US Box Office April 15-17, 2016
(แปล/ เรียบเรียง จาก www.boxofficemojo.com)
หนัง The Jungle Book ของดิสนีย์ กลายเป็นหนังเรื่องที่สามของปีนี้ที่เปิดตัวด้วยรายได้มากกว่าร้อยล้านเหรียญ ซึ่งมากกว่าในปี 2015 ถึงสองเรื่อง เมื่อเทียบในช่วงเวลาเดียว โดยที่ยังมี Captain America: Civil War จ่อคิวรอ ขณะที่หนังเปิดตัวใหม่เรื่องอื่น Barbershop: The Next Cut อยู่ในอันดับ 2 และหนังของเควิน คอสท์เนอร์ Criminal ทำเงินเต็มที่แค่อันดับ 6 สำหรับหนัง 12 เรื่องแรกในชาร์ทสัปดาห์นี้ทำเงินรวมกันมากกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 50.2% และเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อน 76.6%
ด้วยรายได้เปิดตัวโดยประมาณ 103.5 ล้านเหรียญ น่าจะทำให้ The Jungle Book กลายเป็นหนังที่ใครๆ พูดถึงไปอีกหลายสัปด่ห์ เมื่อมากกว่าที่คาดกันไว้ไม่น้อย ถึงแม้จะมีเสียงฮือฮามาก่อนที่หนังจะเปิดตัวจริงๆ ก็ตาม หนังออกฉายด้วยคะแนนที่น่าประทับใจจากเว็บมะเขือเน่า 95% ซึ่งเป็นไปในทางเดียวกับกลุ่มผู้ชมในวันเปิดตัว เมื่อดูจากคะแนน A ของซีนีมาสกอร์ ส่งให้หนังกลายเป็นหนังเปิดตัวเดือนเมษายนรายได้มากเป็นอันดับ 2 แพ้แค่หนัง Fast & Furious 7 เมื่อปีกลาย โดยรายได้จากการฉายในระบบสามมิติมากถึง 43% และรายได้จากโรงไอแมกซ์ 376 โรง ก็คิดเป็น 10%
ในตลาดต่างประเทศหนังเปิดตัวด้วย 49 พื้นที่ ทำเงินไป 138.6 ล้านเหรียญ ทำให้ตอนนี้หนังกวาดรายได้ทั่วโลกไปแล้ว 293.4 ล้านเหรียญ โดยประเทศที่ทำรายได้มากที่สุดก็คือจีน 50.3 ล้านเหรียญ ตามด้วยอินเดีย 20.1 ล้านเหรียญ หนังจะเปิดตัวที่เกาหลีเดือนมิถุนายน และญี่ปุ่นสิงหาคม
และเมื่อเทียบกับหนังแฟนตาซีที่ดิสนีย์ดัดแปลงมาฉายขึ้นโรง รายได้เปิดตัวของ The Jungle Book จะแพ้ Alice in Wonderland ที่ทำไว้ในปี 2010 116.1 ล้านเหรียญ แต่ก็น่าจะทำรายได้ในระดับสามร้อยล้านขึ้น เฉพาะในอเมริกา
ตามมาห่างๆ ในอันดับ 2 เป็นหนังเปิดตัวในสัปดาห์นี้เช่นกัน Barbershop: The Next Cut ทำรายได้ 20.2 ล้านเหรียญ และได้คะแนน A- จากซีนีมาสกอร์ หนังได้ผู้ชม 46% เป็นชาย และ 66% ของผู้ชมอายุเกิน 25 ปี แม้จะทำเงินเป็นอันดับสอง แต่ตัวเลขก็ต่ำกว่าที่คาดหมายกั แต่ก็ต้องเข้าใจด้วยว่า หนังเปิดตัวโดยทิ้งห่างจากหนังตอนแยกถึง 11 ปี และห่างจากหนัง Barbershop 2 ถึง 12 ปี ซึ่งในตอนนั้นเปิดตัวที่ 24.2 ล้านเหรียญ แต่กับทุนสร้างที่ต่ำกว่า 20 ล้านเหรียญ และได้ A- จากซีนีมาสกอร์ กับ 92% จากเว็บมะเชือเน่า หนังน่าจะไปได้อีกในสัปดาห์หน้า
หนังใหม่อีกเรื่องเปิดตัวนอกท็อปไฟว์ และต่ำกว่าที่คาดกันไว้ต่ำสุดเสียอีก Criminal เปิดตัวแค่ 5.85 ล้านเหรียญ แถมผู้ชมวันแรกให้คะแนนเฉลี่ยแค่ B- ในซีนีมาสกอร์ นั่นหมายความว่า หนังไม่น่าจะอยู่ในท็อปเทนได้นาน
แชมป์สัปดาห์ที่แล้ว The Boss อยู่ในอันดับ 3 ทำรายได้อีก 10.1 ล้านเหรียญตกจากสัปดาห์ก่อน 56.9% ซึ่งโดยปกติแล้วหนังของเมลิสสา แม็คคาร์ธีย์ จะมีภูมิต้านทางคำวิจารณ์แย่และคะแนนต่ำของซีนีมาสกอร์ แต่เรื่องนี้ดูท่าจะเป็นข้อยกเว้น กับคะแนน 19% จากเว็บมะเขือเน่า และ C- ของซีนีมาสกอร์ น่าจะส่งผลให้รายได้ในสัปดาห์นี้หล่นฮวบอย่างที่เห็น โดยปกติแล้วรายได้สัปดาห์ที่สองของหนังแม็คคาร์ธีย์จะตกไม่เกิน 46.3% ซึ่งเป็นรายได้ตกมากที่สุด ที่หนัง Spy ทำเอาไว้ในสัปดาห์ที่สอง
อันดับ 4 เป็น Batman v Superman: Dawn of Justice ที่ทำรายได้ราวๆ 9 ล้านเหรียญ รายได้ในสัปดาห์ที่สี่ ตกจากสัปดาห์ก่อนถึง 61.4% ตอนนี้รายได้ในอเมริกาของหนังอยู่ที่ 311.3 ล้านเหรียญ ขณะที่รายได้นอกอเมริกาเป็น 516 ล้านเหรียญ รายได้ทั่วโลกนั้นผ่าน 825 ล้านเหรียญไปแล้ว
ขณะที่แอนิเมชันของดิสนีย์ Zootopia ยังอยู่ในท็อปไฟว์ พร้อมกลายเป็นแอนิเมชันเรื่องที่สิบ ที่ทำรายได้เกิน 300 ล้านเหรียญในอเมริกา หนังทำเงินสัปดาห์นี้ 8.2 ล้านเหรียญ รายได้รวมอยู่ที่ 307.4 ล้านเหรียญ ส่วนรายได้รวมทั่วโลกผ่าน 880 ล้านเหรียญไปเรียบร้อย และกลายเป็นหนังปี 2016 ทำเงินมากที่สุด
หนังเข้าใหม่สัปดาห์ที่แล้วอย่าง Demolition และ Hardcore Henry ต่างไปได้ไม่ดีนัก เมื่อรายได้ตกถึง 72.1% และ 71% ตามลำดับ แต่กับหนังที่ฉายในวงจำกัด Green Room กลายเป็นหนังที่ทำรายได้เฉลี่ยต่อโรงที่มากที่สุดในสัปดาห์นี้ เมื่อทำเงินไปถึง 91,000 เหรียญจาก 3 โรง คิดเป็น 30,333 เหรียญต่อโรง ขณะที่ Sing Street ทำเงิน 68,979 เหรียญจาก 5 โรง แล้ว New York, New York ได้ตังค์ 43,000 จาก 16 โรง
ส่วนเรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ หนัง Deadpool ทำรายได้ผ่าน 360 ล้านเหรียญไปแล้ว และ My Big Fat Greek Wedding 2 ก็ผ่าน 50 ล้านเหรียญเรียบร้อย million.
สัปดาห์หน้าหนัง The Huntsman: Winter's War จะเปิดตัว และน่าจะกลายเป็นเหยื่อของการเปิดตัวผิดที่ผิดทาง แม้หนังภาคต่อของหนังปี 2012 Snow White and the Huntsman จะได้ทีมนักแสดงที่น่าสนใจ และเปิดตัวในระดับ 3,700 โรง แต่ก็ต้องเจอคู่แข่งอย่าง The Jungle Book ที่น่าจะยังยืนระยะได้ดี ที่สำคัญเสียงวิจารณ์ของหนังออกมาไม่ดีเลย
อ่านแล้วชอบ แวะไปคลิกไลค์
https://www.facebook.com/Sadaos/ ด้วยนะครับ ขอบคุณมากครับ
เปิดตัวอลังร้อยกว่าล้านเหรียญ หนัง The Jungle Book คว้าอันดับ 1 หนังทำเงินอเมริกาสัปดาห์นี้
(แปล/ เรียบเรียง จาก www.boxofficemojo.com)
หนัง The Jungle Book ของดิสนีย์ กลายเป็นหนังเรื่องที่สามของปีนี้ที่เปิดตัวด้วยรายได้มากกว่าร้อยล้านเหรียญ ซึ่งมากกว่าในปี 2015 ถึงสองเรื่อง เมื่อเทียบในช่วงเวลาเดียว โดยที่ยังมี Captain America: Civil War จ่อคิวรอ ขณะที่หนังเปิดตัวใหม่เรื่องอื่น Barbershop: The Next Cut อยู่ในอันดับ 2 และหนังของเควิน คอสท์เนอร์ Criminal ทำเงินเต็มที่แค่อันดับ 6 สำหรับหนัง 12 เรื่องแรกในชาร์ทสัปดาห์นี้ทำเงินรวมกันมากกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 50.2% และเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อน 76.6%
ด้วยรายได้เปิดตัวโดยประมาณ 103.5 ล้านเหรียญ น่าจะทำให้ The Jungle Book กลายเป็นหนังที่ใครๆ พูดถึงไปอีกหลายสัปด่ห์ เมื่อมากกว่าที่คาดกันไว้ไม่น้อย ถึงแม้จะมีเสียงฮือฮามาก่อนที่หนังจะเปิดตัวจริงๆ ก็ตาม หนังออกฉายด้วยคะแนนที่น่าประทับใจจากเว็บมะเขือเน่า 95% ซึ่งเป็นไปในทางเดียวกับกลุ่มผู้ชมในวันเปิดตัว เมื่อดูจากคะแนน A ของซีนีมาสกอร์ ส่งให้หนังกลายเป็นหนังเปิดตัวเดือนเมษายนรายได้มากเป็นอันดับ 2 แพ้แค่หนัง Fast & Furious 7 เมื่อปีกลาย โดยรายได้จากการฉายในระบบสามมิติมากถึง 43% และรายได้จากโรงไอแมกซ์ 376 โรง ก็คิดเป็น 10%
ในตลาดต่างประเทศหนังเปิดตัวด้วย 49 พื้นที่ ทำเงินไป 138.6 ล้านเหรียญ ทำให้ตอนนี้หนังกวาดรายได้ทั่วโลกไปแล้ว 293.4 ล้านเหรียญ โดยประเทศที่ทำรายได้มากที่สุดก็คือจีน 50.3 ล้านเหรียญ ตามด้วยอินเดีย 20.1 ล้านเหรียญ หนังจะเปิดตัวที่เกาหลีเดือนมิถุนายน และญี่ปุ่นสิงหาคม
และเมื่อเทียบกับหนังแฟนตาซีที่ดิสนีย์ดัดแปลงมาฉายขึ้นโรง รายได้เปิดตัวของ The Jungle Book จะแพ้ Alice in Wonderland ที่ทำไว้ในปี 2010 116.1 ล้านเหรียญ แต่ก็น่าจะทำรายได้ในระดับสามร้อยล้านขึ้น เฉพาะในอเมริกา
ตามมาห่างๆ ในอันดับ 2 เป็นหนังเปิดตัวในสัปดาห์นี้เช่นกัน Barbershop: The Next Cut ทำรายได้ 20.2 ล้านเหรียญ และได้คะแนน A- จากซีนีมาสกอร์ หนังได้ผู้ชม 46% เป็นชาย และ 66% ของผู้ชมอายุเกิน 25 ปี แม้จะทำเงินเป็นอันดับสอง แต่ตัวเลขก็ต่ำกว่าที่คาดหมายกั แต่ก็ต้องเข้าใจด้วยว่า หนังเปิดตัวโดยทิ้งห่างจากหนังตอนแยกถึง 11 ปี และห่างจากหนัง Barbershop 2 ถึง 12 ปี ซึ่งในตอนนั้นเปิดตัวที่ 24.2 ล้านเหรียญ แต่กับทุนสร้างที่ต่ำกว่า 20 ล้านเหรียญ และได้ A- จากซีนีมาสกอร์ กับ 92% จากเว็บมะเชือเน่า หนังน่าจะไปได้อีกในสัปดาห์หน้า
หนังใหม่อีกเรื่องเปิดตัวนอกท็อปไฟว์ และต่ำกว่าที่คาดกันไว้ต่ำสุดเสียอีก Criminal เปิดตัวแค่ 5.85 ล้านเหรียญ แถมผู้ชมวันแรกให้คะแนนเฉลี่ยแค่ B- ในซีนีมาสกอร์ นั่นหมายความว่า หนังไม่น่าจะอยู่ในท็อปเทนได้นาน
แชมป์สัปดาห์ที่แล้ว The Boss อยู่ในอันดับ 3 ทำรายได้อีก 10.1 ล้านเหรียญตกจากสัปดาห์ก่อน 56.9% ซึ่งโดยปกติแล้วหนังของเมลิสสา แม็คคาร์ธีย์ จะมีภูมิต้านทางคำวิจารณ์แย่และคะแนนต่ำของซีนีมาสกอร์ แต่เรื่องนี้ดูท่าจะเป็นข้อยกเว้น กับคะแนน 19% จากเว็บมะเขือเน่า และ C- ของซีนีมาสกอร์ น่าจะส่งผลให้รายได้ในสัปดาห์นี้หล่นฮวบอย่างที่เห็น โดยปกติแล้วรายได้สัปดาห์ที่สองของหนังแม็คคาร์ธีย์จะตกไม่เกิน 46.3% ซึ่งเป็นรายได้ตกมากที่สุด ที่หนัง Spy ทำเอาไว้ในสัปดาห์ที่สอง
อันดับ 4 เป็น Batman v Superman: Dawn of Justice ที่ทำรายได้ราวๆ 9 ล้านเหรียญ รายได้ในสัปดาห์ที่สี่ ตกจากสัปดาห์ก่อนถึง 61.4% ตอนนี้รายได้ในอเมริกาของหนังอยู่ที่ 311.3 ล้านเหรียญ ขณะที่รายได้นอกอเมริกาเป็น 516 ล้านเหรียญ รายได้ทั่วโลกนั้นผ่าน 825 ล้านเหรียญไปแล้ว
ขณะที่แอนิเมชันของดิสนีย์ Zootopia ยังอยู่ในท็อปไฟว์ พร้อมกลายเป็นแอนิเมชันเรื่องที่สิบ ที่ทำรายได้เกิน 300 ล้านเหรียญในอเมริกา หนังทำเงินสัปดาห์นี้ 8.2 ล้านเหรียญ รายได้รวมอยู่ที่ 307.4 ล้านเหรียญ ส่วนรายได้รวมทั่วโลกผ่าน 880 ล้านเหรียญไปเรียบร้อย และกลายเป็นหนังปี 2016 ทำเงินมากที่สุด
หนังเข้าใหม่สัปดาห์ที่แล้วอย่าง Demolition และ Hardcore Henry ต่างไปได้ไม่ดีนัก เมื่อรายได้ตกถึง 72.1% และ 71% ตามลำดับ แต่กับหนังที่ฉายในวงจำกัด Green Room กลายเป็นหนังที่ทำรายได้เฉลี่ยต่อโรงที่มากที่สุดในสัปดาห์นี้ เมื่อทำเงินไปถึง 91,000 เหรียญจาก 3 โรง คิดเป็น 30,333 เหรียญต่อโรง ขณะที่ Sing Street ทำเงิน 68,979 เหรียญจาก 5 โรง แล้ว New York, New York ได้ตังค์ 43,000 จาก 16 โรง
ส่วนเรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ หนัง Deadpool ทำรายได้ผ่าน 360 ล้านเหรียญไปแล้ว และ My Big Fat Greek Wedding 2 ก็ผ่าน 50 ล้านเหรียญเรียบร้อย million.
สัปดาห์หน้าหนัง The Huntsman: Winter's War จะเปิดตัว และน่าจะกลายเป็นเหยื่อของการเปิดตัวผิดที่ผิดทาง แม้หนังภาคต่อของหนังปี 2012 Snow White and the Huntsman จะได้ทีมนักแสดงที่น่าสนใจ และเปิดตัวในระดับ 3,700 โรง แต่ก็ต้องเจอคู่แข่งอย่าง The Jungle Book ที่น่าจะยังยืนระยะได้ดี ที่สำคัญเสียงวิจารณ์ของหนังออกมาไม่ดีเลย
อ่านแล้วชอบ แวะไปคลิกไลค์ https://www.facebook.com/Sadaos/ ด้วยนะครับ ขอบคุณมากครับ