เวโรน่า เป็นเมืองทางผ่านจากการเดินทางระหว่างเมืองท่องเที่ยวสองจุด คือ ฟลอเรนต์ ไปยัง เวนิซ
เคยไปมาแล้วครั้งหนึ่งและอ่านจากรีวิว ทุกคนก็พูดถึงบ้านจูเลียต
รู้สึกว่าไม่มีอะไรมากกว่าการไปขอพรความรักด้วยการจับหน้าอกรูปปั้น
ไม่เห็นน่าแวะตรงไหนเลย แต่ก็ให้เพื่อนได้แวะสักหน่อยฐานยังไม่เคยไป
แต่เลือกใช้เวลาแค่ 5-6 ชั่วโมง โดยไม่นอนค้าง
แต่สิ่งที่พบ เวโรน่า มีอะไรมากกว่าที่คิด
เลยอยากบันทึกเส้นทางเดินเท้า หรือ ขี่จักรยานที่เวโรน่าไว้ให้เดินรอบๆ
เมื่อเรานั่งรถไฟถึงสถานีรถไฟ Verona Porta Nuava
แวะซื้อตั๋วรถบัสจากที่ร้าน Tabachi ในสถานี ราคาตั๋ว 1.8 Euro
จากนั้น ไปยืนรถรถเมล์ด้านนอกที่ stand A1 เพื่อลงที่ Verona Arena
ภาพสถานีรถไฟ เป็นเมืองสงบ เงียบ คนละเรื่องกับฟลอเรนซ์ที่พลุกพล่านกว่าเยอะเลย
การเดินทางด้วยรถเบอร์ 11 12 หรือ 13 ใช้เวลาแค่สิบนาทีตามแผนที่
ถ้าไม่ได้ซื้อตั๋วมาจากในอาคาร มาหยอดซื้อตรงตู้เหลืองในรถก็ได้ค่ะ
พอขึ้นรถ เราย้ำให้คนขับบอกด้วยถ้าถึง Arena
ไม่นาน ลุงที่นั่งในรถก็เดินมายืนใกล้ๆ และบอกให้ลงพร้อมกัน
พอลงใกล้ๆ Arena ลุงยังยืนอธิบายทางเดินต่อ เป็นมิตรมากค่ะ
จากที่เดินทางไปหลายเมืองในอิตาลี ปกติคนอิตาลีจะใจร้อนและตัดบทไว
แต่คนที่เวโรน่าดูเป็นมิตรและใจเย็นกว่าที่อื่นเลย
ภาพ Arena สังเกตง่ายๆ คล้ายโคลอสเซียมเลยค่ะ
ลุงพยายามเล่าประวัติเมืองเวโรน่าว่าเป็นเมืองตอนเหนือของอิตาลี
Arena เองสร้างตั้งแต่สมัยโรมัน เพื่อใช้ชมการแสดง
ปัจจุบันเป็นที่แสดง opera โดยเรื่องหลักคือ โรมิโอและจูเลียต
นิยามหักมุมสู่โศกนาฎกรรมที่แต่งโดยวิลเลียน เช็คสเปียร์ โดยใช้ฉากของเวโรน่า
เป็นท้องเรื่องของสองตระกูล คาปูเล็ต และ มองตากิว
ถ้าได้ซื้อตั๋วพอดีช่วงเวลาฉาย จะเห็นภาพ Arena สวยงามอลังการมาก
พอดี opera มีช่วงเย็นค่ะ เราเลยไม่ได้ซื้อตั๋วเข้าไป
(มีต่อ)
เมืองที่รู้สึกไม่อยากแวะที่สุด แต่กลับทิ้งหัวใจไว้ที่นั่น....เวโรนา อิตาลี
เคยไปมาแล้วครั้งหนึ่งและอ่านจากรีวิว ทุกคนก็พูดถึงบ้านจูเลียต
รู้สึกว่าไม่มีอะไรมากกว่าการไปขอพรความรักด้วยการจับหน้าอกรูปปั้น
ไม่เห็นน่าแวะตรงไหนเลย แต่ก็ให้เพื่อนได้แวะสักหน่อยฐานยังไม่เคยไป
แต่เลือกใช้เวลาแค่ 5-6 ชั่วโมง โดยไม่นอนค้าง
แต่สิ่งที่พบ เวโรน่า มีอะไรมากกว่าที่คิด
เลยอยากบันทึกเส้นทางเดินเท้า หรือ ขี่จักรยานที่เวโรน่าไว้ให้เดินรอบๆ
เมื่อเรานั่งรถไฟถึงสถานีรถไฟ Verona Porta Nuava
แวะซื้อตั๋วรถบัสจากที่ร้าน Tabachi ในสถานี ราคาตั๋ว 1.8 Euro
จากนั้น ไปยืนรถรถเมล์ด้านนอกที่ stand A1 เพื่อลงที่ Verona Arena
ภาพสถานีรถไฟ เป็นเมืองสงบ เงียบ คนละเรื่องกับฟลอเรนซ์ที่พลุกพล่านกว่าเยอะเลย
การเดินทางด้วยรถเบอร์ 11 12 หรือ 13 ใช้เวลาแค่สิบนาทีตามแผนที่
ถ้าไม่ได้ซื้อตั๋วมาจากในอาคาร มาหยอดซื้อตรงตู้เหลืองในรถก็ได้ค่ะ
พอขึ้นรถ เราย้ำให้คนขับบอกด้วยถ้าถึง Arena
ไม่นาน ลุงที่นั่งในรถก็เดินมายืนใกล้ๆ และบอกให้ลงพร้อมกัน
พอลงใกล้ๆ Arena ลุงยังยืนอธิบายทางเดินต่อ เป็นมิตรมากค่ะ
จากที่เดินทางไปหลายเมืองในอิตาลี ปกติคนอิตาลีจะใจร้อนและตัดบทไว
แต่คนที่เวโรน่าดูเป็นมิตรและใจเย็นกว่าที่อื่นเลย
ภาพ Arena สังเกตง่ายๆ คล้ายโคลอสเซียมเลยค่ะ
ลุงพยายามเล่าประวัติเมืองเวโรน่าว่าเป็นเมืองตอนเหนือของอิตาลี
Arena เองสร้างตั้งแต่สมัยโรมัน เพื่อใช้ชมการแสดง
ปัจจุบันเป็นที่แสดง opera โดยเรื่องหลักคือ โรมิโอและจูเลียต
นิยามหักมุมสู่โศกนาฎกรรมที่แต่งโดยวิลเลียน เช็คสเปียร์ โดยใช้ฉากของเวโรน่า
เป็นท้องเรื่องของสองตระกูล คาปูเล็ต และ มองตากิว
ถ้าได้ซื้อตั๋วพอดีช่วงเวลาฉาย จะเห็นภาพ Arena สวยงามอลังการมาก
พอดี opera มีช่วงเย็นค่ะ เราเลยไม่ได้ซื้อตั๋วเข้าไป
(มีต่อ)