คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
ศาสนาพุทธ เป็นศาสนาของการปฏิบัติ
การจะเข้าใจสาระในศาสนานั้นจะต้องปฏิบัติตามที่พระพุทธองค์ทรงสอนไว้ หลังจากปฏิบัติแล้ว ถึงแม้จะพึ่งเริ่มต้น ก็จะเข้าใจสาระของคำสอน และเข้าใจว่าเรื่องที่คุณสงสัยและคิดจะแก้ไขนั้น ไร้สาระ ที่ว่าไร้สาระไม่ใช่เรื่องนั้นไร้สาระ แต่คุณนั่นแหละ ไร้สาระ
สิ่งที่คุณทำนั้น เรียกว่าตีความตามตัวอักษร ซึ่งไม่ว่าในศานาใด จะมีเรื่องราวแปลกๆให้ตีความได้ด้วยกันทั้งนั้น แต่นั่นไม่ใช่สาระสำคัญของคำสอนในศาสนานั้นๆ
ศาสนาต่างๆผ่านอายุมานานนับพันปี ผู้คนมากมายที่ศึกษาศาสนานั้นๆ ก็เห็นอะไรที่คุณเห็น จะไม่มีใครเลยหรือที่สงสัยอะไรอย่างที่คุณสงสัย และคุณเฉลียวใจบ้างหรือไม่ว่า ทำไมเขาไม่แก้ไขแบบที่คุณคิด
เรื่องในพระไตรปิฏกนั้นทั้งหมดมีสาระ และคุณจะหายสงสัยได้ด้วยการศึกษา(ปริยัติ)และการกระทำ(ปฏิบัติ) ให้ครบถ้วนก่อนครับ
การจะเข้าใจสาระในศาสนานั้นจะต้องปฏิบัติตามที่พระพุทธองค์ทรงสอนไว้ หลังจากปฏิบัติแล้ว ถึงแม้จะพึ่งเริ่มต้น ก็จะเข้าใจสาระของคำสอน และเข้าใจว่าเรื่องที่คุณสงสัยและคิดจะแก้ไขนั้น ไร้สาระ ที่ว่าไร้สาระไม่ใช่เรื่องนั้นไร้สาระ แต่คุณนั่นแหละ ไร้สาระ
สิ่งที่คุณทำนั้น เรียกว่าตีความตามตัวอักษร ซึ่งไม่ว่าในศานาใด จะมีเรื่องราวแปลกๆให้ตีความได้ด้วยกันทั้งนั้น แต่นั่นไม่ใช่สาระสำคัญของคำสอนในศาสนานั้นๆ
ศาสนาต่างๆผ่านอายุมานานนับพันปี ผู้คนมากมายที่ศึกษาศาสนานั้นๆ ก็เห็นอะไรที่คุณเห็น จะไม่มีใครเลยหรือที่สงสัยอะไรอย่างที่คุณสงสัย และคุณเฉลียวใจบ้างหรือไม่ว่า ทำไมเขาไม่แก้ไขแบบที่คุณคิด
เรื่องในพระไตรปิฏกนั้นทั้งหมดมีสาระ และคุณจะหายสงสัยได้ด้วยการศึกษา(ปริยัติ)และการกระทำ(ปฏิบัติ) ให้ครบถ้วนก่อนครับ
แสดงความคิดเห็น
หากประวัติ พระพุทธถูกทำให้สมจริงขึ้น
เริ่มกันเลยดีกว่า จากที่หลายคนเคยเรียนมา ประวัติของพระองค์ ได้เริ่มตั้ง พระนางสิริมาหามายา เริ่ม สุบิน ถึงช้างเผือก แล้วก็ ทำนาย ต่าง บลาๆ ซึ่งตรงนี้
สามารถมองให้สมเหตุสมผลในช่วงนั้น ได้ แต่ ตอนที่ พระองค์ประสูติ เจ้าชายสิทธัตถะทรงดำเนินด้วยพระบาท 7 ก้าว และมีดอกบัวผุดขึ้นมารองรับพระบาท
ซึ่งตอนนี้และ ทำให้ผมสังสัย ว่า คนเราจะเดิน ได้ 7 ก้าว ได้เลยเหรอ ซึ่งผมสันนิษฐานว่า อาจการแต่งขึ้นมาเพิ่มขึ้น เพราะท่านเกิด ที่ใต้ต้นสาละ ณ สวนลุมพินีวัน ซึ่ง เป็นพระราชาทั้งทีเกิดดันไปเกิดในกลางป่ากลางเขา มันช่างธรรมดาสามัญชนเหลือเกิน อีกทั้งทำนายไว้ว่าจะเป็นผู้ย่งใหญ่ในอนาคต แทน
ที่เกิดในที่ดีๆดันเกิดในป่าเสียดาย ดังนั้น เพื่อความไม่ธรรมจึ่งเติมแต่งว่าเดิน 7 ก้าว เเละ พูดได้ตั้งแต่เกิด เพื่อความยิ่งใหญ่ให้เจ้าชาย สิทธัตถะ เพื่อให้ชาวเมือง เห็นถึงควมยิ่งใหญ่ของพระองค์ และเนื้อเรื่องจึง ดำเนินไปถึง สร้างปราสาท และ อื่นๆ อีก ซึ่งผมจะข้ามไปตอนตรัสรู้เลย ที่ท่าน สามารถเอาชนะมาร
ได้ วึ่งผมคิดว่าตัวพระพุทธจะอธิบาย ผู้คนที่เข้าเฝ้าถึงการเอาชนะกิเลส โดยให้เห็นภาพ โดย พระแม่ธรนี คือด้านสว่างของพระองค์ และมารแสดงถึงด้าน
กิเลสของตัวพระองค์ และน้ำจากมวยผมที่เอาชนะมารได้เเสดงถึง การตัดกิเลสได้ของพระองค์เอง โดยให้ ผู้อื่นเข้าใจได้ง่าย มากยิ่งขึ้น เเละ อภิหิหารมากมาย ซึ่งผมพูดได้แทบไม่หมดแต่ผมขอนำเสนอ ที่เห็นได้ชัดๆเลยละกัน และเพื่อนคิดยังไง ส่วนตัวผมคิดว่า พระพุทธเจ้า เป็นคนธรรมดา นี้และ เเต่มี
ความคิดที่ยิ่งใหญ่ ท่านคือครู ที่เรียนรู้จากธรรมชาติ แล้ว มาสอนคนในยุคนั้นที่กำลังงมงาย ในเรื่องต่างๆ ให้สิ่งนั้นได้ เพื่อนคิดไงเเสดงความคิดเห็นหน่อยครับ
จะด่าไม่ว่ากัน