ก่อนหน้านี้ ผมเคยได้ยินชื่อ Brain Scan ก็ยังคิดว่า น่าจะเป็นแนวๆ ค้นหาศักยภาพสมอง แต่พอเห็นเรื่องลายนิ้วมือ ผมก็สงสัยว่า ลายนิ้วมือ มันจะเกี่ยวกับสมองได้ยังไงนะ? อ่านแล้วหลายคนก็คงสงสัยเหมือนกันใช่ไหมครับ ว่าการสแกนลายนิ้วมือ จะช่วยบ่งบอกความถนัด พรรสวรรค์ เพื่อค้นหาศักยภาพสมองต้นกำเนิดของบุคคล ได้อย่างไร เอ๊ะ แล้วคำว่า "ค้นหาศักยภาพต้นกำเนิด" คืออะไร บทความนี้ ขอพาคุณไปทำความรู้จักกับลายนิ้วมือให้มากขึ้น และอยากให้ทบทวนความรู้วิชาวิทยาศาสตร์ เรื่องลายนิ้วมือจากคลิปนี้สักนิดนึงก่อน
(ครอบครัวข่าวเด็ก ช่วง นกกระจิบนิวส์ ตอน ลายนิ้วมือ มีประโยชน์อย่างไร (7ม.ค.59) โดย YouTube ครอบครัวข่าวเด็ก บีอีซี-เทโร)
ปกติเราทราบกันดีว่า ลายนิ้วมือ สามารถบอกรูปลักษณ์ของบุคคลได้ แต่สิ่งที่เราไม่รู้ก็คือ ลายนิ้วมือสามารถบอกศักยภาพของเราได้อีกด้วย โดยลายนิ้วมือนั้นถูกสร้างมาจากเซลล์ชนิดเดียวกับสมอง โดยลายนิ้วมือแต่ละนิ้วจะมีความสัมพันธ์กับสมองไม่เหมือนกัน ทั้งนี้ลายนิ้วมือของแต่ละคนมีความแตกต่างกัน
ผมได้มีโอกาสเข้ารับการวิเคราะห์ลายนิ้วมือเพื่อค้นหาศักยภาพสมอง เป็นบริการของ Brain Scan ให้คำปรึกษาแนะนำในการเลือกสาขาอาชีพ การเลี้ยงดู แนะแนวในการพัฒนาศักยภาพ ส่งเสริมส่วนที่เป็นจุดเด่น และเสริมสร้างส่วนที่เป็นจุดด้อย เพื่อให้มีระมัดระวังในการดำเนินชีวิตและช่วยให้ก้าวเดินได้อย่างถูกทาง ผมจึงจั่วหัวว่า แนะนำพ่อแม่ เพื่อให้สามารถส่งเสริมลูกได้อย่างเหมาะสม บอกไว้ก่อนนะครับ ว่าการวิเคราะห์นี้ ไม่ใช่การดูลายนิ้วมือแล้วทำนายแบบโหราศาสตร์ แต่เป็นขั้นตอนทางวิทยาศาสตร์ที่มีการวิเคราะห์ในห้องแล็ปเลยทีเดียว ส่วนใครจะเชื่อ หรือไม่เชื่อก็แล้วแต่ความเชื่อส่วนบุคคลครับ แต่อย่างน้อย เรารู้ว่า ลูกเราถนัดอะไรจากการดูแลเขาอย่างใกล้ชิด ถือว่าเป็นอีกปัจจัยนึงที่นำมาใช้ในการแนะนำและแนะแนวทางให้บุตรหลานของเราได้
แรกเห็นชื่อ Brain Scan ก็แปลกใจว่า มันเกี่ยวอะไรกับลายนิ้วมือ เห็นชื่อครั้งแรก นึกว่าสแกนสมองว่าเป็นอย่างไร และสำหรับคำว่า ลายนิ้วมือ ส่วนใหญ่หากพูดว่า ดูลายนิ้วมือ ร้อยทั้งร้อย ผมว่าแทบทุกคนนึกถึงการดูลายมือในแง่ของการทำนายอนาคตจากลายนิ้วมือ แต่ถ้ามองในเชิงวิทยาศาสตร์ เราก็เรียนมาว่า ลายนิ้วมือ ติดตัวเรามาตั้งแต่เกิด นั่นก็ตรงกับคำว่า "
ต้นกำเนิดของบุคคล" ลายนิ้วมือ สามารถบอกอะไรได้มากกว่าการดูลายนิ้วมือในการทำนายอนาคต (ซึ่งเป็นความเชื่อส่วนบุคคล) แต่วันนี้ เราจะมาพูดถึง การค้นหาศักยภาพสมองต้นกำเนิดของบุคคล หรือที่เรียกว่า
Dermatoglyphics Analysis
เห็นคำนี้ ไม่รอช้า ผมค้น Google เลยครับ
http://dermatoglyphics.org/dermatoglyphics-analysis/ บอกว่า
scientific way to understand your chlid's potential and personality แปลออกมาแล้วก็ยิ่งมั่นใจว่า มันคือวิธีการทางวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่เห็นคำว่าลายนิ้วมือแล้วนึกไปถึงเรื่องโหราศาสตร์เพียงอย่างเดียว ลายนิ้วมือเราติดตัวเรามาตั้งแต่เกิด ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ และลายนิ้วมือเนี่ยแหล่ะ เขาบอกว่า พ่อแม่ ผู้ปกครองอย่างเรา สามารถเข้าใจและมองเห็น (ไม่ใช่ทำนายอนาคตนะ) ว่าศักยภาพของเด็ก เป็นอย่างไร และบุคลิกภาพของเด็กเป็นอย่างไร และลายนิ้วมือเนี่ยแหล่ะที่แม่นยำที่สุด เพราะคำว่า ศักยภาพต้นกำเนิด คำว่าต้นกำเนิดก็คือ
เกิดมาเป็นอย่างไรก็เป็นแบบนั้น เราสามารถนำมาวิเคราะห์ศักยภาพของบุคคลได้ มองเห็นความเป็นไปได้ของเด็ก แต่ไม่ใช่การขีดเส้นวางให้เขาเป็นแบบนั้น แบบนี้ เพียงแต่เห็นอนาคตที่
มีโอกาสเป็นได้ แล้วเราก็แนะนำส่งเสริมลูกของเราให้เป็นไปตามที่เขาถนัดและพฤติกรรม และเหมาะกับบุคลิกของเขา
รู้จัก ลายนิ้วมือ
ปี คศ.1823 Dr.John Evangelist Purkinje Professor of Anatomy ได้ศึกษาตัวอ่อนของมนุษย์ พบว่า ลายนิ้วมือและสมองมีความสัมพันธ์กันตั้งแต่มนุษย์อยู่ในครรภ์ ก็เลยเฉลยความสงสัยของผม กับคำว่า
ต้นกำเนิด ก็คือเกิดมายังไงก็เป็นยังนั้นเลย มีมาตั้งแต่เกิด ว่างั้นเถอะ ลายนิ้วมือคนเรา พัฒนาจากเซลล์ชนิดเดียวกันกับเซลล์สมอง ตั้งแต่สัปดาห์ที่ 13 จนถึงสัปดาห์ที่ 14 ของอายุครรภ์ จึงสมบูรณ์เต็มที่ (มีลายนิ้วมือและสมองตั้งแต่อยู่ในท้องมารดา)
อันนี้เรารู้กันอยู่แล้ว ว่าลายนิ้วมือจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดชีวิต ดังนั้นจึงมีการนำลายนิ้วมือ เข้ามาพิสูจน์อัตลักษณ์เฉพาะบุคคล ทางนิติวิทยาศาสตร์ก็ได้เห็นการตรวจสอบลายนิ้วมือ เพราะบัตรประชาชนเราใช้ลายนิ้วมือยืนยัน ส่วนคนที่วิจัยเรื่องความสัมพันธ์ของระบบประสาทและลายผิวนิ้วมือ มีการเผยแพร่งานวิจัยว่า ลายผิวนิ้วมือมีความสัมพันธ์กับระบบประสาทของสมอง ก็คือ Dr.Charles Bell หากค้น Google จะเห็นว่าเขาศึกษาเรื่อง Anatomy ส่วนต่างๆของร่างกาย
ทบทวนความรู้ตอนประถมกัน ลายนิ้วมือ เราแบ่งออกเป็น 3 ประเภทคือ ลายก้นหอย ลายมัดหวาย และลายโค้ง ทุกคนเรียนมาว่า ลายนิ้วมือไม่มีทางซ้ำกัน แต่ตอนวิเคราะห์ลายนิ้วมือ การเก็บตัวอย่างลายนิ้วมือต้องชัดเจน เพื่อผลการวิเคราะห์ที่แม่นยำ นอกจากนี้ The Father of Dermatoglyphics คือ Dr.Harold Cummins นิยามคำว่า Dermatogplyphics เป็นการศึกษาลายนิ้วมือของสมาคมสัณฐานวิทยาอเมริกัน ซึ่งมีการค้นพบความผิดปกติของโครโมโซมแสดงออกผ่านลายนิ้วมือ นั่นแสดงให้เห็นว่า ลายนิ้วมือบอกถึงโรคทางพันธุ์กรรมได้ ส่วนในภาพ จะเป็นงานวิจัยที่ Dr.Harold Cummins แนะนำว่าลักษณะบุคลิกแบบใด เหมาะสมกับงานด้านไหน
รู้จัก ค่าศักยภาพของต้นกำเนิด
เรากำลังพูดถึงการวิเคราะห์ Dermatoglyphics หรือเรียกว่าพันธุ์ศาสตร์ลายนิ้วมือ (Derma = ผิวหนัง และ glyphs = แกะสลัก) โดยดูทั้ง ลายเส้นบนนิ้วมือ ฝ่ามือ และลายเส้นบนนิ้วเท้า ฝ่าเท้า (แต่ตอนวิเคราะห์ เราดูแค่มือ ไม่ได้ดูเท้า อันนี้เกินไป) เรากำลังพูดถึงเรื่องวิทยาศาสตร์เต็มๆ โดยมีผู้เชี่ยวชาญในสาขาวิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ และจิตวิทยา คิดค้นและพัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่วิเคราะห์ลายนิ้วมือนี้ (การอ่านลายนิ้วมือใช้อุปกรณ์ Fingerprint ระดับความแม่นยำสูงสุด มาตรฐานอเมริกา)
การวิเคราะห์ลายนิ้วมือนี้ ได้รับการยอมรับในวงการแพทย์ในหลายประเทศ ทั้งสหรัฐ สิงคโปร์ มาเลย์ อินโด อินเดีย จีน ไต้หวัน โดยใช้โปรแกรม DMIT (Dermatoglyphics Multiple Intelligence Test) ตรวจวัดลายนิ้วมือ ด้วยระบบ Biometric ความแม่นยำ 95%
วิธีการตรวจสอบลายนิ้วมือก็จะมีโปรแกรมเฉพาะ ส่วนอุปกรณ์ตรวจสอบลายนิ้วมือก็เป็นแท่นสแกนลายนิ้วมือคล้ายกับการสแกนลายนิ้วมือตอกบัตร แต่แม่นยำกว่าเยอะ
สถาบันที่ตรวจสอบลายนิ้วมือ ซึ่งผมได้ไปตรวจลายนิ้วมือ ชื่อ Brain Scan ได้สัมผัสประสบการณ์ครั้งแรก แปลกใหม่ดี วิธีการคือไม่ได้ใช้แว่นขยายส่องดูลายนิ้วมือ แต่ใช้อุปกรณ์ Fingerprint ที่มีระดับความแม่นยำสูงสุด ส่วนในภาพที่เห็นไม้บรรทัดจะเป็นการวัดและตรวจกล้ามเนื้อมัดเล็ก
สิ่งที่ Brain Scan ทำได้ก็คือ วิเคราะห์ลักษณะบุคลิกภาพและอุปนิสัยที่มีมาแต่กำเนิด วิเคราะห์ศักยภาพสมองต้นกำเนิดทั้ง 10 ด้าน (จากนิ้วมือ 10 นิ้วของเรา) วิเคราะห์ได้ถึง IQ EQ CQ รวมไปถึงการค้นหาพรสวรรค์ จุดเด่น และจุดที่ควรเสริมสร้าง ถ้าเทียบกับการดูลายนิ้วมือทางโหราศาสตร์ ยึดหลักความเป็นจริง หากเราดูดวงก็ต้องพยายามทำให้เต็มที่ เพื่อการงาน ความรัก สมหวัง สำเร็จ ส่วนการค้นหาศักยภาพต้นกำเนิด ผู้ปกครองก็ช่วยแนะนำและส่งเสริมให้เด็กเดินไปในทางที่เขาถนัด ตามลักษณะนิสัยของเขา เพราะแต่ละคนมีลักษณะของการเรียนรู้ การสัมผัส ต่างกัน บางคนชอบฟัง บางคนชอบพูด บางคนชอบกายสัมผัส บางคนชอบโสตสัมผัส และนำไปสู่การมองหาอาชีพที่เหมาะสมกับบุคลิก คล้ายๆแนะแนวอาชีพไปด้วยในอนาคต แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคน แต่การทดสอบนี้จะทำให้เรามองออกว่า คนชอบฟัง ชอบพูด ชอบเขียน ชอบอ่าน น่าจะเหมาะกับงานประเภทไหน ตีวงให้แคบลง พร้อมศึกษาพฤติกรรมของเขาอย่างใกล้ชิด
ถ้าเป็นเด็กอายุ ต่ำกว่า 12 ปี จะไม่อนุญาตให้ฟังผลการวิเคราะห์ศักยภาพต้นกำเนิด แต่ผู้ปกครอง สามารถรับฟังการวิเคราะห์พร้อมวิเคราะห์บุตรหลานของตน เพื่อรู้จักเขาให้มากขึ้น เข้าใจเขาให้มากขึ้น ว่าต้นกำเนิด (ตั้งแต่เกิด) เขามีลักษณะนิสัย อุปนิสัยอย่างไร ควรแนะนำส่งเสริมเขาด้านไหน การยกตัวอย่างเด็กจึงทำให้เราเห็นภาพได้ชัดเจน ซึ่งจริงๆ ผู้ใหญ่จะเข้ารับการถอดรหัสสมองต้นกำเนิดในตัวคุณด้วยก็ได้เช่นกัน ผมเข้ารับการวิเคราะห์มาแล้ว ผมเป็นพ่อ ผลของพ่อและลูกยังแตกต่างกัน เพราะเป็นศักยภาพต้นกำเนิด แต่ละคนติดตัวมาตั้งแต่เกิด
คนที่วิเคราะห์ตรงนี้ จะได้รับการอบรมอย่างเข้มข้น และมีนักวิทยาศาสตร์การแพทย์ ให้คำแนะนำและปรึกษาแนวทางและวิธีแก้ไข โดยมีนักจิตวิทยาเข้ามาช่วยแนะนำด้วย
รู้จักลายนิ้วมือ สิ่งที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด
การแสดงศักยภาพสมองต้นกำเนิดของบุคคล ด้วย Brain Scan ค้นหาศักยภาพสมองต้นกำเนิดของบุคคล
ข้อตกลงในการทำการตรวจสอบลายนิ้วมือ ผมได้พูดคุยกับทาง Brain Scan แล้ว เขาบอกว่า วันเดือนปีเกิด ไม่ได้มีผลต่อการคำนวณ เพราะไม่ใช่โหราศาสตร์ การทดสอบนี้ ไม่ได้บอกอนาคต แต่เป็นการบอก สิ่งที่เป็นต้นกำเนิดของแต่ละบุคคล แม้แต่การถ่ายทอดทางพันธุกรรม จากพ่อแม่ ขนาดฝาแฝด ยังเกิดมาเหมือนแค่หน้าตา แต่นิสัย พฤติกรรม ไม่เหมือนกัน อุปนิสัยแตกต่างกัน ทั้งที่สิ่งแวดล้อมเดียวกัน งานวิจัยค้นคว้าตั้งแต่ เกิดมา ต้นกำเนิดเป็นแบบนี้ ทางวิทยาศาสตร์ ลายนิ้วมือเป็นตัวแปรสำคัญ ที่วินิจฉัยได้ว่าคนนี้มีนิสัยแบบไหน เป็นคนแบบไหน หาช่องทางการเรียนรู้ ความถนัด จุดอ่อน จุดแข็ง
การทดสอบได้ทำ Brain Mapping เพื่อหาค่า TRC ค่าต้นกำเนิด จากการสแกนลายนิ้วมือ ทั้ง 10 นิ้ว เอาค่าทั้งหมดของมือขวารวมกัน และค่าทั้งหมดของมือซ้ายรวมกัน สมองซีกซ้าย ควบคุมร่างกายซีกขวา และสมองซีกขวา ควบคุมร่างกายซีกซ้าย
ลายนิ้วมือและการถอดรหัสจากนิ้วทั้ง 10 นิ้ว เท่าที่เข้าใจ คือ นิ้วโป้งสัมพันธ์กับสมองส่วนหน้าทำงานด้านจิตสำนึก การวางแผน การบริหารจัดการ ความจำ และการเข้าใจตนเองและผู้อื่น นิ้วชี้สัมพันธ์กับสมองกลีบหน้าส่วนหลังทำงานด้านความคิดไตร่ตรอง ตรรกะ ตัวเลข และการใช้ภาษา นิ้วกลาง เกี่ยวกับด้านการเคลื่อนไหวของร่างกาย นิ้วนาง ด้านการฟังและการเรียนรู้ด้านภาษา นิ้วก้อยด้านสายตาและการสังเกต
การวิเคราะห์ ดูผลจากลายนิ้วมือที่สแกนแล้วนำไปเข้าโปรแกรมถอดรหัสอีกทีจึงจะได้ตัวเลขออกมา ที่นี่เขาวัดค่าความคล่องตัวของกล้ามเนื้อมัดเล็กของนิ้วมือด้วย โดยมองตรงความคล่องตัวของกล้ามเนื้อมือ (ไม่พูดถึงการสั่งงานของสมอง) การพัฒนากล้คามเนื้อมัดเล็ก มีผลต่อความคล่องตัวในการหยิบจับสิ่งของ
ส่วนช่องทางการเรียนรู้คือโสตสัมผัส กายสัมผัส และจักษุสัมผัส อย่างผมจะชอบฟัง ไม่ชอบอ่าน เน้นใช้โสตสัมผัส กับกายสัมผัส เพื่อให้สมองตอบรับได้ดีที่สุด ก็คือการตอบรับผ่านร่างกาย มือผมจะอยู่ไม่สุข ตอนฟังก็ต้องทวิตสด จดไปด้วย หรือบันทึกเสียงแล้วค่อยมาถอดเทป
และนี่คือความรู้เรื่องลายนิ้วมือในการค้นหาศักยภาพของบุคคลครับ
[SR] รู้หรือไม่ว่า ลายนิ้วมือของเรา บ่งบอกศักยภาพสมองต้นกำเนิดของเราได้ ช่วยให้พ่อแม่ ส่งเสริมลูกได้อย่างเหมาะสม
ก่อนหน้านี้ ผมเคยได้ยินชื่อ Brain Scan ก็ยังคิดว่า น่าจะเป็นแนวๆ ค้นหาศักยภาพสมอง แต่พอเห็นเรื่องลายนิ้วมือ ผมก็สงสัยว่า ลายนิ้วมือ มันจะเกี่ยวกับสมองได้ยังไงนะ? อ่านแล้วหลายคนก็คงสงสัยเหมือนกันใช่ไหมครับ ว่าการสแกนลายนิ้วมือ จะช่วยบ่งบอกความถนัด พรรสวรรค์ เพื่อค้นหาศักยภาพสมองต้นกำเนิดของบุคคล ได้อย่างไร เอ๊ะ แล้วคำว่า "ค้นหาศักยภาพต้นกำเนิด" คืออะไร บทความนี้ ขอพาคุณไปทำความรู้จักกับลายนิ้วมือให้มากขึ้น และอยากให้ทบทวนความรู้วิชาวิทยาศาสตร์ เรื่องลายนิ้วมือจากคลิปนี้สักนิดนึงก่อน
(ครอบครัวข่าวเด็ก ช่วง นกกระจิบนิวส์ ตอน ลายนิ้วมือ มีประโยชน์อย่างไร (7ม.ค.59) โดย YouTube ครอบครัวข่าวเด็ก บีอีซี-เทโร)
ปกติเราทราบกันดีว่า ลายนิ้วมือ สามารถบอกรูปลักษณ์ของบุคคลได้ แต่สิ่งที่เราไม่รู้ก็คือ ลายนิ้วมือสามารถบอกศักยภาพของเราได้อีกด้วย โดยลายนิ้วมือนั้นถูกสร้างมาจากเซลล์ชนิดเดียวกับสมอง โดยลายนิ้วมือแต่ละนิ้วจะมีความสัมพันธ์กับสมองไม่เหมือนกัน ทั้งนี้ลายนิ้วมือของแต่ละคนมีความแตกต่างกัน
ผมได้มีโอกาสเข้ารับการวิเคราะห์ลายนิ้วมือเพื่อค้นหาศักยภาพสมอง เป็นบริการของ Brain Scan ให้คำปรึกษาแนะนำในการเลือกสาขาอาชีพ การเลี้ยงดู แนะแนวในการพัฒนาศักยภาพ ส่งเสริมส่วนที่เป็นจุดเด่น และเสริมสร้างส่วนที่เป็นจุดด้อย เพื่อให้มีระมัดระวังในการดำเนินชีวิตและช่วยให้ก้าวเดินได้อย่างถูกทาง ผมจึงจั่วหัวว่า แนะนำพ่อแม่ เพื่อให้สามารถส่งเสริมลูกได้อย่างเหมาะสม บอกไว้ก่อนนะครับ ว่าการวิเคราะห์นี้ ไม่ใช่การดูลายนิ้วมือแล้วทำนายแบบโหราศาสตร์ แต่เป็นขั้นตอนทางวิทยาศาสตร์ที่มีการวิเคราะห์ในห้องแล็ปเลยทีเดียว ส่วนใครจะเชื่อ หรือไม่เชื่อก็แล้วแต่ความเชื่อส่วนบุคคลครับ แต่อย่างน้อย เรารู้ว่า ลูกเราถนัดอะไรจากการดูแลเขาอย่างใกล้ชิด ถือว่าเป็นอีกปัจจัยนึงที่นำมาใช้ในการแนะนำและแนะแนวทางให้บุตรหลานของเราได้
แรกเห็นชื่อ Brain Scan ก็แปลกใจว่า มันเกี่ยวอะไรกับลายนิ้วมือ เห็นชื่อครั้งแรก นึกว่าสแกนสมองว่าเป็นอย่างไร และสำหรับคำว่า ลายนิ้วมือ ส่วนใหญ่หากพูดว่า ดูลายนิ้วมือ ร้อยทั้งร้อย ผมว่าแทบทุกคนนึกถึงการดูลายมือในแง่ของการทำนายอนาคตจากลายนิ้วมือ แต่ถ้ามองในเชิงวิทยาศาสตร์ เราก็เรียนมาว่า ลายนิ้วมือ ติดตัวเรามาตั้งแต่เกิด นั่นก็ตรงกับคำว่า "ต้นกำเนิดของบุคคล" ลายนิ้วมือ สามารถบอกอะไรได้มากกว่าการดูลายนิ้วมือในการทำนายอนาคต (ซึ่งเป็นความเชื่อส่วนบุคคล) แต่วันนี้ เราจะมาพูดถึง การค้นหาศักยภาพสมองต้นกำเนิดของบุคคล หรือที่เรียกว่า Dermatoglyphics Analysis
เห็นคำนี้ ไม่รอช้า ผมค้น Google เลยครับ http://dermatoglyphics.org/dermatoglyphics-analysis/ บอกว่า scientific way to understand your chlid's potential and personality แปลออกมาแล้วก็ยิ่งมั่นใจว่า มันคือวิธีการทางวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่เห็นคำว่าลายนิ้วมือแล้วนึกไปถึงเรื่องโหราศาสตร์เพียงอย่างเดียว ลายนิ้วมือเราติดตัวเรามาตั้งแต่เกิด ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ และลายนิ้วมือเนี่ยแหล่ะ เขาบอกว่า พ่อแม่ ผู้ปกครองอย่างเรา สามารถเข้าใจและมองเห็น (ไม่ใช่ทำนายอนาคตนะ) ว่าศักยภาพของเด็ก เป็นอย่างไร และบุคลิกภาพของเด็กเป็นอย่างไร และลายนิ้วมือเนี่ยแหล่ะที่แม่นยำที่สุด เพราะคำว่า ศักยภาพต้นกำเนิด คำว่าต้นกำเนิดก็คือ เกิดมาเป็นอย่างไรก็เป็นแบบนั้น เราสามารถนำมาวิเคราะห์ศักยภาพของบุคคลได้ มองเห็นความเป็นไปได้ของเด็ก แต่ไม่ใช่การขีดเส้นวางให้เขาเป็นแบบนั้น แบบนี้ เพียงแต่เห็นอนาคตที่ มีโอกาสเป็นได้ แล้วเราก็แนะนำส่งเสริมลูกของเราให้เป็นไปตามที่เขาถนัดและพฤติกรรม และเหมาะกับบุคลิกของเขา
รู้จัก ลายนิ้วมือ
ปี คศ.1823 Dr.John Evangelist Purkinje Professor of Anatomy ได้ศึกษาตัวอ่อนของมนุษย์ พบว่า ลายนิ้วมือและสมองมีความสัมพันธ์กันตั้งแต่มนุษย์อยู่ในครรภ์ ก็เลยเฉลยความสงสัยของผม กับคำว่า ต้นกำเนิด ก็คือเกิดมายังไงก็เป็นยังนั้นเลย มีมาตั้งแต่เกิด ว่างั้นเถอะ ลายนิ้วมือคนเรา พัฒนาจากเซลล์ชนิดเดียวกันกับเซลล์สมอง ตั้งแต่สัปดาห์ที่ 13 จนถึงสัปดาห์ที่ 14 ของอายุครรภ์ จึงสมบูรณ์เต็มที่ (มีลายนิ้วมือและสมองตั้งแต่อยู่ในท้องมารดา)
อันนี้เรารู้กันอยู่แล้ว ว่าลายนิ้วมือจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดชีวิต ดังนั้นจึงมีการนำลายนิ้วมือ เข้ามาพิสูจน์อัตลักษณ์เฉพาะบุคคล ทางนิติวิทยาศาสตร์ก็ได้เห็นการตรวจสอบลายนิ้วมือ เพราะบัตรประชาชนเราใช้ลายนิ้วมือยืนยัน ส่วนคนที่วิจัยเรื่องความสัมพันธ์ของระบบประสาทและลายผิวนิ้วมือ มีการเผยแพร่งานวิจัยว่า ลายผิวนิ้วมือมีความสัมพันธ์กับระบบประสาทของสมอง ก็คือ Dr.Charles Bell หากค้น Google จะเห็นว่าเขาศึกษาเรื่อง Anatomy ส่วนต่างๆของร่างกาย
ทบทวนความรู้ตอนประถมกัน ลายนิ้วมือ เราแบ่งออกเป็น 3 ประเภทคือ ลายก้นหอย ลายมัดหวาย และลายโค้ง ทุกคนเรียนมาว่า ลายนิ้วมือไม่มีทางซ้ำกัน แต่ตอนวิเคราะห์ลายนิ้วมือ การเก็บตัวอย่างลายนิ้วมือต้องชัดเจน เพื่อผลการวิเคราะห์ที่แม่นยำ นอกจากนี้ The Father of Dermatoglyphics คือ Dr.Harold Cummins นิยามคำว่า Dermatogplyphics เป็นการศึกษาลายนิ้วมือของสมาคมสัณฐานวิทยาอเมริกัน ซึ่งมีการค้นพบความผิดปกติของโครโมโซมแสดงออกผ่านลายนิ้วมือ นั่นแสดงให้เห็นว่า ลายนิ้วมือบอกถึงโรคทางพันธุ์กรรมได้ ส่วนในภาพ จะเป็นงานวิจัยที่ Dr.Harold Cummins แนะนำว่าลักษณะบุคลิกแบบใด เหมาะสมกับงานด้านไหน
รู้จัก ค่าศักยภาพของต้นกำเนิด
เรากำลังพูดถึงการวิเคราะห์ Dermatoglyphics หรือเรียกว่าพันธุ์ศาสตร์ลายนิ้วมือ (Derma = ผิวหนัง และ glyphs = แกะสลัก) โดยดูทั้ง ลายเส้นบนนิ้วมือ ฝ่ามือ และลายเส้นบนนิ้วเท้า ฝ่าเท้า (แต่ตอนวิเคราะห์ เราดูแค่มือ ไม่ได้ดูเท้า อันนี้เกินไป) เรากำลังพูดถึงเรื่องวิทยาศาสตร์เต็มๆ โดยมีผู้เชี่ยวชาญในสาขาวิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ และจิตวิทยา คิดค้นและพัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่วิเคราะห์ลายนิ้วมือนี้ (การอ่านลายนิ้วมือใช้อุปกรณ์ Fingerprint ระดับความแม่นยำสูงสุด มาตรฐานอเมริกา)
การวิเคราะห์ลายนิ้วมือนี้ ได้รับการยอมรับในวงการแพทย์ในหลายประเทศ ทั้งสหรัฐ สิงคโปร์ มาเลย์ อินโด อินเดีย จีน ไต้หวัน โดยใช้โปรแกรม DMIT (Dermatoglyphics Multiple Intelligence Test) ตรวจวัดลายนิ้วมือ ด้วยระบบ Biometric ความแม่นยำ 95%
วิธีการตรวจสอบลายนิ้วมือก็จะมีโปรแกรมเฉพาะ ส่วนอุปกรณ์ตรวจสอบลายนิ้วมือก็เป็นแท่นสแกนลายนิ้วมือคล้ายกับการสแกนลายนิ้วมือตอกบัตร แต่แม่นยำกว่าเยอะ
สถาบันที่ตรวจสอบลายนิ้วมือ ซึ่งผมได้ไปตรวจลายนิ้วมือ ชื่อ Brain Scan ได้สัมผัสประสบการณ์ครั้งแรก แปลกใหม่ดี วิธีการคือไม่ได้ใช้แว่นขยายส่องดูลายนิ้วมือ แต่ใช้อุปกรณ์ Fingerprint ที่มีระดับความแม่นยำสูงสุด ส่วนในภาพที่เห็นไม้บรรทัดจะเป็นการวัดและตรวจกล้ามเนื้อมัดเล็ก
สิ่งที่ Brain Scan ทำได้ก็คือ วิเคราะห์ลักษณะบุคลิกภาพและอุปนิสัยที่มีมาแต่กำเนิด วิเคราะห์ศักยภาพสมองต้นกำเนิดทั้ง 10 ด้าน (จากนิ้วมือ 10 นิ้วของเรา) วิเคราะห์ได้ถึง IQ EQ CQ รวมไปถึงการค้นหาพรสวรรค์ จุดเด่น และจุดที่ควรเสริมสร้าง ถ้าเทียบกับการดูลายนิ้วมือทางโหราศาสตร์ ยึดหลักความเป็นจริง หากเราดูดวงก็ต้องพยายามทำให้เต็มที่ เพื่อการงาน ความรัก สมหวัง สำเร็จ ส่วนการค้นหาศักยภาพต้นกำเนิด ผู้ปกครองก็ช่วยแนะนำและส่งเสริมให้เด็กเดินไปในทางที่เขาถนัด ตามลักษณะนิสัยของเขา เพราะแต่ละคนมีลักษณะของการเรียนรู้ การสัมผัส ต่างกัน บางคนชอบฟัง บางคนชอบพูด บางคนชอบกายสัมผัส บางคนชอบโสตสัมผัส และนำไปสู่การมองหาอาชีพที่เหมาะสมกับบุคลิก คล้ายๆแนะแนวอาชีพไปด้วยในอนาคต แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคน แต่การทดสอบนี้จะทำให้เรามองออกว่า คนชอบฟัง ชอบพูด ชอบเขียน ชอบอ่าน น่าจะเหมาะกับงานประเภทไหน ตีวงให้แคบลง พร้อมศึกษาพฤติกรรมของเขาอย่างใกล้ชิด
ถ้าเป็นเด็กอายุ ต่ำกว่า 12 ปี จะไม่อนุญาตให้ฟังผลการวิเคราะห์ศักยภาพต้นกำเนิด แต่ผู้ปกครอง สามารถรับฟังการวิเคราะห์พร้อมวิเคราะห์บุตรหลานของตน เพื่อรู้จักเขาให้มากขึ้น เข้าใจเขาให้มากขึ้น ว่าต้นกำเนิด (ตั้งแต่เกิด) เขามีลักษณะนิสัย อุปนิสัยอย่างไร ควรแนะนำส่งเสริมเขาด้านไหน การยกตัวอย่างเด็กจึงทำให้เราเห็นภาพได้ชัดเจน ซึ่งจริงๆ ผู้ใหญ่จะเข้ารับการถอดรหัสสมองต้นกำเนิดในตัวคุณด้วยก็ได้เช่นกัน ผมเข้ารับการวิเคราะห์มาแล้ว ผมเป็นพ่อ ผลของพ่อและลูกยังแตกต่างกัน เพราะเป็นศักยภาพต้นกำเนิด แต่ละคนติดตัวมาตั้งแต่เกิด
คนที่วิเคราะห์ตรงนี้ จะได้รับการอบรมอย่างเข้มข้น และมีนักวิทยาศาสตร์การแพทย์ ให้คำแนะนำและปรึกษาแนวทางและวิธีแก้ไข โดยมีนักจิตวิทยาเข้ามาช่วยแนะนำด้วย
รู้จักลายนิ้วมือ สิ่งที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด
การแสดงศักยภาพสมองต้นกำเนิดของบุคคล ด้วย Brain Scan ค้นหาศักยภาพสมองต้นกำเนิดของบุคคล
ข้อตกลงในการทำการตรวจสอบลายนิ้วมือ ผมได้พูดคุยกับทาง Brain Scan แล้ว เขาบอกว่า วันเดือนปีเกิด ไม่ได้มีผลต่อการคำนวณ เพราะไม่ใช่โหราศาสตร์ การทดสอบนี้ ไม่ได้บอกอนาคต แต่เป็นการบอก สิ่งที่เป็นต้นกำเนิดของแต่ละบุคคล แม้แต่การถ่ายทอดทางพันธุกรรม จากพ่อแม่ ขนาดฝาแฝด ยังเกิดมาเหมือนแค่หน้าตา แต่นิสัย พฤติกรรม ไม่เหมือนกัน อุปนิสัยแตกต่างกัน ทั้งที่สิ่งแวดล้อมเดียวกัน งานวิจัยค้นคว้าตั้งแต่ เกิดมา ต้นกำเนิดเป็นแบบนี้ ทางวิทยาศาสตร์ ลายนิ้วมือเป็นตัวแปรสำคัญ ที่วินิจฉัยได้ว่าคนนี้มีนิสัยแบบไหน เป็นคนแบบไหน หาช่องทางการเรียนรู้ ความถนัด จุดอ่อน จุดแข็ง
การทดสอบได้ทำ Brain Mapping เพื่อหาค่า TRC ค่าต้นกำเนิด จากการสแกนลายนิ้วมือ ทั้ง 10 นิ้ว เอาค่าทั้งหมดของมือขวารวมกัน และค่าทั้งหมดของมือซ้ายรวมกัน สมองซีกซ้าย ควบคุมร่างกายซีกขวา และสมองซีกขวา ควบคุมร่างกายซีกซ้าย
ลายนิ้วมือและการถอดรหัสจากนิ้วทั้ง 10 นิ้ว เท่าที่เข้าใจ คือ นิ้วโป้งสัมพันธ์กับสมองส่วนหน้าทำงานด้านจิตสำนึก การวางแผน การบริหารจัดการ ความจำ และการเข้าใจตนเองและผู้อื่น นิ้วชี้สัมพันธ์กับสมองกลีบหน้าส่วนหลังทำงานด้านความคิดไตร่ตรอง ตรรกะ ตัวเลข และการใช้ภาษา นิ้วกลาง เกี่ยวกับด้านการเคลื่อนไหวของร่างกาย นิ้วนาง ด้านการฟังและการเรียนรู้ด้านภาษา นิ้วก้อยด้านสายตาและการสังเกต
การวิเคราะห์ ดูผลจากลายนิ้วมือที่สแกนแล้วนำไปเข้าโปรแกรมถอดรหัสอีกทีจึงจะได้ตัวเลขออกมา ที่นี่เขาวัดค่าความคล่องตัวของกล้ามเนื้อมัดเล็กของนิ้วมือด้วย โดยมองตรงความคล่องตัวของกล้ามเนื้อมือ (ไม่พูดถึงการสั่งงานของสมอง) การพัฒนากล้คามเนื้อมัดเล็ก มีผลต่อความคล่องตัวในการหยิบจับสิ่งของ
ส่วนช่องทางการเรียนรู้คือโสตสัมผัส กายสัมผัส และจักษุสัมผัส อย่างผมจะชอบฟัง ไม่ชอบอ่าน เน้นใช้โสตสัมผัส กับกายสัมผัส เพื่อให้สมองตอบรับได้ดีที่สุด ก็คือการตอบรับผ่านร่างกาย มือผมจะอยู่ไม่สุข ตอนฟังก็ต้องทวิตสด จดไปด้วย หรือบันทึกเสียงแล้วค่อยมาถอดเทป
และนี่คือความรู้เรื่องลายนิ้วมือในการค้นหาศักยภาพของบุคคลครับ