เริ่มแรกเกิดขึ้นในเดือนมกราคมปี 2559 พวกเราทั้ง 7 ต้องการไปเที่ยวพักผ่อนในช่วงปิดเทอม (เมษายน) โดยมีข้อแม้ คือ 1. ต้องขึ้นเครื่องบินไป (ประหยัดเวลา+จขกท.ไม่เคยขึ้น)
2. พูดถึงหน้าร้อนก็ต้องทะเล 3. เที่ยวน้ำตกบ้างก็ดีนะ 4. จะต้องงบไม่เกินคนละ4500
ว่าแล้ว โปรแกรมการเที่ยวกระบี่ในช่วงหน้าร้อนแบบงบจำกัด ก็ถือกำเนิดขึ้น!! โดยกำหนดการคือ วันที่ 1 เดินทางไปที่พัก พร้อมกับไปเดินถนนคนเดินที่กระบี่ วันที่ 2 นั่งเรือดำน้ำชมเกาะ4 เกาะ ดูทะเลแหวก วันที่ 3 ไปน้ำตกร้อน สระมรกต และ วัดถ้ำเสือ
Intro: เราจึงทำการจองตั๋วเครื่องบินล่วงหน้าจากสายการบินนกแอร์ไปกลับ ดอนเมือง – กระบี่ในราคา 1790.- โดยเดินทางในวันที่ 30 มีนาคม – 1 เมษายน (หลังจากจองได้ไม่นาน นกแอร์ก็ประสบปัญหา ทำให้เที่ยวกลับเรากลับแอร์เอเชียแทน แต่ราคาเท่าเดิมนะ)
ว่าแล้ววันที่ 30 มีนาคม 2559 ก็มาถึง พร้อมกันที่ท่าอากาศยานดอนเมือง8โมงเช้า ส่วนตัวจขกท. ก็ขึ้นเครื่องครั้งแรก ต้องมีการถ่ายรูปรวมพลซะหน่อย
(น้องคนหนึ่งขี้อาย แกขอไม่เปิดเผยหน้านะ)
เตรียมพร้อมขึ้นเครื่อง
กินของว่างสายการบินนกแอร์จนหมด ถึงรู้สึกอาการปวดหูๆๆๆ
หลังจากลงเครื่องที่สนามบินกระบี่ตอน 11 โมง พร้อมด้วยหูที่ดับไปข้างนึง
พวกเราก็เดินหารถเพื่อไปยังที่พักคือ โฮสเทล o’yes ซึ่งแน่นอนที่นี้เราได้จองล่วงหน้าไว้ จริงๆ แล้วที่สนามบินมี shuttle bus(ราคาคนละ 80 หรือ 90 นี่ละ) รับส่งสนามบิน ไปที่ตัวเมือง (o’yes อยู่ในเขตอำเภอเมือง) ส่วนเรานั้นคิดว่าลองไปหาสองแถวด้านนอกสนามบินละกันเพราะได้เดินชมเมืองไปเรื่อยๆ (ตอนเดินมาเจอแดดแทบอยากกลับเข้าไปนั่ง shuttle bus) แต่ไหนๆก็หลวมัวมาละ เมื่อไปถึงก็ลองถามๆ คนแถวนั้น แกบอกให้เดินไปเรื่อยๆ จนเจอศาลารอรถ ไม่นานนักก็เห็นรถสองแถวสีฟ้า ไม่รอช้ารีบโบกกันเลย
ซึ่งก่อนที่เราจะขึ้นและเมื่อขึ้นแล้วก็ไม่มีใครรู้จักที่พักของเรากันเลย (?? หรือนี้อาจเป็นกระทู้เรื่องสยองขวัญแล้วมั้ง) แต่ผ่านไปสักพักเราก็เห็นที่พักของเรากันแล้ว (อันนี้เพื่อนๆ เช็คจาก Goolgle map)
ลงรถพร้อมจ่ายเงินคนละ 20 บาท
เมื่อเราเข้าไปจึงได้รู้ว่า o’yes เป็นโฮสเทลล์เพิ่งเปิดใหม่ได้เพียง 6 เดือนเท่านั้น
บรรยากาศล็อบบี้
มีโต๊ะทานอาหาร เหมือนเวลาอยู่บ้านทานข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากัน
มาดูบรรยากาศในห้อง (ด้วยความที่มาถึงทุกคน ก็ผลัดกันจับจองที่นอน เลยไม่ได้ถ่ายบรรยากาศก่อนเข้ามาให้ดู) ที่นอนที่ห้องเป็นแบบเตียง 2 ในห้องนอนได้ 6 คน (แต่เรามี 7 ซึ่งป้าก็ใจดีไม่เก็บเงินเพิ่ม พร้อมให้หมอนและผ้าห่ม)
ส่วนห้องน้ำทีนี้จะเป็นห้องน้ำด้านล่างและด้านบนของที่พัก ห้องน้ำด้านล่างจะมีอ่างล้างมือเวลาทานอาหารเสร็จ
ส่วนข้างบนจะเป็นห้องน้ำ และ ห้องอาบน้ำแยกชายหญิง
มีเครื่องทำน้ำอุ่น ยาสระผม และครีมอาบน้ำ
ไดร์เป่าผมก็มีนะเออ
อีกด้านจะมีราวตากผ้าไว้ให้ด้วย
แถมข้างบนตกแต่งมีบรรยากาศน่ามานอนดูดาวตอนกลางคืนมาก (แต่ตอนนี้มีแต่แดดเปรี้ยง)
แต่ก่อนจะไปสำรวจ เราไปหาไรทานกันก่อน ว่าแล้วก็ถามป้า แกแนะนำร้านอาหารก๋วยเตี๋ยวเรือเจ้าอร่อยใกล้ๆ ที่พัก จึงเดินตามกันไป แต่แล้วโชคชะตาไม่เป็นใจ เมื่อเดินไปได้ 200 เมตรก็พบว่าร้านปิดวันพระจ้า (T.T) ตอนนั้นหิวจนแทบจะกินเรือหน้าร้านละ
เลยลองมาทานร้านอาหารตามสั่งชื่อร้านครัวคุณแม่ (หิวโซเลยไม่ได้ถ่ายป้ายหน้าร้านมา) อาหารที่นี้อร่อยและไม่ได้แพงมาก ป้าแกเป็นคนชลบุรีอาหารที่ทำมาเลยรสชาติไม่จัดจ้านแบบของปักษ์ใต้ แต่อร่อย (ว่าแล้วก็ขอเบอร์โทรไว้หน่อย เผื่อสั่งเป็นอาหารเช้าวันพรุง่นี้)
ด้วยความที่หิวมาก เลยไม่มีใครพูดจามาถึงก็ซัดกันเลย
ข้าวกลางวัน เบ็ดเสร็จคนละ 80 บาท จากนั้นด้วยความอากาศร้อนเราเลยกะว่าไปนอนพักเอาแรง ก่อนไปเดินเที่ยวในเมือง พอช่วงบ่ายๆ ก็มีเสียงเคาะประตู แล้วพบว่าคุณป้าเจ้าของที่พักแกนำเค้กชื่อดังของกระบี่มาให้ทาน (แกใจดีและน่ารักมากๆ)
เมื่อเย็นย่ำก็ได้เวลาไปเที่ยวแล้ว ป้าบอกว่าที่ข้างหน้าที่พักมีรถสองแถววิ่งไปในเมือง แต่ป้าใจดีก็เลยอาสาขับรถไปส่ง ที่นี้เรียกว่า ถนนปูดำ (ปูตัวใหญ่มาก)
ป้ากำชับว่าขากลับมีรถสองแถว แต่ว่ารถหมดตอน 1 ทุ่ม เราไม่รอช้าเลยรีบเดิน รีบเที่ยว รีบกิน การใช้ชีวิตในเมืองกระบี่ พ่อค้าแม่ค้าทุกคนยิ้มรับตลอด บางอย่างเราถามตั้งนานแต่ไม่ได้ซื้อ แกก็ไม่ได้มีท่าทีอะไร (ในกรุงเทพ คงโดนด่าไปแล้ว)
จากเดินชอปปิ้ง ซื้อน้ำขนมไป เราก็มาหยุดที่ลานเบียร์ ที่นี้สามารถนำอาหารหรือน้ำบริเวณรอบๆ มาทานได้ แต่ห้ามแค่นำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่อื่นมากิน (ทีนี้มีขาย) ว่าแล้วก็ซื้ออาหารเย็น เป็นส้มตำ ไก่ทอด แหนม ยำมาทานกัน ด้านหลังมีเวทีมีนักร้องร้องกล่อมให้ฟัง
ทีนี้มีตลาดพวกเราเลยแวะซื้อผลไม้ และขนมเพราะป้าแกบอกว่าพรุ่งนี้ต้องลงเรือให้เราหาข้าว ขนม ไปทาน (เนื่องจากของกินบนเกาะราคาแพง) เราเลยโทรสั่งข้าวกล่องเป็นอาหารกลางวันให้มาส่งที่ที่พักที่ร้านครัวคุณแม่ร้านเดิมที่เรากินตอนกลางวัน(จริงๆ ที่ร้านแกเปิด 11 โมงเช้า แต่ด้วยความที่เราขอร้องวิงวอน แกเลยมาส่งให้เราแต่เช้าเลย)
มาดูอีกที อ้าว 2 ทุ่มแล้ว รถหมดจะกลับยังไงละเนี่ย สุดท้ายก็ลองเดินไปหารถเช่ากลับที่พัก ปรากฏว่าโชคดีเจอลุงขับรถสองแถว (แกบอกว่ากำลังขับกลับบ้าน เลยได้โอกาสขอติดรถ) พร้อมให้ค่ารถแกคนละ 20 บาท หลังจากกลับที่พักก็อาบน้ำพักผ่อน พร้อมมานอนดูดาวกันสักพัก
รวมค่าใช้จ่ายวันแรก ค่าเครื่องบินไปกลับกระบี่ 1790.- // ค่าที่พัก 2 คืน 545.- // ค่ารถจากสนามบินมาที่พัก 20.- ค่าอาหารกลางวัน 80.- // ค่าอาหารเย็น 79.- // ค่าขนมลงเรือ 32.- ค่ารถสองแถวกลับ 20.- (จริงๆ เรามีค่าของฝากซึ่งอันนั้นเราขอไม่คิดในรายการนี้นะ) สรุปรวมวันแรก 2566.-
เอิ่ม... แค่วันแรกทำไมมันเยอะจังแหะ (แล้วจะพอ 4500 แบบที่ตั้งกระทู้ไว้ไหมเนี่ย เดียววันนี้ขอพักก่อนนะ พรุง่นี้มารีวิวอีก 2 วันที่เหลือจ้า) z ZZ
[CR] หนีร้อนขึ้นเครื่องไปกระบี่ งบไม่เกิน 4500
2. พูดถึงหน้าร้อนก็ต้องทะเล 3. เที่ยวน้ำตกบ้างก็ดีนะ 4. จะต้องงบไม่เกินคนละ4500
ว่าแล้ว โปรแกรมการเที่ยวกระบี่ในช่วงหน้าร้อนแบบงบจำกัด ก็ถือกำเนิดขึ้น!! โดยกำหนดการคือ วันที่ 1 เดินทางไปที่พัก พร้อมกับไปเดินถนนคนเดินที่กระบี่ วันที่ 2 นั่งเรือดำน้ำชมเกาะ4 เกาะ ดูทะเลแหวก วันที่ 3 ไปน้ำตกร้อน สระมรกต และ วัดถ้ำเสือ
Intro: เราจึงทำการจองตั๋วเครื่องบินล่วงหน้าจากสายการบินนกแอร์ไปกลับ ดอนเมือง – กระบี่ในราคา 1790.- โดยเดินทางในวันที่ 30 มีนาคม – 1 เมษายน (หลังจากจองได้ไม่นาน นกแอร์ก็ประสบปัญหา ทำให้เที่ยวกลับเรากลับแอร์เอเชียแทน แต่ราคาเท่าเดิมนะ)
ว่าแล้ววันที่ 30 มีนาคม 2559 ก็มาถึง พร้อมกันที่ท่าอากาศยานดอนเมือง8โมงเช้า ส่วนตัวจขกท. ก็ขึ้นเครื่องครั้งแรก ต้องมีการถ่ายรูปรวมพลซะหน่อย
(น้องคนหนึ่งขี้อาย แกขอไม่เปิดเผยหน้านะ)
เตรียมพร้อมขึ้นเครื่อง
กินของว่างสายการบินนกแอร์จนหมด ถึงรู้สึกอาการปวดหูๆๆๆ
หลังจากลงเครื่องที่สนามบินกระบี่ตอน 11 โมง พร้อมด้วยหูที่ดับไปข้างนึง
พวกเราก็เดินหารถเพื่อไปยังที่พักคือ โฮสเทล o’yes ซึ่งแน่นอนที่นี้เราได้จองล่วงหน้าไว้ จริงๆ แล้วที่สนามบินมี shuttle bus(ราคาคนละ 80 หรือ 90 นี่ละ) รับส่งสนามบิน ไปที่ตัวเมือง (o’yes อยู่ในเขตอำเภอเมือง) ส่วนเรานั้นคิดว่าลองไปหาสองแถวด้านนอกสนามบินละกันเพราะได้เดินชมเมืองไปเรื่อยๆ (ตอนเดินมาเจอแดดแทบอยากกลับเข้าไปนั่ง shuttle bus) แต่ไหนๆก็หลวมัวมาละ เมื่อไปถึงก็ลองถามๆ คนแถวนั้น แกบอกให้เดินไปเรื่อยๆ จนเจอศาลารอรถ ไม่นานนักก็เห็นรถสองแถวสีฟ้า ไม่รอช้ารีบโบกกันเลย
ซึ่งก่อนที่เราจะขึ้นและเมื่อขึ้นแล้วก็ไม่มีใครรู้จักที่พักของเรากันเลย (?? หรือนี้อาจเป็นกระทู้เรื่องสยองขวัญแล้วมั้ง) แต่ผ่านไปสักพักเราก็เห็นที่พักของเรากันแล้ว (อันนี้เพื่อนๆ เช็คจาก Goolgle map)
ลงรถพร้อมจ่ายเงินคนละ 20 บาท
เมื่อเราเข้าไปจึงได้รู้ว่า o’yes เป็นโฮสเทลล์เพิ่งเปิดใหม่ได้เพียง 6 เดือนเท่านั้น
บรรยากาศล็อบบี้
มีโต๊ะทานอาหาร เหมือนเวลาอยู่บ้านทานข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากัน
มาดูบรรยากาศในห้อง (ด้วยความที่มาถึงทุกคน ก็ผลัดกันจับจองที่นอน เลยไม่ได้ถ่ายบรรยากาศก่อนเข้ามาให้ดู) ที่นอนที่ห้องเป็นแบบเตียง 2 ในห้องนอนได้ 6 คน (แต่เรามี 7 ซึ่งป้าก็ใจดีไม่เก็บเงินเพิ่ม พร้อมให้หมอนและผ้าห่ม)
ส่วนห้องน้ำทีนี้จะเป็นห้องน้ำด้านล่างและด้านบนของที่พัก ห้องน้ำด้านล่างจะมีอ่างล้างมือเวลาทานอาหารเสร็จ
ส่วนข้างบนจะเป็นห้องน้ำ และ ห้องอาบน้ำแยกชายหญิง
มีเครื่องทำน้ำอุ่น ยาสระผม และครีมอาบน้ำ
ไดร์เป่าผมก็มีนะเออ
อีกด้านจะมีราวตากผ้าไว้ให้ด้วย
แถมข้างบนตกแต่งมีบรรยากาศน่ามานอนดูดาวตอนกลางคืนมาก (แต่ตอนนี้มีแต่แดดเปรี้ยง)
แต่ก่อนจะไปสำรวจ เราไปหาไรทานกันก่อน ว่าแล้วก็ถามป้า แกแนะนำร้านอาหารก๋วยเตี๋ยวเรือเจ้าอร่อยใกล้ๆ ที่พัก จึงเดินตามกันไป แต่แล้วโชคชะตาไม่เป็นใจ เมื่อเดินไปได้ 200 เมตรก็พบว่าร้านปิดวันพระจ้า (T.T) ตอนนั้นหิวจนแทบจะกินเรือหน้าร้านละ
เลยลองมาทานร้านอาหารตามสั่งชื่อร้านครัวคุณแม่ (หิวโซเลยไม่ได้ถ่ายป้ายหน้าร้านมา) อาหารที่นี้อร่อยและไม่ได้แพงมาก ป้าแกเป็นคนชลบุรีอาหารที่ทำมาเลยรสชาติไม่จัดจ้านแบบของปักษ์ใต้ แต่อร่อย (ว่าแล้วก็ขอเบอร์โทรไว้หน่อย เผื่อสั่งเป็นอาหารเช้าวันพรุง่นี้)
ด้วยความที่หิวมาก เลยไม่มีใครพูดจามาถึงก็ซัดกันเลย
ข้าวกลางวัน เบ็ดเสร็จคนละ 80 บาท จากนั้นด้วยความอากาศร้อนเราเลยกะว่าไปนอนพักเอาแรง ก่อนไปเดินเที่ยวในเมือง พอช่วงบ่ายๆ ก็มีเสียงเคาะประตู แล้วพบว่าคุณป้าเจ้าของที่พักแกนำเค้กชื่อดังของกระบี่มาให้ทาน (แกใจดีและน่ารักมากๆ)
เมื่อเย็นย่ำก็ได้เวลาไปเที่ยวแล้ว ป้าบอกว่าที่ข้างหน้าที่พักมีรถสองแถววิ่งไปในเมือง แต่ป้าใจดีก็เลยอาสาขับรถไปส่ง ที่นี้เรียกว่า ถนนปูดำ (ปูตัวใหญ่มาก)
ป้ากำชับว่าขากลับมีรถสองแถว แต่ว่ารถหมดตอน 1 ทุ่ม เราไม่รอช้าเลยรีบเดิน รีบเที่ยว รีบกิน การใช้ชีวิตในเมืองกระบี่ พ่อค้าแม่ค้าทุกคนยิ้มรับตลอด บางอย่างเราถามตั้งนานแต่ไม่ได้ซื้อ แกก็ไม่ได้มีท่าทีอะไร (ในกรุงเทพ คงโดนด่าไปแล้ว)
จากเดินชอปปิ้ง ซื้อน้ำขนมไป เราก็มาหยุดที่ลานเบียร์ ที่นี้สามารถนำอาหารหรือน้ำบริเวณรอบๆ มาทานได้ แต่ห้ามแค่นำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่อื่นมากิน (ทีนี้มีขาย) ว่าแล้วก็ซื้ออาหารเย็น เป็นส้มตำ ไก่ทอด แหนม ยำมาทานกัน ด้านหลังมีเวทีมีนักร้องร้องกล่อมให้ฟัง
ทีนี้มีตลาดพวกเราเลยแวะซื้อผลไม้ และขนมเพราะป้าแกบอกว่าพรุ่งนี้ต้องลงเรือให้เราหาข้าว ขนม ไปทาน (เนื่องจากของกินบนเกาะราคาแพง) เราเลยโทรสั่งข้าวกล่องเป็นอาหารกลางวันให้มาส่งที่ที่พักที่ร้านครัวคุณแม่ร้านเดิมที่เรากินตอนกลางวัน(จริงๆ ที่ร้านแกเปิด 11 โมงเช้า แต่ด้วยความที่เราขอร้องวิงวอน แกเลยมาส่งให้เราแต่เช้าเลย)
มาดูอีกที อ้าว 2 ทุ่มแล้ว รถหมดจะกลับยังไงละเนี่ย สุดท้ายก็ลองเดินไปหารถเช่ากลับที่พัก ปรากฏว่าโชคดีเจอลุงขับรถสองแถว (แกบอกว่ากำลังขับกลับบ้าน เลยได้โอกาสขอติดรถ) พร้อมให้ค่ารถแกคนละ 20 บาท หลังจากกลับที่พักก็อาบน้ำพักผ่อน พร้อมมานอนดูดาวกันสักพัก
รวมค่าใช้จ่ายวันแรก ค่าเครื่องบินไปกลับกระบี่ 1790.- // ค่าที่พัก 2 คืน 545.- // ค่ารถจากสนามบินมาที่พัก 20.- ค่าอาหารกลางวัน 80.- // ค่าอาหารเย็น 79.- // ค่าขนมลงเรือ 32.- ค่ารถสองแถวกลับ 20.- (จริงๆ เรามีค่าของฝากซึ่งอันนั้นเราขอไม่คิดในรายการนี้นะ) สรุปรวมวันแรก 2566.-
เอิ่ม... แค่วันแรกทำไมมันเยอะจังแหะ (แล้วจะพอ 4500 แบบที่ตั้งกระทู้ไว้ไหมเนี่ย เดียววันนี้ขอพักก่อนนะ พรุง่นี้มารีวิวอีก 2 วันที่เหลือจ้า) z ZZ