Descendants of the sun : ความรักของกัปตันยูชีจินและหมอคัง



          สวัสดีค่ะ กระทู้นี้ถือเป็นตอนที่ 2 ของกระทู้ "Descendants of the sun" กับมุมมองด้าน "ความรัก" http://ppantip.com/topic/35048440 ค่ะ แต่กระทู้นี้จะเป็นการตีความสัญลักษณ์ต่างๆจากซีรี่ส์เฉพาะประเด็นความรักของกัปตันยูชีจินและหมอคังเท่านั้นค่ะ ซึ่ง จขกท.จะทำการนำส่วนที่ได้วิเคราะห์ไปก่อนหน้านี้มารวบรวมในกระทู้นี้ด้วยเพื่อจะได้รวมทุกประเด็นที่เกี่ยวข้องกับความรักของกัปตันยูชีจินและหมอคังให้ครบถ้วนค่ะ เริ่มกันเลยนะคะ ^^


1. "การจูบ"

          "การจูบ" เป็นการแสดง "ความรัก" อย่างหนึ่งหากการจูบนั้นเกิดขึ้นเพราะ "ความรัก" ไม่ใช่อารมณ์หวั่นไหวหรือหลงใหลเพียงชั่วขณะ

          ในซีรีส์เรื่อง Descendants of the sun นั้นมีซีนจูบในหลายๆสถานการณ์และสถานที่ เรามาดูกันค่ะว่าความหมายของ "การจูบ" ในแต่ละซีนนั้นมีอะไรกันบ้าง



          ซีนแรกที่จขกท.ขออนุมานว่าเป็นการจูบ นั่นคือ ตอนที่กัปตันทำการผายปอดหมอคังหลังจากรถตกน้ำ  การจูบนี้ แสดงถึงว่า กัปตันเป็นฝ่ายที่มอบความรักและความห่วงใยให้แก่หมอคังและจะทำทุกวิธีทางที่จะปกป้องและช่วยชีวิตหมอคัง แม้ว่าหมอคังจะไม่รับรู้หรือยังลังเลในการที่จะรักกัปตันก็ตามค่ะ



          "จูบแรก" ของกัปตันและหมอคัง นั่นคือ ซีน "Wine Kiss" ค่ะ การจูบนี้ แสดงถึงว่า กัปตันรักหมอคังจนเต็มหัวใจของกัปตันแล้วจริงๆ รักมากจนอยากที่จะแสดงให้หมอคังได้รับรู้ถึงความรู้สึกนี้  ส่วนการที่หมอคังไม่จูบตอบแต่ก็ไม่ได้ขัดขืน (มากมาย)นั้น แสดงถึงว่า หมอคังเองก็รู้สึกรักกัปตันเช่นกันเพียงแค่หมอคังยังมีความลังเลและความกลัวที่จะรักกัปตันจนเต็มหัวใจค่ะ






          "จูบบนรถ"  เปรียบเสมือนว่า แม้ "ความรัก" ของเค้าทั้งสองคนได้ก่อตัวขึ้นจนเต็มหัวใจแล้วแต่เส้นทางบนถนนที่รถแล่นไปมันอาจจะมีพื้นผิวถนนที่ขรุขระ ไม่ราบเรียบ แถมเส้นทางของถนนที่รถขนฟางแล่นไป บริเวณด้านหน้าคือภูเขา นั่นเปรียบเหมือน เส้นทางความรักของทั้งคู่อาจจะต้องฝ่าฟันอุปสรรคและปัญหาต่างๆอีกมากมาย เพื่อเป็นการพิสูจน์รักแท้ที่มีให้แก่กัน

          การที่กัปตันและหมอคังจูบกันบนรถขนฟางคันนั้นโดยลักษณะที่นั่งประคองซึ่งกันและกัน นั่นแสดงถึง ทั้งกัปตันและหมอคังอาจต้องมีการประคับประคอง "ความรัก" อันอาจเกิดจากอุปสรรคในภายภาคหน้าอันนำมาซึ่งบทสรุปของการพิสูจน์ "ความรักแท้" ที่ทั้งสองคนมีให้แก่กันค่ะ



          "จูบที่ปั๊มน้ำมัน" หากเปรียบความรู้สึกหรือความรักของหมอคังเป็นรถคันนั้น ขณะที่หมอคังมีจิตใจที่เป็นทุกข์และห่อเหี่ยวด้วยความไม่มั่นใจในตัวเองและความหึงหวงกัปตัน ความรู้สึกของหมอคัง ณ เวลานั้นคงคล้ายกับการที่รถหมดน้ำมันจนไม่สามารถขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้อีก ดังนั้น การที่กัปตันจูบหมอคังหลังจากที่รู้ว่าหมอคังน้อยใจและรู้สึกหึงกัปตันที่ชมผู้หญิงคนอื่นว่าสวย แสดงถึงว่า กัปตันได้เพิ่มความพลังแห่งความรักและพลังแห่งความมั่นคงของความรักที่กัปตันมีให้แก่หมอคังจนเต็มหัวใจ  กัปตันอยากให้หมอคังรับรู้เพียงแค่ว่า หมอคังคือผู้หญิงที่สวยที่สุดในสายตาของกัปตันและจะไม่มีใครมาแทนที่ได้เลย  การจูบของกัปตันจึงเปรียบเหมือนการเติมน้ำมันรถจนเต็มถังเพื่อพร้อมจะออกเดินทางบนเส้นทางแห่งรักเส้นนี้นั่นแห่งค่ะ



          "จูบบนหอนาฬิกา" แสดงถึงว่า แม้ทั้งกัปตันและหมอคังจะมีความรักต่อกันจนเต็มหัวใจทั้งสองดวง แต่จากนี้ไปความรักของทั้งคู่อาจจะเกิดอุปสรรคเนื่องจากคำว่า "เวลา" หรือ "การรอคอย" ประกอบกับการที่ภาพรอบๆหอนาฬิกาที่เป็นสังคมเมือง ไม่ได้เป็นสังคมชนบทแบบตอนจูบบนรถขนฟาง นั่นแสดงถึง ต่อจากนี้ไปทั้งกัปตันและหมอคังอาจจะต้องร่วมกันฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆอันเกิดจากการใช้ชีวิตในสังคมเมืองที่ย่อมมีความยุ่ง วุ่นวายรวมทั้งปัญหาต่างๆที่จะตามมาเพื่อเป็นการพิสูจน์ว่าความรักของทั้งสองคนนั้นมั่นคงเพียงใด





          "จูบบนซากเรือโบราณ"  เรือโบราณที่จอดแน่นิ่ง เป็นเรือลำใหญ่ที่หยุดนิ่งไม่มีความเคลื่อนไหวและแน่นอนว่าเรือโบราณลำนี้ได้ผ่านเหตุการณ์แผ่นดินไหวและมรสุมทางทะเลมานับครั้งไม่ถ้วน แม้เรือโบราณลำนี้จะมีร่องรอยความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นขณะที่มีมรสุมรุนแรงหรืออายุตามกาลเวลาไปบ้าง แต่เรือโบราณลำนี้ก็ยังคงจอดแน่นิ่งอยู่ ณ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนั้นและคงจะจอดอยู่เช่นนี้ไปตลอดกาล

         อีกทั้งภาพท้องทะเลกว้างไกลปราศจากสิ่งใดๆบดบังทัศนียภาพ ปราศจากมรสุมคลื่นลมแรง มีเพียงลมทะเลที่พัดพาความชุ่มชื้นเข้าสู่ซากเรือโบราณลำนั้น

          เปรียบเช่นเดียวกันกับ ความรักของกัปตัน(พันตรียูชีจิน)และหมอคังที่ได้ร่วมกันฝ่าฟันอุปสรรคมานับครั้งไม่ถ้วน พวกเค้าอาจจะได้รับบาดแผลหรือความเจ็บปวดมาบ้าง แต่เค้าทั้งสองคนได้พิสูจน์แล้วว่าความรักที่มีให้แก่กันไม่ใช่ความรักที่ฉาบฉวย หากแต่เป็นความรักที่จริงใจ เข้าใจ และเป็น "ความรักแท้" ที่จากนี้และตลอดไปก็ยังคงจะเป็น "ความรักที่มั่นคงและรักตลอดไปชั่วนิจนิรันด์"ค่ะ



2. "Minefield  เขตทุ่นระเบิด"



          หากเปรียบเขตทุ่นระเบิด หรือ Minefield นี้ เป็นเส้นทางความรักของกัปตันและหมอคัง

          เส้นทางความรักที่ดูเหมือนว่าจะมีอุปสรรคและอันตรายมากมายในภายภาคหน้า และอาจจะเป็นอันตรายถึงชีวิตเพราะอย่างที่ทราบกันดีว่าระเบิดนั้นมีอานุภาพรุนแรงแค่ไหน และแน่นอนว่าการที่จะผ่านพ้นอุปสรรคต่างๆเหล่านั้นไปได้ ย่อมต้องอาศัย ความรักที่ทั้งสองคนมีให้แก่กัน จูงมือก้าวผ่านไปด้วยกัน



          การที่ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์หรือสัญญาณของวิทยุสื่อสารที่จะขอความช่วยเหลือจากผู้อื่นได้ นั่นแสดงถึงว่า ในการฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆที่อาจเกิดขึ้นบนเส้นทางความรักของเค้าทั้งสองคนได้ทุกเมื่อนั้น ต้องอาศัยความรักและการช่วยเหลือซึ่งกันและกันของทั้งสองคนเท่านั้น



          การที่กัปตันบอกหมอคังว่า  การจะผ่านสนามระเบิดไปได้ คือ ต้องผ่านไปอย่างช้าๆ นั่นหมายถึง ความรักของกัปตันและหมอคัง จะเป็นความรักที่ค่อยๆเป็นค่อยไป  ช่วยกันแก้ปัญหาและฝ่าฟันอุปสรรคที่จะเข้ามาไปด้วยกัน เป็นความรักที่อาจจะไม่หวือหวา ร้อนแรง แต่เป็นความรักที่แต่ละก้าวจะเต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นคงและความเข้าใจซึ่งกันและกัน  

          และแม้หมอคังจะมีความกลัวในความรักครั้งนี้ แต่กัปตันจะเป็นคนที่แสดงให้หมอคังเห็นว่าความเป็นผู้นำ ความเสียสละ ความเป็นชายชาติทหารและความรักที่มีให้แก่หมอคังนั้น กัปตันจะไม่มีวันปล่อยให้หมอคังเผชิญหน้ากับความยากลำบากแต่เพียงลำพัง กัปตันจะทำหน้าที่นำทางด้วยความกล้าหาญ มอบความรักด้วยความอ่อนโยนและปกป้องชีวิตหมอคังด้วยชีวิตของกัปตันเองค่ะ



          การที่หมอคังส่งธงสีแดง อันเป็นสัญลักษณ์แสดงว่าบริเวณนั้นมีระเบิดให้แก่กัปตัน เปรียบได้กับ หมอคังนั้นจะคอยเป็นคนที่ส่งกำลังใจหรือความรักให้แก่กัปตันในทุกๆครั้งหรือทุกย่างก้าวที่ต้องเผชิญหน้ากับอุปสรรคใดๆบนเส้นทางความรักเส้นนี้  โดยที่จะมีกัปตันเป็นผู้นำทางและช่วยฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆไปด้วยกัน





          ทุกๆก้าวเดินที่เต็มไปด้วยอันตรายนั้น กัปตันและหมอคังจะจับมือกันก้าวเดินตามกันไปที่จุดๆเดียวกันเสมอ แสดงถึงว่า เค้าทั้งสองคนจะไม่ทอดทิ้งกัน เค้าทั้งสองคนจะช่วยประคับประคองความรักครั้งนี้ไปด้วยกัน โดยที่กัปตันจะทำหน้าที่เป็นผู้นำอย่างกล้าหาญและจะปกป้องชีวิตหมอคังให้ดีที่สุดด้วยชีวิตของกัปตัน







          การที่กัปตันเอาลิปสติกหมอคังเขียนป้ายเตือนว่าบริเวณนี้เป็นเขตที่มีทุ่นระเบิดหรือกับดักระเบิดนั้น นอกจากมันจะหมายถึงเป็นการเตือนถึงความอันตรายของบริเวณนี้แล้ว ยังสามารถตีความได้อีกนัยหนึ่งว่า กัปตันได้ประกาศให้พื้นที่และเส้นทางแห่งความรักของกัปตันและหมอคังนั้นจะมีเพียงเค้าทั้งสองคนเท่านั้นและกัปตันก็คือชายเพียงคนเดียวที่กุมหัวใจของหมอคัง  ผู้ชายอื่นห้ามเข้ามาทำลายความรักที่พวกเค้าร่วมฝ่าฟันด้วยกันมาโดยเด็ดขาด



หมายเหตุ: ปกติคำว่า เขตทุ่นหรือเขตกับดักระเบิด ภาษาอังกฤษจะใช้คำว่า Minefield ซึ่งจะเขียนติดกันเป็นคำเดียว แต่ป้ายที่กัปตันเขียนนั้น แยกเขียนเป็น Mine Field ซึ่งถ้าแปลรวมกันก็มีความหมายอย่างเดียวกับคำแรกเพียงแต่จากที่จขกท.เคยเห็นและใช้มาตลอดก็จะป็นแบบเขียนติดกันค่ะ

นอกจากนี้ ในภาษาอังกฤษ คำว่า Mine นอกจากจะแปลว่าระเบิดแล้ว ยังแปลว่า “ของฉัน” อีกด้วย และคำว่า mine ยังไปออกเสียงคล้ายกับคำว่า mind ซึ่งแปลว่า ใจ หรือจิตใจ ค่ะ



อีกทั้งภาพตัวอักษรบนธงตามรูปนี้ จะเห็นเป็นคำว่า ME ซึ่งแปลว่า “ฉัน”
ด้วยเหตุนี้ จขกท.จึงตีความซีนนี้ว่า ป้ายที่กัปตันเขียนขึ้นนี้ เป็นการสื่อถึงเส้นทางและพิ้นที่ความรักของกัปตันและหมอคังค่ะ





          การที่หมอคัง วาดรูปสัญลักษณ์หัวกะโหลกและกระดูกไขว้อันเป็นสัญลักษณ์ที่สื่อถึงอันตราย สังเกตได้ว่าหมอคังวาดรูปทรงของกระดูกเป็นรูปหัวใจ นั่นแสดงถึงว่า หมอคังได้ตัดสินใจที่จะมอบหัวใจหรือความรักที่หมอคังมี ให้แก่กัปตันหนุ่มที่มีเสน่ห์แต่อันตรายเรียบร้อยแล้วค่ะ และหมอคังก็ประกาศให้เส้นทางแห่งความรักครั้งนี้จะมีเพียงกัปตันเท่านั้นที่จะเป็นผู้กุมหัวใจของหมอคังค่ะ

          จากนี้ไปเส้นทางแห่งความรักของทั้งกัปตันและหมอคัง จะไม่มีความโดดเดี่ยวอีกต่อไป เค้าทั้งสองคนพร้อมแล้วที่จะก้าวเดินไปด้วยกัน แม้เส้นทางที่จะก้าวเดินต่อไปข้างหน้านั้นอาจจะขรุขระและทุลักทุเลไปบ้างแต่เค้าทั้งสองคนจะก้าวเดินไปอย่างช้าๆ อย่างมั่นคงและปลอดภัยค่ะ




มีต่อค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่