เรื่อง ความฝันที่เป็นจริง ณ ดินแดนอโรร่า
พาฝันคือเด็กชายวัยสิบขวบรูปร่างผอมเล็ก ดวงตากลมโต ใบหน้ารูปไข่ จมูกโด่งคมสัน มองดูแล้วหน้าแบบนี้นับว่าเป็นเด็กผู้ชายที่หล่อเหลาเอาการ แกชอบส่งรอยยิ้มสวยงามให้ผู้คนรอบข้างอยู่เสมอ พาฝันเป็นเด็กอารมณ์ดีเป็นมิตรกับทุกคนในหมู่บ้าน คนในหมู่บ้านจึงชื่นชอบแกเช่นเดียวกับเพื่อนที่โรงเรียนต่างชื่นชอบแกกันทุกคน
พาฝันเป็นเด็กพิการขาลีบมาแต่กำเนิดทำให้เดินไม่ได้ ต้องนั่งรถเข็นตลอดเวลา แต่ด้วยความที่เป็นคนอัธยาศัยดีไปที่ไหนผู้คนก็ต้อนรับ แกมักจะได้ขนมอร่อยๆมากินแบบไม่ขาดมือเชียวนะ ของฟรีเสียด้วยนะ แกตอบแทนคนที่ให้ขนมแกได้ไม่มากนอกจากเอ่ยคำขอบคุณและตั้งใจเป็นเด็กดีของหมู่บ้าน
และถึงแม้ร่างกายจะพิการพาฝันก็ยังไปโรงเรียนเช่นเดียวกับคนปกติ ครูใหญ่ที่โรงเรียนใจดีรับพาฝันเข้ามาเรียนอย่างไม่แบ่งแยก คุณครูและนักเรียนในโรงเรียนก็ล้วนใจดีกันทุกคนไม่มีใครรังเกียจ มีแต่เต็มใจสอนและเต็มใจช่วยเหลือพาฝันเสมอ
พาฝันมีเพื่อนรักน่ารักอีกคนชื่อนัด เป็นเพื่อนรุ่นเดียวกับพาฝันและบ้านก็อยู่ติดกัน ทุกวันนัดจะทำหน้าเข็นรถวีลแชร์พาพาฝันมาโรงเรียน ภาพเพื่อนรัก คนหนึ่งเข็นรถส่วนคนที่นั่งอยู่บนรถเข็นก็ร้องเพลงไพเราะเสนาะหูให้เพื่อนฟัง ชาวบ้านในหมู่บ้านต่างลงความเห็นว่าเป็นภาพที่งดงามที่สุด แม้พวกเขาจะเห็นมันจนชินตาแล้วก็ตาม แต่ก็สร้างความประทับใจให้คนในหมู่บ้านไม่น้อย
รถวีลแชร์ที่พาฝันนั่งเป็นระบบควบคุมอัตโนมัติโดยผู้นั่งเอง แต่นัดยืนกรานว่าจะเป็นคนเข็นรถให้เพื่อนเพื่อความปลอดภัย นัดยังต่อท้ายอีกว่า เมื่อก่อนเขาทำหน้าที่เข็นรถให้มาตลอดพอได้รถเข็นอัตโนมัติก็คิดจะไล่เขา ซึ่งนั่นแหละนัดไม่ยอมหรอก พาฝันก็สุดจะห้าม แล้วแต่เพื่อนรักเถอะ เอาที่นัดสบายใจ
พาฝันเป็นเด็กหัวดีความจำดีจึงทำให้เรียนเก่ง ผิดกับนัดที่ต้องท่องจำเพิ่มเป็นสองเท่าของคนปกติจึงจะจำบทเรียนได้ขึ้นใจ เพื่อนๆที่โรงเรียนชื่นชอบพวกเขาทั้งสอง นัดแม้นเรียนไม่เก่งแต่เรื่องช่วยเหลือคนอื่น ไม่เคยน้อยหน้าใครเลยละ นัดเป็นเด็กมีน้ำใจใครๆในหมู่บ้านต่างรู้เรื่องนี้ดี
พาฝันถือได้ว่าเติบโตมาในสิ่งแวดล้อมที่ดี จึงทำให้ชีวิตของแกมีความสุขทุกวันแม้เป็นคนพิการแต่ก็ไม่ขาดแคลนความรัก หรือเรียกได้ว่าใจไม่ได้พิการตาม ไม่มีเรื่องอันใดเลยทำให้พาฝันเกิดความรู้สึกคับข้องใจที่เกิดมาเป็นเด็กพิการ
จะมีก็แต่….
ความฝันของพาฝันมีแต่นัดคนเดียวที่รู้ ความฝันนั้นก็คือ ….
พาฝันฝันอยากเป็นทหาร แต่แกพิการ เพียงแค่คิดก็ไม่มีสิทธ์แล้ว พาฝันใคร่คำนึงถึงข้อพบพร่องทางร่างกายอันไม่สมประกอบนี้
ทว่านัดเพื่อนรักของพาฝัน บอกพาฝันว่า
“ทำไมจะเป็นไม่ได้ล่ะ นายอยากเป็นทหารใช่ไหม ฉันรู้จักของสิ่งหนึ่งที่จะทำให้ความฝันของนายกลายเป็นจริง”
พาฝันตาโตลุกวาวปากตะโกนถามเพื่อน อะไรๆ ของสิ่งไหนบอกมานะ
นัดจึงดึงหนังสือเล่มหนึ่งออกมาจากกระเป๋านักเรียนแล้วยื่นให้พาฝัน
“นิทานเรื่อง
ความฝันที่เป็นจริง ณ ดินแดนอโรร่า” พาฝันอ่านชื่อหนังสือเสียงดัง
นัดพยักหน้าและพูดต่อว่า
“นายต้องอ่านนิทานเรื่องนี้ให้จบภายในคืนเดียว แล้วความฝันของนายจะเป็นจริง”
“จิ๊บๆน่า เล่มเล็กนิดเดียวฉันอ่านจบสบายอยู่แล้ว” พาฝันตอบกลับอย่างอารมณ์ดี หัวใจพาฝันพองโตเพียงนึกว่าอ่านนิทานเล่มนี้จบก็จะได้เป็นทหารสมใจ มันง่ายยิ่งกว่าปอกเปลือกทุเรียนเสียอีก(ครั้งหนึ่งพาฝันนั่งดูพ่อปอกเปลือกทุเรียนด้วยความยากลำบาก หนามทุเรียนทิ่มมือพ่อเกิดแผลหลายแผล และกว่าพ่อจะปอกเปลือกทุเรียนได้ก็เล่นเอาเละทั้งคนเละทั้งทุเรียน)
“ว่าแต่นาย อืม …คือ .. นายอ่านนิทานเรื่องนี้แล้วเหรอ?” พาฝันเอ่ยถามนัดให้แน่ใจ
“อ่อ คือว่า..ฉันเคยอ่านนะ แต่อ่านไม่เคยจบในคืนเดียว แบบว่าง่วงนอน และยังต้องเล่นเกมต่ออีก ฉันไม่ค่อยว่างน่ะ” นัดยักไหล่ไปด้วยขณะพูด
“อ้าว นายจะมั่นใจได้อย่างไรว่าความฝันจะเป็นจริง”
“ก็อเล็ก แซนดร้า โจนส์ คาน คูปเปอร์ ลูกพี่ลูกน้องฉันที่เป็นลูกครึ่งน่ะ นายจำได้ป่ะเคยมาเที่ยวที่นี่เมื่อสามปีก่อน”
พาฝันพยักหน้าเป็นการบอกว่าจำได้ …แล้วก็นัดพูดต่อ
“อ่านเรื่องนี้จบภายในคืนเดียว แล้วความฝันของเขาก็เป็นจริง”
“อเล็กแซนต้า โจร นานเปอร์ เขาฝันอยากเป็นอะไร” พาฝันขมวดคิ้วถามอย่างใคร่รู้
“นายพูดชื่อลูกพี่ลูกน้องฉันผิดนะ แต่ช่างเถอะ ฉันเองยังจำไม่ค่อยจะได้เลย เอาเป็นว่าเรียกอเล็กแล้วกัน อเล็กฝันอยากเป็นมังกร นายว่าบ้าไหมล่ะ? คนดีๆที่ไหนเค้าฝันอยากเป็นมังกรกัน”
พาฝันได้ยินเรื่องราวที่นัดเล่าถึงกับเบิกตากว้าง หัวใจเต้นระทึกและคงตื่นเต้นสุดๆ มือทั้งสองจับที่พักแขนแน่นขึ้น แกขยับเคลื่อนไหวร่างกายราวกับว่าจะลุกขึ้นยืน
“นายคงไม่คิดว่าตัวเองจะยืนได้หรอกนะ นั่งลงก่อน” นัดกดไหล่เพื่อนเบาๆ เพื่อสร้างความผ่อนคลายและไม่ให้เพื่อนตื่นตระหนกดีใจเกินกว่าเหตุ
“แล้ว แล้ว อเล็กได้เป็นมังกรหรือเปล่า” พาฝันเอ่ยถามตะกุกตะกักในใจตื่นเต้นจนบอกไม่ถูก
“แน่นอน ไม่มีอะไรหยุดความฝันเขาได้นิ เมื่อเขาอ่านนิทานจบในเวลาที่กำหนด”
“ว้าว เจ๋งเป้งเลย”
“ใช่ มันเจ๋งมาก” นัดพูดเสริมต่อ
“แล้ว แล้ว ทำไมเขาให้หนังสือเล่มนี้นายมาล่ะ ฉันคิดว่าเขาน่าจะหวงแหนมันน่าดูเลย” พาฝันเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“อเล็กบอกว่าหนังสือก็มีช่วงเวลาของมัน”
“หมายความว่าไง”
“คืองี้นะ… คนที่จะอ่านหนังสือนิทานเรื่องนี้ได้ และสามารถทำความฝันให้เป็นจริง จะต้องเป็นเด็กที่อายุไม่เกินสิบห้าปี ส่วนอเล็กน่ะสิบหกเข้าไปแล้ว..เขาเรียนม.ปลายแล้วนะ มันสุดยอดเลยอ่ะ อเล็กได้เป็นเด็กม.ปลายแล้ว ฉันก็อยากเป็นเด็กม.ปลายเหมือนกันนะนี่ … และนั่นแหละเหตุผลที่อเล็กเอาหนังสือนิทานเรื่องนี้มาให้ฉัน”
=====
จบส่วนที่หนึ่งค่ะ
ขอบคุณทุกท่านที่แวะเวียนมาอ่าน
ส่วนต่อไปขอต้อนรับสู่ดินแดนอโรร่าค่ะ อยากรู้ว่าเป็นอย่างไร โปรดติดตามนะคะ
ความฝันที่เป็นจริง ณ ดินแดนอโรร่า
เรื่อง ความฝันที่เป็นจริง ณ ดินแดนอโรร่า
พาฝันคือเด็กชายวัยสิบขวบรูปร่างผอมเล็ก ดวงตากลมโต ใบหน้ารูปไข่ จมูกโด่งคมสัน มองดูแล้วหน้าแบบนี้นับว่าเป็นเด็กผู้ชายที่หล่อเหลาเอาการ แกชอบส่งรอยยิ้มสวยงามให้ผู้คนรอบข้างอยู่เสมอ พาฝันเป็นเด็กอารมณ์ดีเป็นมิตรกับทุกคนในหมู่บ้าน คนในหมู่บ้านจึงชื่นชอบแกเช่นเดียวกับเพื่อนที่โรงเรียนต่างชื่นชอบแกกันทุกคน
พาฝันเป็นเด็กพิการขาลีบมาแต่กำเนิดทำให้เดินไม่ได้ ต้องนั่งรถเข็นตลอดเวลา แต่ด้วยความที่เป็นคนอัธยาศัยดีไปที่ไหนผู้คนก็ต้อนรับ แกมักจะได้ขนมอร่อยๆมากินแบบไม่ขาดมือเชียวนะ ของฟรีเสียด้วยนะ แกตอบแทนคนที่ให้ขนมแกได้ไม่มากนอกจากเอ่ยคำขอบคุณและตั้งใจเป็นเด็กดีของหมู่บ้าน
และถึงแม้ร่างกายจะพิการพาฝันก็ยังไปโรงเรียนเช่นเดียวกับคนปกติ ครูใหญ่ที่โรงเรียนใจดีรับพาฝันเข้ามาเรียนอย่างไม่แบ่งแยก คุณครูและนักเรียนในโรงเรียนก็ล้วนใจดีกันทุกคนไม่มีใครรังเกียจ มีแต่เต็มใจสอนและเต็มใจช่วยเหลือพาฝันเสมอ
พาฝันมีเพื่อนรักน่ารักอีกคนชื่อนัด เป็นเพื่อนรุ่นเดียวกับพาฝันและบ้านก็อยู่ติดกัน ทุกวันนัดจะทำหน้าเข็นรถวีลแชร์พาพาฝันมาโรงเรียน ภาพเพื่อนรัก คนหนึ่งเข็นรถส่วนคนที่นั่งอยู่บนรถเข็นก็ร้องเพลงไพเราะเสนาะหูให้เพื่อนฟัง ชาวบ้านในหมู่บ้านต่างลงความเห็นว่าเป็นภาพที่งดงามที่สุด แม้พวกเขาจะเห็นมันจนชินตาแล้วก็ตาม แต่ก็สร้างความประทับใจให้คนในหมู่บ้านไม่น้อย
รถวีลแชร์ที่พาฝันนั่งเป็นระบบควบคุมอัตโนมัติโดยผู้นั่งเอง แต่นัดยืนกรานว่าจะเป็นคนเข็นรถให้เพื่อนเพื่อความปลอดภัย นัดยังต่อท้ายอีกว่า เมื่อก่อนเขาทำหน้าที่เข็นรถให้มาตลอดพอได้รถเข็นอัตโนมัติก็คิดจะไล่เขา ซึ่งนั่นแหละนัดไม่ยอมหรอก พาฝันก็สุดจะห้าม แล้วแต่เพื่อนรักเถอะ เอาที่นัดสบายใจ
พาฝันเป็นเด็กหัวดีความจำดีจึงทำให้เรียนเก่ง ผิดกับนัดที่ต้องท่องจำเพิ่มเป็นสองเท่าของคนปกติจึงจะจำบทเรียนได้ขึ้นใจ เพื่อนๆที่โรงเรียนชื่นชอบพวกเขาทั้งสอง นัดแม้นเรียนไม่เก่งแต่เรื่องช่วยเหลือคนอื่น ไม่เคยน้อยหน้าใครเลยละ นัดเป็นเด็กมีน้ำใจใครๆในหมู่บ้านต่างรู้เรื่องนี้ดี
พาฝันถือได้ว่าเติบโตมาในสิ่งแวดล้อมที่ดี จึงทำให้ชีวิตของแกมีความสุขทุกวันแม้เป็นคนพิการแต่ก็ไม่ขาดแคลนความรัก หรือเรียกได้ว่าใจไม่ได้พิการตาม ไม่มีเรื่องอันใดเลยทำให้พาฝันเกิดความรู้สึกคับข้องใจที่เกิดมาเป็นเด็กพิการ
จะมีก็แต่….
ความฝันของพาฝันมีแต่นัดคนเดียวที่รู้ ความฝันนั้นก็คือ ….
พาฝันฝันอยากเป็นทหาร แต่แกพิการ เพียงแค่คิดก็ไม่มีสิทธ์แล้ว พาฝันใคร่คำนึงถึงข้อพบพร่องทางร่างกายอันไม่สมประกอบนี้
ทว่านัดเพื่อนรักของพาฝัน บอกพาฝันว่า
“ทำไมจะเป็นไม่ได้ล่ะ นายอยากเป็นทหารใช่ไหม ฉันรู้จักของสิ่งหนึ่งที่จะทำให้ความฝันของนายกลายเป็นจริง”
พาฝันตาโตลุกวาวปากตะโกนถามเพื่อน อะไรๆ ของสิ่งไหนบอกมานะ
นัดจึงดึงหนังสือเล่มหนึ่งออกมาจากกระเป๋านักเรียนแล้วยื่นให้พาฝัน
“นิทานเรื่องความฝันที่เป็นจริง ณ ดินแดนอโรร่า” พาฝันอ่านชื่อหนังสือเสียงดัง
นัดพยักหน้าและพูดต่อว่า
“นายต้องอ่านนิทานเรื่องนี้ให้จบภายในคืนเดียว แล้วความฝันของนายจะเป็นจริง”
“จิ๊บๆน่า เล่มเล็กนิดเดียวฉันอ่านจบสบายอยู่แล้ว” พาฝันตอบกลับอย่างอารมณ์ดี หัวใจพาฝันพองโตเพียงนึกว่าอ่านนิทานเล่มนี้จบก็จะได้เป็นทหารสมใจ มันง่ายยิ่งกว่าปอกเปลือกทุเรียนเสียอีก(ครั้งหนึ่งพาฝันนั่งดูพ่อปอกเปลือกทุเรียนด้วยความยากลำบาก หนามทุเรียนทิ่มมือพ่อเกิดแผลหลายแผล และกว่าพ่อจะปอกเปลือกทุเรียนได้ก็เล่นเอาเละทั้งคนเละทั้งทุเรียน)
“ว่าแต่นาย อืม …คือ .. นายอ่านนิทานเรื่องนี้แล้วเหรอ?” พาฝันเอ่ยถามนัดให้แน่ใจ
“อ่อ คือว่า..ฉันเคยอ่านนะ แต่อ่านไม่เคยจบในคืนเดียว แบบว่าง่วงนอน และยังต้องเล่นเกมต่ออีก ฉันไม่ค่อยว่างน่ะ” นัดยักไหล่ไปด้วยขณะพูด
“อ้าว นายจะมั่นใจได้อย่างไรว่าความฝันจะเป็นจริง”
“ก็อเล็ก แซนดร้า โจนส์ คาน คูปเปอร์ ลูกพี่ลูกน้องฉันที่เป็นลูกครึ่งน่ะ นายจำได้ป่ะเคยมาเที่ยวที่นี่เมื่อสามปีก่อน”
พาฝันพยักหน้าเป็นการบอกว่าจำได้ …แล้วก็นัดพูดต่อ
“อ่านเรื่องนี้จบภายในคืนเดียว แล้วความฝันของเขาก็เป็นจริง”
“อเล็กแซนต้า โจร นานเปอร์ เขาฝันอยากเป็นอะไร” พาฝันขมวดคิ้วถามอย่างใคร่รู้
“นายพูดชื่อลูกพี่ลูกน้องฉันผิดนะ แต่ช่างเถอะ ฉันเองยังจำไม่ค่อยจะได้เลย เอาเป็นว่าเรียกอเล็กแล้วกัน อเล็กฝันอยากเป็นมังกร นายว่าบ้าไหมล่ะ? คนดีๆที่ไหนเค้าฝันอยากเป็นมังกรกัน”
พาฝันได้ยินเรื่องราวที่นัดเล่าถึงกับเบิกตากว้าง หัวใจเต้นระทึกและคงตื่นเต้นสุดๆ มือทั้งสองจับที่พักแขนแน่นขึ้น แกขยับเคลื่อนไหวร่างกายราวกับว่าจะลุกขึ้นยืน
“นายคงไม่คิดว่าตัวเองจะยืนได้หรอกนะ นั่งลงก่อน” นัดกดไหล่เพื่อนเบาๆ เพื่อสร้างความผ่อนคลายและไม่ให้เพื่อนตื่นตระหนกดีใจเกินกว่าเหตุ
“แล้ว แล้ว อเล็กได้เป็นมังกรหรือเปล่า” พาฝันเอ่ยถามตะกุกตะกักในใจตื่นเต้นจนบอกไม่ถูก
“แน่นอน ไม่มีอะไรหยุดความฝันเขาได้นิ เมื่อเขาอ่านนิทานจบในเวลาที่กำหนด”
“ว้าว เจ๋งเป้งเลย”
“ใช่ มันเจ๋งมาก” นัดพูดเสริมต่อ
“แล้ว แล้ว ทำไมเขาให้หนังสือเล่มนี้นายมาล่ะ ฉันคิดว่าเขาน่าจะหวงแหนมันน่าดูเลย” พาฝันเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“อเล็กบอกว่าหนังสือก็มีช่วงเวลาของมัน”
“หมายความว่าไง”
“คืองี้นะ… คนที่จะอ่านหนังสือนิทานเรื่องนี้ได้ และสามารถทำความฝันให้เป็นจริง จะต้องเป็นเด็กที่อายุไม่เกินสิบห้าปี ส่วนอเล็กน่ะสิบหกเข้าไปแล้ว..เขาเรียนม.ปลายแล้วนะ มันสุดยอดเลยอ่ะ อเล็กได้เป็นเด็กม.ปลายแล้ว ฉันก็อยากเป็นเด็กม.ปลายเหมือนกันนะนี่ … และนั่นแหละเหตุผลที่อเล็กเอาหนังสือนิทานเรื่องนี้มาให้ฉัน”
จบส่วนที่หนึ่งค่ะ
ขอบคุณทุกท่านที่แวะเวียนมาอ่าน
ส่วนต่อไปขอต้อนรับสู่ดินแดนอโรร่าค่ะ อยากรู้ว่าเป็นอย่างไร โปรดติดตามนะคะ