สวัสดีค่ะ
นี่เป็นการตั้งกระทู้ครั้งแรกของเรา>< เคยแต่อ่านของคนอื่น วันนี้ได้มีโอกาสมารีวิวประสบการณ์ work and travel ของตัวเอง อิอิ ยังไงก็ฝากติดตามด้วยนะคะ😊 เขียนครั้งแรกอาจจะงงๆไปบ้าง55555
👉👉 ย้อนกลับไปซัมเมอร์2014🍂 จุดเริ่มต้น work and travel ของเรามาจากการอ่านรีวิวในพันทิปบ่อยๆ เห็นคนอื่นรีวิวว่าได้ประสบการณ์เยอะ บวกกับคนใกล้ตัวไปมาตอนปี2014 ทำให้เราตัดสินใจเข้าร่วมโครงการ
👉👉 การเลือกเอเจน 😄
เราว่าหลายๆคนที่ตัดสินใจไปตอนแรกๆจะคิดว่า "จะไปกับเอเจนไหนดี?" เราก็เป็นคนที่ตัดสินใจในการเลือกเอเจนนานพอสมควร หาอ่านตามพันทิป, กระทู้ต่างๆและถามคนรู้จัก แต่สิ่งที่ได้คือ แต่ละคนก็จะบอกไม่เหมือนกัน บางคนว่าเอเจนนี้ดีแต่บางคนก็บอกไม่ดี555 เราว่าอยู่ที่ดวงด้วยแหละ😅 เราก็เลยตัดสินใจหาเอง ดูตามเว็บของเอเจนบริษัทต่างๆว่ามีงานอะไร ที่ไหน น่าสนใจสำหรับเรา และก็เปรียบเทียบราคาค่าโครงการของเอเจนต่างๆ5555 แต่เราไม่ค่อยซีเรียสกับค่าโครงการเท่าไหร่ เพราะส่วนมากราคาก็จะไม่แพงกว่ากันมาก แนะนำว่าให้ดูว่าเอเจนนั้นมีงานตรงกับความต้องการของเราไหมมากกว่า^^
หลายๆคนจะคิดว่า เห้ยไปWATต้องเก่งภาษาอังกฤษถึงจะไปได้ แต่ความจริงแล้วคนไม่เก่งก็สามารถไปได้ เพราะเราก็เป็นคนที่ไม่เก่งเลย ฟังพอรู้เรื่อง แต่สกิลการพูดนี่ต่ำ😂
พอหาดูสักพักเราก็ตัดสินใจสมัครกับ American Learning เพราะว่ามีงานที่เราสนใจและมีการมาจัดบูธในมอของเรา เริ่มแรกพี่ๆเอเจนก็จะวัดระดับภาษาของเราก่อนว่าอยู่ในระดับไหน ตอนทดสอบผลของเราอยู่ในระดับปานกลาง หลังจากนั้นก็จ่ายเงินค่าแรกเข้าโครงการ5,000บาท
หลังจากนั้นพี่ๆเอเจนก็จะดึงเราเข้ากลุ่มในFB
ในกลุ่มก็จะมีข่าวสารต่างๆเกี่ยวกับงาน งานก็จะเข้ามาเป็นระยะๆ รายละเอียดแต่ละงานก็จะบอกว่าต้องการคนที่มีระดับภาษาประมาณไหน ได้เงินเท่าไหร่ ค่าบ้านต่อเดือน รัฐ ต้องการกี่คนใครสนใจงานไหนก็เลือกไว้และรอนายจ้างนัดสัมภาษณ์
👉👉 การเลือกงาน 😁
ครั้งแรกเราสนใจงานร้านอาหารไทยที่California เพราะเป็นรัฐในฝันของเรา+กับได้เงินเยอะ5555 แต่พอดูว่าเขาต้องการระดับภาษาอังกฤษที่สูงและรับน้อย ทำให้เราเปลี่ยนใจ เพราะคิดว่ายังไงก็สู้เพื่อนที่เก่งภาษาไม่ได้😂
หลังจากนั้นเราก็เลือกงานใหม่ เป็นงานที่ร้าน Outlaws' Bar and Grill รัฐND ที่เลือกงานนี้เพราะได้เงิน12$/hr พอเห็นเงินเท่านั้นละเลือกที่นี่ทันที55555 +กับมีเพื่อนที่รู้จักเลือกร้านนี้ ร้านนี้ต้องการคนที่มีระดับภาษาสูงแต่เราไม่ได้ถอดใจแบบครั้งแรก หลังจากเลือกเสร็จก็รอนายจ้างนัดสัมภาษณ์ ผ่านไปสักพักหลังจากเลือกงาน พี่ๆเอเจนก็นัดวันสัมภาษณ์ผ่านSkype แต่ครั้งแรกเป็นการสัมภาษณ์กับเอเจนก่อน แล้วสัมภาษณ์กับนายจ้างทีหลัง เอเจนก็จะสัมภาษณ์ตามคิวที่แจ้งไว้ แต่ละคิวเวลาก็จะประมาณ10นาที เราได้คิวตอนบ่ายๆ แต่สรุปว่าเอเจนสัมภาษณ์ก่อนเวลานัด😭 ด้วยความตื่นเต้น,ไม่พร้อมบวกกับพึ่งตื่นนอน5555 ทำให้ตอนสัมภาษณ์พูดจาติดๆขัดๆ ไม่มีความมั่นใจ😂 พอสัมภาษณ์เสร็จเรารู้เลยว่ายังไงก็พลาดงานนี้แน่ๆ แต่แอบคิดในใจว่าคนอื่นอาจจะทำได้ไม่ดีแบบเราก็ได้ ทำได้แค่โลกสวยคิดบวกและเข้าข้างตัวเอง555555 พอถึงวันประกาศผล เพื่อนเราได้แต่เรานกจ้า555 ก็เสียใจนะที่ไม่ได้ไปกับเพื่อน แต่รู้ชะตาตั้งแต่สัมภาษณ์จบ😂
หลังจากนกจากงานแรก เราก็รองานต่อไปเรื่อยๆ ตอนแรกก็ไม่มีงานที่น่าสนใจสำหรับเรามาสักที แต่สักพักเอเจนก็โพสงานๆนึงซึ่งเราสนใจมากและคิดว่ายังไงก็ต้องได้งานนี่ให้ได้😉 งานนั้นคือ Housekeeper at Maui, Hawaii🌴🌴 Hawaiiคือเมืองในฝันของเราอีกเมืองหนึ่งทำให้เราไม่ลังเลที่จะเลือก งานนี่ได้เงิน10$/hr เงินก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดี แต่ค่าบ้านแพงไปหน่อย😂 เราสัมภาษณ์งานครั้งแรกกับตัวแทนของโรงแรม พี่ที่สัมภาษณ์เป็นผู้หญิง ที่สำคัญเป็นคนไทย😊 แต่ไปแต่งงานและอยู่ที่นั่น พอผ่านรอบแรกได้รอบสองก็สัมภาษณ์กับเอเจนของอเมริกา เป็นการสัมภาษณ์ที่ตื่นเต้นมากๆ กลัวนกรอบสองสุดๆ แต่สุดท้ายเราก็ได้งานนี้ 😆 ด้วยความบังเอิญเพื่อนที่คณะก็ได้งานนี้เหมือนกัน เลยมีเพื่อนไปด้วย
👉👉 คำถามยอดฮิตในการสัมภาษณ์ (จากประสบการ์ณที่สัมภาษณ์มาสี่ครั้ง555) ก่อนสัมถภาษณ์เราเป็นคนหนึ่งที่ไปหารีวิวอ่านอีกเช่นเคย5555 ดูว่าเขาถามอะไรบ้าง จะตอบแบบไหน ถึงขั้นคิดสคริปไว้ล่วงหน้า😂 แต่พอถึงเวลาจริงๆ ไม่ได้ใช่เลยจ้า5555 คำถามก็จะประมาณว่า
- แนะนำตัวเอง: ชื่อจริง นามสกุล ชื่อเล่น อายุ เรียนที่ไหน คณะ,สาขาอะไร งานอดิเรก บุคลิกของเราเป็นยังไง
- รู้อะไรเกี่ยวกับที่ทำงานบ้าง ควรหาข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับที่ทำงาน เช่น เกี่ยวกับอะไร ประวัติคร่าวๆ
- ทำไมถึงเลือกที่นี่ ก็บอกเหตุผลไป
- ขอเหตุผลทำไมเราถึงต้องเลือกคุณ คำถามนี้เราสตั๊นสุด คิดนานพอสมควรว่าจะตอบยังไง5555 ตอนเราสัมภาษณ์เราตอบว่า เราสามารถทำงานหนักได้ เข้ากับคนอื่นได้ง่าย ชอบการบริการ ตอบแบบนางเอกมาก55555
- อาจมีการจำลองสถาณการณ์ขึ้นมาว่าถ้ามีปัญหาแบบนี้เกิดขึ้นจะทำยังไง ของเราเจอถามประมาณว่าถ้าลูกค้าไม่พอใจกับการบริการหรือหยิบของผิดให้ลูกค้าจะแก้ไขยังไง😂
- ถ้าตอบเกี่ยวกับงานอดิเรก เช่นเราตอบว่าชอบดูหนัง นายจ้างจะถามว่าแนวไหน เรื่องไหนคือหนังเรื่องโปรด หนังเกี่ยวกับอะไร
- ถามเรื่องเรียน ทำไมเลือกคณะนี้ สาขานี้
- ถามว่าครอบครัวทำงานอะไร
- ทำไมสมัครโครงการWAT
- ตอนท้ายจะถามเราว่ามีคำถามอะไรอยากถามไหม ถ้าอยากรู้อะไรก็ถามไป ตอนนั้นเราก็ถามไปเยอะเหมือนกัน5555😅
##คำถามที่เราเจอก็จะประมาณนี้ ตอนสัมภาษณ์ตื่นเต้นแบบสุดๆ เราก็ออกตัวก่อนว่าเราพูดไม่เก่ง ตอนสัมภาษณ์ก็พยายามพูดเยอะๆเพราะถ้าพูดน้อยนายจ้างจะถามเราเยอะ จากประสบการณ์ที่เราเจอมา การสัมภาษณ์ไม่ได้ยากมากอย่างที่เราคิด แค่มั่นใจ มั่นหน้าเข้าไว้จะดีเอง5555
##ยังไม่จบน้า นี่แค่ส่วนนึงของประสบการณ์ของเรา ฝากติดตามต่อด้วยนะคะ 😊😘
|| Review WAT 2015 at Hawaii 🌴
👉👉 ย้อนกลับไปซัมเมอร์2014🍂 จุดเริ่มต้น work and travel ของเรามาจากการอ่านรีวิวในพันทิปบ่อยๆ เห็นคนอื่นรีวิวว่าได้ประสบการณ์เยอะ บวกกับคนใกล้ตัวไปมาตอนปี2014 ทำให้เราตัดสินใจเข้าร่วมโครงการ
👉👉 การเลือกเอเจน 😄
เราว่าหลายๆคนที่ตัดสินใจไปตอนแรกๆจะคิดว่า "จะไปกับเอเจนไหนดี?" เราก็เป็นคนที่ตัดสินใจในการเลือกเอเจนนานพอสมควร หาอ่านตามพันทิป, กระทู้ต่างๆและถามคนรู้จัก แต่สิ่งที่ได้คือ แต่ละคนก็จะบอกไม่เหมือนกัน บางคนว่าเอเจนนี้ดีแต่บางคนก็บอกไม่ดี555 เราว่าอยู่ที่ดวงด้วยแหละ😅 เราก็เลยตัดสินใจหาเอง ดูตามเว็บของเอเจนบริษัทต่างๆว่ามีงานอะไร ที่ไหน น่าสนใจสำหรับเรา และก็เปรียบเทียบราคาค่าโครงการของเอเจนต่างๆ5555 แต่เราไม่ค่อยซีเรียสกับค่าโครงการเท่าไหร่ เพราะส่วนมากราคาก็จะไม่แพงกว่ากันมาก แนะนำว่าให้ดูว่าเอเจนนั้นมีงานตรงกับความต้องการของเราไหมมากกว่า^^
หลายๆคนจะคิดว่า เห้ยไปWATต้องเก่งภาษาอังกฤษถึงจะไปได้ แต่ความจริงแล้วคนไม่เก่งก็สามารถไปได้ เพราะเราก็เป็นคนที่ไม่เก่งเลย ฟังพอรู้เรื่อง แต่สกิลการพูดนี่ต่ำ😂
พอหาดูสักพักเราก็ตัดสินใจสมัครกับ American Learning เพราะว่ามีงานที่เราสนใจและมีการมาจัดบูธในมอของเรา เริ่มแรกพี่ๆเอเจนก็จะวัดระดับภาษาของเราก่อนว่าอยู่ในระดับไหน ตอนทดสอบผลของเราอยู่ในระดับปานกลาง หลังจากนั้นก็จ่ายเงินค่าแรกเข้าโครงการ5,000บาท
หลังจากนั้นพี่ๆเอเจนก็จะดึงเราเข้ากลุ่มในFB
ในกลุ่มก็จะมีข่าวสารต่างๆเกี่ยวกับงาน งานก็จะเข้ามาเป็นระยะๆ รายละเอียดแต่ละงานก็จะบอกว่าต้องการคนที่มีระดับภาษาประมาณไหน ได้เงินเท่าไหร่ ค่าบ้านต่อเดือน รัฐ ต้องการกี่คนใครสนใจงานไหนก็เลือกไว้และรอนายจ้างนัดสัมภาษณ์
👉👉 การเลือกงาน 😁
ครั้งแรกเราสนใจงานร้านอาหารไทยที่California เพราะเป็นรัฐในฝันของเรา+กับได้เงินเยอะ5555 แต่พอดูว่าเขาต้องการระดับภาษาอังกฤษที่สูงและรับน้อย ทำให้เราเปลี่ยนใจ เพราะคิดว่ายังไงก็สู้เพื่อนที่เก่งภาษาไม่ได้😂
หลังจากนั้นเราก็เลือกงานใหม่ เป็นงานที่ร้าน Outlaws' Bar and Grill รัฐND ที่เลือกงานนี้เพราะได้เงิน12$/hr พอเห็นเงินเท่านั้นละเลือกที่นี่ทันที55555 +กับมีเพื่อนที่รู้จักเลือกร้านนี้ ร้านนี้ต้องการคนที่มีระดับภาษาสูงแต่เราไม่ได้ถอดใจแบบครั้งแรก หลังจากเลือกเสร็จก็รอนายจ้างนัดสัมภาษณ์ ผ่านไปสักพักหลังจากเลือกงาน พี่ๆเอเจนก็นัดวันสัมภาษณ์ผ่านSkype แต่ครั้งแรกเป็นการสัมภาษณ์กับเอเจนก่อน แล้วสัมภาษณ์กับนายจ้างทีหลัง เอเจนก็จะสัมภาษณ์ตามคิวที่แจ้งไว้ แต่ละคิวเวลาก็จะประมาณ10นาที เราได้คิวตอนบ่ายๆ แต่สรุปว่าเอเจนสัมภาษณ์ก่อนเวลานัด😭 ด้วยความตื่นเต้น,ไม่พร้อมบวกกับพึ่งตื่นนอน5555 ทำให้ตอนสัมภาษณ์พูดจาติดๆขัดๆ ไม่มีความมั่นใจ😂 พอสัมภาษณ์เสร็จเรารู้เลยว่ายังไงก็พลาดงานนี้แน่ๆ แต่แอบคิดในใจว่าคนอื่นอาจจะทำได้ไม่ดีแบบเราก็ได้ ทำได้แค่โลกสวยคิดบวกและเข้าข้างตัวเอง555555 พอถึงวันประกาศผล เพื่อนเราได้แต่เรานกจ้า555 ก็เสียใจนะที่ไม่ได้ไปกับเพื่อน แต่รู้ชะตาตั้งแต่สัมภาษณ์จบ😂
หลังจากนกจากงานแรก เราก็รองานต่อไปเรื่อยๆ ตอนแรกก็ไม่มีงานที่น่าสนใจสำหรับเรามาสักที แต่สักพักเอเจนก็โพสงานๆนึงซึ่งเราสนใจมากและคิดว่ายังไงก็ต้องได้งานนี่ให้ได้😉 งานนั้นคือ Housekeeper at Maui, Hawaii🌴🌴 Hawaiiคือเมืองในฝันของเราอีกเมืองหนึ่งทำให้เราไม่ลังเลที่จะเลือก งานนี่ได้เงิน10$/hr เงินก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดี แต่ค่าบ้านแพงไปหน่อย😂 เราสัมภาษณ์งานครั้งแรกกับตัวแทนของโรงแรม พี่ที่สัมภาษณ์เป็นผู้หญิง ที่สำคัญเป็นคนไทย😊 แต่ไปแต่งงานและอยู่ที่นั่น พอผ่านรอบแรกได้รอบสองก็สัมภาษณ์กับเอเจนของอเมริกา เป็นการสัมภาษณ์ที่ตื่นเต้นมากๆ กลัวนกรอบสองสุดๆ แต่สุดท้ายเราก็ได้งานนี้ 😆 ด้วยความบังเอิญเพื่อนที่คณะก็ได้งานนี้เหมือนกัน เลยมีเพื่อนไปด้วย
👉👉 คำถามยอดฮิตในการสัมภาษณ์ (จากประสบการ์ณที่สัมภาษณ์มาสี่ครั้ง555) ก่อนสัมถภาษณ์เราเป็นคนหนึ่งที่ไปหารีวิวอ่านอีกเช่นเคย5555 ดูว่าเขาถามอะไรบ้าง จะตอบแบบไหน ถึงขั้นคิดสคริปไว้ล่วงหน้า😂 แต่พอถึงเวลาจริงๆ ไม่ได้ใช่เลยจ้า5555 คำถามก็จะประมาณว่า
- แนะนำตัวเอง: ชื่อจริง นามสกุล ชื่อเล่น อายุ เรียนที่ไหน คณะ,สาขาอะไร งานอดิเรก บุคลิกของเราเป็นยังไง
- รู้อะไรเกี่ยวกับที่ทำงานบ้าง ควรหาข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับที่ทำงาน เช่น เกี่ยวกับอะไร ประวัติคร่าวๆ
- ทำไมถึงเลือกที่นี่ ก็บอกเหตุผลไป
- ขอเหตุผลทำไมเราถึงต้องเลือกคุณ คำถามนี้เราสตั๊นสุด คิดนานพอสมควรว่าจะตอบยังไง5555 ตอนเราสัมภาษณ์เราตอบว่า เราสามารถทำงานหนักได้ เข้ากับคนอื่นได้ง่าย ชอบการบริการ ตอบแบบนางเอกมาก55555
- อาจมีการจำลองสถาณการณ์ขึ้นมาว่าถ้ามีปัญหาแบบนี้เกิดขึ้นจะทำยังไง ของเราเจอถามประมาณว่าถ้าลูกค้าไม่พอใจกับการบริการหรือหยิบของผิดให้ลูกค้าจะแก้ไขยังไง😂
- ถ้าตอบเกี่ยวกับงานอดิเรก เช่นเราตอบว่าชอบดูหนัง นายจ้างจะถามว่าแนวไหน เรื่องไหนคือหนังเรื่องโปรด หนังเกี่ยวกับอะไร
- ถามเรื่องเรียน ทำไมเลือกคณะนี้ สาขานี้
- ถามว่าครอบครัวทำงานอะไร
- ทำไมสมัครโครงการWAT
- ตอนท้ายจะถามเราว่ามีคำถามอะไรอยากถามไหม ถ้าอยากรู้อะไรก็ถามไป ตอนนั้นเราก็ถามไปเยอะเหมือนกัน5555😅
##คำถามที่เราเจอก็จะประมาณนี้ ตอนสัมภาษณ์ตื่นเต้นแบบสุดๆ เราก็ออกตัวก่อนว่าเราพูดไม่เก่ง ตอนสัมภาษณ์ก็พยายามพูดเยอะๆเพราะถ้าพูดน้อยนายจ้างจะถามเราเยอะ จากประสบการณ์ที่เราเจอมา การสัมภาษณ์ไม่ได้ยากมากอย่างที่เราคิด แค่มั่นใจ มั่นหน้าเข้าไว้จะดีเอง5555
##ยังไม่จบน้า นี่แค่ส่วนนึงของประสบการณ์ของเรา ฝากติดตามต่อด้วยนะคะ 😊😘