[SR] เมื่อเค้าบอกว่า จังหวัดสระแก้ว เป็นเมืองต้องห้าม......อ้าวแล้วตลาดโรงเกลือล่ะ?????


ขอทราบหน่อยได้ไหมคะ  ถ้าหากทุกคนได้ยินคำว่า จังหวัดสระแก้ว  สิ่งแรกที่แว๊บเข้ามาในความคิดจริงๆของแต่ละคน
คือสถานที่ ที่ไหน  หรือคืออะไร  ....สำหรับ  จขกท.เอง สิ่งแรกที่ถ้าใครๆพูดถึง จังหวัดสระแก้ว  จะนึกถึงตลาดโรงเกลือ  อย่างอื่นหรอคะ นึกได้แค่นี้จริงๆค่ะ
     ....ต้องขอบอกก่อนเลย ว่า จขกท. เปลี่ยนความคิด มุมมองไปเลย เมื่อไ้ด้รับโอกาสดีๆ จากทีมงาน Pantip Review ในการรับเชิญ
ให้เข้าร่วมเดินทางสำรวจแหล่งท่องเที่ยว "เมืองต้องห้าม......พลาด Plus"
ร่วมกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) (Tourism Authority of ThaiLand)

ครั้งแรกที่เห็นกำหนดการ สิ่งแรกที่ เด้งเข้ามาในความคิดเลยคือ เฮ๊ยยยยยยย......มันคือที่ไหน  ไม่เห็ฯเคยได้ยินชื่อเลย
ลองหาข้อมูลจาก Internet ดู เฮ๊ย....แทบไม่ค่อยมีข้อมูล  รูปภาพที่เจอก็ รู้สึกว่า  เฉยๆอ๊ะ แต่เอาน่า สถานที่ไม่น่าสน สิ่งที่น่าสนกว่า คือการได้รับโอกาสดีๆจากทีม Pantip ในการเดินทาง อย่างน้อยน่าจะได้ประสบการณ์สนุกแน่ๆ


   ทางทีมแจ้งว่าได้เชิญ สมาชิกในการเดินทาง ในครั้งนี้มา 3 ท่าน โดยแต่ละท่าน จะมีผู้ติดตามด้วยได้ 1 ท่าน (แต่ จขกท.ฉายเดี่ยว กับ สมากชิก อีกท่าน ที่เดินทางมาคนเดียวเช่นกัน  และ อีก 1 ท่าน มีผู้ติดตามมาด้วย 1 เป็น 2)
    เมื่อวันเดินทางมาถึง ทางทีมงาน ได้นัดรวมพล กันที่ ททท.สำนักงานใหญ่  โดยจะมี เจ้าหน้าที่จากทีมงาน Pantip 5 ท่าน (จากที่สอบถาม ทีมงานบอกว่า เจ้าหน้าที่จะมาเท่ากับจำนวน สมาชิกที่ทางทีมได้เชิญมา เพื่อที่จะได้ดูแลสมาชิกอย่างทั่วถึง ...(ตรงนี้อาจจะงง ว่ามีสมาชิกไป 4 แต่ทำไมทีมงานไป 5 เท่ากับจำนวนสมาชิกที่เชิญยังไง  จริงๆ จขกท. ได้ชวนเพื่อนไปอีก 1 คน เสียดายสิทธิ์ผู้ติดตาม แต่พอใกล้วันเดินทางจริง เพื่อนที่ จขกท.ชวนติดธุระด่วนจำเป็นเลย ต้องสละสิทธิ์)  ทีมงานดูแลดีมาก ๆ ตั้งแต่โทรประสาน จขกท.เรื่องการเดินทาง มีการทำประกันการเดินทางให้สมาชิกทุกคนที่ร่วมเดินทางในทริปนี้ด้วยนะคะ เดินทางโดยรถตู้ ที่ทาง ททท.เตรียมไว้ให้ 2 คันค่ะ
     อ้อ ลิมบอกว่า  งานนี้มรเจ้าหน้าที่ จาก ททท. 2 ท่านที่เริ่มเดินทางไปกับเราด้วย คือ จากที่ดูแลดีแล้ว  ดูแลดียิ่งขึ้น เชื่อไหมคะว่า ขนาดจะซื้อน้ำกินเองนี่ ยังมี เจ้าหน้าที่มาแย่งจ่ายให้อีก งานนี้เรียกว่าไปแต่ใจจริงๆ เงินไม่ต้อง  ชอบค่ะ อิอิ
          

และจุดเริ่มต้นของความประทับใจและใิตรภาพใหม่ๆ ก็มาเริ่มกันที่แรกเลยค่ะ  นั้นคือ  โรงเรียนค่ะ  แต่ไม่ใช่โรงเรียนทั่วๆไปนะคะ
โรงเรียนกาสรกสิวิทย์
ความเป็นมาของโรงเรียนก่อตั้งขึ้น อันเนื่องมาจาก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มูลนิธิชัยพัฒนา ดำเนินการจัดตั้ง เพื่อให้เป็นถานที่ฝึกกระบือให้สามารถทำการเกษตร และเป็นแหล่งที่ให้ผู้ที่สนใจได้เรียนรู้วัฒนธรรมการเกษตรท้องถิ่น และภูมิปัญญาชาวบ้าน รวมทั้งให้เกษตรกรได้เรียนรู้การใช้ชีวิตแบบพอเพียง
เป็นโรงเรียนที่สอนถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์การทำการเกษตร ให้เกษตรกร และประชาชนที่สนใจการใช้กระบือทำการเกษตร โดยฝึกให้กระบือให้เชื่องและสามารถไถนาได้  
วัตถุประสงค์ในการจัดตั้งโรงเรียนฝึกกระบือขึ้นก็เพื่อ
เป็นโรงเรียนสำหรับฝึกกระบือให้สามารถไถนาและทำงานด้านการเกษตรกรรม และสอนผู้ที่ต้องการใช้กระบือทำการเกษตรให้สามารถทำงานร่วมกับกระบือได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถดูแลกระบือให้มีสุขภาพแข็งแรง นอกจากนี้จะเป็นสถานที่ที่ให้ความรู้กับประชาชนในเรื่องวิถีชีวิต ความเป็นอยู่แบบพื้นบ้านที่เรียบง่าย และการใช้ชีวิตแบบพอเพียงตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวด้วย อีกด้วย



      พอไปถึงก็มีปราชญ์บรรยายแนวทางและแผนการดำเนินงานด้านต่างๆ ของโรงเรียนกาสรกสิวิทย์ อาทิเช่น การฝึกกระบือผู้เรียนรู้ การอบรมเกษตรกร การทำแปลงฝึกการไถนา การปลูกข้าว หลักสูตรการฝึกกระบือและการดูแล การฝึกกระบือไถนา คราด และการเตรียมดินสำหรับปลูกข้าว มาให้ความรู้


การจัดแสดงนิทรรศการแสดงเครื่องมือและอุปกรณ์การเกษตรแบบดั้งเดิม
ที่ใช้ในการทำนา มีโรงเรือนแสดงเครื่องมือและอุปกรณ์
ในการทำนาที่ใช้มากันตั้งแต่ดั้งเดิม ซึ่งทำขึ้นตามภูมิปัญญาชาวบ้าน และอุปกรณ์ทุกชิ้นที่แสดงจะนำไปใช้ในการทำการเกษตรในพื้นที่โรงเรียน จริงๆด้วยนะคะ











มีการสาธิต วิธีการไถนาจาก กระบือทรงเลี้ยง คุณบุญนำให้ พวกเราได้ดูด้วยค่ะา
บอกก่อนเลยนะคะ ปราชญ์ บอกกับเราว่า ใช่ว่าควายทุกตัวจะไถนาเป็นมาตั้งแต่เกิด จึงต้องมีการจัดหลักสูตรฝึกอบรม โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆนะคะ สำหรับเกษตรกร ที่สนใจจะมาฝึกอบรมกับทางโรงเรียน  ที่นี่ไม่ได้สอนเพียงควายในการไถนาเพียงอย่างเดียวนะคะ แต่มีการสอนเจ้าของควายในการใช้ชีวิตร่วมกับควายให้ได้ด้วย  ฝึกฝนเรียนรู้วิถีความเป็นอยู่แบบพื้นบ้านชาวนาไทยไปพร้อมๆกัน



ในสมัยก่อนชาวนาใช้ควายในการไถนา ควายจึงเปรียบเสมือน เพื่อนคู่แท้ของชาวนา แต่เมื่อความเจริญเข้ามา เทคโนโลยีเริ่มเข้ามาแทนที่ เริ่มเปลี่ยนจากควายมีชีวิต เป็นควายเหล็กแทน ซึ่งเป็ฯความสะดวกสบายที่มาคู่กับความเจริญ จึงเป็นสาเหตุให้การใช้ควายจริงๆแทบเลือนหายไปจากวิถีชีวิตของเกษตรกรชาวนา และคนในสมัยยุคปัจจุบันอาจจะนึกไม่ออกด้วยด้วยว่า ควายจริงๆไถนา เป็นยังไง  นอกจากที่ได้ชมภาพจากละครต่างๆ


หลักสูตรการฝึกอบรมของที่นี่จะมีเรียนทั้งภาคทฤษฏีและภาคปฏิบัติเลยนะคะ  โดยสอนตั้งแต่พื้นฐาน เริ่มต้น การดูลักษณะ การคัดเลือกควายไว้ใช้งาน การดูแล วิธีการจูง การฝึกไถดะ   ตลอดจนสอนควบคู่ไปจนถึง แนวทางการทำการเกษตรแบบผสมผสานตามทฤษฏีใหม่  และการทำปุ๋ยจากมูลควายด้วยค่ะ






ที่นี่ยังมีการแบ่งพื้นที่เป็น 30:30:30:10 ซึ่งเป็นการน้อมนำเอาวิธีการแบบเกษตรพอเพียงมาปรับใช้ภายในพื้นที่ของโรงเรียนอีกด้วยค่ะ  มีการสร้างสระมะรุมล้อมรัก ไว้ในพื้นที่เพื่อไว้ใช้สอยด้วยนะคะ






มีการแบ่งพื้นที่สำหรับปลูก ปอเทืองซึ่งเป็นพืชตระกูลถั่ว  เมื่อโตเต็มที่ จะทำการไถกลบเป็นปุ๋ยต่อไปค่ะ (ปกติเคยแต่ไปถ่ายรูปสวยๆ เพราะรู้สาเหตุความสำคัญของทุ่งปอเทืองก็วันนี้เองค่ะ )


ที่นี่ปัจจุบันจะมีกระบือทรงเลี้ยงอยู่ทั้งหมด 32 ท่านนะคะ


แล้วเราก็เคลื่อนขบวนไปเดินดูรอบๆโรงเรียน และดูบ้านดินกันค่ะ











และที่พลาดไม่ได้คือ มื้อกลางวันที่เราทานอาหารกันที่ร้านอาหารควายคะนอง  
ซึ่งเป็นของโรงเรียน  บรรยากาศติดสระมะรุมล้มรัก มีลมพัดเอื่อยๆ เสียงปลากระโดดดังมากๆค่ะระหว่างที่นังทานอาหาร


ระหว่างที่นั่งทานไป ก็เห็นมีคนมาทานอาหารของร้านควายคะนองตลอดเวลานะคะ ส่วนมาก มาเป็นครอบครัวใหญ่
อาหารที่นี่อร่อยทุกอย่างค่ะ





แอบค้างไว้เดี๋ยวมาต่อนะคะ
ชื่อสินค้า:   สระแก้ว เมืองต้องห้ามพลาด Plus
คะแนน:     
**SR - Sponsored Review : ผู้เขียนรีวิวนี้ไม่ได้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง แต่มีผู้สนับสนุนสินค้าหรือบริการนี้ให้แก่ผู้เขียนรีวิว โดยที่ผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนอื่นใดในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่