[CR] Classic Reviewer :: หนังคลาสสิคครอบครัวอินเดีย Kabhi Khushi Kabhie Gham 2001 (Sometimes Happiness, Sometimes Sadness)

สำหรับเวปอัพเดทค่ะ https://www.facebook.com/classicreviwerth
และเวปหลัก https://classicreviewer.wordpress.com


ใกล้เข้าช่วงเทศกาลสงกรานต์แล้ว และหนึ่งในช่วงเทศกาลนี้ก็เป็นวันครอบครัวด้วย ตัวฉันเลยอยากมาแนะนำหนังครอบครัวดีๆ ที่ไม่ควรพลาด หนังเรื่องนี้เป็นภาพยนตร์ของทางฝั่งอินเดียซึ่งไม่ได้โด่งดังแค่ในประเทศอย่างเดียวแต่รวมถึงทั่วโลกด้วย ชื่อไทยแปลง่ายๆว่า บางครั้งสุข บางครั้งเศร้า หนังเล่าเรื่องเกี่ยวกับพ่อและลูกชายคนโตที่บาดหมางกัน นั่นทำให้ลูกชายคนเล็กคิดจะลบรอยร้าวระหว่างครอบครัว

IMDB: 7.5
Rotten Tomatoes: 88%

Director: Karan Johar
Casts: Shah Rukh Khan, Kajol, Amitabh & Jaya Bachchan & more
Theme: Drama, Musical, Romance



เนื้อเรื่องโดยสังเขป

เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อ Rahul (Shah Rukh Khan) ลูกชายบุญธรรมของเศรษฐีนักธุรกิจพันล้าน Yash Raichand (Amitabh Bachchan), เดินทางกลับมาจากอังกฤษเพื่อที่จะมาช่วยพ่อบริหารงาน รวมถึงตัวของ Yash เองก็มีประสงค์จะให้ลูกชายแต่งงานกับลูกสาวเพื่อนด้วยเช่นกัน แต่กระนั้น Rahul กลับขัดใจพ่อโดยยืนยันจะแต่งงานกับ Anjali (Kajol) สาวจากสลัมที่เขาพบรัก Yash โกรธและไล่ลูกชายออกจากบ้านตัวเองทันที ทั้งสองคู่รัก Rahul และ Anjali ต้องระหกระเหินเดินทางไปไกลถึง London พร้อมกับน้องสาวของเธอ Pooja (Kareena Kapoor) เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นแผลบาดลึกในใจของ Nandini (Jaya Bachchan) ที่ต้องปล่อยลูกชายตัวเองจากไป อีกหนึ่งทศวรรษถัดมา Rohan (Hrithik Roshan) ลูกชายคนเล็กของตระกูล Raichand กลับมาอินเดียหลังจากเรียนจบ พึ่งได้รับรู้ความจริงเกี่ยวกับการจากไปของพี่ชาย เขาจึงคิดจะออกตามหา Rahul ให้กลับบ้าน กลับไปเป็นครอบครัวดังเดิม

เกร็ดเล็กๆ

1) Amitabh Bachchan และ Jaya Bachchan ผู้รับบทพ่อแม่ของ Rahul และ Rohan ตัวจริงเขาก็เป็นสามีภรรยากันในชีวิตจริงนะคะ ทั้งสองดังมากๆจากภาพยนตน์เรื่อง Sholay (1975)

2) คู่ของ Shah Rukh Khan และ Kajol พระนางของเรื่องนั้น เขาเป็นคู่ขวัญกันมานานเกือบ 10 ปีแล้ว เพราะเคมีของทั้งคู่นั้นเข้ากันอย่างเหลือเชื่อ ก่อนหน้านี้ก็ร่วมกันแสดงในภาพยนตร์ Kuch Kuch Hota Hai (1998) เกี่ยวกับเพื่อนแอบรักเพื่อนและกว่าเขาจะออกตาหาเธอก็ล่วงเลยไปเป็น 10 ปีตามคำสั่งเสียของภรรยาที่เสียชีวิตไป, ผู้เชื่อว่าตัวเธอเข้ามาแทรกกลางระหว่างความสัมพันธ์ของพระนาง ภาพยนตร์นั้นประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ซึ่งทั้งสองเรื่องกำกับ,เขียนเรื่องและบทโดย Karan ปัจจุบันตัวของ Shah Rukh และ Kajol นั้นเล่นภาพยนตร์ด้วยกันเป็นจำนวนราวๆ 7 เรื่องแล้ว

3) เรื่องนี้ถ่ายทำ 3 ที่หลักๆ ได้แก่ Mumbai, London และ Egypt

4) ในปี 2003 หนังเรื่องนี้ได้กลายเป็นหนังอินเดียเรื่องแรกที่ได้เข้าฉายในประเทศเยอรมัน

5) เมื่อหนังออกฉายก็ประสบความสำเร็จสุดๆทั้งในและนอกประเทศ ตัวหนังนั้นลงทุนสร้างไปแค่ $5.9 ล้าน US แต่ได้กลับมาถึง $20 ล้าน นอกจากนี้ยังได้ขึ้นสถิติเป็นภาพยนตร์อินเดียที่ทำรายได้ดีที่สุดในต่างประเทศ จนสถิตินั้นถูกทำลายลงเมื่อ Karan ผู้กำกับคนเดิมปล่อยหนังเรื่องใหม่ออกมา, Kabhi Alvida Naa Kehna (2006) นำแสดงโดย Shah Rukh Khan และ Amitabh Bachchan อีกนั่นแหละ ตัวฉันยังไม่เคยดูเรื่องนี้นะคะ แต่ Sha Rukh พลิกบทจากพระเอกแสนดีมาเป็นพระเอกนิสัยเลว เรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตคู่สองคู่ที่ไม่แฮปปี้ ฝ่ายหนึ่งของทั้งคู่มาเจอกันละถูกใจจนกลายมาเป็นความรัก

6) เพลงธีมหลักของเรื่องนั้นมีอยู่ถึง 3 เวอร์ชั่น ซึ่งเปิดในช่วงของแต่ละหนังนั้น ขึ้นอยู่กับอารมณ์ของแต่ละซีน ได้แก่ เวอร์ชั่นธรรมดา, เศ้รา, และโศร้าสุดๆ

7) หนังชนะหลายรางวัลอีกด้วย โดยเฉพาะ Filmfare Awards นั้นคว้าไปถึง 5 รางวัล (Filmfare เป็นรางวัลคล้ายๆกับออสการ์ของฝั่ง Hollywood ค่ะ)

วิจารณ์

เรื่องนี้ใช้นักแสดงหลักๆอยู่ 6 คน 3 คู่ แต่ล่ะคนผลงานนี่ก็ใช่เล่นที่ไหน ตัวพ่อตัวแม่ของวงการ Bollywood เลย คู่ของ Yash -Nandini (Amitabh และ Jaya Bachchan) และ Rahul (Shah Rukh Khan)– Anjali (Kajol) นั้นเขาดังมาก่อนอยู่แล้ว แต่คู่น้องเล็กเนี่ยพอมาเล่นเรื่องนี้แล้วปังเลยค่ะ ซึ่งพวกเขาก็เป็นทายาทดารานักทำหนังกันอยู่แล้วด้วย การแสดงของแต่ละคนนั้นดีสุดๆ โดยเฉพาะรายของ Jaya Bachchan เรียกได้ว่าเด่นน้อยสุดแต่ออกมาทีไรมีผลกับเนื้อเรื่องและขโมยซีนไปเลย แถมเธอยังชนะรางวัล Filmfare Awards ในสาขานักแสดงหญิงสมทบ ตัวของ Kareena Kapoor ผู้รับบท Pooja ก็ได้เข้าชิงสาขานี้อีก นอกจากนี้ Kajol นางเอกเองก็ชนะรางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมในสถาบันเดียวกันด้วย น่าเสียดายที่ฝ่ายชายได้แค่เข้าชิง แต่ไม่ได้รางวัลอะไรมาเลย

หนังนำเสนอแง่คิดระหว่างครอบครัว โดยถ่ายทอดความรู้สึกของตัวละครที่คนดูสามารถรู้สึกเสมือนกัน อย่างเช่น เวลาทะเลาะกันเนี่ย ถ้าเราเป็นลูก เราจะรู้สึกและปฏิบัติตามคล้ายๆทางฝ่าย Rahul แต่ถ้าเราเป็นพ่อแม่เราจะทำตัวเป็น Yash ความรู้สึกมันใช่เลย ซึ่งนั้นทำให้คนดูรู้สึกอินตาม ด้านเรื่องเทคนิคการใช้กล้องก็ตามมาตราฐานเลยค่ะ ทำได้ดีมากๆ ไม่ว่าจะเป็นการใช้กล้องแพนแบบ 360 องศา สร้างความรู้สึกดราม่า หรือจะเปลี่ยนการเคลื่อนกล้องสร้างมิติความสวยของการเคลื่อนไหวของตัวละคร จากตัวหนึ่งไปอีกตัวหนึ่ง ส่วนด้านงานเสื้อผ้าเองก็ดีมากๆ ใส่รายละเอียดดีโดยเฉพาะตัว Yash ที่ใส่ชุดดำและแข็งกร้าวทั้งเรื่องพอห่มขาวในตอนสุดท้ายๆ กลายเป็นตัวละครดูอ่อนโยนลงไปเลย

ข้อเสียของหนังคือ หนังนั้นยาวมาก ประมาณ 3 ชั่วโมงได้ บางฉากก็เรียกได้แทบว่าไม่จำเป็นเลย ทำลายความต่อเนื่องของหนัง เพลงก็เยอะเกินไป เพลงประกอบที่ดีควรทำให้หนังเดินเรื่องไปด้วย หรือง่ายๆคือ หนังต้องสามารถเล่าเรื่องโดยใช้เพลงเป็นเครื่องมือนั่นเอง ถ้าตัดเพลงบางส่วนออกเนี่ยจะสมบูรณ์มากขึ้น ฉากเลิฟซีนโดยผ่านการเต้นของคู่น้องเล็กเนี่ยตัดออกไปจะดีมาก มันทำให้เรารู้สึกว่า เฮ้ย Rohan แกมาหาพี่ชายนะเว้ย ดูเป้าหมายแกแอบเขวงไปนะ คู่เนี่ยแค่บิ๊วความสัมพันธ์จากการพูดคุยมองตาก็เดาได้แล้วว่าต้องสมหวังกัน แถมยังเคยรู้จักกันตอนเด็กๆอีก ไม่ต้องบอกก็รู้แล้วว่าชอบกัน

แต่ข้อเสียนั้นก็ไม่ได้ดึงให้หนังแย่จนย๊วบลงนะคะ อย่าพึ่งเปลี่ยนใจไป คุณภาพดีแต่เสียแค่เรื่องความยาวและพยายามพูดหลายเรื่องเกินไปแค่นั้น ถ้าใครชอบดูเพลินๆไม่คิดอะไรก็ดู Rohan และ Pooja คู่นี้นี่ลีลาเท้าไฟ แต่กระนั้นซีเคว้นเพลงที่เรียกได้ว่าเพอร์เฟคลงตัวที่สุดคือฉากที่ตัว Rahul มางานแต่งงานของลูกสาวแม่นม ซึ่งเจ้าสาวก็เป็นเพื่อนนางเอกเนี่ยแหละ ฉากนี้เล่าเรื่องผ่านเพลงตั้งแต่ก่อนพิธีจนจบพิธีงานแต่ง ผ่านการเต้นและเล่นกับพื้นที่ในฉากที่จำกัด สวยงามเพอร์เฟ็ตก์มาก ส่วนเพลงก็เพราะติดหูจริงๆ
หนังสามารถเล่าเรื่องโดยดึงเหตุการณ์และเทศกาลในอินเดียเข้ามา ทำให้คนดูยิ่งรู้สึกอินไปกับมันด้วย อย่างเช่นเทศกาล Diwali ในฉากเปิดเรื่องเลย เทศกาลนี้สื่อถึงการเริ่มต้นใหม่ ผู้คนมักซื้อของมากมายมาผลัดเปลี่ยนจากของเก่า ชาวฮินดูนิยมจุดไฟ เชื่อว่าจะนำสิ่งดีๆ เข้ามาในชีวิต ซึ่ง Karan ผู้กำกับนำมันประกอบกับการเปิดเรื่องนั่นเองเลย พระเอกคือสิ่งดีๆ ที่กลับเข้ามาอ้อมอกครอบครัว
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ท้ายสุดคือหนังต้องการจะพูดถึงบ้านในรูปแบบที่ใหญ่กว่าครอบครัว นั่นคือประเทศอินเดีย หนังเริ่มบิ๊วว่าทำไมพระเอกควรกลับไปอินเดีย เพราะลูกชายเขาเติบโตมาแบบหนุ่มอังกฤษที่แทบจะลืมความเป็นอินเดียไปหมด นางเอกผู้เป็นแม่ก็คิดถึงบ้านอินเดียเหลือเกิน ซึ่งไอเดียในการพูดถึงบ้านในรูปแบบใหญ่นั้นดีมาก สร้างสรรค์ แต่เพราะหนังอยากเล่าอย่างยิ่งใหญ่เกินตัวมันทำให้หนังถึงพูดหลายประเด็นเกินไป กระทบถึงเวลาที่ยืดกินไปถึงสามชั่วโมง อย่างไรก็ตามซีเคว้นช่วงรักชาติ คิดถึงแผ่นดินนั้นทำออกมาได้ดราม่าตราตรึงจนเราที่ไม่ใช่คนอินเดียยังรู้สึกอินตาม จังหวะ เพลงประกอบนั้นดีมากๆ
สรุปและหาซื้อ

รื่องนี้หาซื้อหาดูได้ตามเน็ตและร้านขาย ที่คลองถมน่าจะมีแผ่นแท้อยู่นะคะ มีพากย์ไทยแน่นอน สรุปง่ายๆคือ หนังพูดถึงความเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์ ความสุขที่แท้จริง การรักและบูชาบุพการีมิเสื่อมคลาย และยังพูดถึงบ้านที่แท้จริง นอกจากครอบครัวของ Rahul แล้ว ยังเอ่ยคำว่าบ้านในรูปแผ่นดินแม่ เป็นหนังครอบครัวที่โดนใจและตราตรึงอยู่ในใจฉันและหลายๆคนเสมอ (คนดูส่วนใหญ่ที่ชอบหนังอินเดียมักมีภาพยนตร์เรื่องนี้อยู่ใน List Top 10 หนังโปรดอยู่เสมอ) หนังให้ความอบอุ่นแก่คนดูพร้อมแฝงเสียงเฮฮามาเป็นระยะ มีน้ำตาร่วงบางตอน ซึ่งตามชื่อหนังเลย บางครั้งสุข บางครั้งเศร้า

– ขอบคุณที่อ่านและติดตามค่ะ –
Classic Reviewer
ชื่อสินค้า:   Kabhi Khushi Kabhie Gham
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่