ทรัพยากรน้ำ...ในอัลอิสลาม
นิพล แสงศรี
มนุษย์กับทรัพยากร
มนุษย์มิได้ถูกสร้างให้มีชีวิตอยู่เพียงลำพัง แต่ยังมีทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมอื่นๆ อาศัยร่วมอยู่ด้วย และอัลลอฮฺ คือผู้ทรงประทานเครื่องยังชีพแแก่มนุษย์ซึ่งมีทั้งบนบก เช่น ต้นไม้ ผัก ผลไม้ และปศุสัตว์ หรือในพื้นดิน เช่น น้ำมัน ถ่านหิน และแร่ธาตุ หรือในน้ำ เช่น สัตว์น้ำ สัตว์ทะเล ไข่มุก ปะการัง และอื่นๆ อย่างมีความแตกต่างกัน โดยทุกคนสามารถนำออกมาแปรรูปเพื่อนำมาใช้ในการพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจตามกำลัง ความรู้ และความสามารถ
อัลกุรอานระบุ ความว่า
وَلَقَدْ كَرَّمْنَا بَنِي آدَمَ وَحَمَلْنَاهُمْ فِي الْبَرِّ وَالْبَحْرِ وَرَزَقْنَاهُمْ مِنَ الطَّيِّبَاتِ وَفَضَّلْنَاهُمْ عَلَى كَثِيرٍ مِمَّنْ خَلَقْنَا تَفْضِيلاً (70) اﻹسراء
“และแท้จริงเราได้ให้เกียรติแก่ลูกหลานของนบีอาดัม และเราได้บรรทุกพวกเขาทั้งทางบกบกและทางทะเล
และเราได้ประทานบรรดาเครื่องยังชีพที่ดีแก่พวกเขา และเราได้ให้พวกเขามีเกียรติดีกว่าส่วนใหญ่จากผู้ที่เราได้บังเกิดขึ้นมา”
(70) //อัลอิสรออฺ
วัฏจักรแห่งน้ำ
น้ำเป็นทรัพยากรอีกประเภทหนึ่งที่สามารถเกิดหมุนเวียนได้เรื่อย ๆ อย่างไม่มีวันหมดสิ้น กล่าวคือ เมื่อแสงแดดส่องมาบนพื้นโลก น้ำจากทะเลและมหาสมุทรจะระเหยเป็นไอน้ำลอยขึ้นสู่เบื้องบนเนื่องจากไอน้ำมีความเบากว่าอากาศ เมื่อไอน้ำลอยสู่เบื้องบนจะได้รับความเย็นและกลั่นตัวกลายเป็นละอองน้ำเล็ก ๆ ลอยจับตัวกันเป็นกลุ่มเฆม เมื่อจับตัวกันมากขึ้นแล้วกระทบความเย็นก็จะกลั่นตัวกลายเป็นหยดน้ำตกลงสู่พื้นโลกหรือเรียกว่า ฝน น้ำบนพื้นโลกจะระเหยกลายเป็นไอน้ำอีกเมื่อได้รับความร้อนจากดวงทิตย์ ไอน้ำจะรวมตัวกันเป็นเมฆและกลั่นตัวเป็นหยดน้ำ กระบวนการแบบนี้เป็นวัฏจักรหมุนเวียนต่อเนื่องกันตลอดเวลาเรียกว่า วัฏจักรแห่งน้ำ อัลกุรอานระบุว่า
وَهُوَ الَّذِي يُرْسِلُ الرِّيَاحَ بُشْرًا بَيْنَ يَدَيْ رَحْمَتِهِ حَتَّى إِذَا أَقَلَّتْ سَحَابًا ثِقَالًا سُقْنَاهُ لِبَلَدٍ مَيِّتٍ فَأَنْزَلْنَا بِهِ الْمَاءَ فَأَخْرَجْنَا بِهِ مِنْ كُلِّ الثَّمَرَاتِ كَذَلِكَ نُخْرِجُ الْمَوْتَى لَعَلَّكُمْ تَذَكَّرُونَ (57) الاعراف
“และพระองค์นั้นคือผู้ที่ทรงส่งลงมาเป็นข่าวดีเบื้องหน้าความเอ็นดูเมตตา¹ ของพระองค์จนกระทั่งเมื่อมันได้แบกเมฆ ² อันหนักอึ้งไว้
เราก็นำมันไปสู่³ เมืองที่แห้งแล้ง แล้วเราก็ให้น้ำหลั่งลงที่เมืองนั้น แล้วเราได้ให้ผลไม้ทุกชนิดออกมาด้วยน้ำนั้น
ในทำนองนั้นแหละเราจะให้บรรดาผู้ที่ตายแล้วออกมา 4 หวังว่าพวกเจ้าจะได้รำลึก”
(57) // อัลอะรอฟ
(1) หมายถึงฝนทุกครั้งที่จะมีฝนตกจะต้องมีลมพัดล่วงหน้ามาก่อนเพื่อเป็นสัญญาณให้ผู้คนทราบ นับเป็นความกรุณาอันสำคัญยิ่ง
(2) คือได้พัดพาเมฆฝนมารวมกันไว้ในสภาพที่หนักอึ้งประหนึ่งแบกมันไว้
(3) คือให้ลมหอบเมฆฝนนั้นไป
(4) คืออกมาจากหลุมศพอย่างง่ายดายด้วยเสียงแตร เช่นเดียวกับได้ให้ผลไม้ออกด้วยน้ำฝน
اللَّهُ الَّذِي يُرْسِلُ الرِّيَاحَ فَتُثِيرُ سَحَابًا فَيَبْسُطُهُ فِي السَّمَاءِ كَيْفَ يَشَاءُ وَيَجْعَلُهُ كِسَفًا فَتَرَى الْوَدْقَ يَخْرُجُ مِنْ خِلَالِهِ فَإِذَا أَصَابَ بِهِ مَنْ يَشَاءُ مِنْ عِبَادِهِ إِذَا هُمْ يَسْتَبْشِرُونَ (48) الروم
“อัลลอฮฺทรงเป็นผู้ส่งลมทั้งหลาย แล้วมันได้รวมตัวกันขึ้นเป็นเมฆ แล้วพระองค์ทรงให้มันแผ่กระจายไปตามท้องฟ้า
(คือแผ่กระจายเป็นเมฆก้อนบาง ๆ และกลุ่มเมฆ) เท่าที่พระองค์ทรงประสงค์
และพระองค์ทรงทำให้มันเป็นกลุ่มก้อน แล้วเจ้าจะเห็นฝนตกลงมาจากท่ามกลางมัน
เมื่อมันได้ตกลงมายังผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์จากปวงบ่าวของพระองค์ เมื่อนั้นพวกเขาก็ดีใจ”
(48) //อัรรูม
اللَّهُ الَّذِي خَلَقَ السَّمَاوَاتِ وَالْأَرْضَ وَأَنْزَلَ مِنَ السَّمَاءِ مَاءً فَأَخْرَجَ بِهِ مِنَ الثَّمَرَاتِ رِزْقًا لَكُمْ وَسَخَّرَ لَكُمُ الْفُلْكَ لِتَجْرِيَ فِي الْبَحْرِ بِأَمْرِهِ وَسَخَّرَ لَكُمُ الْأَنْهَارَ (32) وَسَخَّرَ لَكُمُ الشَّمْسَ وَالْقَمَرَ دَائِبَيْنِ وَسَخَّرَ لَكُمُ اللَّيْلَ وَالنَّهَارَ (33) وَآَتَاكُمْ مِنْ كُلِّ مَا سَأَلْتُمُوهُ وَإِنْ تَعُدُّوا نِعْمَةَ اللَّهِ لَا تُحْصُوهَا إِنَّ الْإِنْسَانَ لَظَلُومٌ كَفَّارٌ (34 ) ابراهيم
“อัลลอฮผู้ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และทรงให้น้ำลงมาจากชั้นฟ้า และทรงให้พืชผลงอกเงยออกมาจากน้ำเพื่อเป็นปัจจัยยังชีพแก่พวกเจ้า
และทรงให้เรือเดินสมุทรมีความสะดวกแก่พวกท่าน เพื่อใช้แล่นตามแม่น้ำโดยพระบัญชาของพระองค์ ¹
และทรงให้ลำน้ำทั้งหลายเป็นประโยชน์แก่พวกเจ้า² และพระองค์ทรงให้ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ เป็นประโยชน์แก่พวกเจ้า โดยโคจรเป็นปกติ
และทรงให้กลางคืนและกลางวันเป็นประโยชน์แก่พวกเจ้า³ และพระองค์ทรงประทานแก่พวกเจ้าทุกสิ่งที่พวกเจ้าขอต่อพระองค์
และหากพวกเจ้าจะนับความโปรดปรานของอัลลลอฮแล้ว พวกเจ้าก็ไม่อาจจะคำนวณมันได้4 แท้จริงมนุษย์นั้นอธรรมยิ่ง เนรคุณยิ่ง”
(34) //อิบรอฮีม
(1) โดยใช้เป็นพาหนะเพื่อโดยสารและบรรทุกสินค้า จากเมืองหนึ่งไปยังอีกเมืองหนึ่ง
(2) เพื่อให้มนุษย์และสัตว์ใช้ดื่มกิน และใช้ทำการเพาะปลูก
(3)โดยให้กลางคืนเป็นเวลาพักผ่อน และกลางวันเป็นเวลาประกอบอาชีพ
(4) เพราะมันใหญ่ยิ่ง และมากยิ่งกว่าที่จะคำนวณนับได้
ว่าด้วยทรัพยากรน้ำกับมุมมองคำสอนศาสนาอิสลาม
นิพล แสงศรี
มนุษย์กับทรัพยากร
มนุษย์มิได้ถูกสร้างให้มีชีวิตอยู่เพียงลำพัง แต่ยังมีทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมอื่นๆ อาศัยร่วมอยู่ด้วย และอัลลอฮฺ คือผู้ทรงประทานเครื่องยังชีพแแก่มนุษย์ซึ่งมีทั้งบนบก เช่น ต้นไม้ ผัก ผลไม้ และปศุสัตว์ หรือในพื้นดิน เช่น น้ำมัน ถ่านหิน และแร่ธาตุ หรือในน้ำ เช่น สัตว์น้ำ สัตว์ทะเล ไข่มุก ปะการัง และอื่นๆ อย่างมีความแตกต่างกัน โดยทุกคนสามารถนำออกมาแปรรูปเพื่อนำมาใช้ในการพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจตามกำลัง ความรู้ และความสามารถ
อัลกุรอานระบุ ความว่า
وَلَقَدْ كَرَّمْنَا بَنِي آدَمَ وَحَمَلْنَاهُمْ فِي الْبَرِّ وَالْبَحْرِ وَرَزَقْنَاهُمْ مِنَ الطَّيِّبَاتِ وَفَضَّلْنَاهُمْ عَلَى كَثِيرٍ مِمَّنْ خَلَقْنَا تَفْضِيلاً (70) اﻹسراء
“และแท้จริงเราได้ให้เกียรติแก่ลูกหลานของนบีอาดัม และเราได้บรรทุกพวกเขาทั้งทางบกบกและทางทะเล
และเราได้ประทานบรรดาเครื่องยังชีพที่ดีแก่พวกเขา และเราได้ให้พวกเขามีเกียรติดีกว่าส่วนใหญ่จากผู้ที่เราได้บังเกิดขึ้นมา”
(70) //อัลอิสรออฺ
วัฏจักรแห่งน้ำ
น้ำเป็นทรัพยากรอีกประเภทหนึ่งที่สามารถเกิดหมุนเวียนได้เรื่อย ๆ อย่างไม่มีวันหมดสิ้น กล่าวคือ เมื่อแสงแดดส่องมาบนพื้นโลก น้ำจากทะเลและมหาสมุทรจะระเหยเป็นไอน้ำลอยขึ้นสู่เบื้องบนเนื่องจากไอน้ำมีความเบากว่าอากาศ เมื่อไอน้ำลอยสู่เบื้องบนจะได้รับความเย็นและกลั่นตัวกลายเป็นละอองน้ำเล็ก ๆ ลอยจับตัวกันเป็นกลุ่มเฆม เมื่อจับตัวกันมากขึ้นแล้วกระทบความเย็นก็จะกลั่นตัวกลายเป็นหยดน้ำตกลงสู่พื้นโลกหรือเรียกว่า ฝน น้ำบนพื้นโลกจะระเหยกลายเป็นไอน้ำอีกเมื่อได้รับความร้อนจากดวงทิตย์ ไอน้ำจะรวมตัวกันเป็นเมฆและกลั่นตัวเป็นหยดน้ำ กระบวนการแบบนี้เป็นวัฏจักรหมุนเวียนต่อเนื่องกันตลอดเวลาเรียกว่า วัฏจักรแห่งน้ำ อัลกุรอานระบุว่า
وَهُوَ الَّذِي يُرْسِلُ الرِّيَاحَ بُشْرًا بَيْنَ يَدَيْ رَحْمَتِهِ حَتَّى إِذَا أَقَلَّتْ سَحَابًا ثِقَالًا سُقْنَاهُ لِبَلَدٍ مَيِّتٍ فَأَنْزَلْنَا بِهِ الْمَاءَ فَأَخْرَجْنَا بِهِ مِنْ كُلِّ الثَّمَرَاتِ كَذَلِكَ نُخْرِجُ الْمَوْتَى لَعَلَّكُمْ تَذَكَّرُونَ (57) الاعراف
“และพระองค์นั้นคือผู้ที่ทรงส่งลงมาเป็นข่าวดีเบื้องหน้าความเอ็นดูเมตตา¹ ของพระองค์จนกระทั่งเมื่อมันได้แบกเมฆ ² อันหนักอึ้งไว้
เราก็นำมันไปสู่³ เมืองที่แห้งแล้ง แล้วเราก็ให้น้ำหลั่งลงที่เมืองนั้น แล้วเราได้ให้ผลไม้ทุกชนิดออกมาด้วยน้ำนั้น
ในทำนองนั้นแหละเราจะให้บรรดาผู้ที่ตายแล้วออกมา 4 หวังว่าพวกเจ้าจะได้รำลึก”
(57) // อัลอะรอฟ
(1) หมายถึงฝนทุกครั้งที่จะมีฝนตกจะต้องมีลมพัดล่วงหน้ามาก่อนเพื่อเป็นสัญญาณให้ผู้คนทราบ นับเป็นความกรุณาอันสำคัญยิ่ง
(2) คือได้พัดพาเมฆฝนมารวมกันไว้ในสภาพที่หนักอึ้งประหนึ่งแบกมันไว้
(3) คือให้ลมหอบเมฆฝนนั้นไป
(4) คืออกมาจากหลุมศพอย่างง่ายดายด้วยเสียงแตร เช่นเดียวกับได้ให้ผลไม้ออกด้วยน้ำฝน
اللَّهُ الَّذِي يُرْسِلُ الرِّيَاحَ فَتُثِيرُ سَحَابًا فَيَبْسُطُهُ فِي السَّمَاءِ كَيْفَ يَشَاءُ وَيَجْعَلُهُ كِسَفًا فَتَرَى الْوَدْقَ يَخْرُجُ مِنْ خِلَالِهِ فَإِذَا أَصَابَ بِهِ مَنْ يَشَاءُ مِنْ عِبَادِهِ إِذَا هُمْ يَسْتَبْشِرُونَ (48) الروم
“อัลลอฮฺทรงเป็นผู้ส่งลมทั้งหลาย แล้วมันได้รวมตัวกันขึ้นเป็นเมฆ แล้วพระองค์ทรงให้มันแผ่กระจายไปตามท้องฟ้า
(คือแผ่กระจายเป็นเมฆก้อนบาง ๆ และกลุ่มเมฆ) เท่าที่พระองค์ทรงประสงค์
และพระองค์ทรงทำให้มันเป็นกลุ่มก้อน แล้วเจ้าจะเห็นฝนตกลงมาจากท่ามกลางมัน
เมื่อมันได้ตกลงมายังผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์จากปวงบ่าวของพระองค์ เมื่อนั้นพวกเขาก็ดีใจ”
(48) //อัรรูม
اللَّهُ الَّذِي خَلَقَ السَّمَاوَاتِ وَالْأَرْضَ وَأَنْزَلَ مِنَ السَّمَاءِ مَاءً فَأَخْرَجَ بِهِ مِنَ الثَّمَرَاتِ رِزْقًا لَكُمْ وَسَخَّرَ لَكُمُ الْفُلْكَ لِتَجْرِيَ فِي الْبَحْرِ بِأَمْرِهِ وَسَخَّرَ لَكُمُ الْأَنْهَارَ (32) وَسَخَّرَ لَكُمُ الشَّمْسَ وَالْقَمَرَ دَائِبَيْنِ وَسَخَّرَ لَكُمُ اللَّيْلَ وَالنَّهَارَ (33) وَآَتَاكُمْ مِنْ كُلِّ مَا سَأَلْتُمُوهُ وَإِنْ تَعُدُّوا نِعْمَةَ اللَّهِ لَا تُحْصُوهَا إِنَّ الْإِنْسَانَ لَظَلُومٌ كَفَّارٌ (34 ) ابراهيم
“อัลลอฮผู้ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และทรงให้น้ำลงมาจากชั้นฟ้า และทรงให้พืชผลงอกเงยออกมาจากน้ำเพื่อเป็นปัจจัยยังชีพแก่พวกเจ้า
และทรงให้เรือเดินสมุทรมีความสะดวกแก่พวกท่าน เพื่อใช้แล่นตามแม่น้ำโดยพระบัญชาของพระองค์ ¹
และทรงให้ลำน้ำทั้งหลายเป็นประโยชน์แก่พวกเจ้า² และพระองค์ทรงให้ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ เป็นประโยชน์แก่พวกเจ้า โดยโคจรเป็นปกติ
และทรงให้กลางคืนและกลางวันเป็นประโยชน์แก่พวกเจ้า³ และพระองค์ทรงประทานแก่พวกเจ้าทุกสิ่งที่พวกเจ้าขอต่อพระองค์
และหากพวกเจ้าจะนับความโปรดปรานของอัลลลอฮแล้ว พวกเจ้าก็ไม่อาจจะคำนวณมันได้4 แท้จริงมนุษย์นั้นอธรรมยิ่ง เนรคุณยิ่ง”
(34) //อิบรอฮีม
(1) โดยใช้เป็นพาหนะเพื่อโดยสารและบรรทุกสินค้า จากเมืองหนึ่งไปยังอีกเมืองหนึ่ง
(2) เพื่อให้มนุษย์และสัตว์ใช้ดื่มกิน และใช้ทำการเพาะปลูก
(3)โดยให้กลางคืนเป็นเวลาพักผ่อน และกลางวันเป็นเวลาประกอบอาชีพ
(4) เพราะมันใหญ่ยิ่ง และมากยิ่งกว่าที่จะคำนวณนับได้