รังสี UV จริง ๆ แล้วก็มีทั้งโทษและประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายเรา ทว่ารู้สึกกันไหมคะว่าอากาศช่วงนี้ร้อนมากเป็นพิเศษ แถมทางกระทรวงสาธารณสุขยังออกโรงเตือนมาอีกว่าถ้าไม่จำเป็นอย่าอยู่กลางแจ้งและโดนแสงแดดตรง ๆ จะดีกว่า (อ่านข่าว : เตือนระวังรังสียูวี แนะเลี่ยงอยู่กลางแดดช่วง 10.00-14.00 น.)
1. กระจกตาอักเสบ
อาการกระจกตาอักเสบพบบ่อยขึ้นเรื่อย ๆ โดยผู้ป่วยจะมีอาการแสบตา น้ำตาไหล แพ้แสง ตาแดง ซึ่งเป็นอาการตาอักเสบระยะแรก ๆ ก่อนจะลามไปเป็นต้อเนื้อ ต้อลม หรือต้อกระจก หากยังปล่อยให้รังสียูวีทำร้ายดวงตาต่อไปนาน ๆ
2. โรคต้อกระจก
รังสียูวีส่งผลให้เกิดต้อกระจกได้ง่าย และทำให้จอตาเสื่อมสภาพลง โดยทั้งสองกรณีนี้มีการสันนิษฐานว่า แสงยูวีอาจกระตุ้นการสร้างอนุมูลอิสระที่เป็นสาเหตุให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของโปรตีนและเกิดปฏิกิริยากับไขมันที่ก่อให้เกิดมะเร็งได้
และแม้ว่าต้อกระจกจะสามารถเกิดขึ้นได้เมื่อเรามีอายุมากขึ้น ทว่าสิ่งที่เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดต้อกระจกได้เร็วขึ้นนั่นก็คือเจ้ารังสียูวีตัวร้าย และนี่ก็คือเหตุผลว่าทำไมนักกีฬาส่วนใหญ่ที่ต้องอยู่กลางแจ้งบ่อย ๆ แม้จะอายุยังไม่มาก ก็มักจะเป็นต้อกระจกได้ ซึ่งต้นเหตุก็เป็นเพราะได้รับแสงยูวีในปริมาณที่มากเกินไปนั่นเองค่ะ
ทั้งนี้อาการของโรคต้อกระจกก็คือ เลนส์แก้วตาจะเริ่มขุ่นมัวทีละน้อย ๆ แต่หากเป็นมาก ๆ เข้า ความขุ่นมัวจะลุกลามเข้าไปถึงส่วนกลางของกระจกตา ซึ่งจะทำให้การมองเห็นไม่ชัดเจนเหมือนปกติ
3. โรคต้อเนื้อ
ต้อเนื้อเป็นการเสื่อมของเยื่อบุตา กลายเป็นเนื้อสีแดงรูปสามเหลี่ยมยื่นเข้าสู่ตาดำ เกิดจากเยื่อบุตาส่วนนั้นถูกแสงยูวีจากดวงอาทิตย์มากเกินไป โดยหากเป็นต้อเนื้อแล้ว จะรู้สึกเคืองตา แสบตา คันตา ตาแดง น้ำตาไหล และอาการจะเป็นมากขึ้นเมื่ออยู่กลางแจ้ง โดนแดดและโดนลม ในผู้ที่เป็นน้อยมักไม่มีอาการผิดปกติ ซึ่งอาจดูเหมือนไม่อันตราย แต่ในบางกรณี หากต้อเนื้อลุกลามไปบดบังตรงกลางของกระจกตา อาจมีผลต่อการมองเห็นได้ค่ะ
4. มะเร็งผิวหนัง
รังสี UV จะทำลาย DNA (genotoxic) ซึ่งอาจทำให้เกิดโรคมะเร็งผิวหนังได้ และในแสงแดดเองก็มีสารกระตุ้นเซลล์เนื้อร้ายอย่างมะเร็งอยู่แล้ว ดังนั้นหากปล่อยให้ผิวหนังเจอเข้ากับแสงแดดจัด ๆ โดยตรงเป็นเวลานาน ก็อาจจะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงโรคมะเร็งผิวหนังมากขึ้นไปอีก อย่างที่ผลการวิจัยจากเว็บไซต์ Science Learning ที่เผยว่า กว่า 90% ของผู้ป่วยโรคมะเร็งผิวหนัง มีสาเหตุมาจากรังสี UV แทบทั้งสิ้น !
5. ผิวไหม้แดด
อยากได้ผิวสีแทนแล้วไปตากแดดตอนนี้อาจได้ผิวไหม้แดดมาแทนก็ได้ โดยเฉพาะในช่วงนี้ที่รังสียูวีมีความเข้มข้นสูงมากเป็นพิเศษ ซึ่งอาจแผดเผาเซลล์ผิวของเราให้เสียหายได้ง่าย ๆ ยิ่งหากตากแดดนาน ๆ ผิวได้รับรังสียูวีเกินขนาด เส้นเลือดก็จะพยายามไหลเวียนมายังเซลล์ผิวที่ถูกรังสียูวีทำลาย เป็นเหตุให้ผิวของเรามีสีแดงจัดก่อนจะพบว่ากลายเป็นผิวไหม้เกรียมแดดในอีกไม่ช้า และก็แน่นอนว่าย่อมเสี่ยงต่อโรคมะเร็งผิวหนัง ในกรณีที่ปล่อยให้แดดเลียผิวเป็นประจำนะคะ
6. ทำลายเซลล์เม็ดเลือดขาว
นักวิทยาศาสตร์สันนิษฐานว่า รังสียูวีที่ทำให้เกิดอาการผิวไหม้แดดอาจส่งผลกระทบมาถึงการกระจายตัวของเซลล์เม็ดเลือดขาว ซึ่งเป็นเซลล์ที่ช่วยป้องกันและช่วยต่อต้านสิ่งแปลกปลอมที่อาจเป็นอันตรายต่อร่างกาย อีกทั้งยังอาจส่งผลกระทบมาถึงระบบภูมิคุ้มกันได้ภายใน 24 ชั่วโมงหลังถูกแดดเผา และหากกลับไปให้รังสียูวีทำร้ายซ้ำอีกครั้ง ระบบภูมิคุ้มกันก็จะอ่อนแอลงเรื่อย ๆ
7. การติดเชื้อ
อย่างที่บอกว่ารังสียูวีอาจทำลายเซลล์เม็ดเลือดขาว และระบบภูมิคุ้มกันได้ ดังนั้นร่างกายเราจึงสุ่มเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่ายดายขึ้น โดยเฉพาะการติดเชื้อจากปรสิต
8. ทำผิวเหี่ยวย่นก่อนวัย
ยิ่งโดดแดดผิวยิ่งเหี่ยวไว เนื่องจากรังสียูวีสามารถทำลายคอลลาเจนในเซลล์ผิวและเนื้อเยื่อใต้ชั้นผิวหนังของเราได้ ทำให้เกิดปัญหาริ้วรอย จุดด่างดำ ความหมองคล้ำ และรอยเหี่ยวย่นก่อนวัย ซึ่งไม่ได้มีปัญหาแค่เฉพาะผิวหน้านะคะ แต่กับผิวที่โผล่พ้นร่มผ้าอย่างผิวบริเวณคอ แขน ขา ก็อาจได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน และอย่าลืมคิดไปเผื่อความเสี่ยงโรคมะเร็งผิวหนังด้วย ดังนั้นทางที่ดีควรทาครีมกันแดดปกป้องผิวไปในเบื้องต้นทุกครั้งก่อนจะออกแดด
ขอขอบคุณข้อมูลจาก health.kapook.com
Report by LIV APCO
รังสียูวี....มีอันตรายต่อ ผิวหนัง เซลล์เม็ดเลือดขาว และระบบภูมิคุ้มกัน...
1. กระจกตาอักเสบ
อาการกระจกตาอักเสบพบบ่อยขึ้นเรื่อย ๆ โดยผู้ป่วยจะมีอาการแสบตา น้ำตาไหล แพ้แสง ตาแดง ซึ่งเป็นอาการตาอักเสบระยะแรก ๆ ก่อนจะลามไปเป็นต้อเนื้อ ต้อลม หรือต้อกระจก หากยังปล่อยให้รังสียูวีทำร้ายดวงตาต่อไปนาน ๆ
2. โรคต้อกระจก
รังสียูวีส่งผลให้เกิดต้อกระจกได้ง่าย และทำให้จอตาเสื่อมสภาพลง โดยทั้งสองกรณีนี้มีการสันนิษฐานว่า แสงยูวีอาจกระตุ้นการสร้างอนุมูลอิสระที่เป็นสาเหตุให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของโปรตีนและเกิดปฏิกิริยากับไขมันที่ก่อให้เกิดมะเร็งได้
และแม้ว่าต้อกระจกจะสามารถเกิดขึ้นได้เมื่อเรามีอายุมากขึ้น ทว่าสิ่งที่เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดต้อกระจกได้เร็วขึ้นนั่นก็คือเจ้ารังสียูวีตัวร้าย และนี่ก็คือเหตุผลว่าทำไมนักกีฬาส่วนใหญ่ที่ต้องอยู่กลางแจ้งบ่อย ๆ แม้จะอายุยังไม่มาก ก็มักจะเป็นต้อกระจกได้ ซึ่งต้นเหตุก็เป็นเพราะได้รับแสงยูวีในปริมาณที่มากเกินไปนั่นเองค่ะ
ทั้งนี้อาการของโรคต้อกระจกก็คือ เลนส์แก้วตาจะเริ่มขุ่นมัวทีละน้อย ๆ แต่หากเป็นมาก ๆ เข้า ความขุ่นมัวจะลุกลามเข้าไปถึงส่วนกลางของกระจกตา ซึ่งจะทำให้การมองเห็นไม่ชัดเจนเหมือนปกติ
3. โรคต้อเนื้อ
ต้อเนื้อเป็นการเสื่อมของเยื่อบุตา กลายเป็นเนื้อสีแดงรูปสามเหลี่ยมยื่นเข้าสู่ตาดำ เกิดจากเยื่อบุตาส่วนนั้นถูกแสงยูวีจากดวงอาทิตย์มากเกินไป โดยหากเป็นต้อเนื้อแล้ว จะรู้สึกเคืองตา แสบตา คันตา ตาแดง น้ำตาไหล และอาการจะเป็นมากขึ้นเมื่ออยู่กลางแจ้ง โดนแดดและโดนลม ในผู้ที่เป็นน้อยมักไม่มีอาการผิดปกติ ซึ่งอาจดูเหมือนไม่อันตราย แต่ในบางกรณี หากต้อเนื้อลุกลามไปบดบังตรงกลางของกระจกตา อาจมีผลต่อการมองเห็นได้ค่ะ
4. มะเร็งผิวหนัง
รังสี UV จะทำลาย DNA (genotoxic) ซึ่งอาจทำให้เกิดโรคมะเร็งผิวหนังได้ และในแสงแดดเองก็มีสารกระตุ้นเซลล์เนื้อร้ายอย่างมะเร็งอยู่แล้ว ดังนั้นหากปล่อยให้ผิวหนังเจอเข้ากับแสงแดดจัด ๆ โดยตรงเป็นเวลานาน ก็อาจจะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงโรคมะเร็งผิวหนังมากขึ้นไปอีก อย่างที่ผลการวิจัยจากเว็บไซต์ Science Learning ที่เผยว่า กว่า 90% ของผู้ป่วยโรคมะเร็งผิวหนัง มีสาเหตุมาจากรังสี UV แทบทั้งสิ้น !
5. ผิวไหม้แดด
อยากได้ผิวสีแทนแล้วไปตากแดดตอนนี้อาจได้ผิวไหม้แดดมาแทนก็ได้ โดยเฉพาะในช่วงนี้ที่รังสียูวีมีความเข้มข้นสูงมากเป็นพิเศษ ซึ่งอาจแผดเผาเซลล์ผิวของเราให้เสียหายได้ง่าย ๆ ยิ่งหากตากแดดนาน ๆ ผิวได้รับรังสียูวีเกินขนาด เส้นเลือดก็จะพยายามไหลเวียนมายังเซลล์ผิวที่ถูกรังสียูวีทำลาย เป็นเหตุให้ผิวของเรามีสีแดงจัดก่อนจะพบว่ากลายเป็นผิวไหม้เกรียมแดดในอีกไม่ช้า และก็แน่นอนว่าย่อมเสี่ยงต่อโรคมะเร็งผิวหนัง ในกรณีที่ปล่อยให้แดดเลียผิวเป็นประจำนะคะ
6. ทำลายเซลล์เม็ดเลือดขาว
นักวิทยาศาสตร์สันนิษฐานว่า รังสียูวีที่ทำให้เกิดอาการผิวไหม้แดดอาจส่งผลกระทบมาถึงการกระจายตัวของเซลล์เม็ดเลือดขาว ซึ่งเป็นเซลล์ที่ช่วยป้องกันและช่วยต่อต้านสิ่งแปลกปลอมที่อาจเป็นอันตรายต่อร่างกาย อีกทั้งยังอาจส่งผลกระทบมาถึงระบบภูมิคุ้มกันได้ภายใน 24 ชั่วโมงหลังถูกแดดเผา และหากกลับไปให้รังสียูวีทำร้ายซ้ำอีกครั้ง ระบบภูมิคุ้มกันก็จะอ่อนแอลงเรื่อย ๆ
7. การติดเชื้อ
อย่างที่บอกว่ารังสียูวีอาจทำลายเซลล์เม็ดเลือดขาว และระบบภูมิคุ้มกันได้ ดังนั้นร่างกายเราจึงสุ่มเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่ายดายขึ้น โดยเฉพาะการติดเชื้อจากปรสิต
8. ทำผิวเหี่ยวย่นก่อนวัย
ยิ่งโดดแดดผิวยิ่งเหี่ยวไว เนื่องจากรังสียูวีสามารถทำลายคอลลาเจนในเซลล์ผิวและเนื้อเยื่อใต้ชั้นผิวหนังของเราได้ ทำให้เกิดปัญหาริ้วรอย จุดด่างดำ ความหมองคล้ำ และรอยเหี่ยวย่นก่อนวัย ซึ่งไม่ได้มีปัญหาแค่เฉพาะผิวหน้านะคะ แต่กับผิวที่โผล่พ้นร่มผ้าอย่างผิวบริเวณคอ แขน ขา ก็อาจได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน และอย่าลืมคิดไปเผื่อความเสี่ยงโรคมะเร็งผิวหนังด้วย ดังนั้นทางที่ดีควรทาครีมกันแดดปกป้องผิวไปในเบื้องต้นทุกครั้งก่อนจะออกแดด
ขอขอบคุณข้อมูลจาก health.kapook.com
Report by LIV APCO