เรามาฝึกงานที่สถานีวิทยุชื่อดังแห่งหนึ่งในกรุงเทพแต่จะไม่ขอกล่าวถึงที่ตั้งละกัน ถ้าบอกปุ๊บคือรู้ปั๊ปเลยค่ะ งั้นขอเข้าเรื่องเลยแล้วกันนะคะ.
เทอมสุดท้ายของเราเนี่ยเป็นการฝึกงานล้วนๆเลย เราก็เลยมสาฝึกงานกับปุ้ยที่นี่ ทางสถานีก็ให้เราทำรายการช่วงสั้นๆเพื่อเป็นการขั้นรายการ และเพื่อสอดแทรกความรู้ให้กับน้องๆที่กำลังเตรียมตัวอ่านหนังสือสอบ โดยให้เรากับปุ้ยผลัดกันทำรายการคนละวัน ช่วงนั้นเราก็ต้องอยู่หาข้อมูลให้พี่ที่อยู่ฝ่ายรายการด้วยเลยกลับบ้านค่อนข้างดึก คือกลับบ้านไม่เคยต่ำกว่า 20.30 น. สักที จนพี่ที่คุมห้องส่งชื่อย่อว่า ช. ละกัน เค้าชอบพูดทีเล่นทีจริงว่า ไม่กลัวผีเหรอทำงานดึกๆเนี่ย ที่นี่เจ้าที่แรงนะวันไหนพี่ได้เฝ้าสถานีนะวันนั้นได้เจอดีทุกที เพื่อนนเราเป็นคนไม่เชื่อเรื่องนี้เลยค่ะ ปุ้ยมันก็บอกแล้วพี่ทนอยู่ได้ยังไงถ้ามีจริงๆ เราก็ตีแขนมันแบบปรามมันอ่ะ พี่ ช. ก็ส่ายหน้าแล้วก็บอกว่าเจอจนชิน เพราะเค้าเลิกงานหลังสถานีปิดทุกวัน อยู่ดึกทุกวันเดี๋ยวพวกเอ็งก็เจอ
แล้ววันนั้นก็มาถึงค่ะ ตอนนั้นที่สถานีต้องไปอบรมกับเครือข่ายสถานีอื่นที่ภาคใต้กันเป็นเวลาประมาณ 1 อาทิตย์ โดยไปกันเกือบหมดสถานีคือมีฝ่ายคอมพิวเตอร์ 1 คน ฝ่ายควบคุมห้องส่ง 1 คน และเรากับปุ้ยที่เป็นเด็กฝึกงาน ท่าน ผอ. จึงให้เราอยู่ดูแลฝั่งรายการ ส่วนปุ้ยอยู่ฝั่งข่าว มีหน้าที่ทำงานของตัวเองไป คอยรับแฟกซ์จากแฟนๆรายการ แล้วก็ทำรายการของตัวเองด้วย
จะอธิบายตรงส่วนออฟฟิศที่เราอยู่ก่อนนะคะ มันจะเป็นห้อกระจกขนาดใหญ่มีทางเข้า-ออกประตูเดียว โดยแบ่งเป็น 2 ฝั่ง ถ้าหันหน้าเข้าประตูฝ่ายข่าวจะอยู่ทางซ้าย ฝ่ายรายการจะอยู่ทางขวา แต่ละฝั่งจะหันโต๊ะเข้ามาหากันและสามาตรตะโกนคุยกันได้ (ถ้าหัวหน้าไม่อยู่) ต่อกันเลยนะคะ เย็นวันนั้นเราก็ทำงานหาข้อมูลทำรายการอยู่ แล้วก็แอบคุยMSN แก้เหงาด้วย เอาไว้คุยงานกับปุ้ยด้วยขี้เกียจตะโกน จนเวลาประมาณ 19.00 น. อยู่ๆก็มีเสียงดังตึง!!!! มาจากโต๊ะหัวหน้าที่ตั้งอยู่ข้างหลังติดๆกับโต๊ะที่เราทำงานอยู่ เราก็นึกในใจเฮ้ย!!!อะไรวะ แล้วหันไปดูที่โต๊ะหัวหน้า เหมือนมีอะไรมาทำให้เก้าอี้มันกระแทกกับตู้หนังสือของหัวหน้า และมันก็หมุมเองโดยที่เราไม่ได้แตะต้องเลย ตอนนั้นเราอยู่กับปุ้ยแค่ 2 คนเท่านั้นจึงยืนยันได้เลยว่าไม่มีใครอยู่นอกจากพวกเราแน่นอน เราก็ทำเป็นไม่สนใจค่ะ งานยังไม่เสร็จเลยทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ไปก่อน แต่ปุ้ยดันทัก MSN มาถามว่า แกทำอะไรเสียงดังตกใจหมด เราก็พิมตอบกลับไปว่าป่าวเราก็นั่งทำงานอยู่เนี่ย สักพักปุ้ยก็พิมมาอีกว่า เก้าอี้ข้างหลังทำไมมันหมุนไม่หยุดเลยวะ เราก็ตอบไปว่า เออช่างมันเหอะเดี๋ยวงานไม่เสร็จ พิมงานไปได้แป๊บนึงคราวนี้ก็มีเสียงตึงๆเบาๆเหมือนมีอะไรมากระทุ้งโต๊ะข้างหลังอีก โต๊ะทำงานหัวหน้าเป็นโต๊ะสำนักงานสีเทาๆที่ใช้กันทั่วไปน่ะค่ะ มันดังติดๆกันจนน่ารำคาญคราวนี้เลยหันไปดูให้แน่เลยค่ะว่าคืออะไรกันแน่ เห็นจังๆเลยค่ะเป็นเงาสีดำที่มองเท่าไรก็ไม่เห็นหน้ามานั่งห้อยขาที่โต๊ะ เอาส้นเท้ากระทุ้งโต๊ะเล่นแถมยังหัวเราะอีก ตอนนั้นรู้สึกได้เลยว่าขนลุกไปยันท้ายทอยเลย เราเลยตะโกนบอกปุ้ย เฮ้ย!!!กลับเหอะไม่ไหวแล้ว ตอนเก็บของยังได้ยินเสียงเสียงหัวเราะอยู่ เพื่อนเราก็รีบเก็บของแล้วรีบวิ่งกันลงจากตึก เช้าต่อมาก็มาเล่าให้พี่ ช. ฟังแกก็บอกให้ไปทำบุญอุทิศให้เค้าสะ เค้าอาจจะมาขอส่วนบุญเราก็ได้.
เจอผีตอนฝึกงาน
เทอมสุดท้ายของเราเนี่ยเป็นการฝึกงานล้วนๆเลย เราก็เลยมสาฝึกงานกับปุ้ยที่นี่ ทางสถานีก็ให้เราทำรายการช่วงสั้นๆเพื่อเป็นการขั้นรายการ และเพื่อสอดแทรกความรู้ให้กับน้องๆที่กำลังเตรียมตัวอ่านหนังสือสอบ โดยให้เรากับปุ้ยผลัดกันทำรายการคนละวัน ช่วงนั้นเราก็ต้องอยู่หาข้อมูลให้พี่ที่อยู่ฝ่ายรายการด้วยเลยกลับบ้านค่อนข้างดึก คือกลับบ้านไม่เคยต่ำกว่า 20.30 น. สักที จนพี่ที่คุมห้องส่งชื่อย่อว่า ช. ละกัน เค้าชอบพูดทีเล่นทีจริงว่า ไม่กลัวผีเหรอทำงานดึกๆเนี่ย ที่นี่เจ้าที่แรงนะวันไหนพี่ได้เฝ้าสถานีนะวันนั้นได้เจอดีทุกที เพื่อนนเราเป็นคนไม่เชื่อเรื่องนี้เลยค่ะ ปุ้ยมันก็บอกแล้วพี่ทนอยู่ได้ยังไงถ้ามีจริงๆ เราก็ตีแขนมันแบบปรามมันอ่ะ พี่ ช. ก็ส่ายหน้าแล้วก็บอกว่าเจอจนชิน เพราะเค้าเลิกงานหลังสถานีปิดทุกวัน อยู่ดึกทุกวันเดี๋ยวพวกเอ็งก็เจอ
แล้ววันนั้นก็มาถึงค่ะ ตอนนั้นที่สถานีต้องไปอบรมกับเครือข่ายสถานีอื่นที่ภาคใต้กันเป็นเวลาประมาณ 1 อาทิตย์ โดยไปกันเกือบหมดสถานีคือมีฝ่ายคอมพิวเตอร์ 1 คน ฝ่ายควบคุมห้องส่ง 1 คน และเรากับปุ้ยที่เป็นเด็กฝึกงาน ท่าน ผอ. จึงให้เราอยู่ดูแลฝั่งรายการ ส่วนปุ้ยอยู่ฝั่งข่าว มีหน้าที่ทำงานของตัวเองไป คอยรับแฟกซ์จากแฟนๆรายการ แล้วก็ทำรายการของตัวเองด้วย
จะอธิบายตรงส่วนออฟฟิศที่เราอยู่ก่อนนะคะ มันจะเป็นห้อกระจกขนาดใหญ่มีทางเข้า-ออกประตูเดียว โดยแบ่งเป็น 2 ฝั่ง ถ้าหันหน้าเข้าประตูฝ่ายข่าวจะอยู่ทางซ้าย ฝ่ายรายการจะอยู่ทางขวา แต่ละฝั่งจะหันโต๊ะเข้ามาหากันและสามาตรตะโกนคุยกันได้ (ถ้าหัวหน้าไม่อยู่) ต่อกันเลยนะคะ เย็นวันนั้นเราก็ทำงานหาข้อมูลทำรายการอยู่ แล้วก็แอบคุยMSN แก้เหงาด้วย เอาไว้คุยงานกับปุ้ยด้วยขี้เกียจตะโกน จนเวลาประมาณ 19.00 น. อยู่ๆก็มีเสียงดังตึง!!!! มาจากโต๊ะหัวหน้าที่ตั้งอยู่ข้างหลังติดๆกับโต๊ะที่เราทำงานอยู่ เราก็นึกในใจเฮ้ย!!!อะไรวะ แล้วหันไปดูที่โต๊ะหัวหน้า เหมือนมีอะไรมาทำให้เก้าอี้มันกระแทกกับตู้หนังสือของหัวหน้า และมันก็หมุมเองโดยที่เราไม่ได้แตะต้องเลย ตอนนั้นเราอยู่กับปุ้ยแค่ 2 คนเท่านั้นจึงยืนยันได้เลยว่าไม่มีใครอยู่นอกจากพวกเราแน่นอน เราก็ทำเป็นไม่สนใจค่ะ งานยังไม่เสร็จเลยทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ไปก่อน แต่ปุ้ยดันทัก MSN มาถามว่า แกทำอะไรเสียงดังตกใจหมด เราก็พิมตอบกลับไปว่าป่าวเราก็นั่งทำงานอยู่เนี่ย สักพักปุ้ยก็พิมมาอีกว่า เก้าอี้ข้างหลังทำไมมันหมุนไม่หยุดเลยวะ เราก็ตอบไปว่า เออช่างมันเหอะเดี๋ยวงานไม่เสร็จ พิมงานไปได้แป๊บนึงคราวนี้ก็มีเสียงตึงๆเบาๆเหมือนมีอะไรมากระทุ้งโต๊ะข้างหลังอีก โต๊ะทำงานหัวหน้าเป็นโต๊ะสำนักงานสีเทาๆที่ใช้กันทั่วไปน่ะค่ะ มันดังติดๆกันจนน่ารำคาญคราวนี้เลยหันไปดูให้แน่เลยค่ะว่าคืออะไรกันแน่ เห็นจังๆเลยค่ะเป็นเงาสีดำที่มองเท่าไรก็ไม่เห็นหน้ามานั่งห้อยขาที่โต๊ะ เอาส้นเท้ากระทุ้งโต๊ะเล่นแถมยังหัวเราะอีก ตอนนั้นรู้สึกได้เลยว่าขนลุกไปยันท้ายทอยเลย เราเลยตะโกนบอกปุ้ย เฮ้ย!!!กลับเหอะไม่ไหวแล้ว ตอนเก็บของยังได้ยินเสียงเสียงหัวเราะอยู่ เพื่อนเราก็รีบเก็บของแล้วรีบวิ่งกันลงจากตึก เช้าต่อมาก็มาเล่าให้พี่ ช. ฟังแกก็บอกให้ไปทำบุญอุทิศให้เค้าสะ เค้าอาจจะมาขอส่วนบุญเราก็ได้.