แชร์ประสบการณ์เป็นโรคซึมเศร้า และการรักษา

สวัสดีค่ะ ขอเรียกตัวเองว่าหนูนะคะ พอดีหนูไปเจอกระทู้นี้
http://ppantip.com/topic/35062717 เลยอยากจะแบ่งปันประสบการณ์ของหนูบ้างค่ะ
ตอนนี้หนูอายุ 19 ย่าง 20 ปี ปัจจุบันลาออกจากมหาลัยและกำลังรอสอบเข้าที่ใหม่ค่ะ
อย่างที่บอกไปข้างต้นแล้วนะคะว่าหนูเป็นโรคซึมเศร้า จริงๆโรคซึมเศร้าไม่ได้เป็นๆหายๆนะคะ แต่เกิดจากความเครียดที่ถูกสะสมมาเป็นเวลานาน และไม่ได้รับวิธีการเยียวยาความเครียดเหล่านั้นที่ถูกต้อง อย่างหนูเองก็เครียดสะสมมาตั้งแต่ชั้นประถมจนถึงมหาวิทยาลัย รวมแล้วก็ 13 ปีค่ะ ทีนี้เราจะรู้ว่าเราเป็นโรคซึมเศร้าได้ยังไง ที่หนูเป็นนะคะ
1.เครียดมากๆถึงมากที่สุดเท่าที่เคยเป็นมา
2.หลงลืมในสิ่งที่ไม่น่าจะลืมและลืมมากกว่า3ครั้งใน1วัน
3.ร้องไห้ทุกครั้งที่พูดถึงเรื่องที่หนูเครียด บางวันหนูก็ร้องไห้อย่างนั้นเป็นชั่วโมงเลยค่ะ
4.คิดฆ่าตัวตายตลอดเวลา เห็นยาก็คิดจะกินยาตาย เห็นระเบียงก็คิดจะกระโดดตึกตาย เห็นมีดก็คิดจะกรีดคอตาย
5.นอนมากเกินไปและนอนไม่หลับ หนูเข้านอนเวลา4ทุ่มและตื่น7โมงครึ่งเป็นปกติแต่หลังหนูเป็นโรคซึมเศร้า หนูนอน4ทุ่มเหมือนเดิมแต่ตื่นไม่ไหวหลับยาวถึง10โมง และบางวันหนูตื่นตี4ครึ่งแล้วหลับไม่ลง เป็นแบบนี้สลับไปมาเป็นเดือนๆค่ะ
6.คิดช้ากว่าปกติ และรู้สึกตัวช้ากว่าปกติค่ะ

ส่วนอาการอื่นๆสามารถดูได้ที่นี่ค่ะ
http://health.kapook.com/view78062.html

หนูขอบอกเล่าประสบการณ์ความเครียดตลอด 13 ปีที่หนูได้รับมานะคะ

ความเครียดที่หนูได้มานั้นเริ่มจากตอนอนุบาล3-ประถม6 หนูจะมีปัญหากับเพื่อนร่วมห้องและครูประจำชั้นเยอะมากค่ะ เพราะหนูค่อนข้างเกเรและก้าวร้าวเพราะเป็นไฮเปอร์มาก่อน

ช่วงมัธยม หนูมีปัญหาเรื่องเพื่อนเหมือนเดิมค่ะ เพื่อนร่วมห้องไม่มีใครชอบหนูและทำท่าทางรังเกียจหนูมาก หนูคิดแค่ว่า เราน่ารังเกียจขนาดที่ใช้ของร่วมกับเราไม่ได้เลยเหรอ? หนูก็เครียดกับเรื่องแบบนี้มาตลอด 6 ปีในชั้นมัธยม

และช่วงมหาวิทยาลัยที่หนูเป็นโรคซึมเศร้า

หนูเข้าเรียนที่มหาลัยหนึ่งในกรุงเทพ และหนูก็เก่งทางด้านภาษาทำให้มีเพื่อนๆมาถามหนูเยอะ และหนูก็ตอบอธิบายไปตามปกติของหนูค่ะ และหนูก็มีปัญหากับเพื่อนอีกจนได้ เป็นปัญหาเดิมๆที่ไม่เดิมๆตรงที่มันใหญ่และรุนแรงกว่าช่วงที่ผ่านมาค่ะ พอเกิดปัญหาขึ้นมาครั้งหนึ่ง ปัญหาก็ทยอยเข้ามาหาหนูเรื่อยๆ ปัญหาพวกนั้นก็มาจากเพื่อนหนูค่ะ ตั้งแต่เทอมแรกจนถึงเทอมสอง หนูคิดจะลาออกหลายครั้งแต่ก็ไม่ลาออกซักทีเพราะหนูยังอยากเรียนต่อที่นี่ค่ะ จนเหตุการณ์มาถึงช่วงที่หนักที่สุดสำหรับหนู (หนูไม่ขอเล่าว่าเพื่อนทำอะไรหนู หนูถึงต้องลาออกมานะคะ เพราะหนูไม่ต้องการพาดพิงถึงบุคคลใดก็ตามค่ะ)
ระหว่างเหตุการณ์นั้น หนูเครียดมากๆค่ะ เครียดจนคิดอยากฆ่าตัวตายไปหลายครั้งมาก และหนูไม่อยากไปเรียน พอคุณลุงของหนูรู้เรื่องนี้และรู้ว่าหนูจะลาออกจากที่นี่ก็โทรมาคุยกับหนูและบอกให้หนูกลับไปเรียน บอกว่าเรื่องที่หนูเจอมันเป็นเรื่องปกติ ไปที่ไหนก็เจอ และบอกให้หนูสู้กับมัน หนูฟังแล้วก็บอกไปแค่ว่าหนูไม่อยากกลับไปเรียนแล้ว หนูไม่อยากเจอพวกนั้น แต่ลุงก็ยังกดดันหนูให้หนูไปเรียนจนหนูร้องไห้ออกมา

หลังจากนั้นหนูก็ไปพบจิตแพทย์ ท่านก็ให้หนูบอกเล่าเรื่องราวที่หนูเจอมา แรกๆที่หนูเล่าก็ยังดีๆแต่พอเล่าถึงเรื่องของเพื่อนที่หนูมีปัญหาด้วยหนูก็ร้องไห้ออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ หลังจากเล่าเสร็จ ท่านก็บอกว่าหนูเป็นโรคซึมเศร้าค่ะ ท่านบอกว่าเพราะหนูเก็บกดมามากทำให้เป็นแบบนี้ และให้หนูลาพักเรียนไปหลายอาทิตย์ หนูเองก็ตกใจนะคะที่รู้ว่าตัวเองเป็นโรคซึมเศร้าเพราะไม่คิดว่ามันจะหนักมากถึงขนาดนี้

หลังจากที่หนูเป็นโรคซึมเศร้า หนูได้ยามาทาน 3 ตัวค่ะ คือยาแก้โรคซึมเศร้าหรือยาปรับทัศนคติ(Fluoxetine) ยาคลายเครียด(Risperidone) และ ยานอนหลับค่ะ
ซึ่งทั้ง 3 ตัวนี้ต้องทานต่อเนื่องทุกวัน และห้ามหยุดยาเองนอกจากแพทย์สั่งค่ะ

ระหว่างนี้หนูรักษาตัวมาได้ 3 สัปดาห์แล้วค่ะ และทัศนคติของหนูก็ดีขึ้นเรื่อยๆ และมองโลกกว้างมากขึ้นแล้วค่ะ

สุดท้ายนี้หนูขอพูดถึงเรื่องการเข้าหาคนที่เป็นโรคซึมเศร้านะคะ หนูไม่อยากให้ไปกดดันคนที่เป็นโรคซึมเศร้า เหมือนที่ลุงกดดันหนูเรื่องเรียนค่ะเพราะมันให้ความรู้สึกที่แย่มากๆ ตอนที่ลุงกดดันหนูให้หนูกลับไปเรียนกลับไปสู่กับเพื่อนที่ทำร้ายหนูทางคำพูดทั้งๆที่หนูไม่อยากไป หนูรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบมันถล่มมาทับตัวหนู มันกดดันมากๆและคิดว่าอยากตายไปจากโลกนี้ ถึงลุงของหนูจะรู้ว่าหนูเป็นโรคซึมเศร้าแต่ก็ยังกดดันหนูต่อ หนูอยากบอกแค่ว่าอย่ากดดันกันได้มั้ย สำหรับคนปกติอาจจะมองว่าเป็นแค่เรื่องธรรมดา แต่สำหรับหนูมันทำร้ายจิตใจกันมากเกินไปค่ะ มันเหมือนกับการให้หนูไปตายก็ว่าได้ค่ะ

และที่หนูมาแบ่งปันประสบการณ์ของหนู เพราะหนูอยากให้ทุกคนรู้จักโลกของคนที่เป็นโรคซึมเศร้าและเข้าหาคนที่เป็นโรคซึมเศร้าได้แบบไม่ทำร้ายจิตใจเขาและรู้ทันโรคนี้ก่อนที่จะเก็บกดไปมากกว่านี้ค่ะ และหนูอยากบอกให้ทุกคนรู้ว่าคนที่ไปพบจิตแพทย์ไม่ใช่เฉพาะคนที่เป็นบ้าหรือจิตไม่ดีนะคะ และโรคซึมเศร้าไม่ใช่อุปสรรคต่อการเรียนและการทำงานแต่อย่างใดค่ะ เพราะทุกวันนี้หนูเองก็ใช้ชีวิตตามปกติและมีความสุข เพียงแต่หนูลาออกเพราะหนูทนสังคมของมหาลัยนั้นไม่ได้เองค่ะ สุขภาพกายจะดีได้สุขภาพจิตก็ต้องดีด้วยเช่นกันค่ะ

ส่วนเรื่องของเหตุการณ์ หนูขอไม่บอกว่าเพื่อนกดดันหนูยังไงและหนูเรียนที่ไหนนะคะเพราะหนูไม่ต้องการพาดพิงบุคคลใดและสถาบันใดค่ะ
ขอขอบคุณมากค่ะที่อ่านกันมาถึงตรงนี้ค่ะ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่