สวัสดีค่ะ เราชอบอ่านเรื่องเรื่องผีในพันทิปมาก ตั้งแต่เด็กไม่เคยเจอผีเป็นตัวๆ เคยแต่ถูกผีอำและเจอเหตุการณ์แปลกๆ หลายครั้ง เลยอยากเอาเรื่องที่ตัวเองเจอ มาแบ่งให้เพื่อนๆ อ่านค่ะ เราเจอยังไงก็ขอเล่าตามที่เจอแล้วกันนะคะ
เรื่องแรก "เรื่องแปลกๆ ที่วัดร้างใกล้บ้านสวนของยาย"
คือ บ้านยายเราเป็นบ้านสวนมะพร้าวปนสวนผลไม้ ทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า กว้างประมาณ 50 ไร่ ที่ดินยาวขนานไปกับคลองเล็กๆ ตากับยายสร้างสวนพร้อมบ้านนี้เมื่อราวปี พ.ศ.2500 ค่ะ เป็นที่ตาบอดนะคะหากไปโดยรถยนต์ คือถ้าจะไปบ้านยาย จากถนนลาดยาง คุณต้องเลี้ยวเข้าถนนดินทราย ผ่านบ้านสวนของคนอื่น 1 ราย แล้วจะเจอสามแยก มีต้นไม้ใหญ่ตรงกลาง เลี้ยวซ้ายไปอีกประมาณ 800 เมตร ถึงจะถึงตัวบ้านยายค่ะ ส่วนแยกขวา ถ้าเลี้ยวเข้าไปอีกประมาณ 600 เมตร จะเป็นบ้านสวนของเพื่อนบ้าน ชื่อคุณตาวิทย์ค่ะ
อีกฝั่งบ้านยายที่ติดคลอง(ซึ่งเป็นคลองเล็กที่แยกออกมาจากคลองใหญ่สมัยโบราณอีกที) หากข้ามคลองไปจะมีบ้านสวนอีก 2 บ้าน ห่างกันหลังละประมาณ 1 กิโลเมตร ค่อนข้างไกลค่ะ ขอสมมุติว่าบ้านคุณตาเดช และบ้านคุณยายประไพนะคะ
เท่าที่เราทราบ วัดร้างในสวนแถวนั้นมี 2 แห่งค่ะ คือลึกเข้าไปในสวนของคุณตาเดชแห่งหนึ่ง เป็นวัดโบราณชื่อวัดสวนหมาก กับอีกแห่งติดกับท้ายสวนของคุณตาวิทย์ชื่อวัดจำปาค่ะ
วัดแรกวัดสวนหมากในสวนของคุณตาเดชนี่บรรยากาศวังเวงสุดยอดมาก ชวนจินตนาการสุดๆ เราเคยไปเดินเล่นกับพี่ๆ ยังจำได้ว่าเป็นวัดใหญ่ คือมีซากโบสถ์เป็นอิฐ กว้างประมาณ 4*8 เมตร และเศียรพระประธาน ไม่แน่ใจว่าปูนหรือดินหักวางอยู่บนโบสถ์นั้น และมีสระน้ำสี่เหลี่ยม เป็นสระดินขุด กว้างมาก แต่ไม่มีน้ำแล้ว มีแต่ใบไม้แห้งทับถมอยู่ หลักฐานร่องรอยความเป็นวัดเหลือแค่นี้นะคะ บริเวณวัดร่มครึ้มด้วยต้นหมาก และต้นไม้ใหญ่ปกคลุมจนแสงแดดส่องลงมาได้รำไรในตอนกลางวัน ความรู้สึกเราว่าบรรยากาศตรงนั้นแค่เย็นและขลังค่ะ แต่ไม่รู้สึกถึงความน่ากลัวทางลบใดๆ ส่วนวัดร้างแห่งที่สองที่ชื่อวัดจำปา ติดกับท้ายสวนคุณตาวิทย์นั้นใหม่กว่าค่ะ เพิ่งร้างไม่นาน ล่าสุดที่มีพระสงฆ์จำวัดน่าจะช่วงปี พ.ศ. 2520-2530 กว่าๆค่ะ ยังมีกุฏิปูนเล็กๆ เหลืออยู่ วัดนี้เป็นที่เลื่องลือมากในหมู่เด็กๆ เช่นเวลาโพล้เพล้อย่าเดินผ่าน อะไรแบบนี้
ตั้งแต่จำความได้ เราไม่เคยเจออะไรแปลกๆที่บ้านยายเลย อาจเป็นเพราะที่ผืนนี้เป็นสวนใหม่ที่ตากับยายหักร้างถางพงมาเอง บ้านก็สร้างใหม่พร้อมกับสวน ไม่เคยมีคนเสียชีวิตในเขตบ้าน ตอน 8 ขวบ เราเคยเดินฝ่าความมืดคนเดียวจากงานโรงเรียน กลับมาที่บ้าน (ไม่มีไฟฉาย คืนเดือนมืด กลัวมากระดับ...ขึ้นสมอง ท่องนะโมซ้ำๆ ตลอดทาง) ก็ไม่เจออะไรค่ะ หรือเวลากลางวันที่ผู้ใหญ่ใช้ให้ไปซื้อของแล้วต้องเดินลัดในสวนไป ต้องผ่านศาลเพียงตาร้างๆ เล็กๆ ก็ไม่เจออะไรค่ะ ไม่รู้สึกว่าบรรยากาศเปลี่ยนด้วยนะคะ แค่กลัวแล้วก็รีบเดินตามประสาเด็ก แต่ไม่ได้เจออะไร หรือตอนวัยรุ่น 18-19 ติสต์แตก ไปนั่งทอดหุ่ยคนเดียวในสวนตั้งแต่เย็นจนมืด ก็ไม่เจออะไรค่ะ
เหตุการณ์ที่เกิดกับเรามีครั้งเดียว แถวๆวัดจำปาค่ะ ตอนนั้นเราอายุประมาณ 10 ขวบมั้งคะ คือเย็นวันก่อนเกิดเหตุน้าผู้หญิงของเราเข้าบ้านมา พร้อมกับตุ๊กตาข้าวโพดอ่อน น้าบอกว่าเอามาจากไร่ข้าวโพดของคุณยายประไพ คือข้าวโพดหวานตอนยังอ่อนอยู่จะมีใยคล้ายเส้นผมสีทอง เป็นมันเงาสลวยมากๆ เราเล่นแล้วฟินมากๆ แต่น้าเราเอามาแค่สองสามอันเรายังเล่นไม่หนำใจ เลยวางแผนในใจว่า วันพรุ่งนี้จะรีบไปขโมยมาเล่นให้สะใจเลย(ขโมยทรัพย์สินของผู้อื่นไม่ดีนะคะอย่าทำตาม)
รุ่งขึ้นประมาณ 6 โมงเช้า เราซึ่งยังใส่ชุดนอน รีบตื่นขึ้นมาใส่รองเท้า จะไปไร่ข้าวโพดของคุณยายประไพเพื่อปฏิบัติภารกิจ โดยเส้นทางที่เราจะไปวันนี้คือเดินเลียบคลองฝั่งสวนตัวเอง แล้วค่อยไปข้ามคลองตรงจุดที่ตรงข้ามกันกับไร่ข้าวโพดเอา (เพราะไปขโมย ต้องแอบไปทางหลังบ้านเขา) ตอนนั้นน้ำแห้งค่ะ เดินข้ามคลองได้เลย ไม่เปียก แต่เราไม่ได้ไปคนเดียว เราอุ้มแมวไปด้วยค่ะ 1 ตัว แมวก็ยอมให้อุ้มปกติ ก็เดินฝ่าหญ้าและต้นไม้ที่มีน้ำค้างเกาะไปเรื่อยๆ พอใกล้ถึงไร่ข้าวโพดของคุณยายประไพ อยู่ดีๆ แมวก็มีอาการค่ะ คือขนตั้งหางตั้ง และตะกุยลงจากมือเรา เราเลยปล่อย แมวก็ตื่น วิ่งเพริดหายกลับบ้านไปเลย เราก็ไม่ได้สนใจอะไร ทำภารกิจต่อเรียบร้อย พอกลับมาบ้านเราก็คิดถึงเรื่องเมื่อเช้า สงสัยว่าแมวเห็นอะไร ตรงนั้นก็ไม่มีอะไรน่ากลัว คิดไปเรื่อยๆก็นึกออกว่า ที่ดินตรงนั้นมันเลยที่สวนของเราไปแล้ว ตามตำแหน่งคือ เป็นช่วงรอยต่อของสวนคุณตาวิทย์และวัดจำปาด้านในนั่นเองค่ะ แมวอาจเห็นอะไรน่ากลัวที่เราไม่เห็นรึเปล่า เลยตื่นกลัว มานั่งคิดทีหลังก็หลอนดีเหมือนกัน
หลังจากนั้นหลายปี ยายเราค่ะ อายุ 70 กว่า ถูกพบว่านอนเป็นลมหมดสติอยู่บริเวณนั้นแหละค่ะ คือยายก็เดินเข้าไปดูต้นไม้ดูอะไรในสวนตามปกติ แต่มืดแล้วก็ยังไม่เข้าบ้าน ลูกๆเลยออกตามหา พบว่านอนไม่ได้สติอยู่ตรงบริเวณนั้น พอปฐมพยาบาลจนฟื้นยายก็บอกว่า ตอนที่ยายกำลังจะเดินกลับ มันหาทางกลับไม่ถูก ทั้งๆที่สวนแถบนี้ยายเดินมาจนพรุนเป็น 40-50 ปี ยายวนอยู่ในนั้นนานจนเป็นลมไป น้าเราก็สันนิษฐานว่าอาจเป็นภาวะสมองขาดออกซิเจนกะทันหัน เลยหมดสติ เนื่องจากยายเป็นคนผอมบาง ทานน้อย แล้วตอนหาทางกลับบ้านคงก้มๆเงยๆบ่อย เลยวูบไป แต่นอกจากหมดสติ ยายเราก็ไม่เจออะไรน่ากลัวนะคะ เจอแค่นั้นล่ะค่ะ
นอกจากนี้เราเคยเจออะไรแปลกๆแบบนี้เรื่อยๆนะคะ ถ้ามีเวลาจะมาเล่าอีกค่ะ
ใครเคยเจออะไรแปลกๆ ตอนเข้าไปในวัดร้าง หรือบ้านร้าง บ้างคะ
เรื่องแรก "เรื่องแปลกๆ ที่วัดร้างใกล้บ้านสวนของยาย"
คือ บ้านยายเราเป็นบ้านสวนมะพร้าวปนสวนผลไม้ ทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า กว้างประมาณ 50 ไร่ ที่ดินยาวขนานไปกับคลองเล็กๆ ตากับยายสร้างสวนพร้อมบ้านนี้เมื่อราวปี พ.ศ.2500 ค่ะ เป็นที่ตาบอดนะคะหากไปโดยรถยนต์ คือถ้าจะไปบ้านยาย จากถนนลาดยาง คุณต้องเลี้ยวเข้าถนนดินทราย ผ่านบ้านสวนของคนอื่น 1 ราย แล้วจะเจอสามแยก มีต้นไม้ใหญ่ตรงกลาง เลี้ยวซ้ายไปอีกประมาณ 800 เมตร ถึงจะถึงตัวบ้านยายค่ะ ส่วนแยกขวา ถ้าเลี้ยวเข้าไปอีกประมาณ 600 เมตร จะเป็นบ้านสวนของเพื่อนบ้าน ชื่อคุณตาวิทย์ค่ะ
อีกฝั่งบ้านยายที่ติดคลอง(ซึ่งเป็นคลองเล็กที่แยกออกมาจากคลองใหญ่สมัยโบราณอีกที) หากข้ามคลองไปจะมีบ้านสวนอีก 2 บ้าน ห่างกันหลังละประมาณ 1 กิโลเมตร ค่อนข้างไกลค่ะ ขอสมมุติว่าบ้านคุณตาเดช และบ้านคุณยายประไพนะคะ
เท่าที่เราทราบ วัดร้างในสวนแถวนั้นมี 2 แห่งค่ะ คือลึกเข้าไปในสวนของคุณตาเดชแห่งหนึ่ง เป็นวัดโบราณชื่อวัดสวนหมาก กับอีกแห่งติดกับท้ายสวนของคุณตาวิทย์ชื่อวัดจำปาค่ะ
วัดแรกวัดสวนหมากในสวนของคุณตาเดชนี่บรรยากาศวังเวงสุดยอดมาก ชวนจินตนาการสุดๆ เราเคยไปเดินเล่นกับพี่ๆ ยังจำได้ว่าเป็นวัดใหญ่ คือมีซากโบสถ์เป็นอิฐ กว้างประมาณ 4*8 เมตร และเศียรพระประธาน ไม่แน่ใจว่าปูนหรือดินหักวางอยู่บนโบสถ์นั้น และมีสระน้ำสี่เหลี่ยม เป็นสระดินขุด กว้างมาก แต่ไม่มีน้ำแล้ว มีแต่ใบไม้แห้งทับถมอยู่ หลักฐานร่องรอยความเป็นวัดเหลือแค่นี้นะคะ บริเวณวัดร่มครึ้มด้วยต้นหมาก และต้นไม้ใหญ่ปกคลุมจนแสงแดดส่องลงมาได้รำไรในตอนกลางวัน ความรู้สึกเราว่าบรรยากาศตรงนั้นแค่เย็นและขลังค่ะ แต่ไม่รู้สึกถึงความน่ากลัวทางลบใดๆ ส่วนวัดร้างแห่งที่สองที่ชื่อวัดจำปา ติดกับท้ายสวนคุณตาวิทย์นั้นใหม่กว่าค่ะ เพิ่งร้างไม่นาน ล่าสุดที่มีพระสงฆ์จำวัดน่าจะช่วงปี พ.ศ. 2520-2530 กว่าๆค่ะ ยังมีกุฏิปูนเล็กๆ เหลืออยู่ วัดนี้เป็นที่เลื่องลือมากในหมู่เด็กๆ เช่นเวลาโพล้เพล้อย่าเดินผ่าน อะไรแบบนี้
ตั้งแต่จำความได้ เราไม่เคยเจออะไรแปลกๆที่บ้านยายเลย อาจเป็นเพราะที่ผืนนี้เป็นสวนใหม่ที่ตากับยายหักร้างถางพงมาเอง บ้านก็สร้างใหม่พร้อมกับสวน ไม่เคยมีคนเสียชีวิตในเขตบ้าน ตอน 8 ขวบ เราเคยเดินฝ่าความมืดคนเดียวจากงานโรงเรียน กลับมาที่บ้าน (ไม่มีไฟฉาย คืนเดือนมืด กลัวมากระดับ...ขึ้นสมอง ท่องนะโมซ้ำๆ ตลอดทาง) ก็ไม่เจออะไรค่ะ หรือเวลากลางวันที่ผู้ใหญ่ใช้ให้ไปซื้อของแล้วต้องเดินลัดในสวนไป ต้องผ่านศาลเพียงตาร้างๆ เล็กๆ ก็ไม่เจออะไรค่ะ ไม่รู้สึกว่าบรรยากาศเปลี่ยนด้วยนะคะ แค่กลัวแล้วก็รีบเดินตามประสาเด็ก แต่ไม่ได้เจออะไร หรือตอนวัยรุ่น 18-19 ติสต์แตก ไปนั่งทอดหุ่ยคนเดียวในสวนตั้งแต่เย็นจนมืด ก็ไม่เจออะไรค่ะ
เหตุการณ์ที่เกิดกับเรามีครั้งเดียว แถวๆวัดจำปาค่ะ ตอนนั้นเราอายุประมาณ 10 ขวบมั้งคะ คือเย็นวันก่อนเกิดเหตุน้าผู้หญิงของเราเข้าบ้านมา พร้อมกับตุ๊กตาข้าวโพดอ่อน น้าบอกว่าเอามาจากไร่ข้าวโพดของคุณยายประไพ คือข้าวโพดหวานตอนยังอ่อนอยู่จะมีใยคล้ายเส้นผมสีทอง เป็นมันเงาสลวยมากๆ เราเล่นแล้วฟินมากๆ แต่น้าเราเอามาแค่สองสามอันเรายังเล่นไม่หนำใจ เลยวางแผนในใจว่า วันพรุ่งนี้จะรีบไปขโมยมาเล่นให้สะใจเลย(ขโมยทรัพย์สินของผู้อื่นไม่ดีนะคะอย่าทำตาม)
รุ่งขึ้นประมาณ 6 โมงเช้า เราซึ่งยังใส่ชุดนอน รีบตื่นขึ้นมาใส่รองเท้า จะไปไร่ข้าวโพดของคุณยายประไพเพื่อปฏิบัติภารกิจ โดยเส้นทางที่เราจะไปวันนี้คือเดินเลียบคลองฝั่งสวนตัวเอง แล้วค่อยไปข้ามคลองตรงจุดที่ตรงข้ามกันกับไร่ข้าวโพดเอา (เพราะไปขโมย ต้องแอบไปทางหลังบ้านเขา) ตอนนั้นน้ำแห้งค่ะ เดินข้ามคลองได้เลย ไม่เปียก แต่เราไม่ได้ไปคนเดียว เราอุ้มแมวไปด้วยค่ะ 1 ตัว แมวก็ยอมให้อุ้มปกติ ก็เดินฝ่าหญ้าและต้นไม้ที่มีน้ำค้างเกาะไปเรื่อยๆ พอใกล้ถึงไร่ข้าวโพดของคุณยายประไพ อยู่ดีๆ แมวก็มีอาการค่ะ คือขนตั้งหางตั้ง และตะกุยลงจากมือเรา เราเลยปล่อย แมวก็ตื่น วิ่งเพริดหายกลับบ้านไปเลย เราก็ไม่ได้สนใจอะไร ทำภารกิจต่อเรียบร้อย พอกลับมาบ้านเราก็คิดถึงเรื่องเมื่อเช้า สงสัยว่าแมวเห็นอะไร ตรงนั้นก็ไม่มีอะไรน่ากลัว คิดไปเรื่อยๆก็นึกออกว่า ที่ดินตรงนั้นมันเลยที่สวนของเราไปแล้ว ตามตำแหน่งคือ เป็นช่วงรอยต่อของสวนคุณตาวิทย์และวัดจำปาด้านในนั่นเองค่ะ แมวอาจเห็นอะไรน่ากลัวที่เราไม่เห็นรึเปล่า เลยตื่นกลัว มานั่งคิดทีหลังก็หลอนดีเหมือนกัน
หลังจากนั้นหลายปี ยายเราค่ะ อายุ 70 กว่า ถูกพบว่านอนเป็นลมหมดสติอยู่บริเวณนั้นแหละค่ะ คือยายก็เดินเข้าไปดูต้นไม้ดูอะไรในสวนตามปกติ แต่มืดแล้วก็ยังไม่เข้าบ้าน ลูกๆเลยออกตามหา พบว่านอนไม่ได้สติอยู่ตรงบริเวณนั้น พอปฐมพยาบาลจนฟื้นยายก็บอกว่า ตอนที่ยายกำลังจะเดินกลับ มันหาทางกลับไม่ถูก ทั้งๆที่สวนแถบนี้ยายเดินมาจนพรุนเป็น 40-50 ปี ยายวนอยู่ในนั้นนานจนเป็นลมไป น้าเราก็สันนิษฐานว่าอาจเป็นภาวะสมองขาดออกซิเจนกะทันหัน เลยหมดสติ เนื่องจากยายเป็นคนผอมบาง ทานน้อย แล้วตอนหาทางกลับบ้านคงก้มๆเงยๆบ่อย เลยวูบไป แต่นอกจากหมดสติ ยายเราก็ไม่เจออะไรน่ากลัวนะคะ เจอแค่นั้นล่ะค่ะ
นอกจากนี้เราเคยเจออะไรแปลกๆแบบนี้เรื่อยๆนะคะ ถ้ามีเวลาจะมาเล่าอีกค่ะ