รีวิวนี้เราจะพาไปเที่ยวกระบี่หน้าฝนกันค่ะ
ถ้าไม่มาด้วยตัวเองก็ไม่รู้จริงๆนะว่า... ทะเลกระบี่ Green Season มันว้าวมากขนาดนี้!
ทริป 3 วัน 2 คืนที่กระบี่ครั้งแรกของเรา ในเดือนกรกฎาคม 2017 ที่ผ่านมา
เราพักที่ "
บียอนรีสอร์ทกระบี่ "
รีสอร์ทที่หลายคนอาจคุ้นหู หรือคุ้นตามาจากละครเพียงชายคนนี้ไม่ใช่ผู้วิเศษ
พระเอกนางเอกคือ เจมส์ มาร์ และ คิมเบอร์ลี่ นั่นเอง
ที่มีดีที่ วิวสวย บรรยากาศดี สระว่ายน้ำอลังการ แต่ราคาไม่แรงมาก
เริ่มที่คืนละ 2,000 กว่าบาทเท่านั้นเอง
สำหรับใครที่ไม่อยากไปเบียดกับคนอื่นตามชายหาดในช่วงฤดูร้อน
แย่งซื้อตั๋วเครื่องบินหรือไม่อยากจ่ายแพงในช่วงไฮซีซั่น
เราจะพาไปเที่ยวกระบี่ในช่วงหน้าฝน ที่สามารถสนุกได้ไม่แพ้กัน
แถมยังสามารถจองตั๋วเครื่องบินราคาถูกได้อีกด้วย
ตามไปพักผ่อน ไปชาร์จพลัง ให้เต็มแม็กซ์ กันนะคะ
กดดูคลิปสั้นๆกันก่อนได้ จากด้านล่างเลยจ้า
ก่อนเริ่มรีวิว ขอเกริ่นก่อนนิดนึงเนาะ
บียอน รีสอร์ท กระบี่ เป็นหนึ่งในโรงแรมเครือ กะตะกรุ๊ป รีสอร์ท ประเทศไทย (Kata Group Resorts) โรงแรมในเครือนี้เช่น กะตะบีช รีสอร์ทแอนด์สปา จังหวัดภูเก็ต, ภูเก็ต ออร์คิด รีสอร์ทแอนด์สปา, บียอน รีสอร์ท กระบี่, บียอนด์ รีสอร์ท กะรน จังหวัดภูเก็ต และ บียอน รีสอร์ท เขาหลัก จังหวัดพังงา
บียอน รีสอร์ท กระบี่ ตั้งอยู่บนหาดคลองม่วง ห่างจากสนามบินนานาชาติกระบี่ประมาณ 38 กิโลเมตร หรือประมาณ 30 นาที โอบล้อมด้วยบรรยากาศสุดประทับใจของหาดทรายขาวละเอียด และทิวทัศน์ของหมู่เกาะต่างๆ ในทะเลอันดามัน
ลูกค้าส่วนมากก็เป็นชาวต่างชาติ ที่ต้องการมาพักผ่อนจริงๆ
เพราะที่นี่ เงียบ สงบ ธรรมชาติ ไม่วุ่นวายเหมือนหาดอ่าวนาง ที่สำคัญน้ำใส สวยกว่าอย่างเห็นได้ชัด
ที่นี่เค้าโดดเด่นด้วยการออกแบบตึก และสถาปัตยกรรม เน้นเส้นสาย รูปทรง และสีสันของอาคาร สะท้อนถึงบรรยากาศโลกใต้ท้องทะเล และผสมผสานความทันสมัยได้อย่างลงตัว โดนใจคนชอบถ่ายรูปอย่างเรามาก
หลังจากลงรถเราจะพบกับล็อบบี้ชั้นบนสุด ต้อนรับการมาถึงของเราด้วยวิวทะเลแบบ 180 องศา ด้วยความที่ล้อบบี้อยู่ชั้น 5 ทำให้เราสัมผัสวิวทะเลแบบพาโนรามาจากมุมสูง โดยไม่มีอาคารห้องพักมาบดบังทัศนียภาพให้เสียอรรถรส เรียกได้ว่าประทับใจตั้งแต่ก้าวแรกที่มาถึงเลยทีเดียว
ระหว่างรอเช็คอินก็ใช้ผ้าเย็นลูบตัวลูบหน้า จิบ Welcome Drink เรียกความสดชื่นกันไปก่อน ซึ่งหอมตะไคร้มากเลยจ้า แล้วดูวิวสิ... อื้อหือ... ขนาดนี้เราไปเดือนกรฎาฯนะคะ ฟ้าใสมากมายจ้า
ที่นี่มีห้องทั้งหมด 195 ห้อง 7 แบบให้เลือกกัน ได้แก่ คอทเทจรูม, ซูพีเรียรูม, ดีลักซ์ซีวิวรูม โดดเด่นด้วยวิวทะเล (เราพักห้องนี้), แกรนด์ซีวิวสวีท พร้อมระเบียงส่วนตัวขนาดใหญ่, วิลล่ารูม กับดีไซน์ที่ให้สัมผัสเป็นธรรมชาติ, วิลล่าซีวิวรูม ซึ่งแขกสามารถชมวิวท้องทะเลได้อย่างเต็มตา, และ วิลล่าปมุคคาเล่ ที่ทั้งรีสอร์ทมีแค่ห้องเดียวเท่านั้น พร้อมสระว่ายน้ำส่วนตัวให้คุณสัมผัสกับท้องทะเลสีครามแบบเอ็กซคลูซีฟ น่าเสียดายที่ช่วงที่เราไป โรงแรม Occupancy สูง เลยไม่ได้เก็บภาพห้องอื่นๆมาให้ดูกัน
ครั้งนี้เราพักกันที่ห้อง
ดีลักซ์ซีวิวรูม ที่ชั้น 4 ได้ห้อง 1412 ทางโรงแรมมีทั้งห้องแบบเตียง King และเตียง Twin เราได้เป็นเตียง King ค่ะ และด้านข้างก็มี Sofa Bed ไว้นั่งเล่นได้ด้วย
จุดเด่นของห้องนี้คือสามารถนองมองวิวทะเลได้จากบนเตียงแบบนี้เลย! เสียดายที่ไม่ได้หันเตียงไปทางวิวโดยตรง อาจจะต้องมีความนอนตะแคงนิดนึงถึงจะเห็นวิวเต็มๆน๊า
มาดูในส่วนของห้องน้ำกันบ้าง มีอุปกรณ์ต่างๆไว้ให้พร้อม ไม่ว่าจะเป็น สบู่ แชมพู ครีมนวดผม โลชั่น ครีมอาบน้ำ หมวกคลุมผม ผ้าเช็ดตัว ผ้าเช็ดหน้า ยกเว้นยาสีฟัน แปรงสีฟัน ต้องเตรียมไปเองนะคะ ส่วนที่อาบน้ำเป็นแบบฝักบัว ปรับเป็นน้ำอุ่นได้ และมีสายชำระตรงโถสุขภัณฑ์ด้วยน้า
ด้านในตู้เสื้อผ้า มีร่ม ตู้เซฟ ชุดคลุมอาบน้ำ ผ้าเช็ดตัวสำหรับเอาไปใช้ที่สระ รองเท้าสลิปเปอร์ และร้องเท้าแตะสำหรับใส่ไปที่หาด แล้วยังมี Beach Bag ไว้ให้ใบนึง เอาไว้ให้ยืมใส่ของเล็กๆน้อยๆตอนไปเล่นน้ำที่สระได้เลยจ้า
น้ำเปล่า ชากาแฟ ดื่มฟรี ส่วนน้ำอัดลมและเบียร์ที่อยู่ในตู้เย็น (มินิบาร์) เสียเงินนะจ๊ะ
เฮ้ออออ พอเวลาเจอเตียงนุ่ม หมอนนุ่ม ผ้าห่มนุ่มแบบนี้ ก็ไม่อยากจะลุกไปไหนกันเลยจ้า วันแรกเราเลยเลือกพักผ่อนอยู่ที่โรงแรม ไม่ออกไปไหนกันเลยล่ะค่ะ
พื้นที่ภายนอกอย่างสระว่ายน้ำ ก็ได้รับการดีไซน์เป็นทรงโค้งฟรีฟอร์ม สะท้อนรับกับทรงของหลังคาล็อบบี้ราวกับเกลียวคลื่นในท้องทะเลที่มีการเคลื่อนไหวและมอบความสดชื่นผ่อนคลายให้แก่ผู้เข้าพักตลอดเวลา มีการนำวัสดุธรรมชาติในท้องถิ่น เช่น ไม้ไผ่ เชือกมนิลา และงานหัตถกรรมพื้นบ้านมาใช้ในการตกแต่งด้วย
มีมุมจากุชชี่ ให้นั่งแช่น้ำชิลๆด้วยนะ
บริเวณรอบสระ มีเตียงผ้าใบวางอยู่เยอะมาก ไม่ต้องกลัวเลยว่าที่นั่งจะไม่พอ นั่งชิลใต้ร่มไม้ไป ชมวิวไป หรือจะจิบเบาๆ ทานอาหารเบาๆไปด้วยก็เยี่ยมเลยนะ
เราลองสั่ง Snack มาทานกัน 1 จาน คือนี่ Fried Calamari หรือง่ายๆคือปลาหมึกชุบแป้งทอดนั่นเอง ซึ่งก็ไม่ผิดหวังเลยจริงๆจ้าสำหรับเมนูนี้ ไม่ได้อวยนะ แต่อร่อยถูกปากเราจริงๆ เค้าทอดมากรอบกำลังดี และเสิร์ฟมากับสลัด และซอสรสชาติกลมกล่อม ถ้าจะมีติ ก็มีอย่างเดียวคือ... อยากให้เสิร์ฟมาเยอะกว่านี้จัง! กินแป้บเดียวหมดแล้วอ่า แฮร่!!
Signature Cocktails ของที่นี่ก็น่าลองนะคะ เพราะว่าตอนเราไปเค้ามีโปรที่คุ้มค่ามาก คือ
"Happy Hour เครื่องดื่มลด 50% ตั้งแต่ 15:30 - 17:30 น. (ยกเว้นไวน์, Sparkling Wine, และแชมเปญ)" เรียกได้ว่าห้ามพลาด! สำหรับค้อกเทลคือรสชาติดีกลมกล่อม แต่แอลกอฮอล์อ่อนไปนิดนึง
บริเวณหาดหน้าโรงแรม สะอาดมาก และน้ำทะเลไล่ระดับสีฟ้าและสีเขียว turquoise
ในเวลาที่น้ำทะเลลดระดับ จะเกิดทางเดินเล็กๆ เชื่อมจากชายหาดหน้ารีสอร์ทไปยังเกาะกวาง ซึ่งเป็นเกาะขนาดเล็กที่สวยงามใกล้ๆ สามารถเดินเที่ยวเล่นได้
พักมือสักครู่ เดี๋ยวมาต่อนะคะ ^^
หรือแวะไปติดตามรูปแบบเรียลไทม์ อัพเดทสดใหม่ตลอด ได้ที่
https://www.facebook.com/bestiewanderer/
[SR] รีวิว Beyond Resort Krabi (บียอนด์ รีสอร์ท กระบี่) เที่ยวกระบี่ Green Season มันว้าวมาก!
ถ้าไม่มาด้วยตัวเองก็ไม่รู้จริงๆนะว่า... ทะเลกระบี่ Green Season มันว้าวมากขนาดนี้!
ทริป 3 วัน 2 คืนที่กระบี่ครั้งแรกของเรา ในเดือนกรกฎาคม 2017 ที่ผ่านมา
เราพักที่ " บียอนรีสอร์ทกระบี่ "
รีสอร์ทที่หลายคนอาจคุ้นหู หรือคุ้นตามาจากละครเพียงชายคนนี้ไม่ใช่ผู้วิเศษ
พระเอกนางเอกคือ เจมส์ มาร์ และ คิมเบอร์ลี่ นั่นเอง
ที่มีดีที่ วิวสวย บรรยากาศดี สระว่ายน้ำอลังการ แต่ราคาไม่แรงมาก
เริ่มที่คืนละ 2,000 กว่าบาทเท่านั้นเอง
สำหรับใครที่ไม่อยากไปเบียดกับคนอื่นตามชายหาดในช่วงฤดูร้อน
แย่งซื้อตั๋วเครื่องบินหรือไม่อยากจ่ายแพงในช่วงไฮซีซั่น
เราจะพาไปเที่ยวกระบี่ในช่วงหน้าฝน ที่สามารถสนุกได้ไม่แพ้กัน
แถมยังสามารถจองตั๋วเครื่องบินราคาถูกได้อีกด้วย
ตามไปพักผ่อน ไปชาร์จพลัง ให้เต็มแม็กซ์ กันนะคะ
กดดูคลิปสั้นๆกันก่อนได้ จากด้านล่างเลยจ้า
ก่อนเริ่มรีวิว ขอเกริ่นก่อนนิดนึงเนาะ บียอน รีสอร์ท กระบี่ เป็นหนึ่งในโรงแรมเครือ กะตะกรุ๊ป รีสอร์ท ประเทศไทย (Kata Group Resorts) โรงแรมในเครือนี้เช่น กะตะบีช รีสอร์ทแอนด์สปา จังหวัดภูเก็ต, ภูเก็ต ออร์คิด รีสอร์ทแอนด์สปา, บียอน รีสอร์ท กระบี่, บียอนด์ รีสอร์ท กะรน จังหวัดภูเก็ต และ บียอน รีสอร์ท เขาหลัก จังหวัดพังงา
บียอน รีสอร์ท กระบี่ ตั้งอยู่บนหาดคลองม่วง ห่างจากสนามบินนานาชาติกระบี่ประมาณ 38 กิโลเมตร หรือประมาณ 30 นาที โอบล้อมด้วยบรรยากาศสุดประทับใจของหาดทรายขาวละเอียด และทิวทัศน์ของหมู่เกาะต่างๆ ในทะเลอันดามัน
ลูกค้าส่วนมากก็เป็นชาวต่างชาติ ที่ต้องการมาพักผ่อนจริงๆ
เพราะที่นี่ เงียบ สงบ ธรรมชาติ ไม่วุ่นวายเหมือนหาดอ่าวนาง ที่สำคัญน้ำใส สวยกว่าอย่างเห็นได้ชัด
ที่นี่เค้าโดดเด่นด้วยการออกแบบตึก และสถาปัตยกรรม เน้นเส้นสาย รูปทรง และสีสันของอาคาร สะท้อนถึงบรรยากาศโลกใต้ท้องทะเล และผสมผสานความทันสมัยได้อย่างลงตัว โดนใจคนชอบถ่ายรูปอย่างเรามาก
หลังจากลงรถเราจะพบกับล็อบบี้ชั้นบนสุด ต้อนรับการมาถึงของเราด้วยวิวทะเลแบบ 180 องศา ด้วยความที่ล้อบบี้อยู่ชั้น 5 ทำให้เราสัมผัสวิวทะเลแบบพาโนรามาจากมุมสูง โดยไม่มีอาคารห้องพักมาบดบังทัศนียภาพให้เสียอรรถรส เรียกได้ว่าประทับใจตั้งแต่ก้าวแรกที่มาถึงเลยทีเดียว
ระหว่างรอเช็คอินก็ใช้ผ้าเย็นลูบตัวลูบหน้า จิบ Welcome Drink เรียกความสดชื่นกันไปก่อน ซึ่งหอมตะไคร้มากเลยจ้า แล้วดูวิวสิ... อื้อหือ... ขนาดนี้เราไปเดือนกรฎาฯนะคะ ฟ้าใสมากมายจ้า
ที่นี่มีห้องทั้งหมด 195 ห้อง 7 แบบให้เลือกกัน ได้แก่ คอทเทจรูม, ซูพีเรียรูม, ดีลักซ์ซีวิวรูม โดดเด่นด้วยวิวทะเล (เราพักห้องนี้), แกรนด์ซีวิวสวีท พร้อมระเบียงส่วนตัวขนาดใหญ่, วิลล่ารูม กับดีไซน์ที่ให้สัมผัสเป็นธรรมชาติ, วิลล่าซีวิวรูม ซึ่งแขกสามารถชมวิวท้องทะเลได้อย่างเต็มตา, และ วิลล่าปมุคคาเล่ ที่ทั้งรีสอร์ทมีแค่ห้องเดียวเท่านั้น พร้อมสระว่ายน้ำส่วนตัวให้คุณสัมผัสกับท้องทะเลสีครามแบบเอ็กซคลูซีฟ น่าเสียดายที่ช่วงที่เราไป โรงแรม Occupancy สูง เลยไม่ได้เก็บภาพห้องอื่นๆมาให้ดูกัน
ครั้งนี้เราพักกันที่ห้อง ดีลักซ์ซีวิวรูม ที่ชั้น 4 ได้ห้อง 1412 ทางโรงแรมมีทั้งห้องแบบเตียง King และเตียง Twin เราได้เป็นเตียง King ค่ะ และด้านข้างก็มี Sofa Bed ไว้นั่งเล่นได้ด้วย
จุดเด่นของห้องนี้คือสามารถนองมองวิวทะเลได้จากบนเตียงแบบนี้เลย! เสียดายที่ไม่ได้หันเตียงไปทางวิวโดยตรง อาจจะต้องมีความนอนตะแคงนิดนึงถึงจะเห็นวิวเต็มๆน๊า
มาดูในส่วนของห้องน้ำกันบ้าง มีอุปกรณ์ต่างๆไว้ให้พร้อม ไม่ว่าจะเป็น สบู่ แชมพู ครีมนวดผม โลชั่น ครีมอาบน้ำ หมวกคลุมผม ผ้าเช็ดตัว ผ้าเช็ดหน้า ยกเว้นยาสีฟัน แปรงสีฟัน ต้องเตรียมไปเองนะคะ ส่วนที่อาบน้ำเป็นแบบฝักบัว ปรับเป็นน้ำอุ่นได้ และมีสายชำระตรงโถสุขภัณฑ์ด้วยน้า
ด้านในตู้เสื้อผ้า มีร่ม ตู้เซฟ ชุดคลุมอาบน้ำ ผ้าเช็ดตัวสำหรับเอาไปใช้ที่สระ รองเท้าสลิปเปอร์ และร้องเท้าแตะสำหรับใส่ไปที่หาด แล้วยังมี Beach Bag ไว้ให้ใบนึง เอาไว้ให้ยืมใส่ของเล็กๆน้อยๆตอนไปเล่นน้ำที่สระได้เลยจ้า
น้ำเปล่า ชากาแฟ ดื่มฟรี ส่วนน้ำอัดลมและเบียร์ที่อยู่ในตู้เย็น (มินิบาร์) เสียเงินนะจ๊ะ
เฮ้ออออ พอเวลาเจอเตียงนุ่ม หมอนนุ่ม ผ้าห่มนุ่มแบบนี้ ก็ไม่อยากจะลุกไปไหนกันเลยจ้า วันแรกเราเลยเลือกพักผ่อนอยู่ที่โรงแรม ไม่ออกไปไหนกันเลยล่ะค่ะ
พื้นที่ภายนอกอย่างสระว่ายน้ำ ก็ได้รับการดีไซน์เป็นทรงโค้งฟรีฟอร์ม สะท้อนรับกับทรงของหลังคาล็อบบี้ราวกับเกลียวคลื่นในท้องทะเลที่มีการเคลื่อนไหวและมอบความสดชื่นผ่อนคลายให้แก่ผู้เข้าพักตลอดเวลา มีการนำวัสดุธรรมชาติในท้องถิ่น เช่น ไม้ไผ่ เชือกมนิลา และงานหัตถกรรมพื้นบ้านมาใช้ในการตกแต่งด้วย
มีมุมจากุชชี่ ให้นั่งแช่น้ำชิลๆด้วยนะ
บริเวณรอบสระ มีเตียงผ้าใบวางอยู่เยอะมาก ไม่ต้องกลัวเลยว่าที่นั่งจะไม่พอ นั่งชิลใต้ร่มไม้ไป ชมวิวไป หรือจะจิบเบาๆ ทานอาหารเบาๆไปด้วยก็เยี่ยมเลยนะ
เราลองสั่ง Snack มาทานกัน 1 จาน คือนี่ Fried Calamari หรือง่ายๆคือปลาหมึกชุบแป้งทอดนั่นเอง ซึ่งก็ไม่ผิดหวังเลยจริงๆจ้าสำหรับเมนูนี้ ไม่ได้อวยนะ แต่อร่อยถูกปากเราจริงๆ เค้าทอดมากรอบกำลังดี และเสิร์ฟมากับสลัด และซอสรสชาติกลมกล่อม ถ้าจะมีติ ก็มีอย่างเดียวคือ... อยากให้เสิร์ฟมาเยอะกว่านี้จัง! กินแป้บเดียวหมดแล้วอ่า แฮร่!!
Signature Cocktails ของที่นี่ก็น่าลองนะคะ เพราะว่าตอนเราไปเค้ามีโปรที่คุ้มค่ามาก คือ "Happy Hour เครื่องดื่มลด 50% ตั้งแต่ 15:30 - 17:30 น. (ยกเว้นไวน์, Sparkling Wine, และแชมเปญ)" เรียกได้ว่าห้ามพลาด! สำหรับค้อกเทลคือรสชาติดีกลมกล่อม แต่แอลกอฮอล์อ่อนไปนิดนึง
บริเวณหาดหน้าโรงแรม สะอาดมาก และน้ำทะเลไล่ระดับสีฟ้าและสีเขียว turquoise
ในเวลาที่น้ำทะเลลดระดับ จะเกิดทางเดินเล็กๆ เชื่อมจากชายหาดหน้ารีสอร์ทไปยังเกาะกวาง ซึ่งเป็นเกาะขนาดเล็กที่สวยงามใกล้ๆ สามารถเดินเที่ยวเล่นได้
พักมือสักครู่ เดี๋ยวมาต่อนะคะ ^^
หรือแวะไปติดตามรูปแบบเรียลไทม์ อัพเดทสดใหม่ตลอด ได้ที่ https://www.facebook.com/bestiewanderer/
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น