สวัสดีค่ะ เนื่องจากเมื่อประมาณช่วงปีใหม่ (29 ธันวาคม 2558 ถึง 4 มกราคม 2559) ได้มีโอกาสขึ้นรถไฟจากหัวลำโพงไป MALAYSIA (PENANG-KL-MELAKA) และ SINGAPORE มาค่ะ แต่พึ่งจะมีเวลาว่างช่วงวันหยุดยาวสงกรานต์มาเขียนกระทู้
ใครอยากลองขึ้นรถไฟไปเที่ยว ใช้ชีวิตช่วงวันหยุดแบบช้าๆให้ลืมปัญหาเครียดๆในชีวิตไปบ้าง ก็ลองตามดูกันนะคะ
ฝากกระทู้เก่าด้วยค่ะ
SCOTLAND -
http://ppantip.com/topic/34383303
LONDON -
http://ppantip.com/topic/34462601
ตอนที่ 2 กัวลาลัมเปอร์ เมืองหลวงของมาเลเซีย
http://ppantip.com/topic/35027377
ตอนที่ 3 มะละกา เมืองมรดกโลก
http://ppantip.com/topic/35029153
ตอนที่ 4 สิงคโปร์ เมืองที่มีธรรมชาติมากกว่าที่คุณคิด
http://ppantip.com/topic/35030402
ตอนที่ 1 ปีนัง เมืองแห่ง street art ที่มีดีมากกว่า street art
การเดินทางครั้งนี้ เราได้วางแพลนไว้ว่าเราจะเลือกเดินทางด้วยรถไฟขบวนที่ 35 กรุงเทพ-BUTTERWORTH ในวันที่ 28 ธันวาคมค่ะ โดยเปลี่ยนขบวนรถไฟที่ปาดังเบซาแล้วข้ามไปถึงมาเลเซียได้เลย แต่ในความเป็นจริงตั๋วเต็มค่ะ เนื่องจากเราไม่ได้จองตั๋วล่วงหน้าเอาไว้ แต่โชคดีที่ว่าเราเดินทางคนเดียวทำให้ยังมีที่เหลือในขบวนที่ 37 กรุงเทพ-ชุมทางหาดใหญ่ แต่เป็นวันที่ 29 ธันวาคม ซึ่งเป็นที่นั่งสุดท้ายแล้ว ตอนนั้นเราเลยไม่คิดอะไรมากแล้วค่ะ ซื้อไว้ก่อนแล้วมาเปลี่ยนแพลนที่เตรียมไว้ทีหลัง
ขอเกริ่นก่อนนะคะว่าแพลนที่เราเตรียมไว้ตอนแรกคือ ออกจากหัวลำโพงวันที่ 28 ธันวาคม 2558 ไปถึงมาเลเซียวันที่ 29 ธันวาคม 2558 นอนปีนัง 1 คืน แล้วไปกัวลาลัมเปอร์ต่อค่ะ เพื่อเค้าดาวน์ที่กัวลาลัมเปอร์ แต่เมื่อตั๋วรถไฟเต็มทำให้แพลนทั้งหมดถูกเลื่อนออกไป 1 วัน แต่ด้วยความที่เราอยากไปเค้าดาวน์หน้าตึกแฝดเปรโตนาสค่ะ ทำให้เราไม่สามารถค้างคืนที่ปีนัง อย่างที่ตั้งใจไว้ได้ค่ะ
เริ่มต้นกันที่สถานีรถไฟหัวลำโพงค่ะ
สำหรับผู้หญิงที่เดินทางคนเดียวแบบเรา สามารถเลือกรถไฟโบกี้ที่มีเฉพาะเด็กและสตรีแบบนี้ได้เลย โดยแจ้งที่เจ้าหน้าที่ขายตั๋วเลยค่ะ
และสำหรับเราครั้งนี้เป็นการเดินทางด้วยรถไฟครั้งแรกเราเลยอยากลองทานอาหารบนรถไฟดูบ้าง แต่ขอแอบบอกไว้ว่ารถไฟสายใต้มีอาหารการกินที่สมบูรณ์ขึ้นมาขายตลอดทางเลยค่ะ
และอย่างที่ทราบกันดีค่ะ รถไฟไทยมีความตรงต่อเวลาเสมอค่ะ จากตามตารางที่จะถึงชุมทางหาดใหญ่ตอน 7.20 น. แต่ความจริง ถึงตอน 9.00 น. ค่ะอันนี้ก็ต้องทำใจกันนิดนึงนะคะ ส่วนตัวเราได้จองรถตู้ที่จะข้ามไปปีนังไว้ตอน 9 โมงค่ะ ทำให้พอถึงสถานีชุมทางหาดใหญ่ก็ไม่มีเวลาเก็บรูปมาฝากทุกคนแล้วค่ะ ต้องรีบวิ่งไปท่ารถตู้ซึ่งไม่ไกลจากสถานีรถไฟมากค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เราขึ้นของ KST TRAVEL นะคะ การบริการถือว่าดีค่ะ ส่งถึงที่ที่เราแจ้งไว้
นั่งรถตู้มาประมาณ 3 ชั่วโมงก็จะข้ามมาถึงฝั่งปีนังค่ะ โดยต้องผ่านด่านคนเข้าเมืองก่อนตามแต่ช่วงเวลาค่ะว่ารถตู้จะพาไปที่ด่านไหน อย่างของเราเดินทางช่วงเทศกาล คนขับรถตู้บอกว่าด่านปาดังเบซาคนเยอะจะรอนาน จึงพาอ้อมมาอีกด่านนึงค่ะ ซึ่งตรงจุดนี้เราจำชื่อด่านไม่ได้ ต้องขอโทษด้วยนะคะ
เมื่อข้ามมาถึงฝั่งปีนัง เราก็ไม่รีรอเลยค่ะ ขอเที่ยวก่อนเลย เพราะอย่างที่เกริ่นไว้ตอนแรก คืนนี้เราไม่ได้นอนที่ปีนังค่ะ นี่นับว่าเป็นครั้งแรกที่เราแบกสัมภาระทั้งหมดเที่ยวด้วย เป็นประสบการณ์ใหม่ที่เหนื่อยแต่คุ้มค่าดีค่ะ
เราให้รถตู้มาจอดส่งเราที่ตึก KOMTAR ค่ะ ซึ่งเป็นศูนย์รวมรถประจำทางของที่นี่ก็ว่าได้เลยค่ะ
รถประจำทางที่นี่จะขึ้นที่ประตูหน้าเท่านั้น เมื่อขึ้นไปแจ้งสถานที่ที่เราจะลงกับคนขับค่ะ แล้วคนขับจะบอกราคามา ราคาไม่ได้แพงค่ะ อยู่ที่ 1-2 ริงกิต คิดเป็นเงินไทยก็ประมาณ 10-20 บาทค่ะ เราจ่ายเงินให้คนขับในจำนวนที่พอดีนะคะที่นี่จะไม่มีการทอนเงินสำหรับรถประจำทางค่ะ
รูปร่างหน้าตาบัตรที่ได้มาก็จะเป็นแบบนี้ค่ะ
ที่แรกที่เราไปคือ KHOO KONGSI ค่ะ ซึ่งที่นี่มีคนมาเลเซียแนะนำมาอีกทีค่ะ ข้างในก็จะเป็นประวัติเกี่ยวกับคนในตระกูล KHOO ค่ะ
คนมาเลเซียบอกมาว่า KONGSI แปลว่านามสกุล อันนี้ยังไงไม่แน่ใจลองหาข้อมูลกันอีกทีนะคะ
ซึ่งที่นี่จะต้องเสียค่าเข้าชม 10 ริงกิต หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 100 บาทค่ะ โดยจะมีคนคอยตรวจบัตรอยู่ข้างหน้าแบบนี้ค่ะ
เดินออกจาก KHOO KONGSI มาก็เจอกับที่นี่ไม่แน่ใจว่าเป็นอะไร คล้ายๆกับวัดจีนค่ะ เลยขอถ่ายรูปเก็บไว้หน่อยค่ะ
เดินออกมาบนถนนสาย CANNON SQUARE ก็จะเริ่มเจอกับ street art ซึ่งเป็นชื่อเสียงของที่นี่ค่ะ ซึ่ง street art ก็จะมียาวไปตลอดทั้งสายเลยค่ะ
เมื่อเดินเก็บ street art กันจนพอใจแล้ว เราก็ไป SEM TEK TONG CHEAH KONGSI กันค่ะ
เดินต่อไปกันอีกนิดก็จะเจอกับ LITTLE INDIA ค่ะ
ก็จะเจอกับ MASJID ต่างๆค่ะ เริ่มจาก MASJID MELAYU
ต่อด้วย MASJID KAPITAN KELING
เมื่อผ่านช่วง LITTLE INDIA มาได้ ก็จะเริ่มเป็น CHURCH ค่ะ ที่นี่เป็น St. George’s Church ซึ่งเก่าแก่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ค่ะ
และเดินย้อนกลับมาที่ ศาลาว่าการเมือง TOWN HALL และ ศาลากลาง CITY HALL ซึ่งอยู่ติดกันค่ะ ซึ่งที่นี่ได้รับอิทธิพลมาจากประเทศอังกฤษ ตอนช่วงที่ตกเป็นเมืองขึ้นค่ะ
เดินต่อมาอีกทางด้านที่ติดทะเลจะเจอกับอนุสรณ์สงครามโลกครั้งที่ 1 ค่ะ
แวะชมวิวทะเลก่อนที่จะเดินย้อนกลับไปหาอะไรกินค่ะ
เดินย้อนกลับมาใกล้ๆกับช่วงที่เป็น street art ค่ะ เราจะเจอกับศูนย์อาหารที่เรารับรองว่าที่นี่มีอาหารหลากหลายที่อร่อยมาก
เมนูที่เราเลือกกินคือ LAKSA ค่ะ อร่อยมาก ในราคา 4 ริงกิต หรือประมาณ 40 บาทไทยค่ะ กินคู่กับน้ำ KICKAPOO ซึ่งเราหากินไม่ได้ใน KL และ MELAKA (ได้กินอีกทีใน SINGAPORE ค่ะ)
หลังจากเที่ยวอยากเหน็ดเหนื่อยมาตลอดวัน เราก็ไปเตรียมรอขึ้นเครื่องจากปีนังไป KL ค่ะ ตอนนั้นเราได้ตั๋วในราคาที่แพงกว่าการขึ้นบัสประมาณ 200 บาทเราเลยเลือกไปเครื่องบินค่ะ การไปสนามบินก็ขึ้นบัสเบอร์ 102, 401, 401E จากตึก KOMTAR มาที่สนามบินค่ะ รถจะมาสุดสายในสนามบินพอดีค่ะ ราคาประมาณ 2.7 ริงกิต หรือ 27 บาทไทยค่ะ ที่สนามบินสามารถชาร์ตแบตได้นะคะเป็นแบบช่องเสียบสาย USB ค่ะ
เราเลือกรอบดึกที่สุด คือเที่ยงคืน ไปถึง KL ตอนประมาณ ตี 1 เดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงค่ะ สำหรับคนที่เที่ยวแบบ backpack ที่ต้องการประหยัดงบ สามารถนอนที่สนามบินได้ค่ะ ที่สนามบิน KL สามารถนอนได้นะคะไม่อันตราย มีร้าน KFC 24 ชั่วโมงอยู่ค่ะ รถบัสจากสนามบิน KL เข้าตัวเมืองจะมีรอบแรกตอนตี 5 นะคะ โดยลงมาซื้อบัตรบัสที่ชั้นล่างจากชั้นที่เป็นขาเข้าค่ะ ตามภาพคือซื้อตั๋วที่ช่องสุดท้ายเลยค่ะ เราคา 10 ริงกิต หรือ 100 บาทไทย
ขอแอบแวะกินกาแฟก่อนไปซักเล็กน้อยค่ะ กาแฟที่นี่ที่ดังๆจะเป็น white coffee ของร้าน OLDTOWN WHITE COFFEE ค่ะ
- ขออนุญาตแบ่งเป็นตอนๆของแต่ละเมืองไปนะคะ เนื่องจากความยาวในกระทู้ไม่พอค่ะ เขียนเกินตัวอักษรที่กำหนด และอยู่ดีๆในช่อง comment ไม่สามารถใส่รูปได้ ไม่แน่ใจเกิดจากอะไรเหมือนกันค่ะ -
- เครดิตในรูปเป็นเครดิตเก่าจากกระทู้ที่แล้ว พึ่งมาสังเกตเห็นตอนลงรูปไปแล้ว ขอโทษด้วยนะคะ -
[CR] MALAYSIA-SINGAPORE โดยรถไฟ 🚂 - EP.1 PENANG
ใครอยากลองขึ้นรถไฟไปเที่ยว ใช้ชีวิตช่วงวันหยุดแบบช้าๆให้ลืมปัญหาเครียดๆในชีวิตไปบ้าง ก็ลองตามดูกันนะคะ
ฝากกระทู้เก่าด้วยค่ะ
SCOTLAND - http://ppantip.com/topic/34383303
LONDON - http://ppantip.com/topic/34462601
ตอนที่ 2 กัวลาลัมเปอร์ เมืองหลวงของมาเลเซีย http://ppantip.com/topic/35027377
ตอนที่ 3 มะละกา เมืองมรดกโลก http://ppantip.com/topic/35029153
ตอนที่ 4 สิงคโปร์ เมืองที่มีธรรมชาติมากกว่าที่คุณคิด http://ppantip.com/topic/35030402
ตอนที่ 1 ปีนัง เมืองแห่ง street art ที่มีดีมากกว่า street art
การเดินทางครั้งนี้ เราได้วางแพลนไว้ว่าเราจะเลือกเดินทางด้วยรถไฟขบวนที่ 35 กรุงเทพ-BUTTERWORTH ในวันที่ 28 ธันวาคมค่ะ โดยเปลี่ยนขบวนรถไฟที่ปาดังเบซาแล้วข้ามไปถึงมาเลเซียได้เลย แต่ในความเป็นจริงตั๋วเต็มค่ะ เนื่องจากเราไม่ได้จองตั๋วล่วงหน้าเอาไว้ แต่โชคดีที่ว่าเราเดินทางคนเดียวทำให้ยังมีที่เหลือในขบวนที่ 37 กรุงเทพ-ชุมทางหาดใหญ่ แต่เป็นวันที่ 29 ธันวาคม ซึ่งเป็นที่นั่งสุดท้ายแล้ว ตอนนั้นเราเลยไม่คิดอะไรมากแล้วค่ะ ซื้อไว้ก่อนแล้วมาเปลี่ยนแพลนที่เตรียมไว้ทีหลัง
ขอเกริ่นก่อนนะคะว่าแพลนที่เราเตรียมไว้ตอนแรกคือ ออกจากหัวลำโพงวันที่ 28 ธันวาคม 2558 ไปถึงมาเลเซียวันที่ 29 ธันวาคม 2558 นอนปีนัง 1 คืน แล้วไปกัวลาลัมเปอร์ต่อค่ะ เพื่อเค้าดาวน์ที่กัวลาลัมเปอร์ แต่เมื่อตั๋วรถไฟเต็มทำให้แพลนทั้งหมดถูกเลื่อนออกไป 1 วัน แต่ด้วยความที่เราอยากไปเค้าดาวน์หน้าตึกแฝดเปรโตนาสค่ะ ทำให้เราไม่สามารถค้างคืนที่ปีนัง อย่างที่ตั้งใจไว้ได้ค่ะ
เริ่มต้นกันที่สถานีรถไฟหัวลำโพงค่ะ
สำหรับผู้หญิงที่เดินทางคนเดียวแบบเรา สามารถเลือกรถไฟโบกี้ที่มีเฉพาะเด็กและสตรีแบบนี้ได้เลย โดยแจ้งที่เจ้าหน้าที่ขายตั๋วเลยค่ะ
และสำหรับเราครั้งนี้เป็นการเดินทางด้วยรถไฟครั้งแรกเราเลยอยากลองทานอาหารบนรถไฟดูบ้าง แต่ขอแอบบอกไว้ว่ารถไฟสายใต้มีอาหารการกินที่สมบูรณ์ขึ้นมาขายตลอดทางเลยค่ะ
และอย่างที่ทราบกันดีค่ะ รถไฟไทยมีความตรงต่อเวลาเสมอค่ะ จากตามตารางที่จะถึงชุมทางหาดใหญ่ตอน 7.20 น. แต่ความจริง ถึงตอน 9.00 น. ค่ะอันนี้ก็ต้องทำใจกันนิดนึงนะคะ ส่วนตัวเราได้จองรถตู้ที่จะข้ามไปปีนังไว้ตอน 9 โมงค่ะ ทำให้พอถึงสถานีชุมทางหาดใหญ่ก็ไม่มีเวลาเก็บรูปมาฝากทุกคนแล้วค่ะ ต้องรีบวิ่งไปท่ารถตู้ซึ่งไม่ไกลจากสถานีรถไฟมากค่ะ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
นั่งรถตู้มาประมาณ 3 ชั่วโมงก็จะข้ามมาถึงฝั่งปีนังค่ะ โดยต้องผ่านด่านคนเข้าเมืองก่อนตามแต่ช่วงเวลาค่ะว่ารถตู้จะพาไปที่ด่านไหน อย่างของเราเดินทางช่วงเทศกาล คนขับรถตู้บอกว่าด่านปาดังเบซาคนเยอะจะรอนาน จึงพาอ้อมมาอีกด่านนึงค่ะ ซึ่งตรงจุดนี้เราจำชื่อด่านไม่ได้ ต้องขอโทษด้วยนะคะ
เมื่อข้ามมาถึงฝั่งปีนัง เราก็ไม่รีรอเลยค่ะ ขอเที่ยวก่อนเลย เพราะอย่างที่เกริ่นไว้ตอนแรก คืนนี้เราไม่ได้นอนที่ปีนังค่ะ นี่นับว่าเป็นครั้งแรกที่เราแบกสัมภาระทั้งหมดเที่ยวด้วย เป็นประสบการณ์ใหม่ที่เหนื่อยแต่คุ้มค่าดีค่ะ
เราให้รถตู้มาจอดส่งเราที่ตึก KOMTAR ค่ะ ซึ่งเป็นศูนย์รวมรถประจำทางของที่นี่ก็ว่าได้เลยค่ะ
รถประจำทางที่นี่จะขึ้นที่ประตูหน้าเท่านั้น เมื่อขึ้นไปแจ้งสถานที่ที่เราจะลงกับคนขับค่ะ แล้วคนขับจะบอกราคามา ราคาไม่ได้แพงค่ะ อยู่ที่ 1-2 ริงกิต คิดเป็นเงินไทยก็ประมาณ 10-20 บาทค่ะ เราจ่ายเงินให้คนขับในจำนวนที่พอดีนะคะที่นี่จะไม่มีการทอนเงินสำหรับรถประจำทางค่ะ
รูปร่างหน้าตาบัตรที่ได้มาก็จะเป็นแบบนี้ค่ะ
ที่แรกที่เราไปคือ KHOO KONGSI ค่ะ ซึ่งที่นี่มีคนมาเลเซียแนะนำมาอีกทีค่ะ ข้างในก็จะเป็นประวัติเกี่ยวกับคนในตระกูล KHOO ค่ะ
คนมาเลเซียบอกมาว่า KONGSI แปลว่านามสกุล อันนี้ยังไงไม่แน่ใจลองหาข้อมูลกันอีกทีนะคะ
ซึ่งที่นี่จะต้องเสียค่าเข้าชม 10 ริงกิต หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 100 บาทค่ะ โดยจะมีคนคอยตรวจบัตรอยู่ข้างหน้าแบบนี้ค่ะ
เดินออกจาก KHOO KONGSI มาก็เจอกับที่นี่ไม่แน่ใจว่าเป็นอะไร คล้ายๆกับวัดจีนค่ะ เลยขอถ่ายรูปเก็บไว้หน่อยค่ะ
เดินออกมาบนถนนสาย CANNON SQUARE ก็จะเริ่มเจอกับ street art ซึ่งเป็นชื่อเสียงของที่นี่ค่ะ ซึ่ง street art ก็จะมียาวไปตลอดทั้งสายเลยค่ะ
เมื่อเดินเก็บ street art กันจนพอใจแล้ว เราก็ไป SEM TEK TONG CHEAH KONGSI กันค่ะ
เดินต่อไปกันอีกนิดก็จะเจอกับ LITTLE INDIA ค่ะ
ก็จะเจอกับ MASJID ต่างๆค่ะ เริ่มจาก MASJID MELAYU
ต่อด้วย MASJID KAPITAN KELING
เมื่อผ่านช่วง LITTLE INDIA มาได้ ก็จะเริ่มเป็น CHURCH ค่ะ ที่นี่เป็น St. George’s Church ซึ่งเก่าแก่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ค่ะ
และเดินย้อนกลับมาที่ ศาลาว่าการเมือง TOWN HALL และ ศาลากลาง CITY HALL ซึ่งอยู่ติดกันค่ะ ซึ่งที่นี่ได้รับอิทธิพลมาจากประเทศอังกฤษ ตอนช่วงที่ตกเป็นเมืองขึ้นค่ะ
เดินต่อมาอีกทางด้านที่ติดทะเลจะเจอกับอนุสรณ์สงครามโลกครั้งที่ 1 ค่ะ
แวะชมวิวทะเลก่อนที่จะเดินย้อนกลับไปหาอะไรกินค่ะ
เดินย้อนกลับมาใกล้ๆกับช่วงที่เป็น street art ค่ะ เราจะเจอกับศูนย์อาหารที่เรารับรองว่าที่นี่มีอาหารหลากหลายที่อร่อยมาก
เมนูที่เราเลือกกินคือ LAKSA ค่ะ อร่อยมาก ในราคา 4 ริงกิต หรือประมาณ 40 บาทไทยค่ะ กินคู่กับน้ำ KICKAPOO ซึ่งเราหากินไม่ได้ใน KL และ MELAKA (ได้กินอีกทีใน SINGAPORE ค่ะ)
หลังจากเที่ยวอยากเหน็ดเหนื่อยมาตลอดวัน เราก็ไปเตรียมรอขึ้นเครื่องจากปีนังไป KL ค่ะ ตอนนั้นเราได้ตั๋วในราคาที่แพงกว่าการขึ้นบัสประมาณ 200 บาทเราเลยเลือกไปเครื่องบินค่ะ การไปสนามบินก็ขึ้นบัสเบอร์ 102, 401, 401E จากตึก KOMTAR มาที่สนามบินค่ะ รถจะมาสุดสายในสนามบินพอดีค่ะ ราคาประมาณ 2.7 ริงกิต หรือ 27 บาทไทยค่ะ ที่สนามบินสามารถชาร์ตแบตได้นะคะเป็นแบบช่องเสียบสาย USB ค่ะ
เราเลือกรอบดึกที่สุด คือเที่ยงคืน ไปถึง KL ตอนประมาณ ตี 1 เดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงค่ะ สำหรับคนที่เที่ยวแบบ backpack ที่ต้องการประหยัดงบ สามารถนอนที่สนามบินได้ค่ะ ที่สนามบิน KL สามารถนอนได้นะคะไม่อันตราย มีร้าน KFC 24 ชั่วโมงอยู่ค่ะ รถบัสจากสนามบิน KL เข้าตัวเมืองจะมีรอบแรกตอนตี 5 นะคะ โดยลงมาซื้อบัตรบัสที่ชั้นล่างจากชั้นที่เป็นขาเข้าค่ะ ตามภาพคือซื้อตั๋วที่ช่องสุดท้ายเลยค่ะ เราคา 10 ริงกิต หรือ 100 บาทไทย
ขอแอบแวะกินกาแฟก่อนไปซักเล็กน้อยค่ะ กาแฟที่นี่ที่ดังๆจะเป็น white coffee ของร้าน OLDTOWN WHITE COFFEE ค่ะ
- ขออนุญาตแบ่งเป็นตอนๆของแต่ละเมืองไปนะคะ เนื่องจากความยาวในกระทู้ไม่พอค่ะ เขียนเกินตัวอักษรที่กำหนด และอยู่ดีๆในช่อง comment ไม่สามารถใส่รูปได้ ไม่แน่ใจเกิดจากอะไรเหมือนกันค่ะ -
- เครดิตในรูปเป็นเครดิตเก่าจากกระทู้ที่แล้ว พึ่งมาสังเกตเห็นตอนลงรูปไปแล้ว ขอโทษด้วยนะคะ -
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น