หลังจากการพูดคุยกับพ่อแม่ของเอิร์นชายหนุ่มผู้เคราะห์ร้าย เมื่อเข้าใจกันแล้ว พ่อกับแม่ของเอิร์นก็ขอตัวกลับ และยังบอกว่าวันเสาร์พวกเขาจะมาช่วยภูลอกสระด้วย หลังจากที่ภูบอกแผนในวันเสาร์ไป
เมื่อรถยนต์ของพ่อแม่ของเอิร์นลับตาไป ทั้งห้าคนจึงเดินเข้าไปในเขตโรงเรียน ขณะที่ยาม ที่อยู่ที่ป้อมหน้าประตุโรงเรียนปฏิเสธที่จะเข้าไปด้วย แต่ก็ยังดีที่เขายังให้กุญแจที่เปิดอาคารต่างๆในโรงเรียนไว้ให้ เพราะสถานที่ที่จะติดตั้งกล้องบางที่จะต้องขึ้นตึกไป
ในเอกสารที่ภูแจก สถานที่ทั้งเจ็ดที่จะต้องติดตั้งกล้องประกอบด้วย สระน้ำกลางโรงเรียน ตึกเรียน ต้นไทรหลังโรงเรียน ตึกรับรอง ตึกนาฏศิลป์ และอีกสองแห่งที่ภูเพิ่มขึ้นมาคือ โรงอาหาร และอาคารเรียนอื่นๆ
"นี่ภูเราต้องเอาไปติดเยอะขนาดนี้เลยเหรอ"หมอเจี๊ยบบ่นเมื่อเห็นรายชื่อสถานที่ที่ต้องติด แม้ไม่มีคำตอบแต่หมอเจี๊ยบก็รู้ว่าภูเอาจริง
"และที่สำคัญเราต้องเดินไปเพราะฉะนั้นทุกคนก็ช่วยๆกันแบกของด้วยนะ" พอภุพุดจบเสียงหาก็มาจากหมอเจี๊ยบกับผู้กองต้อม พร้อมกับคำบ่นต่างๆนานา
"นี่นายจะบ้าไปแล้วเหรอ ดาวเค้าขายังไม่ดีเลยนะ จะให้เดินไปยังไง" ผู้กองต้อมเอาอาการของดาวมาอ้าง แต่ดาวก็บอกว่าถ้าไม่วิ่งก็ไม่เป็นไร ทำให้ผู้กองต้อมกับหมอเจี๊ยบผิดหวัง
"คุรภูคะ ทำไมถึงต้องเดินไปด้วยล่ะคะ" ครูพิลาวรรณถามขณะที่กำลังดูรายชื่ออย่างละเอียดอีกที
"เพราะผมอยากซึมซับบรรยากาศของโรงเรียนนี้ทั้งหมดครับ และผมก็อยากรู้อะไรบางอย่างด้วย"คำพูดของภูยิ่งทำให้ครูพิลาวรรณงง ในขระที่คนอื่นไม่มีใครยืนฟังซักคน ทั้งสาม เดินไปที่รถหยิบถุงใส่กล้องแล้วเดินบ่นเข้าโรงเรียนไปก่อน แต่ก็เดินไปไม่ห่างเท่าไหร่ เพราะรู้ดีว่าเพื่อความปลอดภัย จะต้องอยู่ใกล้ๆภูไว้
"ไม่นึกว่า ผอ.จะบอกพ่อแม่ของผู้เสียชีวิตนะคะว่าเราทำอะไรกันอยู่" ครูพิลาวรรณพูดกับภูขณะที่ไปของถุงใส่กล้อง
"บางทีเค้าอาจจะกลัวว่าผมจะหลอกเอาเงินเค้าหรือทำอะไรเล่นก็ได้มั้งครับ" ภูตอบแล้วหันมายิ้มให้ ซึ่งทำให้ครูพิลาวรรณโล่งใจไปได้บ้าง เพราะลึกๆเธอก็คิดว่า ผอ.ดูแปลกๆไปสำหรับเรื่องนี้เหมือนๆกัน
ทั้งหา้คนเดินเข้าไปในโรงเรียนวึ่งที่แรกที่จะไปติดตั้งกล้องก็คือสระน้ำกลางโรงเรียน บรรยากาศยังคงเงียบเชียบ ไม่มีอะไรผิดปกติบางทีก็อาจจะเป็นเพราะมีภูอยู่ด้วยก็เป็นได้ ทั้งห้าคนใช้เวลาติดตั้งไม่นานนัก เพราะมีต้นไม้อยู่รอบๆทำให้ไม่ต้องติดตั้งอุปกรณืหรือจัดแจงซ่อนกล้องเพิ่มเติม และเมื่อติดตั้งและดูมุมกล้องจากโทรศัพท์เสร็จ จากนั้นภูก็ย้ายไปติดตั้งยังอาคารต่างๆ เริ่มจาก โรงอาหาร อาคารเรียนอื่นๆ ห้องนาฏศิลป์ ตึกรับรอง ต้นไทรหลังโรงเรียน จากนั้นค่อยมาที่ตึกเรียน
..............................................
ที่โรงอาหารส่วนที่เปป็นที่นั่งทานข้าว ภูเลือกติดตั้งกล้องไว้สองตัว เพื่อดูมุมกว้างๆของสภาพในโรงอาหารจากนั้นก็เดินไปที่ ส่วนร้านค้า ด้านหลังร้านค้า ไม่ค่อยสะอาดซักเท่าไหร่ เพราะเศษอาหารที่เหลือจากการล้างาน หรือน้ำซักล้างอะไรต่อมิอะไร พวกร้านค้าก็พากันทิ้งยังร่องระบายน้ำหลังโรงเรียนหมด จนเกิดกลิ่นเหม็นที่ทำให้ทุกคนพากันอุดจมูก
"ไม่นึกเลยนะว่าเบื้องหลังโรงอาหารของเรามันจะสกปรกแบบนี้" ดาวบ่นขึ้นมา เพราะเธอไม่คิดว่าอาหารที่สะอาด ดูน่าทานที่เธอกินประจำ พวกแม่ค้า จะทำสกปรกแบบนี้
"ครูว่าหลังจากนี้ต้องแจ้งให้ทางโรงเรียนจัดการอะไรซักอย่างแล้วล่ะ เพราะครูก็เพิ่งมาเห็นเหมือนเธอนี่แหละ"ครูพิลาวรรณบอก แต่ภูก้ห้ามไว้
"ยังไม่ต้องหรอกครับ ผมอยากให้เสร็จเรื่องนี้ก่อน" จากนั้นภุก็ไปติดกล้องเพื่อดูภาพด้านหลังร้านค้า วึ่งคำพูดของภูทำให้หมอเจี๊ยบสังเกตอะไรบางอย่างเหมือนกัน
จากนั้น ทั้งห้าคนก็ไปติดกล้องภายในอาคารเรียนอื่นๆ ซึ่งเป็นอาคารเรียนสำหรับการเรียนวิชาต่างๆ ซึ่งแยกออกมาจากตัวตึกเรียน อาคารบางหลังเป็นอาคารเรียนเก่าตั้งแต่สมัยสร้างโรงเรียนครั้งแรกๆด้วยซ้ำไป
จากอาคารเรียนอื่นๆก็ไปตึกนาฏศิลป์ ที่อยู่ใกล้ๆกัน แม้จะเรียกว่าตึกนาฏศิลป์ แต่ก็เป็นเรือนไทย ที่จำลองไว้ มีห้องเก็บอุปกรณ์อย่างพวกเครื่องดนตรีไทย ชุดสำหรับฟ้อนรำต่างๆ และห้องครูที่เอาไว้เก็บโขนครู ชุดครู และเครื่องดนตรีครู ไว้บูชา ซึ่งภูเลือกที่จะติดกล้องในห้องนี้เป็นพิเศษ คือติดกล้องไว้ภายในห้อง เลย ส่วนกล้องอื่นๆและไมค์ ก็ติดตรงบริเวณเรือนเท่านั้น
"นี่นายติดแบบนี้จะดีเหรอ เดี๋ยวครูนาฏศิลป์จะโกรธเอานะ"ดาวถาม เพราะเธอก็รู้สึกกลัวเหมือนกัน
"เธอเคยสงสัยรึเปล่าว่าทำไมถึงมีแต่ดนตรีไทย รำไทยที่มีครู ขณะที่พวกบัลเล่ หรือดนตรีสากล ไม่เห็นจะมีครูเลย" ภูพูดแค่นี้ทำให้ดาวกลัวว่าครูจะมาหักคอที่ไปลบหลู่จริง
"เอาล่ะ รีบลงไปเถอะ" หมอเจี๊ยบชวนทุกคนลงจากเรือนเมื่อติดกล้องเสร็จ
"พี่เจี๊ยบคะ ทำไมภุถึงพูดออกมาแบบนั้น" ดาวที่เป็นกังวลกระซิบถามหมอเจี๊ยบ
"ก็เพราะว่าครูเป็นแค่วัฒนธรรมความเชื่อยังไงล่ะ ก็อย่างที่ภูบอกแหละ ไม่เห็นมีผีบัลเล่ หรือผีวงออเคสตร้าเลยไม่ใช่เหรอ" แม้หมอเจี๊ยบจะพูดแบบนั้นดาวก็ยังคงไม่สบายใจอยู่ดี
จากนั้นก็ย้านไปที่ตึกรับรองต่อ ตึกรับรองเป็นตึกเก่า ที่สร้างมาสมัยก่อสร้างโรงเรียน มีสองชั้น ชั้นล่างถูกจัดเป็นพิพิธภัณฑ์ และชั้นบนเป็นห้องผู้บริหาร รวมไปถึงห้องผอ. สาเหตุที่เรียกว่าตึกรับรองก็เพราะสมัยก่อนตึกนี้ถูกใช้เป็นอาคารรับรองคนใหญ่คนโตเวลามาเยี่ยมโรงเรียน
"ครูพิลาวรรณครับ ตึกนี้ผมขอติดกล้องทุกห้องเลยได้หรือเปล่าครับ"ภูถาม แต่เหมือนครูพิลาวรรณจะอ้ำอึ้ง
"ผมเข้าใจนะครับว่าเป็นห้องผู้บริหาร แต่พวกเอกสารสำคัญเราไม่ยุ่งหรอก ผมเป็นตำรวจผมเข้าใจ"ผู้กองต้อมก็ยืนยันอีกเสียง จนครูพิลาวรรณต้องยอม และเข้าไปเปิดห้องทุกห้อง ภูและผู้กองต้อมช่วยติดตั้งกล้องและไมค์ไว้ทุกห้อง พร้อมกับซ่อนไว้อย่างดี
"คุณครูคะแล้วที่ว่าเจอวิญยาณชุดไทยนี่มันยังไงเหรอ ในเมื่อเป็นห้องผู้บริหารแล้วก็ไม่มีใครเข้ามาอยู่แล้ว"หมอเจี๊ยบถาม เพราะมันออกจะแปลกๆไปหน่อยที่ว่าไม่มีเหตุผลที่ใครจะเข้ามาเจออะไรในตึกที่สำคัญของโณงเรียนแบบนี้
"เห็นว่าสมัยก่อน ตึกนี้จะให้แขกมานอนค้างด้วยน่ะค่ะ แล้วก็มีอยู่ช่วงหนึ่งที่เป็นบ้านพักประจำตำแหน่งของครูใหญ่ด้วย ถ้าจะเห็นผีชุดไทยก็คงมาจากตรงนั้นแหละค่ะ" ครูพิลาวรรณตอบ ซึ่งเมื่อได้ยินคำว่าผีทำให้ดาวถึงกับขนลุก
"เอาล่ะเรียบร้อยแล้วครับ งั้นเราไปที่ต้นไทยกันเลย" ผู้กองต้อมพูด และเมื่อเก็บของเสร็จ ทุกคนออกจากตึก ครูพิลาวรรณสำรวจความเรียบร้อย ว่าปิดมิดชิดและไม่มีอะไรเสียหายแล้ว จึงออกจากตึกไป
"นายว่าไม่มีจับได้ใช่มั้ย"ผู้กองต้อมแอบกระซิบภู
"ถึงจับได้เราก็บอกไปว่าเราเอาไว้จับผีก็แล้วกัน อีกอย่างดูจากท่าทีแล้ว ผมว่าเค้าไม่รู้หรอกว่าเราซ่อนกล้องไว้"ภูกระซิบตอบ
"งั้นก็เหลือแค่ให้ทุกอย่างคลี่คลายแล้วเราก็กระตุกเบ็ดสินะ" ทั้งห้าคนกำลังเดินไปที่ต้นทรหลังโรงเรียน ในตอนกลางคืนที่เงียบเชียบ ไม่มีแม้แต่เสียงนกและแมลง
...........................................................
ติชมกันได้ครับ บางคำที่พิมพ์ผิด เพราะแป้นผิมไม่ค่อยดี กดชิพไม่ลง ยังไงก็ขออภัยด้วยครับ
file 1 เหงา ตั้งแต่ตอนแรก
http://ppantip.com/topic/34830541
file 2-1
http://ppantip.com/topic/34973254
file 2-2
http://ppantip.com/topic/34986577
file 2-3
http://ppantip.com/topic/34998149
file 2-4
http://ppantip.com/topic/35006186
file 2-5
http://ppantip.com/topic/35014982
file 2-6
http://ppantip.com/topic/35027231
file 2-7
http://ppantip.com/topic/35052016
ตอนต่อไป
http://ppantip.com/topic/35069737
GHost Detective File 2-8 พิธีกรรมสยองขวัญ
เมื่อรถยนต์ของพ่อแม่ของเอิร์นลับตาไป ทั้งห้าคนจึงเดินเข้าไปในเขตโรงเรียน ขณะที่ยาม ที่อยู่ที่ป้อมหน้าประตุโรงเรียนปฏิเสธที่จะเข้าไปด้วย แต่ก็ยังดีที่เขายังให้กุญแจที่เปิดอาคารต่างๆในโรงเรียนไว้ให้ เพราะสถานที่ที่จะติดตั้งกล้องบางที่จะต้องขึ้นตึกไป
ในเอกสารที่ภูแจก สถานที่ทั้งเจ็ดที่จะต้องติดตั้งกล้องประกอบด้วย สระน้ำกลางโรงเรียน ตึกเรียน ต้นไทรหลังโรงเรียน ตึกรับรอง ตึกนาฏศิลป์ และอีกสองแห่งที่ภูเพิ่มขึ้นมาคือ โรงอาหาร และอาคารเรียนอื่นๆ
"นี่ภูเราต้องเอาไปติดเยอะขนาดนี้เลยเหรอ"หมอเจี๊ยบบ่นเมื่อเห็นรายชื่อสถานที่ที่ต้องติด แม้ไม่มีคำตอบแต่หมอเจี๊ยบก็รู้ว่าภูเอาจริง
"และที่สำคัญเราต้องเดินไปเพราะฉะนั้นทุกคนก็ช่วยๆกันแบกของด้วยนะ" พอภุพุดจบเสียงหาก็มาจากหมอเจี๊ยบกับผู้กองต้อม พร้อมกับคำบ่นต่างๆนานา
"นี่นายจะบ้าไปแล้วเหรอ ดาวเค้าขายังไม่ดีเลยนะ จะให้เดินไปยังไง" ผู้กองต้อมเอาอาการของดาวมาอ้าง แต่ดาวก็บอกว่าถ้าไม่วิ่งก็ไม่เป็นไร ทำให้ผู้กองต้อมกับหมอเจี๊ยบผิดหวัง
"คุรภูคะ ทำไมถึงต้องเดินไปด้วยล่ะคะ" ครูพิลาวรรณถามขณะที่กำลังดูรายชื่ออย่างละเอียดอีกที
"เพราะผมอยากซึมซับบรรยากาศของโรงเรียนนี้ทั้งหมดครับ และผมก็อยากรู้อะไรบางอย่างด้วย"คำพูดของภูยิ่งทำให้ครูพิลาวรรณงง ในขระที่คนอื่นไม่มีใครยืนฟังซักคน ทั้งสาม เดินไปที่รถหยิบถุงใส่กล้องแล้วเดินบ่นเข้าโรงเรียนไปก่อน แต่ก็เดินไปไม่ห่างเท่าไหร่ เพราะรู้ดีว่าเพื่อความปลอดภัย จะต้องอยู่ใกล้ๆภูไว้
"ไม่นึกว่า ผอ.จะบอกพ่อแม่ของผู้เสียชีวิตนะคะว่าเราทำอะไรกันอยู่" ครูพิลาวรรณพูดกับภูขณะที่ไปของถุงใส่กล้อง
"บางทีเค้าอาจจะกลัวว่าผมจะหลอกเอาเงินเค้าหรือทำอะไรเล่นก็ได้มั้งครับ" ภูตอบแล้วหันมายิ้มให้ ซึ่งทำให้ครูพิลาวรรณโล่งใจไปได้บ้าง เพราะลึกๆเธอก็คิดว่า ผอ.ดูแปลกๆไปสำหรับเรื่องนี้เหมือนๆกัน
ทั้งหา้คนเดินเข้าไปในโรงเรียนวึ่งที่แรกที่จะไปติดตั้งกล้องก็คือสระน้ำกลางโรงเรียน บรรยากาศยังคงเงียบเชียบ ไม่มีอะไรผิดปกติบางทีก็อาจจะเป็นเพราะมีภูอยู่ด้วยก็เป็นได้ ทั้งห้าคนใช้เวลาติดตั้งไม่นานนัก เพราะมีต้นไม้อยู่รอบๆทำให้ไม่ต้องติดตั้งอุปกรณืหรือจัดแจงซ่อนกล้องเพิ่มเติม และเมื่อติดตั้งและดูมุมกล้องจากโทรศัพท์เสร็จ จากนั้นภูก็ย้ายไปติดตั้งยังอาคารต่างๆ เริ่มจาก โรงอาหาร อาคารเรียนอื่นๆ ห้องนาฏศิลป์ ตึกรับรอง ต้นไทรหลังโรงเรียน จากนั้นค่อยมาที่ตึกเรียน
..............................................
ที่โรงอาหารส่วนที่เปป็นที่นั่งทานข้าว ภูเลือกติดตั้งกล้องไว้สองตัว เพื่อดูมุมกว้างๆของสภาพในโรงอาหารจากนั้นก็เดินไปที่ ส่วนร้านค้า ด้านหลังร้านค้า ไม่ค่อยสะอาดซักเท่าไหร่ เพราะเศษอาหารที่เหลือจากการล้างาน หรือน้ำซักล้างอะไรต่อมิอะไร พวกร้านค้าก็พากันทิ้งยังร่องระบายน้ำหลังโรงเรียนหมด จนเกิดกลิ่นเหม็นที่ทำให้ทุกคนพากันอุดจมูก
"ไม่นึกเลยนะว่าเบื้องหลังโรงอาหารของเรามันจะสกปรกแบบนี้" ดาวบ่นขึ้นมา เพราะเธอไม่คิดว่าอาหารที่สะอาด ดูน่าทานที่เธอกินประจำ พวกแม่ค้า จะทำสกปรกแบบนี้
"ครูว่าหลังจากนี้ต้องแจ้งให้ทางโรงเรียนจัดการอะไรซักอย่างแล้วล่ะ เพราะครูก็เพิ่งมาเห็นเหมือนเธอนี่แหละ"ครูพิลาวรรณบอก แต่ภูก้ห้ามไว้
"ยังไม่ต้องหรอกครับ ผมอยากให้เสร็จเรื่องนี้ก่อน" จากนั้นภุก็ไปติดกล้องเพื่อดูภาพด้านหลังร้านค้า วึ่งคำพูดของภูทำให้หมอเจี๊ยบสังเกตอะไรบางอย่างเหมือนกัน
จากนั้น ทั้งห้าคนก็ไปติดกล้องภายในอาคารเรียนอื่นๆ ซึ่งเป็นอาคารเรียนสำหรับการเรียนวิชาต่างๆ ซึ่งแยกออกมาจากตัวตึกเรียน อาคารบางหลังเป็นอาคารเรียนเก่าตั้งแต่สมัยสร้างโรงเรียนครั้งแรกๆด้วยซ้ำไป
จากอาคารเรียนอื่นๆก็ไปตึกนาฏศิลป์ ที่อยู่ใกล้ๆกัน แม้จะเรียกว่าตึกนาฏศิลป์ แต่ก็เป็นเรือนไทย ที่จำลองไว้ มีห้องเก็บอุปกรณ์อย่างพวกเครื่องดนตรีไทย ชุดสำหรับฟ้อนรำต่างๆ และห้องครูที่เอาไว้เก็บโขนครู ชุดครู และเครื่องดนตรีครู ไว้บูชา ซึ่งภูเลือกที่จะติดกล้องในห้องนี้เป็นพิเศษ คือติดกล้องไว้ภายในห้อง เลย ส่วนกล้องอื่นๆและไมค์ ก็ติดตรงบริเวณเรือนเท่านั้น
"นี่นายติดแบบนี้จะดีเหรอ เดี๋ยวครูนาฏศิลป์จะโกรธเอานะ"ดาวถาม เพราะเธอก็รู้สึกกลัวเหมือนกัน
"เธอเคยสงสัยรึเปล่าว่าทำไมถึงมีแต่ดนตรีไทย รำไทยที่มีครู ขณะที่พวกบัลเล่ หรือดนตรีสากล ไม่เห็นจะมีครูเลย" ภูพูดแค่นี้ทำให้ดาวกลัวว่าครูจะมาหักคอที่ไปลบหลู่จริง
"เอาล่ะ รีบลงไปเถอะ" หมอเจี๊ยบชวนทุกคนลงจากเรือนเมื่อติดกล้องเสร็จ
"พี่เจี๊ยบคะ ทำไมภุถึงพูดออกมาแบบนั้น" ดาวที่เป็นกังวลกระซิบถามหมอเจี๊ยบ
"ก็เพราะว่าครูเป็นแค่วัฒนธรรมความเชื่อยังไงล่ะ ก็อย่างที่ภูบอกแหละ ไม่เห็นมีผีบัลเล่ หรือผีวงออเคสตร้าเลยไม่ใช่เหรอ" แม้หมอเจี๊ยบจะพูดแบบนั้นดาวก็ยังคงไม่สบายใจอยู่ดี
จากนั้นก็ย้านไปที่ตึกรับรองต่อ ตึกรับรองเป็นตึกเก่า ที่สร้างมาสมัยก่อสร้างโรงเรียน มีสองชั้น ชั้นล่างถูกจัดเป็นพิพิธภัณฑ์ และชั้นบนเป็นห้องผู้บริหาร รวมไปถึงห้องผอ. สาเหตุที่เรียกว่าตึกรับรองก็เพราะสมัยก่อนตึกนี้ถูกใช้เป็นอาคารรับรองคนใหญ่คนโตเวลามาเยี่ยมโรงเรียน
"ครูพิลาวรรณครับ ตึกนี้ผมขอติดกล้องทุกห้องเลยได้หรือเปล่าครับ"ภูถาม แต่เหมือนครูพิลาวรรณจะอ้ำอึ้ง
"ผมเข้าใจนะครับว่าเป็นห้องผู้บริหาร แต่พวกเอกสารสำคัญเราไม่ยุ่งหรอก ผมเป็นตำรวจผมเข้าใจ"ผู้กองต้อมก็ยืนยันอีกเสียง จนครูพิลาวรรณต้องยอม และเข้าไปเปิดห้องทุกห้อง ภูและผู้กองต้อมช่วยติดตั้งกล้องและไมค์ไว้ทุกห้อง พร้อมกับซ่อนไว้อย่างดี
"คุณครูคะแล้วที่ว่าเจอวิญยาณชุดไทยนี่มันยังไงเหรอ ในเมื่อเป็นห้องผู้บริหารแล้วก็ไม่มีใครเข้ามาอยู่แล้ว"หมอเจี๊ยบถาม เพราะมันออกจะแปลกๆไปหน่อยที่ว่าไม่มีเหตุผลที่ใครจะเข้ามาเจออะไรในตึกที่สำคัญของโณงเรียนแบบนี้
"เห็นว่าสมัยก่อน ตึกนี้จะให้แขกมานอนค้างด้วยน่ะค่ะ แล้วก็มีอยู่ช่วงหนึ่งที่เป็นบ้านพักประจำตำแหน่งของครูใหญ่ด้วย ถ้าจะเห็นผีชุดไทยก็คงมาจากตรงนั้นแหละค่ะ" ครูพิลาวรรณตอบ ซึ่งเมื่อได้ยินคำว่าผีทำให้ดาวถึงกับขนลุก
"เอาล่ะเรียบร้อยแล้วครับ งั้นเราไปที่ต้นไทยกันเลย" ผู้กองต้อมพูด และเมื่อเก็บของเสร็จ ทุกคนออกจากตึก ครูพิลาวรรณสำรวจความเรียบร้อย ว่าปิดมิดชิดและไม่มีอะไรเสียหายแล้ว จึงออกจากตึกไป
"นายว่าไม่มีจับได้ใช่มั้ย"ผู้กองต้อมแอบกระซิบภู
"ถึงจับได้เราก็บอกไปว่าเราเอาไว้จับผีก็แล้วกัน อีกอย่างดูจากท่าทีแล้ว ผมว่าเค้าไม่รู้หรอกว่าเราซ่อนกล้องไว้"ภูกระซิบตอบ
"งั้นก็เหลือแค่ให้ทุกอย่างคลี่คลายแล้วเราก็กระตุกเบ็ดสินะ" ทั้งห้าคนกำลังเดินไปที่ต้นทรหลังโรงเรียน ในตอนกลางคืนที่เงียบเชียบ ไม่มีแม้แต่เสียงนกและแมลง
...........................................................
ติชมกันได้ครับ บางคำที่พิมพ์ผิด เพราะแป้นผิมไม่ค่อยดี กดชิพไม่ลง ยังไงก็ขออภัยด้วยครับ
file 1 เหงา ตั้งแต่ตอนแรก http://ppantip.com/topic/34830541
file 2-1 http://ppantip.com/topic/34973254
file 2-2 http://ppantip.com/topic/34986577
file 2-3 http://ppantip.com/topic/34998149
file 2-4 http://ppantip.com/topic/35006186
file 2-5 http://ppantip.com/topic/35014982
file 2-6 http://ppantip.com/topic/35027231
file 2-7 http://ppantip.com/topic/35052016
ตอนต่อไป http://ppantip.com/topic/35069737