สวัสดีครับเพื่อนสมาชิกทุกท่าน
จากกระทู้แรก รีวิวทริปโตเกียว
http://ppantip.com/topic/35018799 อันนี้ยังธรรมดาไม่มีแบบขึ้นเขาขึ้นเนิน
ทริปนี้ไปถึง3เมือง เดินทาง3คน 6วัน4คืน วันที่ 20-25 มี.ค. 2559 ตั้งใจจะไปตามหาซากุระ
เดินทางขาไปโดย นกสกุ๊ด ผู้เลื่องชื่อ แอบหวั่นกลัวตกเครื่องมากๆ รีบไปก่อนล่วงหน้าเลย3ชม. ขึ้นสนามบินดอนเมือง ไปถึงมีคนต่อคิวยาวแล้ว แสดงว่ามีคนกลัวเหมือนกัน จองตั๋ว3คน ราคา 19,550 บาท รวมค่ากระเป๋า30กิโล แอบแพงเพราะเพื่อนอีกคนจองทีหลัง จากการได้ขึ้นเครื่องนกสกุ๊ดไม่มีปัญหา มีพนักงานช่วยอุ้มปกติ ได้ที่นั่งประมาณแถว3 เครื่องใหม่ ไม่มีโฆษณาแฝงเหมือน AirasiaX ทำให้นอนหลับสบาย ลงสนามบิน Kansai
ขากลับ Jetstar มีดีเลย์นิดหน่อย ขึ้นที่เมืองฟุกุโอกะ พอรับได้ ราคา3คน ราคา 12,172 บาท รวมค่ากระเป๋า40กิโล Gate Jetstar ไม่มีงวงช้าง มีรถยกอำนวยความสะดวกสำหรับคนพิการ เครื่องไม่ใหม่มาก ไม่มีโฆษณาแฝงเหมือน นอนหลับสบาย ลงสนามบินสุวรรณภูมิ
คุ้มเลยไปทริปเดียว4สนามบิน 555 จองไปได้ เวลาก็ไม่มีดี ไปถึงเย็น กลับเช้า
การเดินทางซื้อ Setouchi Area Pass 5วัน + Amazing Pass 1 day + Suica
แผนการเดินทาง มีสลับวันนิดหน่อย เพราะวันที่สองที่เกียวโตรู้สึก เหนื่อยหล้า ที่ Fushimi Inari Shrine และ วัดน้ำใส
วันที่20 ไปถึงสนามบินคันไซ 16.45 น. เริ่มใช้ Setouchi Area Pass ซื้อจากไทย ต้องไปรับบัตรจริงที่สนามบิน เสียเวลาต่อคิวเกือบครึ่งชั่วโมง จะจองที่นั่งไป Hakata @ Fukuoka เจ้าหน้าที่บอก Non-reserv seat เศร้า ส่วน บัตร Amazing Pass เป็นบัตรจริง ไม่ต้องแลกใช้ได้เลย เติมเงินบัตร Suica 3000 เยน
รีบออกจากสนามบินเพื่อเอากระเป๋าไปเก็บที่พัก ครั้งนี้นอนที่ โอซาก้า 4 วัน จองใน airbnb เป็น apartment ราคา 7542 บาท ถูกมาก ห้องพักสะอาด ข้าวของเครื่องใช้ครบ มีPocket Wifiในห้อง ตอนแรกนึกว่าเอา Pocket Wifi ออกมาใช้ข้างนอกได้ ดีนะที่ซื้อซิม เน็ต มาเผื่อไว้ ราคา 300++ ถูกอีกเช่นเคย
ที่พักเป็น apartment ต้องเอารหัสเปิดเอากุญแจห้องเอง เวลากลับก็เอาไปใส่ไว้ที่เดิม ขอโทษด้วยไม่ได้ถ่ายรูปในห้องเลยครับ ลองเข้าไปดูตามลิ้งค์ครับ ห่างจาก Namba 2สถานี ถ้านั่ง Taxi กลับหลัง5ทุ่ม 950เยน
https://th.airbnb.com/rooms/8235532?eluid=0&euid=d89503cd-a3b8-58ca-c4af-5ff41fefe1fe
มาถึง Namba รีบตามหารองเท้าตามออเดอร์ มาถึงร้านใหญ่ก็จะปิดหมดแล้ว เศร้าใจ เดินทางถึงร้านรองเท้าโอนิซึกะ ร้านของไม่ค่อยเยอะ แถมส่วนมากเป็น Made In Vietnam เลยไปต่อยังไม่ได้ซื้อ ไว้ลองไปดูที่Shop วันหลัง เพราะมา Namba เกือบทุกวัน สาวๆ ชอบช๊อปปิ้ง
เดินไปเดินมา แวะ ABC Mart หารองเท้าถ่ายรูปส่งให้เพื่อน ฝากซื้อทั้งนั้นของตัวเองไม่มีเลย 555 ร้านอื่นก็ทยอยปิดหมดแล้ว ออกไปถ่ายรูปป้ายกูลิโกะ
เดินตามร้าน ราเองข้อสอบ ตาม Google Map วนไปวนมา ถามคนแถวนั้นแล้วก็เดินวน จนบังเอิญมาเจอพอดี เกือบ4ทุ่ม รสชาติดี แต่บังเอิญผมไม่ใช่คออาหารญี่ปุ่น เลยรู้สึกว่าก๋วยเตี๋ยวน้ำตกบ้านเราอร่อยกว่า 555
ทานเสร็จเดินออกมาหาร้านดองกี้ เลือกของอยู่นานสองนาน ดันลืมเอาบัตรลด500เยนหลายใบที่ได้มาจากการซื้อพาสในไทยมาอีก เลยรอไว้ซื้อวันหลัง เดินหาของไปพลางๆก่อน เนื่องด้วยเป็นวันแรกที่มา ร่างกายยังฟิต เวลาก็เลยไป5ทุ่มกว่า ยังไงก็ต้องกลับ Taxi โบกแท็กซี่ไป start 660 เยน ไปถึงที่พัก 950 เยน กลับที่พัก นอน
วันที่ 21 ไปเกียวโต เริ่มด้วย Fushimi Inari Shrine ด้วยความอยากนั่งรถไฟขบวน ริลัคคุมะ ทำให้ต้องหาสถานีอยู่เป็นเวลา และที่โอซาก้าที่รถไฟอยู่หลายเจ้าไม่เหมือนที่โตเกียว เป็นรถไฟเมโทรของเอกชน บริการเป็นเลิศ ที่นี่บางครั้งเราต้องไปเอง หรือบางครั้งเราก็ไม่รอเจ้าหน้าที่ เพราะเราไปเองได้ ไม่ต้องใช้ทางลาดยกล้อขึ้นเองเลย 555 สรุปหา รถไฟขบวน ริลัคคุมะ ไม่เจอ เจอคันสีม่วงแต่ไม่เห็นมีสติกเกอร์ เศร้าเลย
มาถึง Fushimi Inari Shrine เริ่มสาย คนเริ่มเยอะ แทบไม่มีที่ว่างถ่ายรูป เสาแดงที่เรียงรายเต็มไปด้วยคน แต่ก็ไม่แปลกใจเพราะว่าสถานที่งดงามจริงๆ ควรค่าแก่การมา
เดินเข้ามาจากทางเข้า ทางรถเข็นอยู่ด้านซ้ายมือ ชันพอสมควร แต่ไม่ยาวมาก เข็นขึ้นมาได้อีก สเต็ปนึงก็เจอบันได ไปต่อไม่ได้ แต่ก็ยังพอให้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ซื้อของที่ระลึกได้ ปล่อยให้สาวๆ เดินขึ้นไปถ่ายรูปเสาแดง
แล้วก็เดินลงมาซอยข้างวัด เต็มไปด้วยของกิน หลายชนิด แวะเติมพลังหน่อย มีแต่ของน่ากิน อย่างละ300-500 เยน
ต่อด้วย Tofukuji Temple เจอซากุระบานอยู่หลายต้น ถ้ามาตอนซากุระบานเยอะๆ คงจะสวยมาก วัดนี้ไม่ค่อยมีคน จริงๆแล้วไม่มาก็ได้ จากในรูปข้างหลังเต็มไปด้วยต้นซากุระ
ไปต่อวัดน้ำใส เอาจริงๆเกือบตัดสินใจไม่มาวัดนี้แล้วเพราะเห็นในเฟสบุคมีคนบอกว่าปิดซ่อมแซม แต่ถ้าไม่มาเสียใจแย่เลย แค่นี้ก็คุ้มค่าที่ได้มาแล้ว ลงจากรถไฟฟ้า ต่อด้วยรถ Taxi ดีนะที่ขึ้นเพราะทางชันมาก ตรง Taxi จอดต้องเข็นขึ้นไปอีกไกลพอสมควร ทางชันเต็มไปด้วยคน ทางขรุขระนิดหน่อย แต่ก็ไม่ใช้อุปสรรคไปเรื่อยๆ เหนื่อยก็พัก ไม่สนใจร้านค้าด้านข้าง ไว้ค่อยกลับมาตอนขากลับ แล้วก็มาถึงจุดพักที่1 คนเยอะอีกเช่นกัน
ทางสำหรับคนพิการไปทางด้านซ้าย เป็นทางชันไม่มากนัก ขึ้นมาเรื่อย จะมีจุดพักที่ 2
มีอีกเนินนึง เพื่อที่จะเข้าไปสู่จุดจำหน่ายตั๋ว ทางขึ้นชันมาก เกือบไม่ไหว แต่มีสาวชาวญี่ปุ่นใจดี วิ่งเข้ามาช่วยดันอีกแรงนึง หอบอยู่เหมือนกันจุดนี้ เพื่อนที่เคยมาบอกว่าขึ้นมาได้ไง เดินขึ้นยังแทบจะไม่ไหว 555
เข้าไปใน Main Building มีทางลาดตลอดทาง แต่ตรงระเบียงด้านนอกไม่เห็นมีทางลงไป เลยได้ถ่ายรูปแค่ด้านในออกไป อาคารด้านหลังยังปิดซ่อมแซมอยู่ น่าจะอีกเป็นปีกว่าจะเสร็จ ออกจากอาคารจะเจอศาลเจ้า ด้านข้างมีทางลาดขึ้นไป แต่ไม่ไหวแล้ว เอาแค่นี้พอ ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกไว้
ทางในวัดจะเป็นทาง One Way เข้าทาง ออกทาง เพื่อความเป็นระเบียบ เดินมารื่อยๆ จะเจอทางลงเนิน ชันมากอีกเช่ยเคย ต้องถอยหลังลง แต่ขาลงไม่ยาก ไม่ต้องใช้แรงดัน แค่ยันๆไว้ ลงจากเนินก็จะเจอ จุดแม่น้ำ3สาย รองน้ำเพื่อดื่ม แต่คิวยาวมาก แถมไม่มีทางลาดด้วย ขอผ่านดีกว่า เดินออกมาอีกนิดจะเจอจุดถ่ายรูปมากมาย มีต้นซากุระต้นนึง ยังบานไม่มากนัก
พระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า ยังมีร้านค้านับ100ร้านที่รอเราอยู่ รีบลงไปหาของชิมไปเรื่อยๆ แวะดูของฝาก ไป Gion กลับ โอซาก้าอีก ดึกแน่คืนนี้
เดินลงมาเพื่อทะลุไป Gion เจอวัดอีกวัดนึง รู้สึกเสียดาย ไม่น่าไปวัด Tofukuji เลย จะได้มีเวลาเดินเล่นแถวนี้อีกนาน มาถึง Gion ก็รู้สึกไม่มีอะไรมาก มีของขายตลอดทาง แต่ยังไม่ใช่แนวเรา
ไปหาไรทานดีกว่า ตามรีวิวที่เพื่อนได้แชร์ในเฟสบุค โทคัสซึ สถานีเกียวโต ที่เลื่องลือ ไปถึงประมาณทุ่มนึง มีคิวอยู่ประมาณ 10คิว รอไม่นานนัก ก็ได้เข้าไปทาน ความอร่อยถือว่าใช้ได้ แต่ยังไม่ถูกปากเราเช่นเคย เราสาย ยากิโซบะ 7-11 / ทาโกะยากิ 555 มื้อนี้หมดไป ประมาณ 4500เยน ถือว่าคุ้มที่ได้ลอง
กลับโอซาก้า คืนนี้ไม่ไป นัมบะ เพราะว่าดึก และเหนื่อยล้ามาทั้งวัน แถมพรุ่งนี้ขอเปลี่ยนแผน ไปเที่ยวในโอซาก้าก่อน สาวๆ กระหายการช๊อปปิ้งอย่างแรง
วันที่ 22 เที่ยวในโอซาก้า เริ่มต้นด้วย ปราสาทโอซาก้า มาถึงประมาณ 8 โมง มีแดดอ่อน อากาศดีไม่หนาวมาก มีต้นซากุระ ต้อนรับอย่างสวยงาม ดึงดูดให้เราไปทางนั้น
เดินเข้าไปในสวนสาธารณะ เห็นปราสาทอยู่ไกลๆ เดินไปเจอสระน้ำด้านหลังเหมือนจะหลง เลยถามคุณลุงที่มานั่งชมสวนว่าทางเข้าอยู่ทางไหน ลุงเลยชี้ไปทางด้านหลัง ลุงบอกว่ามีสโล๊ปป่ะ(สำเนียงญี่ปุ่น) เลยเชื่อลุงเพราะเราลองเดินต่อไปอีกนิดเจอบันไดจริงๆ มาถึงด้านหลัง ร้านค้า ขายของกิน กำลังตั้งร้าน เลยเข้าขอเปิดบิล กินไอติม แก้กระหาย แล้วก็เริ่มขึ้นเนินกันเลย ด่าแรกไม่ชันมาก ชิวๆ
เป็นสะพานข้ามแม่น้ำไม่ชันมาก ก็จะเจอเจอทางเข้า และกำแพงหิน ด้านข้างก็จะมีทางขึ้นอีก เริ่มเหนื่อยแวะพักก่อน สักครู่ ยังไม่รู้อุปสรรคข้างหน้าว่าจะเจอกับอะไร
จากจุดนี้ไปจะเป็นเนินชัน และยาว ไม่มีที่แวะพักใดๆ ขึ้นไปถึงครึ่งทางเริ่มอึก ชักจะไม่ไหว จะถอยหลังก็ไม่ได้ ก็มีสวรรค์มาโปรด เป็นชายชาวญี่ปุ่นวิ่งเข้ามาช่วยไว้อย่างปาฏิหาริย์ 555 เล่นพี่ซะหน้าเขียวเลยจุดนี้
ยังไม่ถึง ยังเจอโค้งหักศอกอีก แถมชันอย่างแรง จนแฟนปล่อย ให้พี่เข็นเพียงลำพัง 555 ฮึปๆๆ อีกนิดเดียว ดูหน้าพี่สิ ลมแทบจับ
และแล้วก็ถึง ขอถ่ายรูปพี่ไว้เป็นที่ระลึก ก็มาถึงด้านหน้าปราสาท ลิฟท์จะอยู่ทางด้านซ้าย ยื่นบัตร Amazing Pass ที่ซื้อมาจากไทย มีเจ้าหน้าที่มาเปิดทางให้ไปขึ้นลิฟท์ ไม่ต้องต่อคิว มีทางเลาะกำแพงไป
ขึ้นลิฟท์มามีเจ้าหน้าที่เดินนำไป ด้านข้างมีคนต่อคิวอีกมากมายเพื่อขึ้นลิฟท์ สำหรับ Wheelchair จะขึ้นได้แค่ชั้นบนสุดและชั้น 2 (ถ้าจำไม่ผิด) ข้างในก็ไม่มีไรมาก ไม่ค่อยอยากเดินแล้ว เพราะเหนื่อยจากเนินมะกี้
เลยออกมาซื้อของกินบริเวณร้านค้าหน้าปราสาทแล้วออกทางด้านหน้า วิเคราะห์ว่าน่าจะมีทาง เห็นมีรถเข็นไฟฟ้าวิ่งมาทางนี้ ปรากฏว่าทางด้านหน้ามีทางขึ้นไม่ชันมาก ถ้าเราไม่เจอต้นซากุระเรียกเข้าไป เราน่าจะมาทางนี้ เอาซะเหนื่อยเลย
ไปหาของกิน Kuromon Market ดีกว่า สาวๆ อยากลองอาหารหลายนิดมาก จากในรีวิว ของกินมากมาย ทั้งของสดและแบบปรุงสำเร็จ อันนี้แก้มปลาทูน่า แนะนำเลย อร่อย ถูกด้วย ร้านอยู่ตรงแยก หาไม่ยาก
นี่ร้านป้า ขายปลาหมึกไข่นกกระทา มายังไงเนี่ยคนละสายพันธ์กันเลย เหนียว แอบแพงอีกต่างหาก กัดแทบไม่เข้า 555 แต่มาแล้วต้องลอง ไม่ลองไม่รู้
แวะกินซูชิ กล่องนึง ซื้อหน้าร้านทานที่ร้านได้เลย ดูป้ายที่เขียนว่า Eat In ตรงตัวป่ะล่ะ
ไปต่อ Tenjinbashisuji Shotenga ตามรีวิวของถูก มีร้าน100เยน หลายร้าน ขายของถูก เน้นแบบบ้านๆ ไม่มียี่ห้อ เสื้อหลายร้าน Made in China
สรุปที่นี่ไม่มาก็ได้ เพื่อนได้มาม่า100เยน ไปทานที่ห้อง 555
Part 2 ครับ ติดตามชมกันได้ครับ
http://ppantip.com/topic/35030626
ผิดพลาดประการณ์ใด ขภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ
[CR] Mini Review โอซาก้า-เกียวโต-ฟุกุโอกะ ญี่ปุ่นใครก็เที่ยวได้ ดินแดนแห่งอารยสถาปัตย์ [Wheelchair In Japan]
จากกระทู้แรก รีวิวทริปโตเกียว http://ppantip.com/topic/35018799 อันนี้ยังธรรมดาไม่มีแบบขึ้นเขาขึ้นเนิน
ทริปนี้ไปถึง3เมือง เดินทาง3คน 6วัน4คืน วันที่ 20-25 มี.ค. 2559 ตั้งใจจะไปตามหาซากุระ
เดินทางขาไปโดย นกสกุ๊ด ผู้เลื่องชื่อ แอบหวั่นกลัวตกเครื่องมากๆ รีบไปก่อนล่วงหน้าเลย3ชม. ขึ้นสนามบินดอนเมือง ไปถึงมีคนต่อคิวยาวแล้ว แสดงว่ามีคนกลัวเหมือนกัน จองตั๋ว3คน ราคา 19,550 บาท รวมค่ากระเป๋า30กิโล แอบแพงเพราะเพื่อนอีกคนจองทีหลัง จากการได้ขึ้นเครื่องนกสกุ๊ดไม่มีปัญหา มีพนักงานช่วยอุ้มปกติ ได้ที่นั่งประมาณแถว3 เครื่องใหม่ ไม่มีโฆษณาแฝงเหมือน AirasiaX ทำให้นอนหลับสบาย ลงสนามบิน Kansai
ขากลับ Jetstar มีดีเลย์นิดหน่อย ขึ้นที่เมืองฟุกุโอกะ พอรับได้ ราคา3คน ราคา 12,172 บาท รวมค่ากระเป๋า40กิโล Gate Jetstar ไม่มีงวงช้าง มีรถยกอำนวยความสะดวกสำหรับคนพิการ เครื่องไม่ใหม่มาก ไม่มีโฆษณาแฝงเหมือน นอนหลับสบาย ลงสนามบินสุวรรณภูมิ
คุ้มเลยไปทริปเดียว4สนามบิน 555 จองไปได้ เวลาก็ไม่มีดี ไปถึงเย็น กลับเช้า
การเดินทางซื้อ Setouchi Area Pass 5วัน + Amazing Pass 1 day + Suica
แผนการเดินทาง มีสลับวันนิดหน่อย เพราะวันที่สองที่เกียวโตรู้สึก เหนื่อยหล้า ที่ Fushimi Inari Shrine และ วัดน้ำใส
วันที่20 ไปถึงสนามบินคันไซ 16.45 น. เริ่มใช้ Setouchi Area Pass ซื้อจากไทย ต้องไปรับบัตรจริงที่สนามบิน เสียเวลาต่อคิวเกือบครึ่งชั่วโมง จะจองที่นั่งไป Hakata @ Fukuoka เจ้าหน้าที่บอก Non-reserv seat เศร้า ส่วน บัตร Amazing Pass เป็นบัตรจริง ไม่ต้องแลกใช้ได้เลย เติมเงินบัตร Suica 3000 เยน
รีบออกจากสนามบินเพื่อเอากระเป๋าไปเก็บที่พัก ครั้งนี้นอนที่ โอซาก้า 4 วัน จองใน airbnb เป็น apartment ราคา 7542 บาท ถูกมาก ห้องพักสะอาด ข้าวของเครื่องใช้ครบ มีPocket Wifiในห้อง ตอนแรกนึกว่าเอา Pocket Wifi ออกมาใช้ข้างนอกได้ ดีนะที่ซื้อซิม เน็ต มาเผื่อไว้ ราคา 300++ ถูกอีกเช่นเคย
ที่พักเป็น apartment ต้องเอารหัสเปิดเอากุญแจห้องเอง เวลากลับก็เอาไปใส่ไว้ที่เดิม ขอโทษด้วยไม่ได้ถ่ายรูปในห้องเลยครับ ลองเข้าไปดูตามลิ้งค์ครับ ห่างจาก Namba 2สถานี ถ้านั่ง Taxi กลับหลัง5ทุ่ม 950เยน
https://th.airbnb.com/rooms/8235532?eluid=0&euid=d89503cd-a3b8-58ca-c4af-5ff41fefe1fe
มาถึง Namba รีบตามหารองเท้าตามออเดอร์ มาถึงร้านใหญ่ก็จะปิดหมดแล้ว เศร้าใจ เดินทางถึงร้านรองเท้าโอนิซึกะ ร้านของไม่ค่อยเยอะ แถมส่วนมากเป็น Made In Vietnam เลยไปต่อยังไม่ได้ซื้อ ไว้ลองไปดูที่Shop วันหลัง เพราะมา Namba เกือบทุกวัน สาวๆ ชอบช๊อปปิ้ง
เดินไปเดินมา แวะ ABC Mart หารองเท้าถ่ายรูปส่งให้เพื่อน ฝากซื้อทั้งนั้นของตัวเองไม่มีเลย 555 ร้านอื่นก็ทยอยปิดหมดแล้ว ออกไปถ่ายรูปป้ายกูลิโกะ
เดินตามร้าน ราเองข้อสอบ ตาม Google Map วนไปวนมา ถามคนแถวนั้นแล้วก็เดินวน จนบังเอิญมาเจอพอดี เกือบ4ทุ่ม รสชาติดี แต่บังเอิญผมไม่ใช่คออาหารญี่ปุ่น เลยรู้สึกว่าก๋วยเตี๋ยวน้ำตกบ้านเราอร่อยกว่า 555
ทานเสร็จเดินออกมาหาร้านดองกี้ เลือกของอยู่นานสองนาน ดันลืมเอาบัตรลด500เยนหลายใบที่ได้มาจากการซื้อพาสในไทยมาอีก เลยรอไว้ซื้อวันหลัง เดินหาของไปพลางๆก่อน เนื่องด้วยเป็นวันแรกที่มา ร่างกายยังฟิต เวลาก็เลยไป5ทุ่มกว่า ยังไงก็ต้องกลับ Taxi โบกแท็กซี่ไป start 660 เยน ไปถึงที่พัก 950 เยน กลับที่พัก นอน
วันที่ 21 ไปเกียวโต เริ่มด้วย Fushimi Inari Shrine ด้วยความอยากนั่งรถไฟขบวน ริลัคคุมะ ทำให้ต้องหาสถานีอยู่เป็นเวลา และที่โอซาก้าที่รถไฟอยู่หลายเจ้าไม่เหมือนที่โตเกียว เป็นรถไฟเมโทรของเอกชน บริการเป็นเลิศ ที่นี่บางครั้งเราต้องไปเอง หรือบางครั้งเราก็ไม่รอเจ้าหน้าที่ เพราะเราไปเองได้ ไม่ต้องใช้ทางลาดยกล้อขึ้นเองเลย 555 สรุปหา รถไฟขบวน ริลัคคุมะ ไม่เจอ เจอคันสีม่วงแต่ไม่เห็นมีสติกเกอร์ เศร้าเลย
มาถึง Fushimi Inari Shrine เริ่มสาย คนเริ่มเยอะ แทบไม่มีที่ว่างถ่ายรูป เสาแดงที่เรียงรายเต็มไปด้วยคน แต่ก็ไม่แปลกใจเพราะว่าสถานที่งดงามจริงๆ ควรค่าแก่การมา
เดินเข้ามาจากทางเข้า ทางรถเข็นอยู่ด้านซ้ายมือ ชันพอสมควร แต่ไม่ยาวมาก เข็นขึ้นมาได้อีก สเต็ปนึงก็เจอบันได ไปต่อไม่ได้ แต่ก็ยังพอให้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ซื้อของที่ระลึกได้ ปล่อยให้สาวๆ เดินขึ้นไปถ่ายรูปเสาแดง
แล้วก็เดินลงมาซอยข้างวัด เต็มไปด้วยของกิน หลายชนิด แวะเติมพลังหน่อย มีแต่ของน่ากิน อย่างละ300-500 เยน
ต่อด้วย Tofukuji Temple เจอซากุระบานอยู่หลายต้น ถ้ามาตอนซากุระบานเยอะๆ คงจะสวยมาก วัดนี้ไม่ค่อยมีคน จริงๆแล้วไม่มาก็ได้ จากในรูปข้างหลังเต็มไปด้วยต้นซากุระ
ไปต่อวัดน้ำใส เอาจริงๆเกือบตัดสินใจไม่มาวัดนี้แล้วเพราะเห็นในเฟสบุคมีคนบอกว่าปิดซ่อมแซม แต่ถ้าไม่มาเสียใจแย่เลย แค่นี้ก็คุ้มค่าที่ได้มาแล้ว ลงจากรถไฟฟ้า ต่อด้วยรถ Taxi ดีนะที่ขึ้นเพราะทางชันมาก ตรง Taxi จอดต้องเข็นขึ้นไปอีกไกลพอสมควร ทางชันเต็มไปด้วยคน ทางขรุขระนิดหน่อย แต่ก็ไม่ใช้อุปสรรคไปเรื่อยๆ เหนื่อยก็พัก ไม่สนใจร้านค้าด้านข้าง ไว้ค่อยกลับมาตอนขากลับ แล้วก็มาถึงจุดพักที่1 คนเยอะอีกเช่นกัน
ทางสำหรับคนพิการไปทางด้านซ้าย เป็นทางชันไม่มากนัก ขึ้นมาเรื่อย จะมีจุดพักที่ 2
มีอีกเนินนึง เพื่อที่จะเข้าไปสู่จุดจำหน่ายตั๋ว ทางขึ้นชันมาก เกือบไม่ไหว แต่มีสาวชาวญี่ปุ่นใจดี วิ่งเข้ามาช่วยดันอีกแรงนึง หอบอยู่เหมือนกันจุดนี้ เพื่อนที่เคยมาบอกว่าขึ้นมาได้ไง เดินขึ้นยังแทบจะไม่ไหว 555
เข้าไปใน Main Building มีทางลาดตลอดทาง แต่ตรงระเบียงด้านนอกไม่เห็นมีทางลงไป เลยได้ถ่ายรูปแค่ด้านในออกไป อาคารด้านหลังยังปิดซ่อมแซมอยู่ น่าจะอีกเป็นปีกว่าจะเสร็จ ออกจากอาคารจะเจอศาลเจ้า ด้านข้างมีทางลาดขึ้นไป แต่ไม่ไหวแล้ว เอาแค่นี้พอ ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกไว้
ทางในวัดจะเป็นทาง One Way เข้าทาง ออกทาง เพื่อความเป็นระเบียบ เดินมารื่อยๆ จะเจอทางลงเนิน ชันมากอีกเช่ยเคย ต้องถอยหลังลง แต่ขาลงไม่ยาก ไม่ต้องใช้แรงดัน แค่ยันๆไว้ ลงจากเนินก็จะเจอ จุดแม่น้ำ3สาย รองน้ำเพื่อดื่ม แต่คิวยาวมาก แถมไม่มีทางลาดด้วย ขอผ่านดีกว่า เดินออกมาอีกนิดจะเจอจุดถ่ายรูปมากมาย มีต้นซากุระต้นนึง ยังบานไม่มากนัก
พระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า ยังมีร้านค้านับ100ร้านที่รอเราอยู่ รีบลงไปหาของชิมไปเรื่อยๆ แวะดูของฝาก ไป Gion กลับ โอซาก้าอีก ดึกแน่คืนนี้
เดินลงมาเพื่อทะลุไป Gion เจอวัดอีกวัดนึง รู้สึกเสียดาย ไม่น่าไปวัด Tofukuji เลย จะได้มีเวลาเดินเล่นแถวนี้อีกนาน มาถึง Gion ก็รู้สึกไม่มีอะไรมาก มีของขายตลอดทาง แต่ยังไม่ใช่แนวเรา
ไปหาไรทานดีกว่า ตามรีวิวที่เพื่อนได้แชร์ในเฟสบุค โทคัสซึ สถานีเกียวโต ที่เลื่องลือ ไปถึงประมาณทุ่มนึง มีคิวอยู่ประมาณ 10คิว รอไม่นานนัก ก็ได้เข้าไปทาน ความอร่อยถือว่าใช้ได้ แต่ยังไม่ถูกปากเราเช่นเคย เราสาย ยากิโซบะ 7-11 / ทาโกะยากิ 555 มื้อนี้หมดไป ประมาณ 4500เยน ถือว่าคุ้มที่ได้ลอง
กลับโอซาก้า คืนนี้ไม่ไป นัมบะ เพราะว่าดึก และเหนื่อยล้ามาทั้งวัน แถมพรุ่งนี้ขอเปลี่ยนแผน ไปเที่ยวในโอซาก้าก่อน สาวๆ กระหายการช๊อปปิ้งอย่างแรง
วันที่ 22 เที่ยวในโอซาก้า เริ่มต้นด้วย ปราสาทโอซาก้า มาถึงประมาณ 8 โมง มีแดดอ่อน อากาศดีไม่หนาวมาก มีต้นซากุระ ต้อนรับอย่างสวยงาม ดึงดูดให้เราไปทางนั้น
เดินเข้าไปในสวนสาธารณะ เห็นปราสาทอยู่ไกลๆ เดินไปเจอสระน้ำด้านหลังเหมือนจะหลง เลยถามคุณลุงที่มานั่งชมสวนว่าทางเข้าอยู่ทางไหน ลุงเลยชี้ไปทางด้านหลัง ลุงบอกว่ามีสโล๊ปป่ะ(สำเนียงญี่ปุ่น) เลยเชื่อลุงเพราะเราลองเดินต่อไปอีกนิดเจอบันไดจริงๆ มาถึงด้านหลัง ร้านค้า ขายของกิน กำลังตั้งร้าน เลยเข้าขอเปิดบิล กินไอติม แก้กระหาย แล้วก็เริ่มขึ้นเนินกันเลย ด่าแรกไม่ชันมาก ชิวๆ
เป็นสะพานข้ามแม่น้ำไม่ชันมาก ก็จะเจอเจอทางเข้า และกำแพงหิน ด้านข้างก็จะมีทางขึ้นอีก เริ่มเหนื่อยแวะพักก่อน สักครู่ ยังไม่รู้อุปสรรคข้างหน้าว่าจะเจอกับอะไร
จากจุดนี้ไปจะเป็นเนินชัน และยาว ไม่มีที่แวะพักใดๆ ขึ้นไปถึงครึ่งทางเริ่มอึก ชักจะไม่ไหว จะถอยหลังก็ไม่ได้ ก็มีสวรรค์มาโปรด เป็นชายชาวญี่ปุ่นวิ่งเข้ามาช่วยไว้อย่างปาฏิหาริย์ 555 เล่นพี่ซะหน้าเขียวเลยจุดนี้
ยังไม่ถึง ยังเจอโค้งหักศอกอีก แถมชันอย่างแรง จนแฟนปล่อย ให้พี่เข็นเพียงลำพัง 555 ฮึปๆๆ อีกนิดเดียว ดูหน้าพี่สิ ลมแทบจับ
และแล้วก็ถึง ขอถ่ายรูปพี่ไว้เป็นที่ระลึก ก็มาถึงด้านหน้าปราสาท ลิฟท์จะอยู่ทางด้านซ้าย ยื่นบัตร Amazing Pass ที่ซื้อมาจากไทย มีเจ้าหน้าที่มาเปิดทางให้ไปขึ้นลิฟท์ ไม่ต้องต่อคิว มีทางเลาะกำแพงไป
ขึ้นลิฟท์มามีเจ้าหน้าที่เดินนำไป ด้านข้างมีคนต่อคิวอีกมากมายเพื่อขึ้นลิฟท์ สำหรับ Wheelchair จะขึ้นได้แค่ชั้นบนสุดและชั้น 2 (ถ้าจำไม่ผิด) ข้างในก็ไม่มีไรมาก ไม่ค่อยอยากเดินแล้ว เพราะเหนื่อยจากเนินมะกี้
เลยออกมาซื้อของกินบริเวณร้านค้าหน้าปราสาทแล้วออกทางด้านหน้า วิเคราะห์ว่าน่าจะมีทาง เห็นมีรถเข็นไฟฟ้าวิ่งมาทางนี้ ปรากฏว่าทางด้านหน้ามีทางขึ้นไม่ชันมาก ถ้าเราไม่เจอต้นซากุระเรียกเข้าไป เราน่าจะมาทางนี้ เอาซะเหนื่อยเลย
ไปหาของกิน Kuromon Market ดีกว่า สาวๆ อยากลองอาหารหลายนิดมาก จากในรีวิว ของกินมากมาย ทั้งของสดและแบบปรุงสำเร็จ อันนี้แก้มปลาทูน่า แนะนำเลย อร่อย ถูกด้วย ร้านอยู่ตรงแยก หาไม่ยาก
นี่ร้านป้า ขายปลาหมึกไข่นกกระทา มายังไงเนี่ยคนละสายพันธ์กันเลย เหนียว แอบแพงอีกต่างหาก กัดแทบไม่เข้า 555 แต่มาแล้วต้องลอง ไม่ลองไม่รู้
แวะกินซูชิ กล่องนึง ซื้อหน้าร้านทานที่ร้านได้เลย ดูป้ายที่เขียนว่า Eat In ตรงตัวป่ะล่ะ
ไปต่อ Tenjinbashisuji Shotenga ตามรีวิวของถูก มีร้าน100เยน หลายร้าน ขายของถูก เน้นแบบบ้านๆ ไม่มียี่ห้อ เสื้อหลายร้าน Made in China
สรุปที่นี่ไม่มาก็ได้ เพื่อนได้มาม่า100เยน ไปทานที่ห้อง 555
Part 2 ครับ ติดตามชมกันได้ครับ http://ppantip.com/topic/35030626
ผิดพลาดประการณ์ใด ขภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ