ง่ายจะตาย
เพราะยุคก่อนทักษิณ ประชาธิปไตยมัน กินไม่ได้น่ะซิครับ
ยุคก่อนทักษิณ ประชาธิปไตยมันไม่ได้สร้างประโยชน์กับประชาชนแบบ "ถึงลูกถึงคน" เท่าแบบทักษิณนี่นา
ของเค้าดีๆทั้งนั้น...
30 บาท รักษาทุกโรคเอย กองทุนหมู่บ้านเอย ลดหนี้ พักชำระหนี้เกษตรกรเอย บัครเครดิตเกษตรกร ฯลฯ
ใครไม่ชอบก็บ้าแล้ว !
นี่ไง... ประชาธิปไตยกินได้
คนสมัยนี้เขาไม่สนหรอกนะ
เจตนารมย์ของประชาธิปไตยอะไรน่ะ ฟังไม่รู้เรื่อง
จริยธรรม อะไรฟังแล้วแสลงหู
ธรรมาภิบาล แปลว่าอิหยังว่ะ
ยิ่งวินัยการเงิน การคลังอะไรน่ะ...วู้ ไม่สนเว้ย บ่ฮู้ บ่หัน
สู้อะไรที่มัน หยิบกินได้ ดีกว่า
เอามือความๆไปตามพื้นดิน เดี๋ยวก็เจอเอง เศษ"ประชาธิปไตยกินได้" จากภาครัฐมันโปรยมา
ดีใจแทบตาย นานๆเจอของฟรี
ดีไหม แบบนี้...อาจจะไม่
คนไทย ต้องมารอรับ เศษ"ประชาธิปไตยกินได้" อย่างนี้ มันน่าภูมิใจไหม...อาจจะไม่
แต่ที่แน่ๆคนไทยชอบ
เพราะสมัยก่อน เอามือควานไปตามดิน ไม่เจออะไรเลย
เจอแต่ เจตนารมย์ของรัฐธรรมนูญ และประชาธิปไตย...ลองหยิบเข้าปากดู...กินไม่ได้นี่หว่า
บางวันเจอ จริยธรรม ศีลธรรม หล่นกระจาย ลองหยิบเข้าปากเคี้ยวๆ...กินไม่ได้นี่หว่า
บางวันหนักเข้าไปใหญ่ เจอ วินัยทางการเงินการคลัง และธรรมาภิบาล...ไม่กล้ากิน
ไม่มีอะไรทำให้อิ่มท้องเลยซักอย่าง !
ท้ายที่สุดแล้ว...อะไรที่กินได้ และฟรี
ย่อมเป็นที่พึงปรารถนาของประเชาชนที่แร้งแค้น หิวโหยอย่างคนไทย โดยไม่ต้องเจือปนสารเสพย์ติดใดๆ
แค่ฟรีอย่างเดียว คนก็กรี๊ดสลบแล้ว
ดังนั้น จงอย่าไปหวังความเจริญงอกงามอย่างยั่งยืน อย่าไปเรียกหาจริยธรรม และธรรมาภิบาล
ไม่ต้องไปสนใจ เจตนารมย์ของประชาธิปไตย
และช่วย "ถีบ" ศีลธรรมไปไกลๆ และลาก จริยธรรมไปลงถังขยะ ซะ
เพราะมันกินไม่ได้ มันไร้ความหมาย และ ไม่อิ่มท้องเหมือน "ประชาธิปไตยกินได้"
เพราะเราหิวโหยกันมาก อดโซกันมามากนี่เอง
ประชาธิปไตยวันนี้ มันถึง "ต้องกินได้" ด้วย
เรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร เห็นกันหรือยัง
ทำไมยุคนี้ เขาเรียกร้อง "ประชาธิปไตยกินได้"
เพราะยุคก่อนทักษิณ ประชาธิปไตยมัน กินไม่ได้น่ะซิครับ
ยุคก่อนทักษิณ ประชาธิปไตยมันไม่ได้สร้างประโยชน์กับประชาชนแบบ "ถึงลูกถึงคน" เท่าแบบทักษิณนี่นา
ของเค้าดีๆทั้งนั้น...
30 บาท รักษาทุกโรคเอย กองทุนหมู่บ้านเอย ลดหนี้ พักชำระหนี้เกษตรกรเอย บัครเครดิตเกษตรกร ฯลฯ
ใครไม่ชอบก็บ้าแล้ว !
นี่ไง... ประชาธิปไตยกินได้
คนสมัยนี้เขาไม่สนหรอกนะ
เจตนารมย์ของประชาธิปไตยอะไรน่ะ ฟังไม่รู้เรื่อง
จริยธรรม อะไรฟังแล้วแสลงหู
ธรรมาภิบาล แปลว่าอิหยังว่ะ
ยิ่งวินัยการเงิน การคลังอะไรน่ะ...วู้ ไม่สนเว้ย บ่ฮู้ บ่หัน
สู้อะไรที่มัน หยิบกินได้ ดีกว่า
เอามือความๆไปตามพื้นดิน เดี๋ยวก็เจอเอง เศษ"ประชาธิปไตยกินได้" จากภาครัฐมันโปรยมา
ดีใจแทบตาย นานๆเจอของฟรี
ดีไหม แบบนี้...อาจจะไม่
คนไทย ต้องมารอรับ เศษ"ประชาธิปไตยกินได้" อย่างนี้ มันน่าภูมิใจไหม...อาจจะไม่
แต่ที่แน่ๆคนไทยชอบ
เพราะสมัยก่อน เอามือควานไปตามดิน ไม่เจออะไรเลย
เจอแต่ เจตนารมย์ของรัฐธรรมนูญ และประชาธิปไตย...ลองหยิบเข้าปากดู...กินไม่ได้นี่หว่า
บางวันเจอ จริยธรรม ศีลธรรม หล่นกระจาย ลองหยิบเข้าปากเคี้ยวๆ...กินไม่ได้นี่หว่า
บางวันหนักเข้าไปใหญ่ เจอ วินัยทางการเงินการคลัง และธรรมาภิบาล...ไม่กล้ากิน
ไม่มีอะไรทำให้อิ่มท้องเลยซักอย่าง !
ท้ายที่สุดแล้ว...อะไรที่กินได้ และฟรี
ย่อมเป็นที่พึงปรารถนาของประเชาชนที่แร้งแค้น หิวโหยอย่างคนไทย โดยไม่ต้องเจือปนสารเสพย์ติดใดๆ
แค่ฟรีอย่างเดียว คนก็กรี๊ดสลบแล้ว
ดังนั้น จงอย่าไปหวังความเจริญงอกงามอย่างยั่งยืน อย่าไปเรียกหาจริยธรรม และธรรมาภิบาล
ไม่ต้องไปสนใจ เจตนารมย์ของประชาธิปไตย
และช่วย "ถีบ" ศีลธรรมไปไกลๆ และลาก จริยธรรมไปลงถังขยะ ซะ
เพราะมันกินไม่ได้ มันไร้ความหมาย และ ไม่อิ่มท้องเหมือน "ประชาธิปไตยกินได้"
เพราะเราหิวโหยกันมาก อดโซกันมามากนี่เอง
ประชาธิปไตยวันนี้ มันถึง "ต้องกินได้" ด้วย
เรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร เห็นกันหรือยัง