ก่อนอื่นต้องออกตัวก่อนว่านี่เป็นรีวิวครั้งแรกเลยน่ะครับ ปกติแล้วส่องแต่ของชาวบ้าน ครั้งนี้เลยอยากลองรีวิวเองซะหน่อย ผิดพลาดประการใดขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคร้าบ
เริ่มเลยล่ะกัน โจทย์มีอยู่ว่า สงกรานต์ปีนี้มันช่างหยุดได้ยาวววซะเหลือเกิน ผมกับแฟนเลยเปิดประชุมหัวข้อ สงกรานต์นี้ทำยังไงดีให้ไม่ต้องนอนเน่าอยู่บ้าน ( ปกติแล้วไม่ออกไปเล่นสาดน้ำกับชาวบ้านอยู่แล้วอ่ะนะ แบบว่ามันรู้สึกว่าเลยวัยนั้นมาแล้วน่ะ ) และแน่นอนว่าการเที่ยวช่วงวันที่มันเป็นเทศกาลหยุดยาวๆนั้น ทุกอย่างมันจะแพงพีคกว่าปกติแน่นอน รวมทั้งต้องไปสู้รบกับมนุษย์รวมโลกอีกหลายๆชีวิตซะด้วย แต่ไม่เป็นไรถ้าเพื่อแลกมาซึ่งการที่ต้องไม่นอนเน่าอยู่บ้านเราจะสู้.!!!! \(*0*)/ ก็เลยเล็งว่าจะไปงานไทยเที่ยวไทยครั้งที่ 38 ( 3-6 มีนา 59 ) เพื่อหาที่เที่ยว
ถึงวันก็ไปและไปได้ทัวร์ของ ศรีสุขสันต์รีสอร์ทมา ของผมซื้อแพ๊ค สุขหรรษา C โดยจะได้ห้องพัก 2 คืน + อาหารเช้า 2 มื้อ + อาหารเที่ยง 1 มื้อ(อาหารเที่ยงจะเป็นมื้อของวันที่ 2 ที่ทางรีสอร์ทจะพาไปทัวร์เกาะน่ะครับ) + อาหารค่ำ 1 มื้อ(อันนี้ก็เป็นมื้อของวันที่ 2 ที่กลับมาจากทัวร์เกาะ) + ทัวร์เกาะพีพีโดยสปีดโบท + รถรับ-ส่งสนามบิน – รีสอร์ท ราคารวมคนล่ะ 3000.- บาทครับผม
โจทย์ต่อมา ตั๋วเครื่องบิน อันนี้บอกเลยว่ายุ่งยากส์ ที่สุดเนื่องจากราคาตั๋วเครื่องบินในช่วงเทศกาลนั้นราคาโหดอัดรัสเซียค๊อดๆ ไอ้เราหวังจะไปหาเอาในงาน ไทยเที่ยวไทยก็ไม่มี แน่นอนว่าช่วงเทศกาลนั้นจะไม่มีปล่อยตั่วราคาโปรเลย ผมเริ่มหาตั๋วเครื่องบินตั้งแต่ช่วงต้นเดือนมีนาหลังจากงานไทยเที่ยวไทย โดยหวังว่าจะได้ตั๋วราคาโปรในช่วงที่ต้องการเดินทางซะหน่อย ก็รอทั้งโปรของทางสายการบินเอง โปรของบัตร นู้น นี่ นั่นบลาๆ ก็ยังคงไม่มี รอโปรมาเรื่อยจนถึงช่วงสิ้นเดือนมีนา และฝันร้ายก็มาเยือน แม่เจ้า..!! ราคาตั๋วมันขึ้นมาจากเดิมเป็นพันเลยว้อยย ช่วงวันที่ 12 – 14 ตั๋วขาไปกระบี่ราคาเรียกได้ว่า 3000+ ทุกเจ้าเลยก็ว่าได้ ส่วนขากลับจากกระบี่ ช่วงวันที่ 15-17 ราคาโหดอัดรัสเซียเช่นกัน ผมเลยต้องพยายามมิกซ์วันเดินทาง ทั้งขาไปและกลับให้ได้ราคาตั๋วเครื่องบิน ที่เซฟที่สุดเท่าที่จะทำได้
( รู้งี้ม่ะน่ารอราคาตั่วโปรเลยกรู T..T )
ผลที่ได้คือ
- ได้วันเดินทางขาไปกระบี่ วันที่ 11 เป็นวันที่ตั๋วราคาโอเคสุดแล้ว ได้กับ Thai Airways คนล่ะ 1,900+ บาท (2คนรวม 3800+)
- ได้วันเดินทางขากลับจากกระบี่ วันที่ 14 อันนี้ฟลุ๊คมากได้ตั๋วราคาโปรโมชั่นของ Nok Air คนล่ะ 900+ บาท (2คนรวม 1800+)
ไม่รู้ราคาตั๋วที่ได้มาทั้งหมดนั้นแพงไปรึป่าวอ่ะนะครับ แต่พยายามหาที่ถูกที่สุดแล้วได้มาแค่นั้นจริงๆ บอกเลยว่า นีเป็นการบินครั้งแรกของผมซะด้วยสิ
มีอีกนิดนึง เนื่องจากว่า แพ๊คของทางรีสอร์ทที่เราจะเข้าพักนั้น เป็นการเข้าพักวันที่ 12-14 แต่ตั๋วบินราคาถูกที่ผมได้มานั้นเป็นตั๋วเดินทางไปวันที่ 11 สิ่งนี้เลยเป็นอีกโจทย์ที่ต้องแก้ นั้นคือผมเลยต้องหาที่พักในตัวเมืองกระบี่ก่อน 1 คืน คือคืนวันที่ 11 ที่ต้องทำแบบนั้นเพราะราคาตั่วเครื่องบินช่วงเย็นของวันที่ 11 นั้นถูกสุดแล้วที่หาได้ กลับกันถ้าคิดว่าจะซื้อตั่วช่วงเช้าของวันที่ 12 แน่นอนว่าราคามันโหดอัดรัสเซียซึ่งถ้าลองเอาราคาตั่วบินช่วงเย็นวันที่ 11 รวมกับค่าห้องพักตัวเมือง 1 คืน ยังถูกกว่าราคาตั๋วช่วงเช้าของวันที่ 12 เสียอีกด้วยซ้ำ (ประหยัดได้เป็นพันเลยน้ออ)
ทั้งหมดทั้งมวลนั้นจึงสรุปได้ตามที่กล่าวไป เป็นอันว่าทุกอย่างพร้อมม จากนั้นก็นั่งนับวันรอวันเดินทางงง . . . . . . . . . .
=======[ 11/04/59 เวลา 16.00 ]======
พร้อม.!! ที่สนามบินสุวรรณภูมิ เช็คอินเรียบร้อย ขึ้นเครื่องเรียบร้อย รอเครื่อง take off ตื่นเต้นสุดๆ นั่งเครื่องบินครั้งแรก d(*0*)b
และเครื่องก็ขึ้น ฟิ้ววววววว บนท้องฟ้านี้มันสวยงามจริงๆ เสียดายเลือกที่นั่งผิดฝั่ง จริงๆ เลือกไม่ทันมากกว่าอีกฝั่งนึงเต็มหมดเลยได้วิวย้อนแสงอาทิตย์ ถ่ายรูปลำบากแท้
เวลาผ่านไปพระอาทิตย์เริ่มตก ได้แสงอีกแบบนึง เออแหะสวยไปอีกแบบ ชอบเมฆปุยๆ สวยดี
=======[ 11/04/59 เวลา 18.30 ]======
ตุ๊งตุ่งงง เสียงสัญญาณให้รัดเข็มขัดดังขึ้น เครื่องกำลังลดระดับการบินลง นั้นเพราะมาถึงแล้วกระบี่ ตื่นเต้นอีกแล้ว เพราะนั่งเครื่องบินครั้งแรก ตอนเครื่อง landing มันจะน่ากลัวขนาดไหนหว่า (*/.\*)
ลงพื้นอย่างปลอดภัย ทีนี้ก็รอคนมารับ (นิดนึงตรงนี้สำหรับคนที่ยังไม่เคยนั่งเครื่องไปลงกระบี่นะครับ จากสนามบินเข้าเมืองกระบี่ต้องนั่งรถประมาณ 10 นาทีได้นะครับก็ไม่ถึงกับไกลมากแต่ก็ไม่ถึงกับเดินมาเองได้ยังไงก็ต้องนั่งรถอะไรซักอย่างเพื่อเข้าเมือง ส่วนอ่าวนางนั้น จะอยู่เลยจากเมืองออกไปอีก ระยะทางก็พอๆกับ นั่งรถจากสนามบินเข้ามาเมืองนั้นล่ะครับ อ้างอิงตามแผนที่กลูเกิลที่ลงมาให้ดูเลยครับ)
- วงกลมแดงคือสนามบิน
- วงกลมเหลืองคือตัวเมือง
- วงกลมเขียวคืออ่าวนาง
ในส่วนของ จขกท. นั้นโชคดีที่พอมีพี่ที่รู้จักบ้านพี่เค้าอยู่แถวสนามบินพอดี แกเลยอาสาเป็นธุระมารับจากสนามบินไปส่งในตัวเมืองให้ (รบกวนพี่แกเลยจริงๆ) ขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วยคร้าบ (*/l\*)
อย่างที่บอกว่าเราต้องพักในตัวเมืองก่อน 1 คืนเพราะว่ามีเช็คอินที่รีสอร์ทศรีสุขสันต์วันที่ 12 เพราะฉะนั้นคืนวันที่ 11 เลยต้องขอมาซุกหัวนอนที่นี่
"ไทยรดา บูทีค"
โรงแรมตกแต่งดูดีในระดับนึงเลยนะครับ เหมือนพึ่งสร้างใหม่ได้ไม่นาน
คืนนี้ก็เลยลงเอ่ยที่นี่ zZZzzZZzzzzZ
=======[ 12/04/59 เวลา 08.30 ]======
เช้าวันที่ 12 ตื่นมารับอากาศเช้า กาแฟซักแก้ว เก็บของนัดแนะและรอรถของทางรีสอร์ทศรีสุขสันต์มารับครับ
ในที่สุด....รถมาแล้ววว มาเป็นรถตู้ ไม่มีผู้สารท่านอื่นติดมาเลย ในส่วนนี้ดูโอเคมากสำหรับผมเพราะที่คิดไว้คืออาจจะต้องนั่งเบียดเสียดกับนักท่องเที่ยวคนอื่นๆซะอีก ไอ้เรามันตัวใหญ่รถตู้นี่ถ้าเลี่ยงได้จะเลี่ยงเลยล่ะไม่อยากนั่ง พี่คนขับบอกว่าอันนี้เป็นบริการของทางรีสอร์ทที่ตั้งใจทำอยู่แล้วคือ รถ 1 คันจะมีแค่ลูกค้า 1 เจ้าเท่านั้น ง่ายๆคือจะมีแค่กรุ๊ปของเรา เราจะไม่ได้ไปเบียดกับกรุ๊ปนักท่องเที่ยวอื่นๆ ถือว่าเป็นสิทธิส่วนตัวของลูกค้าไปเลย 1 คัน อันนี้ชอบมากครับ ว่าแล้วก็เดินทางโลดดด อ่าวนาง เล็ทซะโก
พอนั่งเม้าท์มอยกับพี่คนขับไปสักพักก็ถึงแล้ว " ศรีสุขสันต์ รีสอร์ททท"
เช็คอินเรียบร้อย จะมีเวลคัมดริ้ง น้ำใบเตยหอมๆ อากาศร้อนๆ ชื่นใจเลยทีเดียว พนักงานที่นี่บริการดีครับ ยิ้มแย้มต้อนรับดี เช็คอินเสร็จจะมีพนักงานขนกระเป๋าเราเดินนำพาไปที่ห้องพักครับ พร้อมทั้งไกด์สถานที่ห้องต่างๆ ระหว่างทางไปด้วย
ระหว่างทางสังเกตุเห็นป้ายนี้ น่าสนใจ นอกจากห้ามสูบบุหรี่แล้ว ยังห้ามนำ ดุเรี่ยน(ทุเรียน อ่านออกเสียงตามภาษาปะกิต -*-) ขึ้นมากินบนห้องด้วยนะเอ้ออ เห็นว่ากลิ่นมันแรงติดห้องมาก เคยมีลูกค้าเอามากิน กลิ่นติดห้องไปสามวัน ก็น่าจริงอะนะ -*-
ทางเดินในตัวอาคารครับ รีสอร์ทที่นี่มี 3 ตึกครับ ตึก A B C ตึก A มี 4ชั้น มีลิฟท์ด้วยนะเอ้ออ ตึก B C มี 3ชั้น ไม่มีลิฟท์ แต่จะมีทางเชื่อมถึงกันที่ชั้น 3 ห้อง จขกท. อยู่ตึก B ชั้น 3 เดินขึ้นบันไดกันกล้ามขาขึ้นเลยทีเดียว
บรรยากาศภายในห้องครับ ห้องดูดีในระดับนึงเลยครับ ห้องแอร์ ติดพัดลมเพดานเปิดกันให้ปอดบวมไปเลย ข้าวของเครื่องใช้ก็ค่อนข้างครบครัน ตู้เย็น ไดร์เป่าผม เสื้อคลุมว่ายน้ำ รองเท้าแตะสองคู่ กระเป๋าหิ้วใส่ของไปใช้ข้างนอก ร่มกันแดดสองคัน และอื่นๆบลาๆ
อันนี้สะดุดตาสุดครับ แชมพู กับครีมอาบน้ำ พึ่งเคยไปเที่ยวพักโรงแรม รีสอร์ทและเจอที่เค้าให้ไอ้สองสิ่งนี้มาขวดใหญ่ๆขนาดนี้ ปกติเจอแต่ขวดเล็กๆแบบใช้ทีเดียวทิ้งอ่ะ -*-
เก็บของเรียบร้อยก็เริ่มสำรวจรีสอร์ทกันดีกว่า ลุยโลดด
นี้เป็นสระน้ำของรีสอร์ทครับ สระนี้น่าเล่นที่สุดเป็นระบบสระน้ำเกลือด้วยน้อออ ไม่เหม็นคลอลีนเลยล่ะ ไฮไลท์มันคือพลูบาร์นี้ล่ะครับ
ใครจะลงต้องสวมชุดว่ายน้ำลงน้อ บ็อกเซอร์ เจเจ เสื้อกล้ามไม่ได้นะคร้าบบบ
หรือถ้าใครใคร่ชอบกลิ่นคลอลีนเค้าก็มีอีกสระเป็นสระคลอลีนให้ได้ลงไปว่ายกันได้อีกสระด้วยล่ะ
kid's room ก็มีนะเอ้อออ
ฟิตเนสก็มีนะ
บริเวณที่จอดรถที่รีสอร์ทครับ จริงๆด้านหน้าก็มีด้วยนะติดริมถนนลืมถ่ายมา
จักรยานให้เช่าก็มีนะครับเป็นจักรยานล้อบิ๊ก แต่ดูจากอากาศล่ะ น่าจะไม่ไหวลำพังแค่เดินแสงแดดก็ดูดพลังงานจะหมดตัวล่ะ ขืนปั่นจักรยานด้วย พอดีอ่ะ พลังงานหมดหลอด
เดินออกมาด้านหน้ารีสอร์ทก็เจอชายหาดเลยครับ แต่ดูแล้วชายหาดไม่ค่อยน่าลงเท่าไหร่
พลังงานเริ่มหมด ต้องหาของกินแล้วล่ะครับ เดินไปเรื่อยเจอสิ่งนี้เข้า เขียนว่า foodcenter ชื่อตามตัวข้างในมีของกินแน่นอน ลุยยส์
เอาเข้าจริงกลางวันแบบนี้ของขายดันน้อย ไม่ค่อยมีร้านเปิด เดินไปเดินมา มาจบที่ร้าน shogun express ร้านมันคุ้นๆ เหมือนที่กรุงเทพก็มีไหมฟร่ะเนี่ย มาตั้งไกลถึงกระบี่ดันมานั่งกินของแบบนี้
เอาฟร่ะ กินไปก่อน นาทีนี้หลอดพลังงานเตือนตี๊ดๆล่ะ ต้องกินล่ะ รสชาติใช้ได้เลยทีเดียวโดยเฉพาะปลาหมึกชุปแป้งทอด
มื้อนี้หมดไป 300+ บาท โดยประมาณ
ด้านหน้ารีสอร์ทจะมีคอฟฟี่ช็อปของทางรีสอร์ทเอง พนักงานแอบกระซิบว่าไปเทรนกับดอยช้างโดยตรงเลยนะเออ...ชิมสิคร้าบบ รอไร
บรรยากาศในร้านก็ชิลๆดีครับเหมาะแก่การจิบกาแฟอย่างยิ่ง
สั่งเครื่องดื่มมาชิม ชาเขียวปั่น โกโก้ปั่น ลาเต้เย็น พร้อมสตรอเบอร์รี่ชีสบราวนี่เค้ก และพายแอปเปิ้ลอุ่นให้จากเตาร้อนๆรับรองอร่อยเหาะครับ
ขออนุญาตยกไปต่ออีกเม้นนึงนะครับ . . .
[CR] รีวิวครั้งแรกทะเลกระบี่ 11-14 เม.ย 59 กับ SRISUKSANT RESORT@อ่าวนาง
เริ่มเลยล่ะกัน โจทย์มีอยู่ว่า สงกรานต์ปีนี้มันช่างหยุดได้ยาวววซะเหลือเกิน ผมกับแฟนเลยเปิดประชุมหัวข้อ สงกรานต์นี้ทำยังไงดีให้ไม่ต้องนอนเน่าอยู่บ้าน ( ปกติแล้วไม่ออกไปเล่นสาดน้ำกับชาวบ้านอยู่แล้วอ่ะนะ แบบว่ามันรู้สึกว่าเลยวัยนั้นมาแล้วน่ะ ) และแน่นอนว่าการเที่ยวช่วงวันที่มันเป็นเทศกาลหยุดยาวๆนั้น ทุกอย่างมันจะแพงพีคกว่าปกติแน่นอน รวมทั้งต้องไปสู้รบกับมนุษย์รวมโลกอีกหลายๆชีวิตซะด้วย แต่ไม่เป็นไรถ้าเพื่อแลกมาซึ่งการที่ต้องไม่นอนเน่าอยู่บ้านเราจะสู้.!!!! \(*0*)/ ก็เลยเล็งว่าจะไปงานไทยเที่ยวไทยครั้งที่ 38 ( 3-6 มีนา 59 ) เพื่อหาที่เที่ยว
ถึงวันก็ไปและไปได้ทัวร์ของ ศรีสุขสันต์รีสอร์ทมา ของผมซื้อแพ๊ค สุขหรรษา C โดยจะได้ห้องพัก 2 คืน + อาหารเช้า 2 มื้อ + อาหารเที่ยง 1 มื้อ(อาหารเที่ยงจะเป็นมื้อของวันที่ 2 ที่ทางรีสอร์ทจะพาไปทัวร์เกาะน่ะครับ) + อาหารค่ำ 1 มื้อ(อันนี้ก็เป็นมื้อของวันที่ 2 ที่กลับมาจากทัวร์เกาะ) + ทัวร์เกาะพีพีโดยสปีดโบท + รถรับ-ส่งสนามบิน – รีสอร์ท ราคารวมคนล่ะ 3000.- บาทครับผม
โจทย์ต่อมา ตั๋วเครื่องบิน อันนี้บอกเลยว่ายุ่งยากส์ ที่สุดเนื่องจากราคาตั๋วเครื่องบินในช่วงเทศกาลนั้นราคาโหดอัดรัสเซียค๊อดๆ ไอ้เราหวังจะไปหาเอาในงาน ไทยเที่ยวไทยก็ไม่มี แน่นอนว่าช่วงเทศกาลนั้นจะไม่มีปล่อยตั่วราคาโปรเลย ผมเริ่มหาตั๋วเครื่องบินตั้งแต่ช่วงต้นเดือนมีนาหลังจากงานไทยเที่ยวไทย โดยหวังว่าจะได้ตั๋วราคาโปรในช่วงที่ต้องการเดินทางซะหน่อย ก็รอทั้งโปรของทางสายการบินเอง โปรของบัตร นู้น นี่ นั่นบลาๆ ก็ยังคงไม่มี รอโปรมาเรื่อยจนถึงช่วงสิ้นเดือนมีนา และฝันร้ายก็มาเยือน แม่เจ้า..!! ราคาตั๋วมันขึ้นมาจากเดิมเป็นพันเลยว้อยย ช่วงวันที่ 12 – 14 ตั๋วขาไปกระบี่ราคาเรียกได้ว่า 3000+ ทุกเจ้าเลยก็ว่าได้ ส่วนขากลับจากกระบี่ ช่วงวันที่ 15-17 ราคาโหดอัดรัสเซียเช่นกัน ผมเลยต้องพยายามมิกซ์วันเดินทาง ทั้งขาไปและกลับให้ได้ราคาตั๋วเครื่องบิน ที่เซฟที่สุดเท่าที่จะทำได้
( รู้งี้ม่ะน่ารอราคาตั่วโปรเลยกรู T..T )
ผลที่ได้คือ
- ได้วันเดินทางขาไปกระบี่ วันที่ 11 เป็นวันที่ตั๋วราคาโอเคสุดแล้ว ได้กับ Thai Airways คนล่ะ 1,900+ บาท (2คนรวม 3800+)
- ได้วันเดินทางขากลับจากกระบี่ วันที่ 14 อันนี้ฟลุ๊คมากได้ตั๋วราคาโปรโมชั่นของ Nok Air คนล่ะ 900+ บาท (2คนรวม 1800+)
ไม่รู้ราคาตั๋วที่ได้มาทั้งหมดนั้นแพงไปรึป่าวอ่ะนะครับ แต่พยายามหาที่ถูกที่สุดแล้วได้มาแค่นั้นจริงๆ บอกเลยว่า นีเป็นการบินครั้งแรกของผมซะด้วยสิ
มีอีกนิดนึง เนื่องจากว่า แพ๊คของทางรีสอร์ทที่เราจะเข้าพักนั้น เป็นการเข้าพักวันที่ 12-14 แต่ตั๋วบินราคาถูกที่ผมได้มานั้นเป็นตั๋วเดินทางไปวันที่ 11 สิ่งนี้เลยเป็นอีกโจทย์ที่ต้องแก้ นั้นคือผมเลยต้องหาที่พักในตัวเมืองกระบี่ก่อน 1 คืน คือคืนวันที่ 11 ที่ต้องทำแบบนั้นเพราะราคาตั่วเครื่องบินช่วงเย็นของวันที่ 11 นั้นถูกสุดแล้วที่หาได้ กลับกันถ้าคิดว่าจะซื้อตั่วช่วงเช้าของวันที่ 12 แน่นอนว่าราคามันโหดอัดรัสเซียซึ่งถ้าลองเอาราคาตั่วบินช่วงเย็นวันที่ 11 รวมกับค่าห้องพักตัวเมือง 1 คืน ยังถูกกว่าราคาตั๋วช่วงเช้าของวันที่ 12 เสียอีกด้วยซ้ำ (ประหยัดได้เป็นพันเลยน้ออ)
ทั้งหมดทั้งมวลนั้นจึงสรุปได้ตามที่กล่าวไป เป็นอันว่าทุกอย่างพร้อมม จากนั้นก็นั่งนับวันรอวันเดินทางงง . . . . . . . . . .
=======[ 11/04/59 เวลา 16.00 ]======
พร้อม.!! ที่สนามบินสุวรรณภูมิ เช็คอินเรียบร้อย ขึ้นเครื่องเรียบร้อย รอเครื่อง take off ตื่นเต้นสุดๆ นั่งเครื่องบินครั้งแรก d(*0*)b
และเครื่องก็ขึ้น ฟิ้ววววววว บนท้องฟ้านี้มันสวยงามจริงๆ เสียดายเลือกที่นั่งผิดฝั่ง จริงๆ เลือกไม่ทันมากกว่าอีกฝั่งนึงเต็มหมดเลยได้วิวย้อนแสงอาทิตย์ ถ่ายรูปลำบากแท้
เวลาผ่านไปพระอาทิตย์เริ่มตก ได้แสงอีกแบบนึง เออแหะสวยไปอีกแบบ ชอบเมฆปุยๆ สวยดี
=======[ 11/04/59 เวลา 18.30 ]======
ตุ๊งตุ่งงง เสียงสัญญาณให้รัดเข็มขัดดังขึ้น เครื่องกำลังลดระดับการบินลง นั้นเพราะมาถึงแล้วกระบี่ ตื่นเต้นอีกแล้ว เพราะนั่งเครื่องบินครั้งแรก ตอนเครื่อง landing มันจะน่ากลัวขนาดไหนหว่า (*/.\*)
ลงพื้นอย่างปลอดภัย ทีนี้ก็รอคนมารับ (นิดนึงตรงนี้สำหรับคนที่ยังไม่เคยนั่งเครื่องไปลงกระบี่นะครับ จากสนามบินเข้าเมืองกระบี่ต้องนั่งรถประมาณ 10 นาทีได้นะครับก็ไม่ถึงกับไกลมากแต่ก็ไม่ถึงกับเดินมาเองได้ยังไงก็ต้องนั่งรถอะไรซักอย่างเพื่อเข้าเมือง ส่วนอ่าวนางนั้น จะอยู่เลยจากเมืองออกไปอีก ระยะทางก็พอๆกับ นั่งรถจากสนามบินเข้ามาเมืองนั้นล่ะครับ อ้างอิงตามแผนที่กลูเกิลที่ลงมาให้ดูเลยครับ)
- วงกลมแดงคือสนามบิน
- วงกลมเหลืองคือตัวเมือง
- วงกลมเขียวคืออ่าวนาง
ในส่วนของ จขกท. นั้นโชคดีที่พอมีพี่ที่รู้จักบ้านพี่เค้าอยู่แถวสนามบินพอดี แกเลยอาสาเป็นธุระมารับจากสนามบินไปส่งในตัวเมืองให้ (รบกวนพี่แกเลยจริงๆ) ขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วยคร้าบ (*/l\*)
อย่างที่บอกว่าเราต้องพักในตัวเมืองก่อน 1 คืนเพราะว่ามีเช็คอินที่รีสอร์ทศรีสุขสันต์วันที่ 12 เพราะฉะนั้นคืนวันที่ 11 เลยต้องขอมาซุกหัวนอนที่นี่
"ไทยรดา บูทีค"
โรงแรมตกแต่งดูดีในระดับนึงเลยนะครับ เหมือนพึ่งสร้างใหม่ได้ไม่นาน
คืนนี้ก็เลยลงเอ่ยที่นี่ zZZzzZZzzzzZ
=======[ 12/04/59 เวลา 08.30 ]======
เช้าวันที่ 12 ตื่นมารับอากาศเช้า กาแฟซักแก้ว เก็บของนัดแนะและรอรถของทางรีสอร์ทศรีสุขสันต์มารับครับ
ในที่สุด....รถมาแล้ววว มาเป็นรถตู้ ไม่มีผู้สารท่านอื่นติดมาเลย ในส่วนนี้ดูโอเคมากสำหรับผมเพราะที่คิดไว้คืออาจจะต้องนั่งเบียดเสียดกับนักท่องเที่ยวคนอื่นๆซะอีก ไอ้เรามันตัวใหญ่รถตู้นี่ถ้าเลี่ยงได้จะเลี่ยงเลยล่ะไม่อยากนั่ง พี่คนขับบอกว่าอันนี้เป็นบริการของทางรีสอร์ทที่ตั้งใจทำอยู่แล้วคือ รถ 1 คันจะมีแค่ลูกค้า 1 เจ้าเท่านั้น ง่ายๆคือจะมีแค่กรุ๊ปของเรา เราจะไม่ได้ไปเบียดกับกรุ๊ปนักท่องเที่ยวอื่นๆ ถือว่าเป็นสิทธิส่วนตัวของลูกค้าไปเลย 1 คัน อันนี้ชอบมากครับ ว่าแล้วก็เดินทางโลดดด อ่าวนาง เล็ทซะโก
พอนั่งเม้าท์มอยกับพี่คนขับไปสักพักก็ถึงแล้ว " ศรีสุขสันต์ รีสอร์ททท"
เช็คอินเรียบร้อย จะมีเวลคัมดริ้ง น้ำใบเตยหอมๆ อากาศร้อนๆ ชื่นใจเลยทีเดียว พนักงานที่นี่บริการดีครับ ยิ้มแย้มต้อนรับดี เช็คอินเสร็จจะมีพนักงานขนกระเป๋าเราเดินนำพาไปที่ห้องพักครับ พร้อมทั้งไกด์สถานที่ห้องต่างๆ ระหว่างทางไปด้วย
ระหว่างทางสังเกตุเห็นป้ายนี้ น่าสนใจ นอกจากห้ามสูบบุหรี่แล้ว ยังห้ามนำ ดุเรี่ยน(ทุเรียน อ่านออกเสียงตามภาษาปะกิต -*-) ขึ้นมากินบนห้องด้วยนะเอ้ออ เห็นว่ากลิ่นมันแรงติดห้องมาก เคยมีลูกค้าเอามากิน กลิ่นติดห้องไปสามวัน ก็น่าจริงอะนะ -*-
ทางเดินในตัวอาคารครับ รีสอร์ทที่นี่มี 3 ตึกครับ ตึก A B C ตึก A มี 4ชั้น มีลิฟท์ด้วยนะเอ้ออ ตึก B C มี 3ชั้น ไม่มีลิฟท์ แต่จะมีทางเชื่อมถึงกันที่ชั้น 3 ห้อง จขกท. อยู่ตึก B ชั้น 3 เดินขึ้นบันไดกันกล้ามขาขึ้นเลยทีเดียว
บรรยากาศภายในห้องครับ ห้องดูดีในระดับนึงเลยครับ ห้องแอร์ ติดพัดลมเพดานเปิดกันให้ปอดบวมไปเลย ข้าวของเครื่องใช้ก็ค่อนข้างครบครัน ตู้เย็น ไดร์เป่าผม เสื้อคลุมว่ายน้ำ รองเท้าแตะสองคู่ กระเป๋าหิ้วใส่ของไปใช้ข้างนอก ร่มกันแดดสองคัน และอื่นๆบลาๆ
อันนี้สะดุดตาสุดครับ แชมพู กับครีมอาบน้ำ พึ่งเคยไปเที่ยวพักโรงแรม รีสอร์ทและเจอที่เค้าให้ไอ้สองสิ่งนี้มาขวดใหญ่ๆขนาดนี้ ปกติเจอแต่ขวดเล็กๆแบบใช้ทีเดียวทิ้งอ่ะ -*-
เก็บของเรียบร้อยก็เริ่มสำรวจรีสอร์ทกันดีกว่า ลุยโลดด
นี้เป็นสระน้ำของรีสอร์ทครับ สระนี้น่าเล่นที่สุดเป็นระบบสระน้ำเกลือด้วยน้อออ ไม่เหม็นคลอลีนเลยล่ะ ไฮไลท์มันคือพลูบาร์นี้ล่ะครับ
ใครจะลงต้องสวมชุดว่ายน้ำลงน้อ บ็อกเซอร์ เจเจ เสื้อกล้ามไม่ได้นะคร้าบบบ
หรือถ้าใครใคร่ชอบกลิ่นคลอลีนเค้าก็มีอีกสระเป็นสระคลอลีนให้ได้ลงไปว่ายกันได้อีกสระด้วยล่ะ
kid's room ก็มีนะเอ้อออ
ฟิตเนสก็มีนะ
บริเวณที่จอดรถที่รีสอร์ทครับ จริงๆด้านหน้าก็มีด้วยนะติดริมถนนลืมถ่ายมา
จักรยานให้เช่าก็มีนะครับเป็นจักรยานล้อบิ๊ก แต่ดูจากอากาศล่ะ น่าจะไม่ไหวลำพังแค่เดินแสงแดดก็ดูดพลังงานจะหมดตัวล่ะ ขืนปั่นจักรยานด้วย พอดีอ่ะ พลังงานหมดหลอด
เดินออกมาด้านหน้ารีสอร์ทก็เจอชายหาดเลยครับ แต่ดูแล้วชายหาดไม่ค่อยน่าลงเท่าไหร่
พลังงานเริ่มหมด ต้องหาของกินแล้วล่ะครับ เดินไปเรื่อยเจอสิ่งนี้เข้า เขียนว่า foodcenter ชื่อตามตัวข้างในมีของกินแน่นอน ลุยยส์
เอาเข้าจริงกลางวันแบบนี้ของขายดันน้อย ไม่ค่อยมีร้านเปิด เดินไปเดินมา มาจบที่ร้าน shogun express ร้านมันคุ้นๆ เหมือนที่กรุงเทพก็มีไหมฟร่ะเนี่ย มาตั้งไกลถึงกระบี่ดันมานั่งกินของแบบนี้
เอาฟร่ะ กินไปก่อน นาทีนี้หลอดพลังงานเตือนตี๊ดๆล่ะ ต้องกินล่ะ รสชาติใช้ได้เลยทีเดียวโดยเฉพาะปลาหมึกชุปแป้งทอด
มื้อนี้หมดไป 300+ บาท โดยประมาณ
ด้านหน้ารีสอร์ทจะมีคอฟฟี่ช็อปของทางรีสอร์ทเอง พนักงานแอบกระซิบว่าไปเทรนกับดอยช้างโดยตรงเลยนะเออ...ชิมสิคร้าบบ รอไร
บรรยากาศในร้านก็ชิลๆดีครับเหมาะแก่การจิบกาแฟอย่างยิ่ง
สั่งเครื่องดื่มมาชิม ชาเขียวปั่น โกโก้ปั่น ลาเต้เย็น พร้อมสตรอเบอร์รี่ชีสบราวนี่เค้ก และพายแอปเปิ้ลอุ่นให้จากเตาร้อนๆรับรองอร่อยเหาะครับ
ขออนุญาตยกไปต่ออีกเม้นนึงนะครับ . . .
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น