ทำไมคนถึงศรัทธาวัตถุมงคลมากกว่าหลักพระธรรมคำสอนครับ?

ตอนนี้ผมเพิ่งอายุ 18 ปี ครับ
ที่บ้านค่อนข้างเป็นคนชอบทำบุญ ไหว้พระ ปฎิบัติธรรมครับ
ในช่วงสงกรานต์ก็ได้มีโอกาสได้ไปทำบุญครับ
ที่วัดแห่งหนึ่งครับ ที่บ้านผมเขาจะทำบุญที่นี่ทุกปีครับ
ไปตอนเย็นแล้วก็นอนที่วัดหนึ่งคืนครับ
เพราะอีกวันหนึ่งมีงานทำบุญทอดผ้าป่าเป็นประจำทุกๆปี
ตอนเย็นก็มีสวดมนตร์เย็นหรือทำวัตรเย็นครับ
ผมก็ได้ไปทำด้วยครับ  ที่นี่บทสวดมนตร์จะแปลด้วยครับ
คือแปลภาษาบาลีเป็นไทยครับ ก็ทำให้ผมทราบถึงหลักธรรม
คำสอน คำบูชาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ การไม่ยึดติดอะไรต่างๆ
ทรัพย์สมบัติ ร่างกาย ฯลฯ จากที่ปกติผมท่องแค่ภาษาบาลีแล้วก็ไม่รู้
ความหมายของภาษาบาลี ก็จากข้างต้นก็ทำให้ผมซึมซับพระธรรมได้
ค่อนข้างมากเลยทีเดียวทำให้ได้คิดได้เห็นอะไรหลายอย่างเลยครับ
วันแรกก็จบลงไปด้วยดีครับ

วันถัดมาก็มีงานบุญทอดผ้าป่าครับ ผมก็มีโอกาสได้ร่วมงานตั้งแต่เช้า
เพราะอยู่ที่วัดเลยตื่นเช้าครับ ก็มีทำบุญตักบาตรปกติธรรมดาๆ
แบบที่เราใส่ตอนเช้าอยู่บ้านมีพระสงฆ์เดินผ่านหน้าบ้านแบบนั้นครับ
ก็ที่วัดเวลามีทำบุญทอดผ้าป่า ทอดกฐิน ก็จะมีโรงทาน คือเป็นร้านค้า
มาแจกของกินอาหาร แก่ผู้ที่มาทำบุญที่วัด ฟรีไม่เสียเงินใดๆ
ก็เลยไม่ต้องออกไปหาซื้อกินเองครับ

ก็งานทำบุญมีชาวบ้านมาทำบุญมากมายจากทั้งใกล้และไกลวัด
มาร่วมทอดผ้าป่า  พิธีทอดผ้าป่ามีประมานเที่ยงๆ
ระหว่างรอเวลาชาวบ้านก็เดินหาอาหารกินรอเวลาทอดผ้าป่า
ประกอบกับอากาศค่อนข้างร้อนมากๆ ก็มืนั่งกับเต็มศาลา
พอใกล้เวลาชาวบ้านก็มานั่งกัน พอถึงเวลาทอดผ้าป่าก็ทำตามขั้นตอน
ปกติ พอใกล้จะจบพิธี พระก็ให้พรแล้วก็เทศน์พระธรรมให้ชาวบ้านได้ฟังกัน
พอจบอะไรต่างเสร็จ ก็จะมีการแจกเครื่องรางของขลังวัตถุมงคลแก่ผู้ที่มาร่วมงาน
ซึ่งจะแจกเป็นประจำๆทุกปี พอถึงเวลาแจกชาวบ้านก็โฮกรูเข้าไปกันเอาเครื่องรางของขลัง
วัตถุมงคลจากเจ้าอาวาสกัน ซึ่งทำให้ผมถึงกับแปลกตกใจ ว่าทำไมถึงต้องทำขนาดนั้น
บางคนบางท่านเดินวนกันเป็นสองสามรอบเพื่อจะมาเอา ซึ่งที่บ้านและตัวผมก็มีโอกาส
ได้ไปหลายๆแห่ง แล้วมีการแจกของต่างๆ ก็มักจะมีเหตุการณ์ดังกล่าวแทบจะทุกแห่ง
เป็นเหมือนกันหมด ยิ่งก็เป็นวัดดังหรือเกจิอาจารย์ดังๆก็จะโกลาหลมากๆ เพราะ
ด้วยความเชื่อความศรัทธาต่างๆ ไสยศาสตร์ สิ่งที่เรามองไม่เห็น หรือสัมผัสได้
แต่รู้ว่ามี จากที่เห็นมาก็ทำให้ผมนึกถึงบทสวดมนตร์ หลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า
พระธรรม ที่พระองค์ท่านตรัสรู้ และมีการจารึกในพระไตรปิฏก การสังคายนา
มาหลายพันปี ก่อนพระองค์ท่านจะเสด็จปรินิพพาน หลักหนึ่งที่ผมนึกถึงได้
คือการไม่ยึดติด ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกนี้ไม่เที่ยงแท้เสมอไป หรือ กรรมคือการกระทำ
อริยสัจสี่ ศีลธรรม ความประมาทมักเกิดจากการไม่มีสติ ต่างๆฯลฯ ซึ่งมันไม่เคย
จะล้าสมัย  ใช้ได้กับทุกๆที่ ทุกเวลา ทุกปัญหา อุปสรรค ในการแก้ไข หรือหาทางออก
ไม่ให้เราทุกข์ใจ มีความสุข  

คนบางคนถือหิ้วของมากมายติดตัว แต่ก็ตายจากอุบัติเหตุ หรือจากการ
กระทำของตัวเองล้วนทั้งสิ้น เยอะมากๆ หรือแม้กระแท้จากการเจ็บป่วยโรคภัย
ที่เกิดขึ้นกับตัวก็มากมายเช่นกัน เครื่องรางของขลังแทบจะช่วยอะไรเราไม่ได้เลย

ส่วนตัวผมก็มีความเชื่อนะครับแต่ไม่ถึงขนาดงมงาย ผมเชื่อในหลักธรรมคำสอน
การทำความดี ทำบุญ เมตตาซะมากกว่ามากๆ  ผมคิดว่าความดี การปฏิบัติดี เป็นคนดีใช้ชีวิตอย่างมีสติ
ช่วยเหลือผู้อื่น เป็นผู้ให้มากกว่าผู้รับ ผมว่าสิ่งเหล่านี้จะช่วยตัวเราเองมากกว่าการ
ไปยึดติดกับสิ่งของที่จะช่วยตัวเราซะอีก ผมยังนึกถึงสมัยที่พระพุทธเจ้ายังอยู่
เท่าที่ผมศึกษาหรือเรียนมา จากตำราหนังสือเรียนไหนๆ เลยที่สอนผมว่า
พระพุทธเจ้าปลุกเสก หรือให้ของวัตถุมงคลกับ คนรอบๆตัวที่ทุกข์ใจมารับคำ
ปรึกษาจากท่านเลย พระพุทธเจ้าทรงแต่เพียงเทศนาหลักธรรมชี้นำในการแก้ไข
ปัญหา อุปสรรคหรือเรื่องทุกข์ใจ ไปปฏิบัติให้ได้มองเห็นแสงแห่งธรรมเสมอๆ

สุดท้ายผมก็อยากให้คนที่มาอ่านได้ทำความดี คิดดี ทั้งกาย วาจาใจ เป็นบุญติดตัวเรา
ไปในชาตินี้ หรือชาติหน้าครับ
ผมขออนุโมทนาบุญและความดี สรรเสริญคนดีครับ สาธุ สาธุ สาธุ


***จขกทไม่มีความตั้งใจใดๆทั้งกายวาจาและใจที่จะลบหรู่ดูหมิ่นแต่อย่างใด***
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่