[CR] Mini Review โอซาก้า-เกียวโต-ฟุกุโอกะ ญี่ปุ่นใครก็เที่ยวได้ ดินแดนแห่งอารยสถาปัตย์ [Wheelchair In Japan] PART2

สวัสดีครับเพื่อนสมาชิกทุกท่าน

[CR]Mini Review โอซาก้า-เกียวโต-ฟุกุโอกะ ญี่ปุ่นใครก็เที่ยวได้ ดินแดนแห่งอารยสถาปัตย์ [Wheelchair In Japan] PART1 http://ppantip.com/topic/35026396 พิมพ์ข้อความได้ไม่เกิน 10000 ตัวอักษร ก็ต่อด้วย Part 2 เลยครับ


ไปต่อที่ HEP Five ชิงช้าสวรรค์ เพื่อไปชมวิวเมืองโอซาก้าสักหน่อย มาลงรถไฟฟ้าที่สถานีโอซาก้า เห็น HepFive อยู่ไกลๆ ไม่น่าจะหลง แต่ก็หลงอีกตามเคย ลงมาชั้น2 เห็นป้ายมีป้าย Construction เลยเปลี่ยนใจลงมาชั้น 1 แต่คิดว่าไม่น่าหลง ก็เดินไปตามทางฟุตบาท เดินปเรื่อยๆ ข้ามแยก ปรากฏว่ามองขึ้นไป ชิงช้าหายไปแล้ว ตึกบังหมด 555 เลยถามคนญี่ปุ่น เลยโค้งมาอีกนึดก็เจอ แถว Umeda อารมณ์เหมือยสยามบ้านเรา มีห้างมากมาย ขึ้นไปบน HepFive เจอคนไทยค่อนข้างเยอะ ใช้บัตร Amazing Pass ไปถึงก็เตรียมตัวขึ้น เจ้าหน้าที่แจ้งประมาณว่าประตูมันแคบ แต่เราก็ฟังไม่ค่อยออก เลยตั้งหน้าตั้งตาจะขึ้น เจ้าหน้าที่หยุดชิงช้า เพื่อเข็นขึ้น ปรากฏว่า รถเข็นใหญ่กว่าประตูนิดนึง เลยขึ้นไม่ได้ ถอยออกมาเพื่อให้ ชิงช้าหมุนต่อ เราก็ถอดใจแล้วล่ะ ไม่ขึ้นก็ได้ เลยเดินออก เจ้าหน้าที่ก็เดินเข้ามาแสดงความเสียใจ แฟนก็เลยขอให้เจ้าที่ผู้ชายช่วยอุ้ม เจ้าหน้าที่ยินดี ชิงช้าหยุดอีกครั้งนึง เจ้าหน้าที่ชาย2คนช่วยกันอุ้มขึ้นไปนั้งบนชิงช้า อย่างปลอดภัย บริการดีจริงๆ

ในแผนจะไปต่อ Umeda Sky Building ต่อแต่เริ่มมึดแล้ว สาวๆจะไปช๊อป กระเป๋า เบา เบา อีกเด๋วไม่ทัน เริ่มหน้าหงิก 555 กลับไป นัมบะ อีกเช่นเคย รีบเดินไปช๊อปเบาๆ แล้วต้องกลับมาช๊อปโอนิซึกะ มันคนละฝั่งกันเลยนะ
ตึกนี้เลยมีช๊อปเบาๆอยู่ด้านใน ไปถึงประมาณเกือบทุ่ม ของในช๊อปเหลือไม่เยอะแล้ว พนักงานต้องมาตอนเช้า สาวๆเลยไม่ได้อะไรติดมือไป เราก็เชียร์ให้ซื้อเลย จะได้ไม่ต้องหาช๊อปที่อื่นอีก 555

แล้วเดินกลับมาช๊อปโอนิซึกะ ซึ่งอยู่อีกฝากฝั่งนึง คนก็เยอะ ตั้งหน้าตั้งเดินกัน ด้วยความเร็ว ไปถึงช๊อปโอนิซึกะ ประมาณทุ่มครึ่ง สาวๆเจอรองเท้าที่พ่อฝากซื้อ Made in Indonesia ด้วย โล่งใจไปเปราะนึง ไปที่โตเกียวไม่มีรุ่นนี้ ดีใจหนักมาก
ออกจากช๊อปโอนิ ก็ออกมาต่อ ร้าน ABC Mart หารองเท้าให้เพื่อนอีก ได้คนละคู่2คู่ สบายใจ
หลังจากนั้นก็ที่ดองกี้ เดินหาของ วันนี้ไม่ลืมบัตรส่วนลด 500เยน ซื้อได้เต็มที่ มีเวลาเหลือ หลายชั่วโมง ปล่อยให้สาวๆ เลือกของไปผมก็ดูของในนี้ไปพลางๆ 555

คูปองส่วนลด 500เยน ได้จากการซื้อ pass ที่ไทยมา6ใบ ต้องซื้อเครื่องสำอาง5000เยนขึ้นไป ลด500เยน ถ้าของใช้ 10000เยนขึ้นไป ลด500เยน ได้ตุ๊กตาด้วยนะ ผมแยกบิลใช้บัตรลดไป3ใบ ได้ตุ๊กตา3ตัว ส่วนขอ Tax Refund ต้องมาอีกเค้าเตอร์นึงคนละส่วนกับคิดเงินครับ ตรงนั้นชี้ให้เจ้าหน้าที่ดูรูปตีกตา เจ้าหน้าที่จะหยิบให้ครับ หิ้วของกันตัวเอียงเลย

โบก Taxi กลับเพราะของเยอะ Start 660เยน ไปถึงที่พัก 1400เยน แท็กซี่พาอ้อมซะ ลุงไม่ค่อยชินทาง วันแรกแค่950เยนเอง เศร้า

วันที่ 23 ไปเกียวโต เริ่มด้วย Arshiyama ที่นี่บ้านเมืองเค้าสวยงามจริง บ้านน่าอยู่ทุกหลังเลย ถ้ามา ฤดูใบไม้เปลี่ยนสี คงฟิน เป็นที่สุด มีต้นซากุระตามรายทาง ให้ถ่ายรูป สวยงาม

เดินต่อมา มีร้านขายของ ตามรายทาง ร้านขายไอศครีม กาแฟ ของที่ระทึกมากมาย จริงๆแล้วในแผนต้องนั่งรถไฟสายโรแมนติก แต่เนื่องด้วยกลัวว่าจะตื่นไม่ทันและไม่มีที่สำหรับ Wheel Chair ลองถามเจ้าหน้าที่ JR ที่สนามบิน เค้าไม่ชัวว่ามีรึเปล่า เดินมาไม่นานก็มาถึง สะพานโทเง็ตสึเคียว คนยังไม่ค่อยเยอะมาก เป็นอีกที่นึง ที่มีทัวร์ลง

อากาศดี มีแดด อ่อนๆ (แต่กลับมาดำเลย เพื่อนถามไปเที่ยวทะเลมาเหรอ555) เดินเลอะแม่น้ำมาเพื่อทะลุไปวัด Tenryū-ji เข้าที่ที่วัดเจ้าหน้าที่แจ้งว่า Wheel Chair สามารถเข้าได้แค่ส่วนแรก ส่วนที่ 2-3 เข้าไม่ได้เป็นสะพาน รวมถึงมีทัวร์เข้าค่อนข้างเยอะ ทางเป็นหินคลุก เข็นไปเข็นมาล้อเกือนดุ้ง เลยขอแค่ถ่ายรูปด้านหน้าก่อนไปต่อ ป่าไผ่

แวะเติมพลังก่อนขึ้นป่าไผ่ มีขายหลายอย่าง ปลาหมึกย่าง ไอศครีม รสชาติดี คนต่อคิวเยอะ มีรถลาก ขอทางเป็นระยะๆ สาวๆ แอบฟิน คนลากรถ เป็นหนุ่มหล่อ กล้ามขาเป็นมัดๆ คนนั่งส่วนมากก็จะเป็นสาวๆ กระหยิ่มยิ้มแย่ง ฟินไปตามๆกัน

ทางขึ้นป่าไผ่ เป็นทางหินอัด เข็นง่ายไม่ชันมาก เดินเข้าไปด้านใน ก็มีวัดเล็กๆอยู่วัดนึง เลยเลี้ยวกลับเพื่อมาสถานี JR ไปวัดทอง ต่อคืนนี้จะได้ไม่ดึกมาก

ออกจากสถานี Emmachi แวะเติมพลังร้านอุด้ง ตรง4แยก ก่อนขึ้น Taxi ไปวัดทอง ขับไปแปปเดียวถึง ค่ารถไม่ถึงพันเยน Taxi จอดตรงถนน ไม่ได้เข้าถึงหน้าวัดให้เราเดินเข้ามากันเอง ก็เดินเข้ามาพอสมควร ทางเข้าวัดเป็นหินคลุก เต็มไปด้วยทัวร์จีน เด็กๆเตะหินกันฝุ่นตลบ เหมือนกำลังเล่นฟุตบอลโลก วุ่นวาย เลยทีเดียว แอบแปลกใจว่าไม่ห้ามลูกหลานสักนิดเลยรึ

เข้ามามีทางแยกชัดเจน ทัวร์ไปทางซ้าย เราไปทางขวา คิวยาวมาก คงมาตามหา อิคิวซังเหมือนเรา จ่ายเงินค่าเข้าแล้วก็เดินเข้ามา เป็นทางเดินแบบ One way เข้าทางนึง ออกทางนึง เข้าถึงจุดที่ทุกคนต้องแวะ เต็มไปด้วยคน แทบไม่มีที่ยืนให้ถ่ายรูป ต้องเลยมาแอบๆหลบมุมถ่าย

เดินต่อมาอีกหน่อยก็จะเจอวัดที่อิคิวซังอยู่ด้านขวา เข้ามาอีกนิดก็จะเจอร้านขายของฝาก และก็บันได 555 สรุปย้อนกลับมาออกทางเข้า ต้องฝ่าผู้คนมากมาย เพื่อกลับมาอีกทางนึง

ออกจากวัดทอง มารอรถเมล์ เห็นมีคนต่อแถวไม่มาก ลองขึ้นดีกว่า คุณลุงผู้จัดคิวให้คนขึ้นรถ เรียกลัดคิวให้มาด้านหน้า พูดเป็นภาษาญี่ปุ่นฟังไม่ออก ตามๆลุงไป ปรากฎว่าคนเต็มรถเลย ไปคันหลังก็ได้ แต่คุณลุงไม่ยอม ขึ้นไปเรียกคนบนรถให้ขยับ เบียดๆ ปลากระป๋องไป ไม่นานก็ถึงสถานี Emmachi คนขับรถก็มาช่วยลงรถเมล์อย่างแข็งขัน
กลับโอซาก้า บ๊าบบาย เกียวโต สาวๆไปนัมบะ อีกแล้ว เดินวนไปมา 3วัน ความสุขของกะทิ จริงๆ คืนนี้ได้กลับรถไฟฟ้าเข้าที่พัก ไม่ต้องเสียค่าแท็กซี่

วันที่ 24 ไปฟุกุโอกะ ประสบการ ขึ้น Shinkansen ครั้งแรก ไม่ประทับใจอย่างแรง เพราะซื้อ setouchi area pass ไม่สามารถจองที่นั่งได้

เจ้าหน้าที่JR ให้รอ เจ้าหน้าที่ Shinkansen มารับ รออยู่นานสองนาน ก็มี ลุงเจ้าหน้าที่มารับ ไม่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ จับใจความได้อยู่คำเดียว Hakata not helper เราก็ Ok Ok ไป ไปถึงที่นั้งโบกี้3 เต็มหมด ไปดูโบกี้ 1-2 ก็เต็ม เพราะว่าสามารถนั่งได้แค่ 3โบกี้แรก รถก็ใกล้จะออก ถามลุงเจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้ มีคนฝรั่งที่พูดภาษาญี่ปุ่นได้มาช่วยพูด ก็ไม่เข้าใจอีก จะตัดสินใจรอขบวนถัดไปก็ขึ้นมาแล้ว ไปเลยละกัน มาติดแง็กอยู่ตรงทางเข้าระหว่างโบกี้ 1-2 ข้างหน้าสูบบุหรี่ ที่นั่งเต็มหมดแลรถเข็นเข้าไม่ได้ด้วยทางแคบ เลยจำเป็นต้องนั่งตรงนั้นยาวเลย

สถานีถัดไปก็มีคนลง สาวๆ ก็มีโอกาสได้นั่ง เราก็ยังต้องนั่งตรงประตูยาวๆ3ชั่วโมง วิ่งเร็วจนหูอื้อ แอบเสียดายไม่น่าซื้อพาส ซื้อเป็นเที่ยวจองที่นั่งได้ สบายๆ ไฮโซ
มาถึงสถานี Hakata รีบเอากระเป๋าไปเก็บโรงแรม พักที่ Toyo Hotel ไม่ได้ถ่ายรูปอีกแระ ห้อง3เตียงเล็กๆ ห้องน้ำเหมือนตู้อาบน้ำ โรงแรมบ้านเราดีกว่าเยอะเลย อยู่ไม่ไกลจากสถานี ไปหากระเป๋า เบาๆ ที่สถานี Hakata สาขานี้มีของเยอะ สอยมา1ใบ ยิ้มแป้นเลย ไม่เสียเที่ยว ตั้งใจไว้ตั้งแต่คราวที่ไปโตเกียว ได้กระเป๋าแล้วไป Ohori Park หวังว่าจะได้เจอซากุระ เยอะๆ ได้ข่าว่าปีนี้บานเร็ว
นั่งรถไฟใต้ดินใช้บัตร Suica บัตร setouchi area pass หมดประโยชน์แระ
ไปถึง Ohori Park คล้ายๆบางปูบ้านเรา มีนก บินกันเต็มเลย แดดแรง แต่อากาศหนาว ลมแรง

ข้ามสะพานไปแค่เกาะกลางเดินย้อนกลับมาเพื่อไปหาซากุระ ซอกปราสาทฟุกุโอกะ ทางเข้าเป็นทางหิน ขรุขระ เป็นเนินขึ้น เข็นค่อนข้างลำบาก
มีชาวญี่ปุ่นมานั่งปิคนิคใต้ต้นซากุระ ชิวไปอีกแบบ แต่ลมแรงมาก จัดว่าหนาวเลยทีเดียว

ซากุระยังบานไม่มาก มีบานบ้างเป็นบางต้น ต้นไหนบานคนรุมกันเพียบ 555

มีร้านขายของกิน หลายร้าน แต่คนไม่เยอะ เพราะลมแรง ลองเค้าไปซื้อขนมปลามาลอง แต่ไม่อร่อยสู้ที่เมกะบางนาไม่ได้

เดินเข้ามาอีกทางนึงจะมีทางทะลุไปอีกฝั่งนึง ที่มีปราสาทฟุกุโอกะ แต่ไม่ได้เข้าเพราะเริ่มเพลียๆ หนาวด้วย

ไปต่อ Tenjin Underground Shopping Mall เป็นทางเดินใต้ดิน มีร้านค้ามากมาย อุ่นดีด้วย ข้างนอกไม่ไหว หนาวมาก

เดินไปเดินมา เริ่มเบื่อ ขึ้นไปข้างบนบ้างดีกว่า สาวๆ อยากไปร้าน100เยน เงินยังเหลือ เดินหาอยู่พักนึง เริ่มไม่ไหวหนาว ไปซื้อของกิน แล้วกลับที่พักดีกว่า ต้องแพ็คกระเป๋ากลับไทยแต่เช้า

แวะซื้อของกิน ที่ซุปเปอร์มาเก็ต สถานี Hakata แล้วออกมาถ่ายรูปด้านหน้า

ออกทางผิดอีก หาโรงแรมไม่เจอ เดินอ้อมไปอีก ถึงโรงแรม

วันที่ 25 กลับไปแต่เช้า มาถึงสนามบินฟุกุโอกะ 8โมงเช้า นั่งรถต่อไป Gate ขาออกอีกต่อนึง Jetstar Delay อีกเกือบชั่วโมง กระเป๋าที่จองมา3คน70กิโล เกินซะงั้น ต้องแบ่งออกมาถือขึ้นเครื่อง แต่โชคดีที่มากับ Wheel Chair ถือขึ้นเครื่องไม่ต้องชั่งน้ำหนักกระเป๋า ไม่งั้นเสียค่าน้ำหนักอีกเป็นพันแน่ ยังไม่พอยังซื้อที่สนามบินต่ออีก แทบถือไม่ไหวเลยที่เดียว ที่สนามบิน เห็นมี ช๊อป เบาๆ กำลังจะเปิด เผื่อใครผ่านมาลองแวะดูได้ครับ
ขึ้นเครื่องที่นี่ก็สบาย มีรถลิฟท์ รถเข็นภายในเครื่องเข้าถึงที่นั่งเลย

ขอจบการรรีวิว ไว้เพียงเท่านี้ครับ ผิดพลาดประการใด ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะครับ

ฝากลิ้งไว้ เผื่อใครยังไม่ได้ดูครับ รีวิวทริปโตเกียว http://ppantip.com/topic/35018799 อันนี้ยังธรรมดาไม่มีแบบขึ้นเขาขึ้นเนิน

ยิ้มยิ้มยิ้มยิ้มยิ้มยิ้มยิ้มยิ้มยิ้ม
ชื่อสินค้า:   ประเทศญี่ปุ่น
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่