ตอนที่ 1 สบายดี..หลวงพระบาง
...เขียนที่หลวงพระบาง ประเทศลาว..
ความเงียบเข้าครอบงำ สมองสั่งให้เรียบเรียง
ความคิดเริ่มหมุนเวียน ฉันจึงเริ่มเขียนออกมา
หลวงพระบางเมืองมรดก คนหยิบยกสวยหนักหนา
มาเยือนสักครั้งครา เป็นบุญตาและอิ่มใจ
ผู้คนแสนยิ้มแย้ม ยิ้มจนแก้มป่องตาหยี
อาหารก็มั่งมี ฉันสุขขีและสุขใจ...
เรานึกประโยคเหล่านี้ได้ ขณะนั่งชมพระอาทิตย์ตกบนพระธาตุพูสี “หลวงพระบาง” เมืองมรดกโลก กลางหุบเขาประเทศลาว เมื่อก่อนอาจยากลำบากในการจะมาเยือนสักครั้ง.. แต่ทริปนี้บอกเลย ว่าต้องขอบคุณ #airasia ที่มีตั๋วถูกออกมา ทำให้เรื่องราวการผจญภัยของเราเริ่มต้นขึ้น....
เคยมาหลวงพระบางเมื่อหลายปีก่อน มาทางรถ เริ่มจากเวียงจันทน์ ผ่านวังเวียง หรือจะมาทางเรือ ล่องผ่านแม่น้ำโขงมา ทันทีที่เครื่องจอดที่สนามบินนานาชาติหลวงพระบาง ใจก็เต้น ตุ้มๆ ต่อมๆ แอบกังวลเหมือนกัน ว่าทริปนี้จะรอดไหม แต่เอาวะ!! สู้ๆ..
กรอกเอกสารผ่านแดน ประเทศลาวเรียบร้อย เดินผ่าน ตม. ออกมาเรียก Taxi เข้าเมือง ที่สนามบินนานาชาติหลวงพระบาง มีรถบริการเข้าเมือง โดยสามารถซื้อตั๋วได้ประตูทางออก ราคาอยู่ที่ 50,000 กีบ (ประมาณ 200 บาท ) * ตอนเราไป เรทเงินอยู่ที่ 230 กีบ/1 บาท ... เรานั่งรถชมวิวไปเรื่อย ถนนบ้านเมืองเขา ขอบอกว่า.... ถนนลูกรัง ฝุ่นตลบ บ้านเมืองเขาพัฒนานะ แต่เป็นไปอย่างช้าๆ บรรยากาศตอนนี้ เหมือนเราตอนอายุ 10 ขวบ (อย่าถามว่าตอนนี้อายุเท่าไหร่..) ผู้คนส่วนใหญ่เดินทางโดย มอเตอร์ไซด์ จักรยาน และรถยนต์ ขับรถเลนส์ขวา พวงมาลัยอยู่ฝั่งซ้าย ไม่ค่อยมีไฟแดง แต่ทุกคนระมัดระวังอย่างดี... จากสนามบิน สู่กลางเมืองหลวงพระบาง ใช้เวลาเดินทางประมาณ 15 นาที เราพักแถวซอยโจมา (ร้านเบเกอรี่ชื่อดังที่มีเค้กมะพร้าวอร่อยมากกกกกกก!!) ที่พักชื่อ “เฮือนนิตยา” ราคาห้องพัก 400 บาทต่อคืน ราคานี้ต่อรองได้นะ ในซอยมีให้เลือกสรรมากมาย ราคาเริ่มตั้งแต่ 400 – 700 บาท เหมาะสมกับนักท่องเที่ยวแบคแพค … เอาหล่ะ!! ออกไปเดินเล่นกัน...
ตอนที่ 2 สักการะ “พระบาง” .. สัมผัสบรรยากาศสงกรานต์ เมืองลาว
โชคดีมาก ที่มาหลวงพระบาง แล้วงานสงกรานต์ เขายังไม่เลิก.. หลวงพระบางจัดงานสงกรานต์ ตั้งแต่วันที่ 12 – 20 เมษายน 2559 มีการเล่นสาดน้ำ ทำบุญ ตามปกติเหมือนเมืองไทย ... ช่วงที่เราไปเป็นวันท้ายๆ แล้ว มีโอกาสได้สรงน้ำ “พระบาง” พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ประจำเมืองหลวงพระบาง ที่ 1 ปี จะอัญเชิญจากพระราชวัง ให้ประชาชนได้สรงน้ำเพียงช่วงเทศกาลสงกรานต์เท่านั้น... ซึ่งบรรยากาศงาน ก็เป็นเหมือนงานวัดทั่วไป แต่เอกลักษณ์ ที่บอกว่า “เจ๋งงงงงงงมากกกก” ที่ทุกคน ชาย หญิง ลูกเด็กเล็กแดง ต่างแต่งชุดประจำชาติ มาทำบุญ นุ่งผ้าถุง ห่มสไบ เข้าวัดอย่างเป็นระเบียบ
*เกร็ดความรู้
การสรงน้ำพระ ที่หลวงพระบาง จะมีอุปกรณ์ คือ น้ำสรง // ดอกไม้ (เป็นดอกลีลาวดี ที่เก็บเอาตามวัดนั่นแหล่ะ ถูกจัดเป็นกำอย่างสวยงาม ) เทียนไข แท่งยาว 2 แท่ง ธูป สำหรับไหว้พระ ... เราไปเขามีขายสำหรับนักท่องเที่ยวชุดละ 10,000 – 15,000 กีบ แล้วแต่ร้าน..
สำหรับวิธีการไหว้พระ คือ จุดธูปไหว้พระขอพรตามปกติ ซึ่งไฮไลต์ อยู่ที่ การสรงน้ำพระ ทุกคนจะต้องเดินขึ้นบันได ที่ทางวัดเตรียมไว้ให้ แล้วจะมีท่อต่อยาว เป็นรูปพญานาค ทุกคนจะเทน้ำลงไปตามท่อ จนถึงพระพุทธรูป หลังจากสรงน้ำพระเสร็จ ทุกคนสามารถนำขวดไปบรรจุน้ำ ที่ไหลออกมาจากท่ออีกฝั่งกลับไปบูชาที่บ้านได้... เอกลักษณ์ของแท้!!
จากนั้น เราก็ไปเดินเที่ยวถนนคนเดินตอนกลางคืน ของหลวงพระบาง ตั้งอยู่ใกล้กับพิพิธภัณฑ์แห่งชาติหลวงพระบาง และพระธาตุพูสี ส่วนใหญ่เป็นผลิตภัณฑ์พื้นเมือง ราคาต่อรองได้ อาหารการกินก็มีไม่ขาดสาย ทั้งคาวหวาน เลือกสรรได้ตามใจชอบ..
ตอนที่ 3 เดินชมวิถีชีวิต สัมผัสความเป็นหลวงพระบาง...
เช้ามาเราตรงดิ่งไปยัง “ร้านกาแฟประชานิยม” ร้านที่ใครๆ ก็ต้องมาชุมนุมยามเช้า พบปะพูดคุยกัน เจ้าคุณป้าเจ้าของร้านใจดีมาก ที่ร้านจะมีกาแฟ ปาท่องโก๋ จุ่มนม.. ร้านใกล้กัน เป็นร้านขาย เฝอ ข้าวต้ม รวมถึงขาย ขนมปังสอดใส้ลาว ที่ขอบอกว่า เป็นของโปรดเราเลยหล่ะ..
หลังจากท้องอิ่มแล้ว เราเช่าจักรยานจากที่พักในราคา 15,000 กีบ ปั่นไปรอบเมือง ช่วงเช้าจะมีตลาดเช้าข้างวัดใหม่ สุวันนะพูมาราม ในตลาดมีของขายที่เป็นของพื้นๆ พื้นมากกกก คือเขากองกับพื้นเลย มีทั้งของสด ผักสด สัตว์ต่างๆ ตั้งแต่ งูเห่า หนู ปลาบึกยักษ์ ปู รวมถึงของปรุงสำเร็จ อย่างหมี่มั่ว ....จากนั้น เราไปเที่ยวที่ พิพิธภัณฑ์แห่งชาติ หลวงพระบาง หรือพระราชวังเก่า ค่าเข้า 13,000 กีบ ด้านในห้ามถ่ายรูปนะจ๊ะ ต้องแต่งกายเรียบร้อย หากใครแต่งกายไม่เรียบร้อย จะต้องเสียค่าผ้าซิ่น 5,000 กีบ (มัดจำ 50,000 กีบ) ...
ส่วนสังคมที่หลวงพระบาง เป็นไปอย่างช้าๆ ไม่เร่งรีบ ส่วนใหญ่เป็นตึก 2 ชั้น และคงสภาพเอกลักษณ์ของตัวเองได้เป็นอย่างดี ร้านค้ามีมากมาย ร้านกาแฟค่อนข้างเยอะ วัดเยอะมากกกกกก!!! เราก็ไปสรงน้ำตามวัดต่างๆ ในพื้นที่
และถ้าพูดถึงร้านกาแฟในหลวงพระบาง ร้านหนึ่งที่พลาดไม่ได้คือ ร้านโจมา (Joma) ใครมาหลวงพระบางแล้วไม่เข้าร้านนี้ บอกเลยยยยยย ว่าไม่ถึงหลวงพระบางจ่ะ.. ในร้านมีเค้กกาแฟ ราคาจะอยู่ที่ 10,000 – 25,000 กีบ แล้วแต่ชนิดของที่เราสั่ง บริการถึงที่นั่ง มี Wifi ให้เล่น ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ บรรยากาศเงียบสงบ ใครคอกาแฟ เราแนะนำร้านนี้...
ตอนที่ 4 ชมพระอาทิตย์ตก พระธาตุพูสี
1 กิจกรรมที่ห้ามพลาด เวลามาเยือนหลวงพระบาง นั่นคือ ชมพระอาทิตย์ตก บนยอดพระธาตุพูสี ยอดเขาที่สูงที่สุดในหลวงพระบาง.. เราเดินขึ้นบันไดอย่างตั้งใจประหนึ่งเดินขึ้นยอดเขาดอยสุเทพ จ.เชียงใหม่ เสียค่าเข้า 20,000 กีบ ด้านบน สามารถชมวิวเมืองหลวงพระบาทได้ครบ 360 องศา พระอาทิตย์ตกฝั่งแม่น้ำโขง อีกฝั่งเป็นแม่น้ำคาน มีพระธาตุให้ประชาชนได้สักการะ ขอพรกัน...
[CR] บินเดี่ยวเยือนถิ่นมรดกโลก "หลวงพระบาง"
...เขียนที่หลวงพระบาง ประเทศลาว..
ความเงียบเข้าครอบงำ สมองสั่งให้เรียบเรียง
ความคิดเริ่มหมุนเวียน ฉันจึงเริ่มเขียนออกมา
หลวงพระบางเมืองมรดก คนหยิบยกสวยหนักหนา
มาเยือนสักครั้งครา เป็นบุญตาและอิ่มใจ
ผู้คนแสนยิ้มแย้ม ยิ้มจนแก้มป่องตาหยี
อาหารก็มั่งมี ฉันสุขขีและสุขใจ...
เรานึกประโยคเหล่านี้ได้ ขณะนั่งชมพระอาทิตย์ตกบนพระธาตุพูสี “หลวงพระบาง” เมืองมรดกโลก กลางหุบเขาประเทศลาว เมื่อก่อนอาจยากลำบากในการจะมาเยือนสักครั้ง.. แต่ทริปนี้บอกเลย ว่าต้องขอบคุณ #airasia ที่มีตั๋วถูกออกมา ทำให้เรื่องราวการผจญภัยของเราเริ่มต้นขึ้น....
เคยมาหลวงพระบางเมื่อหลายปีก่อน มาทางรถ เริ่มจากเวียงจันทน์ ผ่านวังเวียง หรือจะมาทางเรือ ล่องผ่านแม่น้ำโขงมา ทันทีที่เครื่องจอดที่สนามบินนานาชาติหลวงพระบาง ใจก็เต้น ตุ้มๆ ต่อมๆ แอบกังวลเหมือนกัน ว่าทริปนี้จะรอดไหม แต่เอาวะ!! สู้ๆ..
กรอกเอกสารผ่านแดน ประเทศลาวเรียบร้อย เดินผ่าน ตม. ออกมาเรียก Taxi เข้าเมือง ที่สนามบินนานาชาติหลวงพระบาง มีรถบริการเข้าเมือง โดยสามารถซื้อตั๋วได้ประตูทางออก ราคาอยู่ที่ 50,000 กีบ (ประมาณ 200 บาท ) * ตอนเราไป เรทเงินอยู่ที่ 230 กีบ/1 บาท ... เรานั่งรถชมวิวไปเรื่อย ถนนบ้านเมืองเขา ขอบอกว่า.... ถนนลูกรัง ฝุ่นตลบ บ้านเมืองเขาพัฒนานะ แต่เป็นไปอย่างช้าๆ บรรยากาศตอนนี้ เหมือนเราตอนอายุ 10 ขวบ (อย่าถามว่าตอนนี้อายุเท่าไหร่..) ผู้คนส่วนใหญ่เดินทางโดย มอเตอร์ไซด์ จักรยาน และรถยนต์ ขับรถเลนส์ขวา พวงมาลัยอยู่ฝั่งซ้าย ไม่ค่อยมีไฟแดง แต่ทุกคนระมัดระวังอย่างดี... จากสนามบิน สู่กลางเมืองหลวงพระบาง ใช้เวลาเดินทางประมาณ 15 นาที เราพักแถวซอยโจมา (ร้านเบเกอรี่ชื่อดังที่มีเค้กมะพร้าวอร่อยมากกกกกกก!!) ที่พักชื่อ “เฮือนนิตยา” ราคาห้องพัก 400 บาทต่อคืน ราคานี้ต่อรองได้นะ ในซอยมีให้เลือกสรรมากมาย ราคาเริ่มตั้งแต่ 400 – 700 บาท เหมาะสมกับนักท่องเที่ยวแบคแพค … เอาหล่ะ!! ออกไปเดินเล่นกัน...
ตอนที่ 2 สักการะ “พระบาง” .. สัมผัสบรรยากาศสงกรานต์ เมืองลาว
โชคดีมาก ที่มาหลวงพระบาง แล้วงานสงกรานต์ เขายังไม่เลิก.. หลวงพระบางจัดงานสงกรานต์ ตั้งแต่วันที่ 12 – 20 เมษายน 2559 มีการเล่นสาดน้ำ ทำบุญ ตามปกติเหมือนเมืองไทย ... ช่วงที่เราไปเป็นวันท้ายๆ แล้ว มีโอกาสได้สรงน้ำ “พระบาง” พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ประจำเมืองหลวงพระบาง ที่ 1 ปี จะอัญเชิญจากพระราชวัง ให้ประชาชนได้สรงน้ำเพียงช่วงเทศกาลสงกรานต์เท่านั้น... ซึ่งบรรยากาศงาน ก็เป็นเหมือนงานวัดทั่วไป แต่เอกลักษณ์ ที่บอกว่า “เจ๋งงงงงงงมากกกก” ที่ทุกคน ชาย หญิง ลูกเด็กเล็กแดง ต่างแต่งชุดประจำชาติ มาทำบุญ นุ่งผ้าถุง ห่มสไบ เข้าวัดอย่างเป็นระเบียบ
*เกร็ดความรู้
การสรงน้ำพระ ที่หลวงพระบาง จะมีอุปกรณ์ คือ น้ำสรง // ดอกไม้ (เป็นดอกลีลาวดี ที่เก็บเอาตามวัดนั่นแหล่ะ ถูกจัดเป็นกำอย่างสวยงาม ) เทียนไข แท่งยาว 2 แท่ง ธูป สำหรับไหว้พระ ... เราไปเขามีขายสำหรับนักท่องเที่ยวชุดละ 10,000 – 15,000 กีบ แล้วแต่ร้าน..
สำหรับวิธีการไหว้พระ คือ จุดธูปไหว้พระขอพรตามปกติ ซึ่งไฮไลต์ อยู่ที่ การสรงน้ำพระ ทุกคนจะต้องเดินขึ้นบันได ที่ทางวัดเตรียมไว้ให้ แล้วจะมีท่อต่อยาว เป็นรูปพญานาค ทุกคนจะเทน้ำลงไปตามท่อ จนถึงพระพุทธรูป หลังจากสรงน้ำพระเสร็จ ทุกคนสามารถนำขวดไปบรรจุน้ำ ที่ไหลออกมาจากท่ออีกฝั่งกลับไปบูชาที่บ้านได้... เอกลักษณ์ของแท้!!
จากนั้น เราก็ไปเดินเที่ยวถนนคนเดินตอนกลางคืน ของหลวงพระบาง ตั้งอยู่ใกล้กับพิพิธภัณฑ์แห่งชาติหลวงพระบาง และพระธาตุพูสี ส่วนใหญ่เป็นผลิตภัณฑ์พื้นเมือง ราคาต่อรองได้ อาหารการกินก็มีไม่ขาดสาย ทั้งคาวหวาน เลือกสรรได้ตามใจชอบ..
ตอนที่ 3 เดินชมวิถีชีวิต สัมผัสความเป็นหลวงพระบาง...
เช้ามาเราตรงดิ่งไปยัง “ร้านกาแฟประชานิยม” ร้านที่ใครๆ ก็ต้องมาชุมนุมยามเช้า พบปะพูดคุยกัน เจ้าคุณป้าเจ้าของร้านใจดีมาก ที่ร้านจะมีกาแฟ ปาท่องโก๋ จุ่มนม.. ร้านใกล้กัน เป็นร้านขาย เฝอ ข้าวต้ม รวมถึงขาย ขนมปังสอดใส้ลาว ที่ขอบอกว่า เป็นของโปรดเราเลยหล่ะ..
หลังจากท้องอิ่มแล้ว เราเช่าจักรยานจากที่พักในราคา 15,000 กีบ ปั่นไปรอบเมือง ช่วงเช้าจะมีตลาดเช้าข้างวัดใหม่ สุวันนะพูมาราม ในตลาดมีของขายที่เป็นของพื้นๆ พื้นมากกกก คือเขากองกับพื้นเลย มีทั้งของสด ผักสด สัตว์ต่างๆ ตั้งแต่ งูเห่า หนู ปลาบึกยักษ์ ปู รวมถึงของปรุงสำเร็จ อย่างหมี่มั่ว ....จากนั้น เราไปเที่ยวที่ พิพิธภัณฑ์แห่งชาติ หลวงพระบาง หรือพระราชวังเก่า ค่าเข้า 13,000 กีบ ด้านในห้ามถ่ายรูปนะจ๊ะ ต้องแต่งกายเรียบร้อย หากใครแต่งกายไม่เรียบร้อย จะต้องเสียค่าผ้าซิ่น 5,000 กีบ (มัดจำ 50,000 กีบ) ...
ส่วนสังคมที่หลวงพระบาง เป็นไปอย่างช้าๆ ไม่เร่งรีบ ส่วนใหญ่เป็นตึก 2 ชั้น และคงสภาพเอกลักษณ์ของตัวเองได้เป็นอย่างดี ร้านค้ามีมากมาย ร้านกาแฟค่อนข้างเยอะ วัดเยอะมากกกกกก!!! เราก็ไปสรงน้ำตามวัดต่างๆ ในพื้นที่
และถ้าพูดถึงร้านกาแฟในหลวงพระบาง ร้านหนึ่งที่พลาดไม่ได้คือ ร้านโจมา (Joma) ใครมาหลวงพระบางแล้วไม่เข้าร้านนี้ บอกเลยยยยยย ว่าไม่ถึงหลวงพระบางจ่ะ.. ในร้านมีเค้กกาแฟ ราคาจะอยู่ที่ 10,000 – 25,000 กีบ แล้วแต่ชนิดของที่เราสั่ง บริการถึงที่นั่ง มี Wifi ให้เล่น ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ บรรยากาศเงียบสงบ ใครคอกาแฟ เราแนะนำร้านนี้...
ตอนที่ 4 ชมพระอาทิตย์ตก พระธาตุพูสี
1 กิจกรรมที่ห้ามพลาด เวลามาเยือนหลวงพระบาง นั่นคือ ชมพระอาทิตย์ตก บนยอดพระธาตุพูสี ยอดเขาที่สูงที่สุดในหลวงพระบาง.. เราเดินขึ้นบันไดอย่างตั้งใจประหนึ่งเดินขึ้นยอดเขาดอยสุเทพ จ.เชียงใหม่ เสียค่าเข้า 20,000 กีบ ด้านบน สามารถชมวิวเมืองหลวงพระบาทได้ครบ 360 องศา พระอาทิตย์ตกฝั่งแม่น้ำโขง อีกฝั่งเป็นแม่น้ำคาน มีพระธาตุให้ประชาชนได้สักการะ ขอพรกัน...
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น