม สเตอร์ลิง แต่กลับสามารถบุกไปจัดการอย่างราบคาบ ต้องยกให้เครดิตให้พวกเขาเต็มๆ
มีคำถามว่า ปัจจัยไหนกันแน่ที่พาพวกเขามาถึงจุดนี้ได้
ถ้าถามคำถามนี้...ขอเหมายกให้กับ 4 ทีมกลุ่มลุ้นแชมป์เลยว่า มันมีแนวร่วมเหมือนกันอยู่อย่างหนึ่งที่ส่งผลให้สามสี่ทีมนี้ยืนระยะลุ้นแชมป์กันได้อย่างสนุก ตื่นเต้น อาจแตกต่างกันคงเป็นเรื่องการคอนโทรลผลแข่ง
ข้อนี้...เลสเตอร์ ชนะขาด เพราะพวกเขาแพ้แค่ 2 นัดเท่านั้นเอง
โอเค...ที่ผมระบุว่ามันมีปัจจัยที่เป็นแนวร่วมส่งให้สามสี่ทีมนี้มาร่วมลุ้นแชมป์กันได้ ปัจจัยนั้นคืออะไร
ไม่ซับซ้อนซ่อนเงื่อน มองด้วยตาเปล่าก็เห็นนั่นคือ "เกมรับ"
defensive line ที่เหมารวมหมดทั้งทีม มันคือการป้องกันเกมรุกคู่แข่ง โดยมีกองหลังเป็นแกนนำทำให้ทีมเจาะยาก รัดกุม เหนียวแน่น โดยมีกองกลางและกองหน้าช่วยงาน ทางอ้อม แต่ทางตรงคือกองหลัง
ถ้าเราจะยกวลีอมตะของ NFL มาใช้พอได้อยู่ "เกมรุก ทำให้สนุก ดึงผู้ชมมีส่วนร่วม แต่เกมรับทำให้คว้าแชมป์"
อันนี้จะคล้ายแนวทางที่ เดนเวอร์ บรองโกส์ ใช้ยุทธวิธีเกมรับนำขบวนจนหยุดยั้งเกมรุกที่ดีที่สุดอย่าง แคโรไลนา แพนเธอร์ส ที่เก่งในฤดูกาลปกติ และช่วงเพลย์ออฟ แต่พอชิงโบว์ล กลับเจอเกมรับของบรองโกส์ จัดการอยู่หมัดเล่นเอา แคม นิวตัน ไปไม่เป็น
เหมือนกันครับผมมองว่า 4 ทีมดังในลีกมีผลงานเกมรับที่เป็นพื้นฐานทำให้เดินไปข้างหน้าได้และลุ้นแชมป์ได้ ทั้งสี่ทีมมีศักยภาพเกมรับแตกต่างกันออกไป อันดับคะแนนมันไม่เคยโกหก คิดเฉพาะเกมรับนะครับ
เรียงตามลำดับพอได้อยู่
เลสเตอร์ ผมเขียนถึงไปแล้วว่าพวกเขามีแนวรับที่รัดกุม ปึ้ก ได้กองกลางมาช่วย กองหน้าก็ช่วยทำให้ดูแน่น ซึ่งเลสเตอร์ อาจมีเกมรับหรือเล่นเกมรับแตกต่างจากสามทีมอย่าง สเปอร์ส, อาร์เซน่อล และ แมนฯ ซิตี้ เพราะเลสเตอร์ เล่นเกมรับแค่ครึ่งสนามฝั่งเดียวคือในแดนตัวเอง ดังนั้นพวกเขาจึงมั่นใจกับกลยุทธ์รับในแดน
รับแบบคุมคน...คุมพื้นที่...ถอยรับลึกหน้าเขตแบ็กและเมื่อต้องป้องกันกรอบ 18 หลา เราจะเห็นผู้เล่นเลสเตอร์ 6-7 คน กองกันเต็มไปหมด เรียกว่าเจาะยากลำบากเหลือเกิน อย่างเกมล่าสุดเล่นกับแมนฯ ซิตี้ เราเห็นว่า ซิลบา, กุน ราฮีม เข้าไปในกรอบโทษนับครั้งได้
เลสเตอร์ น่าจะเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนเกี่ยวกับเกมรับ คือปัจจัยนำพวกเขามาถึงจุดนี้
แน่นอนครับด้วยสไตล์ของเลสเตอร์ และ เคลาดิโอ รานิเอรี่ กุนซือชาวอิตาเลียน ผู้เชี่ยวชาญพิเศษเกมรับและแท็กติก "ตีหัวเข้าบ้าน" อยู่แล้ว ดังนั้นวิธีรับของเลสเตอร์ จึงใช้ได้ดี เมื่อบวกกับสมาธิ ความตั้งใจของนักเตะ ทำให้กลยุทธ์นี้เวิร์ก
เลสเตอร์ แพ้ 2 ครั้ง และเสียประตูในลีก 27 ลูกมากกว่าแมนฯ ซิตี้ อันดับ 4 อยู่ 1 ลูก แต่การเสียประตูของเลสเตอร์ในเชิงคุณภาพพบว่าพวกเขาเสียประตูเยอะในเกมที่ไม่แพ้นะครับ พวกเขาเอาตัวรอดจากความพ่ายแพ้ในเกมที่เสียประตูเยอะ
ออกเสมอและชนะก็มี
สิ่งที่น่าสนใจคือ...เลสเตอร์ มีกองหลังที่ไม่เปราะบาง หมายถึงแกร่งทั่วแผ่นและเจาะยากอยู่
เมื่อเกมรับแน่นหนา ทำให้สามารถโต้ได้ และเมื่อโต้แล้วมีประสิทธิภาพ ทำได้ประตู มันเข้าทาง เข้าแผนของพวกเขาหมด
นายด่านสุดท้ายก็ไม่มีลูกเหวอน่าเกลียด และพลาดง่ายๆ แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล อาจไม่ถึงระดับพ่อของเขา แต่เขากลายเป็นคนที่ทำให้กองหลังเล่นอย่างสบายใจ ทั้ง เวส มอร์แกน คู่ โรเบิร์ต ฮูธ แบ็กสองข้าง คริสเตียน ฟุคส์ และ แดนนี่ ซิมพ์สัน บวกกับก็องเต้ ที่ช่วยนำแดนกลางมาทำให้แน่นขึ้น
"จ่าฝูง" ของพวกเขามาจากแนวทางเกมรับที่ดูรัดกุม
อย่างไรก็ตาม...ถ้าตรงจุดนั้นนำให้ทีมมาลุ้นแชมป์ ผมคิดว่า สเปอร์ส มีเกมรับที่ดีที่สุดในลีกในแง่ปริมาณและคุณภาพ
สเปอร์สเป็นทีมที่เสียประตูน้อยที่สุดในลีกด้วยชุดเกมรับอย่าง แฟร์ต็องเก้นคู่กับอัลเดอร์ไวเรลด์ แบ็กสองข้างมีให้เลือก 4 จะ ไคล์ วอล์คเกอร์, ทริปเปียร์ หรือฝั่ง เบน เดวิส กับ แดนนี่ โรส ที่เลือกได้สบายใจ
คู่เซนเตอร์เบลเยียมช่วยทำให้ทีมมีเกมรับที่มั่นคง ถึง 25 นัดสเปอร์ส เสียประตูไป 19 ลูก เสียน้อยกว่าจำนวนนัดที่ลงสนาม...ถ้าจะมีอะไรที่ทำให้พวกเขาไม่สามารถเป็น "จ่าฝูง" ได้คงเป็นเรื่องเสมอเยอะไปหน่อย แต้มหล่นไปทางนั้น
สเปอร์ส ยอดเยี่ยมด้วยเกมรับจริงๆ
อีกทีมหนึ่งที่กองหลังแน่น รัดกุมและเป็นพื้นฐานให้ทีมเดินหน้าคืออาร์เซน่อล พวกเขาเสียประตู 22 ลูก น้อยสุดเป็นอันดับสองรองจากสเปอร์ส โดยมี ปีเตอร์ เช็ก รักษาสกอร์ให้สะอาดไม่โดนยิงถึง 12 นัด เรียกว่าครึ่งหนึ่งของจำนวนนัดที่เล่น
กอสซิแอลนี่, แมร์เตซัคเคอร์, กาเบรียล คือกลุ่มเซนเตอร์ฮาล์ฟของทีมมีฟูลแบ็กที่ลงตัว นาโช่ มอนเรอัล, เบเยริน เป็นสี่ประสานแดนหลัง และล่าสุดข่าวดีคือ โกเกอแล็ง กลับมา ทำให้หลังอาร์เซน่อลน่าจะแน่นหนาขึ้นกว่าเดิม
หลังที่แน่นของปืน เป็นพื้นฐานไปข้างหน้า แต่ที่พวกเขาชนะไม่เยอะและหลุดเสมอบ่อยเพราะความไม่เด็ดขาดนั่นเอง โดยเฉพาะนัดที่เสมอเซาธ์แฮมป์ตันแบบน่าชนะ และก็อีกหลายๆ นัดที่น่าชนะเพราะเล่นได้ดีแต่ยิงไม่เข้า
ตรงนี้เวนเกอร์ต้องกระตุ้นลูกทีมอย่างหนักใน 13 นัดสุดท้ายโดยเฉพาะการรับมือเลสเตอร์ ซิตี้ ในเอมิเรตส์ วันอาทิตย์นี้ รับประกันได้เลยนะครับว่า ถ้าพวกเขาไม่พกความคม ความเด็ดขาดในการปิดเกม
พวกเขาจะเสียโอกาสในการหยุดเลสเตอร์ ซิตี้ หรือทำให้เลสเตอร์ กดดันอย่างหนักหน่วง
ปิดท้ายที่แมนฯ ซิตี้ กลายเป็นทีมที่มีปัญหาเกมรับมากสุดในกลุ่มลุ้นแชมป์ เพราะคู่เซนเตอร์ไม่ลงตัว โอตาเมนดี้ เป็นตัวหลักแต่ก็ไม่รู้ว่าจะเล่นกับใครดี ในช่วงที่ ก็องปานี เจ็บ คู่ขาของเขาสลับหน้ากันตลอดเวลา
ล่าสุดมาลงที่ เดมิเคลิส...อายุมาก...ช้า ไม่ทันเกม เป็นบ่อให้คู่แข่ง โดยเฉพาะเกมล่าสุดแนวรุกเลสเตอร์ เลี้ยงหลบสบาย และยิ่งพวกเขาเล่นบอลบุก หลังลอยสูง ถ้าเกมรับไม่แน่น ไม่ชัวร์ มันจะเป็นโทษมากกว่า
เหมือนเกมที่เลสเตอร์ บุกถล่ม 3-1 เพราะเกมรับทำพัง
ป้องกันลูกเตะมุมไม่ดี...ตัวต่อตัวเอาไม่อยู่ แนวรับหลวมๆ กลายเป็นปัญหาใหญ่ของพวกเขาไปแล้ว
ลองติดตามดูนะครับ 13 นัดนับจากนี้ เกมรับที่เป็นปัจจัยพื้นฐานในกลุ่มลุ้นแชมป์จะส่งให้ทีมของพวกเขาไปถึงเส้นชัยได้หรือไม่ แม้เกมรุกคือตัวตัดสินชัยชนะ แต่ถ้าเกมรับไม่อยู่กับร่องกับรอยและเป็นแบ็กให้ทีมเดินหน้า
ตัวอย่างมีให้เห็นสำหรับทีมกลุ่มกลางตารางและท้ายตาราง ทีมกลุ่มนี้เกมรับแย่ จนทำให้เกมรุกท้อแท้ หมดกำลังใจ ยิงได้...แต่กองหลังพร้อมเสีย
ประเด็นนี้ไม่มีในกลุ่ม 4 ทีมนำที่ร่วมกันลุ้นแชมป์เวลานี้
ดังนั้น 13 นัดสุดท้าย ผมมองว่ากลุ่มผู้นำน่าจะวัดกันที่เกมรับของ 4 ทีม...
ทีมไหนรัดกุม มั่นคง ปึ้ก...เอาแชมป์พรีเมียร์ลีกไปครองได้เลย
Jackie