สวัสดีครับ
ขออนุญาต นำคอลัมน์ "ม็อกค่าปาท่องโก๋" ที่ผมเขียนประจำในเนชั่นสุดสัปดาห์นั้น มาเผยแพร่ให้ได้อ่านกัน เพื่อขอคำแนะนำ คำติชม เพื่อปรับปรุงงานเขียนต่อไปในอนาคตเรื่อยๆครับ ขอบคุณครับ
เนชั่นสุดสัปดาห์ เล่มที่ 1246 - 1247 ประจำวันที่ 15 และ 22 เมษายน 2559
“ม็อคค่าปาท่องโก๋” สัปดาห์นี้ ได้มีโอกาสกลับมาพูดคุยกับ “ยิปโซ” หนึ่งในนางเอกหนังไทยชื่อดัง ที่ได้เคยฝากผลงานหนังไทยไว้มากมาย อย่างเช่น “สุดเขตสเลดเป็ด” “ส.ค.ส.สวีทตี้” “วาเลนไทน์ สวีทตี้” “ฟัตจังโตะ” ซึ่งในวันนี้เธอกลับมาพร้อมกับชื่อใหม่ “อริย์กันตา มหพฤกษ์พงศ์” ในผลงานหนังผีไทยรวมมิตรเรื่องล่าสุด จากทางค่าย m๓๙ นั่นก็คือ “11.12.13 รักกันจะตาย” (“ยิปโซ” เล่นเป็นนางเอกในตอนที่ชื่อว่า “13”) ผลงานการกำกับของ “สราวุธ วิเชียรสาร”
Mr. Coffee : ตัดสินใจอย่างไรถึงรับเล่นหนังผี
ยิปโซ : เพราะพี่เอมี่ (จันทิมา เลียวศิริกุล ผู้บริหารระดับสูงของ m๓๙) ชวนค่ะ คือด้วยความที่ยิปอยู่กับพี่เอมี่มานานแล้วอ่ะค่ะ อยู่กับ m๓๙ มานาน เราค่อนข้างเชื่อใจอยู่แล้ว ว่าบทอะไรก็ตามที่พี่เอมี่ส่งมาให้เรา ยิปเชื่อว่าพี่เค้าต้องดูแลเราอยู่แล้ว คือมันน่าจะเหมาะกับเรา แต่ว่าตอนแรกอ่ะ ยิปเกือบไม่ได้เล่นแล้วนะ ยิปเกือบไม่รับเพราะยิป เพราะยิปกลัว
Mr. Coffee : กลัวอะไร
ยิปโซ : ที่ไม่กล้ารับตอนนั้นก็เพราะว่า เรารู้สึกว่าตัวเราเองยังไม่พร้อม เพราะมันเป็นหนังผีด้วย ยิปจะมีความกลัวนิดนึงว่ามันต้องยากมากแน่ๆ แต่สุดท้ายก็ออกมาเป็นหนังเรื่องนี้ ก็ได้ทำ
Mr. Coffee : แล้วปกติเป็นคนกลัวผีไหม
ยิปโซ : กลัว แต่ก็ไม่กลัวเท่าตอนเด็กๆ คือตอนเด็กๆ แบบกลัวมากเลยอ่ะค่ะ ต่อให้ไม่มีบรรยากาศอะไรก็คิด แต่พอตอนโตขึ้นมา ถามว่าอยากเจอมั้ย ก็ไม่ได้อยากเจอ เพราตอนนี้ แม้จะไม่ได้กลัวเท่าตอนเด็กๆ แล้ว แต่ถ้าเลือกได้ ขอไม่แตะกันดีว่า
Mr. Coffee : แล้วยิปเชื่อว่าผีมีจริงไหม
ยิปโซ : เชื่อค่ะ เชื่อว่ามีหมดทุกอย่างที่เขาคุยกัน มันต้องมีความจริงอยู่ในนั้น ยิปเชื่อว่าคนเราไม่ได้มีความสามารถหรือรอบรู้ไปซะหมด คืออะไรก็ตามที่ตาเราเห็นเท่านั้นที่มันจะมีอยู่จริง มันใช่มั้ย ซึ่งยิปว่า มีหลายอย่างที่เราไม่รู้ และบางเรื่องเราก็ไม่สมควรที่จะต้องรู้ด้วยซ้ำ
Mr. Coffee : ปกติดูหนังผีไหม
ยิปโซ : ไม่ดู
Mr. Coffee : แล้วจะทำอย่างไรกับหนังรอบสื่อที่ต้องมาดู
ยิปโซ : ก็คิดอยู่ (หัวเราะ) คือยิปว่าถ้าเราไม่ต้องไป Support ใคร อย่างเช่นตอนที่ยิปไปดูหนังผีที่พี่โทนี่เล่น ยิปก็จะเลือกที่จะไม่ดู ยิปเครียด คือหนังผีก็จะมีคนที่ชอบดู และคนอย่างยิปที่ขอไม่เอาดีกว่า
Mr. Coffee : ถ้าไม่ดูหนังผี ว่าเขาเล่นกันยังไง เขาสื่อกันยังไง แล้วใช้วิธีอะไรทำความเข้าใจในการแสดง
ยิปโซ : ความจริงแล้วยิปเพิ่งค้นพบว่าว่าการเล่นบทกลัวเป็นอะไรที่ยากจริงๆ ยากเหลือเกิน ก็ตอนที่มาเล่นจริงๆ นี่แหล่ะ เป็นอะไรที่เหนื่อยมาก กับการที่เล่นบทกลัว คือมันต้องคิดเอา ถามว่าตอนนั้นเราไม่ได้กลัวจริงๆ มั้ย มันไม่เสมอไปนะพี่ คือบางทีนะก็มีแบบคิดจนกระทั่งมันรู้สึก ก็ต้องยอมรับว่ายิปไม่ได้เก่ง คือยังไม่ถึงขนาดสามารถบอกตัวเองได้ถึงขนาดทำให้กลัวอยู่ได้ 100% ตลอดเวลา คือแบบคงที่แบบนั้น คงยังไม่ถึง คือมันจะมีช่วงขึ้นๆ ลงๆ ของมัน คือเราก็เอาทุกอย่างมาช่วย ทั้งเรื่องทางจินตนาการ ทั้งเรื่องทางร่างกายว่า ถ้าเกิดคนกลัว ร่างกายน่าจะเป็นยังไงบ้าง เหมือนกับว่าถ้าเรารู้สึกกลัวอะไรบางอย่าง กลัวผีอยู่บ้านคนเดียว หรือเดินกลับบ้านมืดๆ มันก็ต้องกลับไปคิดถึง Common sense ว่าเรากลัวยังไง มีวิธีการ Re-act กับมันหลายแบบ บางคนเป็นคนที่กลัวแล้วขาเบา พร้อมวิ่ง อันนั้นเป็น Physical ปกติของคนทั่วไป แต่คนบางคนน่ะ กลัวแล้วหนัก กลัวแล้วอยู่กับที่ มันก็ต้องดูว่าตัวละครที่เราเล่นเป็นแบบไหน แคท ตัวละครที่เราเล่น เป็นคนที่กลัวแล้วขาตาย คือกลัวแล้วอยากไป แต่มันเกร็งก้าวไม่ออก ไปไม่ได้ เหมือนขามันไม่ใช่ขาเราแล้ว
Mr. Coffee : ถ้าในชีวิตจริง มีเพื่อนแบบเจน ที่เสียชีวิตจะกลัวไหม
ยิปโซ : คงไม่สามารถจะตอบได้ว่ายิปไม่กลัวเลย แต่ยิปน่าจะไม่กลัวมาก
Mr. Coffee : แล้วอยากให้เขากลับมาหาไหม หรือมีข้อกำหนดไหมว่าถ้าเจอ จะขอเจอแบบไหน
ยิปโซ : ถ้าจะได้เจอ ขอเจอแบบไม่ต้องตุ้งแช่อ่ะพี่ ขอเจอแบบปกติ เหมือนเพื่อนกัน ถ้าสมัยก่อนติดต่อกันยังไง ขอให้ติดต่อกันแบบนั้นเป๊ะๆ Line มาก่อนนะ (หัวเราะ) โทร.มาก่อน ถ้าสามารถเลือกได้ขอให้มาแบบปกติ อย่ามาแบบเปื่อยยุ่ย แต่ถ้าเลือกไม่ได้ ก็ขอให้เตือนกันก่อนว่า เราจะมาหานะ แต่เราสภาพไม่ค่อยดี ขอเวลาให้ทำใจหน่อย ก็ถ้าเป็นเพื่อนกัน มันก็ควรจะทำให้กันได้นะพี่
Mr. Coffee : คิดอย่างไรกับความเชื่อที่ว่า คนตายยังไม่รู้ตัวว่าตาย
ยิปโซ : มีสิทธิ์ คนเราใช้ชีวิตเป็นคนแบบเป็นๆ มาตลอด มันไม่สามารถรับรู้ได้หรอกนะ ว่าเป็นผีแล้วจะเป็นยังไง ยิ่งโดยเฉพาะถ้าเขาไม่รู้ตัวว่าช่วงเปลี่ยนผ่าน คือช่วงที่เสียชีวิต กับช่วงหลังเสียชีวิต มันเป็นยังไง มันแตกต่างกันอย่างไร มันก็พูดอยากนะพี่ เพราะยิปก็จำไม่ได้ว่าครั้งที่แล้วยิปตายยังไง ฮ่าๆๆ แต่ยิปเชื่อว่า มันเป็นไปได้มากค่ะ ที่คนเราจะไม่รู้ตัวว่าตัวเองตายไปแล้ว เป็นไปได้มากๆ เลย
Mr. Coffee : ในอนาคต ถ้ามีงานหนังผีเข้ามาอีก อยากเล่นแบบไหน ผีตลก ผีดราม่า และอยากเล่นเป็นคนหรือเล่นเป็นผี
ยิปโซ : พูดตรงๆ นะ หนังผียิปไม่ได้รู้สึกว่ายิปอยากเล่นมากขนาดนั้น ก็ยังคงมีความกลัวอยู่ค่ะ เข้าใจป่ะค่ะ แต่หนังเรื่องนี้ โชคดีคือสำหรับยิป มันไม่ได้เป็นหนังผีแล้ว มันคือหนังของความสัมพันธ์ ซึ่งมันเป็นหนังความสัมพันธ์ระหว่างคนกับผีแค่นั้นเอง มันก็แค่เปลี่ยน Status ตรงนั้นเองว่าตายแล้วกับยังอยู่ เพราะฉะนั้นมันก็เลยโอเค แต่จะถามว่ายิปอินกับการเล่นหนังผีไหม ยิปไม่ได้รู้สึกอินขนาดนั้นนะคะ ถ้ายิปจะเลือกเล่นหนังผีสักเรื่องนึง มันก็คงจะไม่ใช่เพราะมันเป็นหนังผี น่าจะเป็นเพราะบทมันมีอะไรที่น่าเล่นจริงๆ
Mr. Coffee : คิดยังไง ที่เขาว่าคนไทยชอบดูหนังผี โดยเฉพาะหนังผีไทย
ยิปโซ : เพราะยิปเชื่อว่าคนไทยทำหนังผีไทยได้ดีด้วย คือหนังผีบ้านเราติดอันดับขนาดฝรั่งเค้ามาซื้อบทไปทำต่อ มันก็เหมือนกับว่า บ้านเรามีของ มีพล็อต หรือมีอะไรดีอยู่แล้วเกี่ยวกับผี คือเหมือนเราเติบโตมากับหนังแบบนี้ เพราะหนังผีเป็นอะไรที่ซึมเข้าไปในวัยเด็กของคนแต่ละรุ่นอยู่แล้ว ยิ่งถ้าเป็นสมัยก่อนนี่ก็แบ่งแยกกันชัดเจนนะคะว่าผีไทยคนไทยจะรู้จักดี คือรู้จักมากกว่าผีนอก แต่พอสมัยนี้ มีหนัง มีอินเตอร์เน็ตเชื่อมทุกอย่างเข้าหากันน่ะ มันอาจจะไม่แยกส่วนกันเหมือนสมัยก่อนแล้ว แต่ให้ตายยังไง แต่ละที่ก็จะมีเรื่องมีราวที่เป็นของตัวของตัวเอง คือมันเป็นเหมือน Unique ของใครของมัน มันก็เหมือนวัฒนธรรมไทย ถ้าพูดถึงเรื่องผี มันก็มีลักษณะซึมๆ เข้าไปกันอารยธรรมความเป็นไทย คือมันกลืนเข้าไปอยู่ด้วยกันมานาน
Mr. Coffee : ทราบว่าตอนที่เล่นละคร I WANNA BE SUPERSTAR ถึงกับต้องจ้าง Acting Coach ส่วนตัวมาสอน
ยิปโซ : มันเกิดจากความเก็บกดมาตลอดนะ เพราะยิปเองไม่เคยเรียน Acting มาตั้งแต่ไหนแต่ไร คืออยู่ก็มาเล่นหนัง แล้วตั้งแต่เล่นหนังเรื่องแรกจนถึงหนังเรื่องหลังๆ ยิปก็ยังไม่เคยเรียน Acting อย่างจริงๆ จังๆ ไม่เคยเลยอ่ะค่ะ แล้วพอมาหลังๆ ตอนที่เริ่มมาเล่นหนังเรื่องนี้ เป็นจุดเริ่มต้นเลยนะที่เอาตัวเองพุ่งเข้าไปหา Acting Class ไปหาคุณครู ซึ่งเกิดจากความเก็บกดที่เราอยากเรียน เราอยากรู้ทฤษฎี ส่วนการที่ขอให้เขามาด้วยที่กองถ่าย เพราะเกิดจากการที่เราไม่ไว้ใจตัวเองอันนี้ไม่ใช่คำพูดเท่ๆ หรือเป็นความจริงที่เท่นะคะ แต่เป็นความจริงที่ยิปไม่ไว้ใจตัวเองในตอนนั้น แต่ยิปอยากทำให้ได้ดี ถ้ายิปไม่ไว้ใจตัวเอง แล้วยิปบอกว่าช่างมัน ได้แค่ไหนแค่นั้น มันก็ส่วนหนึ่ง แต่ตอนนั้นยิปยังไมชัวร์ว่ายิปจะทำได้มากน้อยขนาดไหน แต่ยิป อยากจะทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ มันมาถึงจุดหนึ่งของชีวิต จากที่เป็นเด็กที่ถูกโยนลงน้ำแล้วแล้วให้ตะกายตะกายหัดว่ายน้ำเองตลอดอยู่อย่างนั้นหลายปีที่ผ่านมา จนถึงวันที่ทุกอาชีพมันมีเหตุผลของมันอยู่ ดังนั้นการที่เราคิดว่าตรงไหนที่เราขาด แล้วเราไปขอความช่วยเหลือจากคนอื่น มันไม่ใช่เรื่องที่ผิดเสมอไป มันไม่ได้แปลว่าเราไม่ตั้งใจ มันแปลว่าเราตั้งใจอีกแบบหนึ่ง เราเปลี่ยนวิธีการ เราเปลี่ยนกลยุทธ์ในการทำงานของเรา
Mr. Coffee : ระหว่างร้องเพลง เล่นละคร แสดงหนัง ถนัดทำสิ่งไหนมากที่สุด
ยิปโซ : ถนัดหรอ โอ๊ยพี่ ยิปไม่กล้าอ่ะ อันนี้ไม่ได้ตั้งใจว่าจะไม่ให้คำตอบนะพี่ แต่ยิปไม่สามารถจะตอบพี่หรือตอบใครได้เลยว่าสายงานไหนที่ยิปถนัดที่สุด ทุกงานมันมี Project ที่ยากง่ายของมัน หนังอ่ะ ถ้ายิป บอกว่ายิปถนัดเล่นหนัง มันไม่จริงนะพี่ เพราะแต่ละเรื่องยิปถนัดไม่เท่ากัน ให้ยิปมาเล่นหนังผี หนังตลก หนังดราม่า มันก็ถนัดไม่เท่ากัน แต่จะบอกว่ายิปถนัดร้องเพลงมากกว่าก็ไม่ได้ เพลงแต่ละเพลงมันก็ร้องยากง่ายไม่เท่ากัน มันขึ้นอยู่กับว่าแต่ละ Project อ่ะค่ะ
Mr. Coffee : แล้วคิดว่าทำอันไหนออกมาได้ดีที่สุด
ยิปโซ : หน้าอย่างยิปจะกล้าตอบหรือค่ะว่าทำอะไรออกมาได้ดีที่สุด อืม ถ้ามีคนบอกว่ายิปทำ Comedy ได้ดีกว่าอย่างอื่น ซึ่งยิปค่อนข้างดีใจ (หัวเราะ) ถ้าวันไหนยิปไม่คิดมากจนเกินไป ยิปรู้สึกว่าเล่นแล้วมันลื่น มันเบา มันสบาย แล้วมันสนุก มัน Bright มันคงเป็นงานที่ยิปค่อนข้างชอบ
Mr. Coffee : อยากให้ขยายความความตลกของยิปโซ ว่าทำไมเราถึงตลกแตกต่างจากคนอื่น
ยิปโซ : ไม่รู้จริงๆ มันตอบไม่ได้ ต้องให้คนอื่นตอบ ยิปไม่สามารถตอบได้เลยว่าสิ่งที่ยิปทำลงไป มันคือจังหวะ มันคือร่างกาย คือเสียง หรือคืออะไร มันเหมือนกับเรามองเรื่องความสวยความงามของคนคนหนึ่ง บางครั้งมันมากกว่าที่ตาเราเห็น เพราะฉะนั้นความเป็นตลก ความเป็น Comedy มันก็อาศัยหลายๆ ส่วนมารวมกัน เหมือนกับทำอาหารขึ้นมาจานหนึ่ง ทำไมจากนี้ถึงอร่อย ไม่ใช่เพราะมันเปรี้ยว ไม่ใช่เพราะมันหวาน ไม่ใช่เพราะมันเค็ม เพราะว่ามันมีอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้ มันต้องรวมกันแล้วมันโอเค ยิปว่าสุดท้ายแล้วมันก็คือส่วนผสมของอะไรบางอย่างที่มันเป็นเคมี อะไรบางอย่างที่มันวิ่งวน ถ้ามันเป็นรสชาติที่คนดูเขาชอบ มันก็ดีใจค่ะ ยิปไม่สามารถจะ Present ตัวเองได้ว่า เฮ้ย มันคือรสชาติที่ดีมาก สำหรับยิปมันก็เป็นอะไรที่มันกลมกล่อมแล้ว สำหรับความสบายใจของเรา
Mr. Coffee : คิดว่าลักษณะหรือ Character แบบไหนของเราที่ทำให้มีงานแสดงในหนังมาอย่างต่อเนื่อง
ยิปโซ : ให้ยิปตอบว่า Character ไหนที่เขามักจะเข้ามาจ้างเราหรอ...คือถ้าเขาต้องการความใจถึง หรือปล่อยหมดไม่เหลืออะไรเลย มักจะเกิดจากคนที่เคยจ้างเรามาแล้ว แล้วเค้ารู้ว่า ให้เราทำเราก็ทำ แต่ถ้าส่วนใหญ่โดยรวมจริงๆ ที่คนจ้างมา ยิปมักจะเห็นว่า เค้าจ้างเราไปเพื่อทำให้อะไรเบาขึ้น คือเหมือนสมมติว่าเป็นรายการอายุน้อยร้อยล้าน เขาจะมียิปไว้ที่อาจจะไม่ใช่เรื่องของความรู้ล้วนๆ ถึงแม้ยิปจะสนใจเรื่องนั้น เราไปอยู่เพื่อให้อะไรเบาขึ้นอ่ะค่ะ ถ้าสังเกตจาก Position เขามักจะให้ยิปไปทำ เขามักจะจ้างเรามาเพื่อให้อะไรบางอย่างเบาขึ้นซึ่งเรื่องนี้คนจะมองไปในทางที่ดีหรือไม่ดีก็ได้ อย่างถ้ามองในทางที่ไม่ดีคือมันเป็นเรื่องของความตลกโปกฮาอย่างเดียวหรือเปล่า มันมีสาระไหม แต่ยิปมองว่าทุกอย่าง ทุกคน ทุกบทบาท มันมี Function ที่มันมีประโยชน์ในตัวมันเองอยู่แล้ว มันอาจจะไม่ใช้ประโยชน์ที่ทุกคนมองว่ามันเก่งกาจหรือเท่ที่สุด แต่มันจะขาดอะไรไปไม่ได้เลย
ม็อกค่าปาท่องโก๋ : {สัมภาษณ์ ยิปโซ - อริย์กันตา จาก “11•12•13 รักกันจะตาย”}
ขออนุญาต นำคอลัมน์ "ม็อกค่าปาท่องโก๋" ที่ผมเขียนประจำในเนชั่นสุดสัปดาห์นั้น มาเผยแพร่ให้ได้อ่านกัน เพื่อขอคำแนะนำ คำติชม เพื่อปรับปรุงงานเขียนต่อไปในอนาคตเรื่อยๆครับ ขอบคุณครับ
เนชั่นสุดสัปดาห์ เล่มที่ 1246 - 1247 ประจำวันที่ 15 และ 22 เมษายน 2559
“ม็อคค่าปาท่องโก๋” สัปดาห์นี้ ได้มีโอกาสกลับมาพูดคุยกับ “ยิปโซ” หนึ่งในนางเอกหนังไทยชื่อดัง ที่ได้เคยฝากผลงานหนังไทยไว้มากมาย อย่างเช่น “สุดเขตสเลดเป็ด” “ส.ค.ส.สวีทตี้” “วาเลนไทน์ สวีทตี้” “ฟัตจังโตะ” ซึ่งในวันนี้เธอกลับมาพร้อมกับชื่อใหม่ “อริย์กันตา มหพฤกษ์พงศ์” ในผลงานหนังผีไทยรวมมิตรเรื่องล่าสุด จากทางค่าย m๓๙ นั่นก็คือ “11.12.13 รักกันจะตาย” (“ยิปโซ” เล่นเป็นนางเอกในตอนที่ชื่อว่า “13”) ผลงานการกำกับของ “สราวุธ วิเชียรสาร”
Mr. Coffee : ตัดสินใจอย่างไรถึงรับเล่นหนังผี
ยิปโซ : เพราะพี่เอมี่ (จันทิมา เลียวศิริกุล ผู้บริหารระดับสูงของ m๓๙) ชวนค่ะ คือด้วยความที่ยิปอยู่กับพี่เอมี่มานานแล้วอ่ะค่ะ อยู่กับ m๓๙ มานาน เราค่อนข้างเชื่อใจอยู่แล้ว ว่าบทอะไรก็ตามที่พี่เอมี่ส่งมาให้เรา ยิปเชื่อว่าพี่เค้าต้องดูแลเราอยู่แล้ว คือมันน่าจะเหมาะกับเรา แต่ว่าตอนแรกอ่ะ ยิปเกือบไม่ได้เล่นแล้วนะ ยิปเกือบไม่รับเพราะยิป เพราะยิปกลัว
Mr. Coffee : กลัวอะไร
ยิปโซ : ที่ไม่กล้ารับตอนนั้นก็เพราะว่า เรารู้สึกว่าตัวเราเองยังไม่พร้อม เพราะมันเป็นหนังผีด้วย ยิปจะมีความกลัวนิดนึงว่ามันต้องยากมากแน่ๆ แต่สุดท้ายก็ออกมาเป็นหนังเรื่องนี้ ก็ได้ทำ
Mr. Coffee : แล้วปกติเป็นคนกลัวผีไหม
ยิปโซ : กลัว แต่ก็ไม่กลัวเท่าตอนเด็กๆ คือตอนเด็กๆ แบบกลัวมากเลยอ่ะค่ะ ต่อให้ไม่มีบรรยากาศอะไรก็คิด แต่พอตอนโตขึ้นมา ถามว่าอยากเจอมั้ย ก็ไม่ได้อยากเจอ เพราตอนนี้ แม้จะไม่ได้กลัวเท่าตอนเด็กๆ แล้ว แต่ถ้าเลือกได้ ขอไม่แตะกันดีว่า
Mr. Coffee : แล้วยิปเชื่อว่าผีมีจริงไหม
ยิปโซ : เชื่อค่ะ เชื่อว่ามีหมดทุกอย่างที่เขาคุยกัน มันต้องมีความจริงอยู่ในนั้น ยิปเชื่อว่าคนเราไม่ได้มีความสามารถหรือรอบรู้ไปซะหมด คืออะไรก็ตามที่ตาเราเห็นเท่านั้นที่มันจะมีอยู่จริง มันใช่มั้ย ซึ่งยิปว่า มีหลายอย่างที่เราไม่รู้ และบางเรื่องเราก็ไม่สมควรที่จะต้องรู้ด้วยซ้ำ
Mr. Coffee : ปกติดูหนังผีไหม
ยิปโซ : ไม่ดู
Mr. Coffee : แล้วจะทำอย่างไรกับหนังรอบสื่อที่ต้องมาดู
ยิปโซ : ก็คิดอยู่ (หัวเราะ) คือยิปว่าถ้าเราไม่ต้องไป Support ใคร อย่างเช่นตอนที่ยิปไปดูหนังผีที่พี่โทนี่เล่น ยิปก็จะเลือกที่จะไม่ดู ยิปเครียด คือหนังผีก็จะมีคนที่ชอบดู และคนอย่างยิปที่ขอไม่เอาดีกว่า
Mr. Coffee : ถ้าไม่ดูหนังผี ว่าเขาเล่นกันยังไง เขาสื่อกันยังไง แล้วใช้วิธีอะไรทำความเข้าใจในการแสดง
ยิปโซ : ความจริงแล้วยิปเพิ่งค้นพบว่าว่าการเล่นบทกลัวเป็นอะไรที่ยากจริงๆ ยากเหลือเกิน ก็ตอนที่มาเล่นจริงๆ นี่แหล่ะ เป็นอะไรที่เหนื่อยมาก กับการที่เล่นบทกลัว คือมันต้องคิดเอา ถามว่าตอนนั้นเราไม่ได้กลัวจริงๆ มั้ย มันไม่เสมอไปนะพี่ คือบางทีนะก็มีแบบคิดจนกระทั่งมันรู้สึก ก็ต้องยอมรับว่ายิปไม่ได้เก่ง คือยังไม่ถึงขนาดสามารถบอกตัวเองได้ถึงขนาดทำให้กลัวอยู่ได้ 100% ตลอดเวลา คือแบบคงที่แบบนั้น คงยังไม่ถึง คือมันจะมีช่วงขึ้นๆ ลงๆ ของมัน คือเราก็เอาทุกอย่างมาช่วย ทั้งเรื่องทางจินตนาการ ทั้งเรื่องทางร่างกายว่า ถ้าเกิดคนกลัว ร่างกายน่าจะเป็นยังไงบ้าง เหมือนกับว่าถ้าเรารู้สึกกลัวอะไรบางอย่าง กลัวผีอยู่บ้านคนเดียว หรือเดินกลับบ้านมืดๆ มันก็ต้องกลับไปคิดถึง Common sense ว่าเรากลัวยังไง มีวิธีการ Re-act กับมันหลายแบบ บางคนเป็นคนที่กลัวแล้วขาเบา พร้อมวิ่ง อันนั้นเป็น Physical ปกติของคนทั่วไป แต่คนบางคนน่ะ กลัวแล้วหนัก กลัวแล้วอยู่กับที่ มันก็ต้องดูว่าตัวละครที่เราเล่นเป็นแบบไหน แคท ตัวละครที่เราเล่น เป็นคนที่กลัวแล้วขาตาย คือกลัวแล้วอยากไป แต่มันเกร็งก้าวไม่ออก ไปไม่ได้ เหมือนขามันไม่ใช่ขาเราแล้ว
Mr. Coffee : ถ้าในชีวิตจริง มีเพื่อนแบบเจน ที่เสียชีวิตจะกลัวไหม
ยิปโซ : คงไม่สามารถจะตอบได้ว่ายิปไม่กลัวเลย แต่ยิปน่าจะไม่กลัวมาก
Mr. Coffee : แล้วอยากให้เขากลับมาหาไหม หรือมีข้อกำหนดไหมว่าถ้าเจอ จะขอเจอแบบไหน
ยิปโซ : ถ้าจะได้เจอ ขอเจอแบบไม่ต้องตุ้งแช่อ่ะพี่ ขอเจอแบบปกติ เหมือนเพื่อนกัน ถ้าสมัยก่อนติดต่อกันยังไง ขอให้ติดต่อกันแบบนั้นเป๊ะๆ Line มาก่อนนะ (หัวเราะ) โทร.มาก่อน ถ้าสามารถเลือกได้ขอให้มาแบบปกติ อย่ามาแบบเปื่อยยุ่ย แต่ถ้าเลือกไม่ได้ ก็ขอให้เตือนกันก่อนว่า เราจะมาหานะ แต่เราสภาพไม่ค่อยดี ขอเวลาให้ทำใจหน่อย ก็ถ้าเป็นเพื่อนกัน มันก็ควรจะทำให้กันได้นะพี่
Mr. Coffee : คิดอย่างไรกับความเชื่อที่ว่า คนตายยังไม่รู้ตัวว่าตาย
ยิปโซ : มีสิทธิ์ คนเราใช้ชีวิตเป็นคนแบบเป็นๆ มาตลอด มันไม่สามารถรับรู้ได้หรอกนะ ว่าเป็นผีแล้วจะเป็นยังไง ยิ่งโดยเฉพาะถ้าเขาไม่รู้ตัวว่าช่วงเปลี่ยนผ่าน คือช่วงที่เสียชีวิต กับช่วงหลังเสียชีวิต มันเป็นยังไง มันแตกต่างกันอย่างไร มันก็พูดอยากนะพี่ เพราะยิปก็จำไม่ได้ว่าครั้งที่แล้วยิปตายยังไง ฮ่าๆๆ แต่ยิปเชื่อว่า มันเป็นไปได้มากค่ะ ที่คนเราจะไม่รู้ตัวว่าตัวเองตายไปแล้ว เป็นไปได้มากๆ เลย
Mr. Coffee : ในอนาคต ถ้ามีงานหนังผีเข้ามาอีก อยากเล่นแบบไหน ผีตลก ผีดราม่า และอยากเล่นเป็นคนหรือเล่นเป็นผี
ยิปโซ : พูดตรงๆ นะ หนังผียิปไม่ได้รู้สึกว่ายิปอยากเล่นมากขนาดนั้น ก็ยังคงมีความกลัวอยู่ค่ะ เข้าใจป่ะค่ะ แต่หนังเรื่องนี้ โชคดีคือสำหรับยิป มันไม่ได้เป็นหนังผีแล้ว มันคือหนังของความสัมพันธ์ ซึ่งมันเป็นหนังความสัมพันธ์ระหว่างคนกับผีแค่นั้นเอง มันก็แค่เปลี่ยน Status ตรงนั้นเองว่าตายแล้วกับยังอยู่ เพราะฉะนั้นมันก็เลยโอเค แต่จะถามว่ายิปอินกับการเล่นหนังผีไหม ยิปไม่ได้รู้สึกอินขนาดนั้นนะคะ ถ้ายิปจะเลือกเล่นหนังผีสักเรื่องนึง มันก็คงจะไม่ใช่เพราะมันเป็นหนังผี น่าจะเป็นเพราะบทมันมีอะไรที่น่าเล่นจริงๆ
Mr. Coffee : คิดยังไง ที่เขาว่าคนไทยชอบดูหนังผี โดยเฉพาะหนังผีไทย
ยิปโซ : เพราะยิปเชื่อว่าคนไทยทำหนังผีไทยได้ดีด้วย คือหนังผีบ้านเราติดอันดับขนาดฝรั่งเค้ามาซื้อบทไปทำต่อ มันก็เหมือนกับว่า บ้านเรามีของ มีพล็อต หรือมีอะไรดีอยู่แล้วเกี่ยวกับผี คือเหมือนเราเติบโตมากับหนังแบบนี้ เพราะหนังผีเป็นอะไรที่ซึมเข้าไปในวัยเด็กของคนแต่ละรุ่นอยู่แล้ว ยิ่งถ้าเป็นสมัยก่อนนี่ก็แบ่งแยกกันชัดเจนนะคะว่าผีไทยคนไทยจะรู้จักดี คือรู้จักมากกว่าผีนอก แต่พอสมัยนี้ มีหนัง มีอินเตอร์เน็ตเชื่อมทุกอย่างเข้าหากันน่ะ มันอาจจะไม่แยกส่วนกันเหมือนสมัยก่อนแล้ว แต่ให้ตายยังไง แต่ละที่ก็จะมีเรื่องมีราวที่เป็นของตัวของตัวเอง คือมันเป็นเหมือน Unique ของใครของมัน มันก็เหมือนวัฒนธรรมไทย ถ้าพูดถึงเรื่องผี มันก็มีลักษณะซึมๆ เข้าไปกันอารยธรรมความเป็นไทย คือมันกลืนเข้าไปอยู่ด้วยกันมานาน
Mr. Coffee : ทราบว่าตอนที่เล่นละคร I WANNA BE SUPERSTAR ถึงกับต้องจ้าง Acting Coach ส่วนตัวมาสอน
ยิปโซ : มันเกิดจากความเก็บกดมาตลอดนะ เพราะยิปเองไม่เคยเรียน Acting มาตั้งแต่ไหนแต่ไร คืออยู่ก็มาเล่นหนัง แล้วตั้งแต่เล่นหนังเรื่องแรกจนถึงหนังเรื่องหลังๆ ยิปก็ยังไม่เคยเรียน Acting อย่างจริงๆ จังๆ ไม่เคยเลยอ่ะค่ะ แล้วพอมาหลังๆ ตอนที่เริ่มมาเล่นหนังเรื่องนี้ เป็นจุดเริ่มต้นเลยนะที่เอาตัวเองพุ่งเข้าไปหา Acting Class ไปหาคุณครู ซึ่งเกิดจากความเก็บกดที่เราอยากเรียน เราอยากรู้ทฤษฎี ส่วนการที่ขอให้เขามาด้วยที่กองถ่าย เพราะเกิดจากการที่เราไม่ไว้ใจตัวเองอันนี้ไม่ใช่คำพูดเท่ๆ หรือเป็นความจริงที่เท่นะคะ แต่เป็นความจริงที่ยิปไม่ไว้ใจตัวเองในตอนนั้น แต่ยิปอยากทำให้ได้ดี ถ้ายิปไม่ไว้ใจตัวเอง แล้วยิปบอกว่าช่างมัน ได้แค่ไหนแค่นั้น มันก็ส่วนหนึ่ง แต่ตอนนั้นยิปยังไมชัวร์ว่ายิปจะทำได้มากน้อยขนาดไหน แต่ยิป อยากจะทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ มันมาถึงจุดหนึ่งของชีวิต จากที่เป็นเด็กที่ถูกโยนลงน้ำแล้วแล้วให้ตะกายตะกายหัดว่ายน้ำเองตลอดอยู่อย่างนั้นหลายปีที่ผ่านมา จนถึงวันที่ทุกอาชีพมันมีเหตุผลของมันอยู่ ดังนั้นการที่เราคิดว่าตรงไหนที่เราขาด แล้วเราไปขอความช่วยเหลือจากคนอื่น มันไม่ใช่เรื่องที่ผิดเสมอไป มันไม่ได้แปลว่าเราไม่ตั้งใจ มันแปลว่าเราตั้งใจอีกแบบหนึ่ง เราเปลี่ยนวิธีการ เราเปลี่ยนกลยุทธ์ในการทำงานของเรา
Mr. Coffee : ระหว่างร้องเพลง เล่นละคร แสดงหนัง ถนัดทำสิ่งไหนมากที่สุด
ยิปโซ : ถนัดหรอ โอ๊ยพี่ ยิปไม่กล้าอ่ะ อันนี้ไม่ได้ตั้งใจว่าจะไม่ให้คำตอบนะพี่ แต่ยิปไม่สามารถจะตอบพี่หรือตอบใครได้เลยว่าสายงานไหนที่ยิปถนัดที่สุด ทุกงานมันมี Project ที่ยากง่ายของมัน หนังอ่ะ ถ้ายิป บอกว่ายิปถนัดเล่นหนัง มันไม่จริงนะพี่ เพราะแต่ละเรื่องยิปถนัดไม่เท่ากัน ให้ยิปมาเล่นหนังผี หนังตลก หนังดราม่า มันก็ถนัดไม่เท่ากัน แต่จะบอกว่ายิปถนัดร้องเพลงมากกว่าก็ไม่ได้ เพลงแต่ละเพลงมันก็ร้องยากง่ายไม่เท่ากัน มันขึ้นอยู่กับว่าแต่ละ Project อ่ะค่ะ
Mr. Coffee : แล้วคิดว่าทำอันไหนออกมาได้ดีที่สุด
ยิปโซ : หน้าอย่างยิปจะกล้าตอบหรือค่ะว่าทำอะไรออกมาได้ดีที่สุด อืม ถ้ามีคนบอกว่ายิปทำ Comedy ได้ดีกว่าอย่างอื่น ซึ่งยิปค่อนข้างดีใจ (หัวเราะ) ถ้าวันไหนยิปไม่คิดมากจนเกินไป ยิปรู้สึกว่าเล่นแล้วมันลื่น มันเบา มันสบาย แล้วมันสนุก มัน Bright มันคงเป็นงานที่ยิปค่อนข้างชอบ
Mr. Coffee : อยากให้ขยายความความตลกของยิปโซ ว่าทำไมเราถึงตลกแตกต่างจากคนอื่น
ยิปโซ : ไม่รู้จริงๆ มันตอบไม่ได้ ต้องให้คนอื่นตอบ ยิปไม่สามารถตอบได้เลยว่าสิ่งที่ยิปทำลงไป มันคือจังหวะ มันคือร่างกาย คือเสียง หรือคืออะไร มันเหมือนกับเรามองเรื่องความสวยความงามของคนคนหนึ่ง บางครั้งมันมากกว่าที่ตาเราเห็น เพราะฉะนั้นความเป็นตลก ความเป็น Comedy มันก็อาศัยหลายๆ ส่วนมารวมกัน เหมือนกับทำอาหารขึ้นมาจานหนึ่ง ทำไมจากนี้ถึงอร่อย ไม่ใช่เพราะมันเปรี้ยว ไม่ใช่เพราะมันหวาน ไม่ใช่เพราะมันเค็ม เพราะว่ามันมีอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้ มันต้องรวมกันแล้วมันโอเค ยิปว่าสุดท้ายแล้วมันก็คือส่วนผสมของอะไรบางอย่างที่มันเป็นเคมี อะไรบางอย่างที่มันวิ่งวน ถ้ามันเป็นรสชาติที่คนดูเขาชอบ มันก็ดีใจค่ะ ยิปไม่สามารถจะ Present ตัวเองได้ว่า เฮ้ย มันคือรสชาติที่ดีมาก สำหรับยิปมันก็เป็นอะไรที่มันกลมกล่อมแล้ว สำหรับความสบายใจของเรา
Mr. Coffee : คิดว่าลักษณะหรือ Character แบบไหนของเราที่ทำให้มีงานแสดงในหนังมาอย่างต่อเนื่อง
ยิปโซ : ให้ยิปตอบว่า Character ไหนที่เขามักจะเข้ามาจ้างเราหรอ...คือถ้าเขาต้องการความใจถึง หรือปล่อยหมดไม่เหลืออะไรเลย มักจะเกิดจากคนที่เคยจ้างเรามาแล้ว แล้วเค้ารู้ว่า ให้เราทำเราก็ทำ แต่ถ้าส่วนใหญ่โดยรวมจริงๆ ที่คนจ้างมา ยิปมักจะเห็นว่า เค้าจ้างเราไปเพื่อทำให้อะไรเบาขึ้น คือเหมือนสมมติว่าเป็นรายการอายุน้อยร้อยล้าน เขาจะมียิปไว้ที่อาจจะไม่ใช่เรื่องของความรู้ล้วนๆ ถึงแม้ยิปจะสนใจเรื่องนั้น เราไปอยู่เพื่อให้อะไรเบาขึ้นอ่ะค่ะ ถ้าสังเกตจาก Position เขามักจะให้ยิปไปทำ เขามักจะจ้างเรามาเพื่อให้อะไรบางอย่างเบาขึ้นซึ่งเรื่องนี้คนจะมองไปในทางที่ดีหรือไม่ดีก็ได้ อย่างถ้ามองในทางที่ไม่ดีคือมันเป็นเรื่องของความตลกโปกฮาอย่างเดียวหรือเปล่า มันมีสาระไหม แต่ยิปมองว่าทุกอย่าง ทุกคน ทุกบทบาท มันมี Function ที่มันมีประโยชน์ในตัวมันเองอยู่แล้ว มันอาจจะไม่ใช้ประโยชน์ที่ทุกคนมองว่ามันเก่งกาจหรือเท่ที่สุด แต่มันจะขาดอะไรไปไม่ได้เลย